ละคร บนพระจันทร์มีกระต่าย 2568 ละครแนวความรักดราม่า ของช่องวัน 31 เริ่มตอนแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 เรื่องราวมุ่งสำรวจความรักที่ทุกคนมีสิทธิ์เลือก แต่ถูกท้าทายด้วยเงิน ครอบครัว และการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี
เรื่องราวเริ่มต้นจาก “จิระ” หนุ่มบาร์โฮสต์สุดฮอตที่มีเสน่ห์และค่าตัวแพง เขาได้พบและเกิดความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับ “พิชชา” คุณหนูไฮโซที่ไม่ต้องการผูกมัด แต่จิระกลับลืมเธอไม่ลง เมื่อทั้งคู่กลับสู่โลกแห่งความจริง พิชชาค้นพบว่าจิระคือบาร์โฮสต์ตัวท็อป ซึ่งทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับอคติและความซับซ้อนของสถานะทางสังคม
พิชชาต้องการพิสูจน์ตัวเองในครอบครัวด้วยการปิดดีลธุรกิจที่ดินมูลค่าหลายล้าน เธอจึงใช้จิระเป็นเครื่องมือในการเจรจากับ “แอนนิต้า” นักธุรกิจสาวชาวจีนระดับ VIP ที่สนใจในตัวจิระ ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งและการตัดสินใจที่ยากลำบาก เมื่อความรักของจิระและพิชชาถูกทดสอบด้วยผลประโยชน์ อำนาจ และความรู้สึกที่แท้จริง ขณะที่แอนนิต้าก็พยายามครอบครองจิระด้วยข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ เช่น การชวนไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้ด้วยค่าตัวมหาศาล
ละครนำเสนอคำถามว่า “รักที่มีสิทธิ์เลือก” จะเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อทุกตัวละครต้องเผชิญกับการตัดสินใจระหว่าง รัก เงิน ครอบครัว และการเอาชนะ ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากผลประโยชน์จะพัฒนาไปสู่ความรักที่แท้จริง หรือจบลงด้วยการสูญเสีย?
ตัวละครหลักของละคร
• จิระ (ไบร์ท นรภัทร): บาร์โฮสต์ที่มีความมั่นใจและรู้ทันคน แต่ซ่อนความเปราะบางและความหวังในความรักที่แท้จริง
• พิชชา (เก้า สุภัสสรา): หญิงสาวจากครอบครัวไฮโซที่ต้องการพิสูจน์ตัวเอง แต่ต้องต่อสู้กับอคติและความกดดันจากครอบครัว
• แอนนิต้า (บี น้ำทิพย์): นักธุรกิจสาวที่ประสบความสำเร็จแต่ขาดความอบอุ่น เธอใช้เงินและอำนาจเพื่อควบคุมสิ่งที่ต้องการ
ต่อไปนี้คือมุมมองทั่วไปจุดเด่นและภาพรวมของละครในด้านต่างๆ เช่น เนื้อเรื่อง การแสดง การกำกับ และการตอบรับจากผู้ชม
บนพระจันทร์มีกระต่าย เป็นละครแนวโรแมนติกดราม่าที่เล่าเรื่องราวความรักข้ามชนชั้นระหว่าง จิระ (ไบร์ท นรภัทร) บาร์โฮสต์หนุ่มที่มีเสน่ห์แต่ถูกตีตราจากสังคม และ พิชชา (เก้า สุภัสสรา) คุณหนูไฮโซที่ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เรื่องราวซับซ้อนด้วยตัวละครอย่าง แอนนิต้า (บี น้ำทิพย์) นักธุรกิจสาวที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ ละครนำเสนอประเด็นความรัก เงิน อำนาจ และศักดิ์ศรี ผ่านพล็อตที่เข้มข้นและตัวละครที่มีมิติ
(จุดเด่น)
เนื้อเรื่องที่เข้มข้นและทันสมัย
ละครนำเสนอประเด็นที่สะท้อนสังคม เช่น ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น อคติต่ออาชีพบาร์โฮสต์ และการต่อสู้เพื่อยอมรับในตัวตน เรื่องราวมีความสมจริงและไม่ตัดสินตัวละคร ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินและเห็นใจทุกฝ่าย การเล่าเรื่องมีความสมดุลระหว่างความโรแมนติกและดราม่า โดยเฉพาะฉากที่ตัวละครต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก เช่น การเลือกระหว่างเงินกับความรัก หรือการยอมเสียสละเพื่อคนที่รัก
สัญลักษณ์ “กระต่ายบนพระจันทร์” ถูกใช้อย่างชาญฉลาดเพื่อเปรียบเปรยความรักที่สวยงามแต่ยากจะเอื้อม ซึ่งเพิ่มความลึกให้กับเนื้อหา
การแสดงที่ยอดเยี่ยม
ไบร์ท นรภัทร (จิระ): ไบร์ทถ่ายทอดบทบาร์โฮสต์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งเสน่ห์ในฉากที่ต้องโชว์ความมั่นใจและความเปราะบางในฉากดราม่า เช่น ฉากที่จิระเล่าถึงอดีตใน EP.4 หรือฉากปะทะอารมณ์กับพิชชาใน EP.6 ทำให้ตัวละครมีมิติและน่าติดตาม
เก้า สุภัสสรา (พิชชา): เก้าสามารถแสดงความขัดแย้งภายในของพิชชาได้ดี ทั้งความแข็งแกร่งในฐานะหญิงสาวที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองและความอ่อนไหวเมื่อเผชิญหน้ากับความรัก เคมีกับไบร์ทในฉากโรแมนติกและปะทะคารมเป็นจุดขายที่แฟนๆ ชื่นชอบ
บี น้ำทิพย์ (แอนนิต้า): บีขโมยซีนในบทนักธุรกิจสาวที่ทั้งร้ายและน่าสงสาร เธอแสดงออกถึงความมั่นใจและความเหงาได้อย่างลงตัว ทำให้แอนนิต้าไม่ใช่แค่ตัวร้ายทั่วไป แต่เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน
ตัวละครสมทบ เช่น ครอบครัวของพิชชาและเพื่อนของจิระ ก็มีบทบาทที่ช่วยเสริมเรื่องราวให้สมบูรณ์
เคมีคู่พระนาง
ความสัมพันธ์ของจิระและพิชชาเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ชมติดหนึบ ทั้งฉากหวาน เช่น การเผยความรู้สึกใน EP.5 และฉากดราม่าที่ทั้งคู่ปะทะกันใน EP.6 ความตึงเครียดและความหวานปนขมทำให้คู่พระนางน่าลุ้นว่าจะลงเอยอย่างไร
งานภาพและการกำกับ
ภาพในละครสวยงาม โดยเฉพาะฉากที่ใช้แสงจันทร์และโทนสีเย็นเพื่อสื่อถึงความเหงาและความฝัน การถ่ายทอดฉากกลางคืนในโลกของบาร์โฮสต์และฉากไฮโซในแมนชั่นของพิชชาทำได้สมจริง การกำกับจังหวะดี ฉากดราม่าและโรแมนติกถูกจัดวางอย่างลงตัว ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป เพลงประกอบ เช่น เพลง “TO THE MOON – KENG HARIT ” ที่ใช้ในฉากสำคัญ ช่วยเสริมอารมณ์ได้ดี
กระแสตอบรับ
จากโพสต์บนโซเซียลและแฟนเพจของช่องวัน ละครได้รับคำชื่นชมตั้งแต่ 2 ตอนแรก โดยเฉพาะเคมีของไบร์ทและเก้า และการแสดงของบี น้ำทิพย์ ผู้ชมชื่นชอบที่ละครกล้าพูดถึงอาชีพบาร์โฮสต์อย่างไม่ตีตราหรือลดทอนคุณค่าของตัวละคร แฮชแท็ก #บนพระจันทร์มีกระต่าย ติดเทรนด์ในโซเซียลเกือบทุกสัปดาห์หลังออกอากาศ แสดงถึงความนิยมและการมีส่วนร่วมของผู้ชม
ผู้ชมส่วนใหญ่ชื่นชอบความกล้าของละครที่หยิบประเด็นอาชีพบาร์โฮสต์มาเล่าในแง่มุมที่เป็นมนุษย์ แทนที่จะตีตราหรือทำให้เป็นตัวตลก การแสดงของนักแสดงนำทั้งสามคนได้รับคำชมอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะฉากดราม่าใน EP.6 และ EP.7 ที่ทำให้แฟนๆ พูดถึงในโซเซียลอย่างกว้างขวาง
คะแนนรวม 8.5/10 (จาก sence9.com)
บนพระจันทร์มีกระต่าย เป็นละครที่ทำได้ดีในแง่ของการเล่าเรื่องที่ทันสมัยและการแสดงที่ทรงพลัง เคมีของคู่พระนางและการถ่ายทอดประเด็นสังคมทำให้ละครน่าติดตาม แม้ว่าจะมีจุดที่คาดเดาได้และตัวละครสมทบที่ยังไม่เด่นชัด แต่โดยรวมแล้วเป็นละครที่ครบรสทั้งความโรแมนติก ดราม่า และข้อคิด เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครที่มีทั้งความสนุกและสาระ
ละครเน้นการสำรวจ ความรักที่ข้ามพรมแดนของชนชั้น และ การต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีส่วนบุคคล ผ่านตัวละครที่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ท้าทาย มีการวิพากษ์ค่านิยมทางสังคม เช่น การดูถูกอาชีพบาร์โฮสต์ หรือความเหลื่อมล้ำทางฐานะ นอกจากนี้ยังเปรียบเทียบความรักของจิระและพิชชากับนิทาน “กระต่ายหมายจันทร์” ที่สะท้อนความรักที่ยากจะสมหวัง
ละครวิพากษ์เรื่องชนชั้น อคติต่ออาชีพ และการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ทำให้เนื้อหามีความลึกและสะท้อนความจริง สัญลักษณ์ “กระต่ายบนพระจันทร์” ใช้เปรียบเปรยความรักของจิระและพิชชาที่สวยงามแต่ยากจะสมหวัง ซึ่งปรากฏในหลายฉากสำคัญ เช่น ฉากที่จิระมองพระจันทร์หรือเมื่อทั้งคู่พูดถึงความฝัน
หากคุณชอบละครที่เน้นเคมีคู่พระนางและประเด็นดราม่าสังคม เรื่องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง โดยเฉพาะฉากใน EP.5-7 ที่เป็นจุดพีคของความสัมพันธ์ ผู้ที่ไม่ชอบพล็อตสูตรสำเร็จอาจต้องรอตอนต่อๆ ไปเพื่อดูว่าละครจะมีจุดพลิกผันที่แปลกใหม่หรือไม่
ตื่นเต้นและลุ้นไปกับเคมีของคู่พระนาง แฟนๆ ในโซเซียลมักโพสต์ถึงฉากโรแมนติกด้วยอิโมจิหัวใจและคำว่า “เคมีปังมาก!” ทำให้เห็นว่าความรู้สึกตื่นเต้นนี้เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง
ความรู้สึกการดู จิระ (ไบร์ท นรภัทร) และ พิชชา (เก้า สุภัสสรา) ทำให้ใจเต้นแรงและลุ้นตลอดเวลา เคมีของทั้งคู่เหมือนไฟที่ค่อยๆ ลุกไหม้ ตั้งแต่ฉากแรกที่เจอกันแบบไม่ตั้งตัวใน EP.1 ไปจนถึงฉากปะทะอารมณ์ใน EP.6 ทุกครั้งที่ทั้งคู่มองตากันหรือเผยความรู้สึก มันเหมือนถูกดูดเข้าไปในโลกของพวกเขา
อินและสะเทือนใจกับดราม่า “ดูแล้วร้องไห้ตาม” “จิระน่าสงสารมาก” ซึ่งสะท้อนว่าดราม่าในเรื่องนี้กระทบใจผู้ชมอย่างมาก
ละครมีฉากดราม่าที่บีบหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็น จิระ เผชิญหน้ากับการถูกดูถูกจากสังคมและครอบครัวของพิชชา การที่เขาเป็นบาร์โฮสต์ทำให้ต้องแบกรับคำตัดสินจากคนรอบข้าง ซึ่งทำให้รู้สึกสงสารและอยากเอาใจช่วย ฉากใน EP.4 ที่จิระเล่าถึงอดีตของตัวเอง หรือ EP.7 ที่เขามองพระจันทร์และพูดถึง “กระต่าย” นั้นชวนน้ำตาซึม เพราะสัมผัสได้ถึงความเปราะบางและความหวังที่ริบหรี่
ฉากที่แอนนิต้าใช้ทั้งเงินและอารมณ์เพื่อครอบครองจิระ “บีเล่นดีจนเกลียดไม่ลง” แสดงถึงความประทับใจในตัวละครนี้
ความรู้สึกการดู แอนนิต้า (บี น้ำทิพย์) ทำให้รู้สึกทั้งหมั่นไส้และน่าสงสารในเวลาเดียวกัน เธอเป็นตัวละครที่ร้ายแต่มีเหตุผล มีทั้งความมั่นใจและความเหงาซ่อนอยู่ การแสดงของบีทำให้รู้สึกทึ่ง เพราะสามารถถ่ายทอดความซับซ้อนของตัวละครได้ดี ทุกครั้งที่แอนนิต้าปรากฏตัว มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้อยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อ
สะท้อนใจกับประเด็นสังคม “ละครเรื่องนี้ทำให้คิดถึงค่านิยมในสังคม” หรือ “อยากให้คนดูเปิดใจเรื่องอาชีพแบบจิระ” ซึ่งแสดงถึงผลกระทบทางความคิดที่ละครสร้างขึ้น
ละครทำให้รู้สึกฉุกคิดถึงประเด็นในสังคม เช่น การตีตราอาชีพ ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น และการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี การที่ละครนำเสนออาชีพบาร์โฮสต์ในมุมที่เป็นมนุษย์ แทนที่จะทำให้เป็นตัวตลกหรือตัวร้าย ทำให้รู้สึกชื่นชมในความกล้าและความละเอียดอ่อนของบท
ผสมผสานความหวานและความเครียด “ลุ้นจนนอนไม่หลับ” หลังดูตอนที่ทิ้งปมใหญ่
ละครมีทั้งโมเมนต์ที่ทำให้ยิ้มได้ เช่น ฉากที่จิระแกล้งพิชชาใน EP.2 และฉากที่ทำให้เครียด เช่น การตัดสินใจครั้งใหญ่ของจิระใน EP.7 ความสมดุลระหว่างความหวานและดราม่าทำให้ไม่รู้สึกหนักหรือเบาจนเกินไป
โดยรวมแล้ว ละคร บนพระจันทร์มีกระต่าย เหมือนการเดินทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความตื่นเต้นกับเคมีของคู่พระนาง ความสะเทือนใจกับดราม่าของตัวละคร ความชื่นชมในมิติของบทและการแสดง ไปจนถึงการฉุกคิดถึงค่านิยมในสังคม ละครเรื่องนี้ทำให้รู้สึกทั้งหัวใจพองโตและบีบรัดในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นตัวละครต่อสู้เพื่อความรักและศักดิ์ศรีท่ามกลางอุปสรรค เป็นละครที่ไม่เพียงแค่ให้ความบันเทิง แต่ยังทิ้งรอยประทับทางความรู้สึกและความคิดไว้ด้วย
ละคร บนพระจันทร์มีกระต่าย 2568
ละคร บนพระจันทร์มีกระต่าย 2568 EP.1-8ONED
ซีน ละคร บนพระจันทร์มีกระต่าย 2568
ละคร บนพระจันทร์มีกระต่าย 2568
เรื่องราวของหนุ่มบาร์โฮสต์สุดฮอต จิระ (ไบร์ท นรภัทร) ที่บังเอิญเกิดสปาร์กความสัมพันธ์กับคุณหนูไฮโซ พิชชา (เก้า สุภัสสรา) ที่เธอไม่คิดจะผูกมัด แต่เขากลับจำไม่ลืม
เมื่อกลับเข้าสู่โลกความจริง พิชชากลับพบว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นหนุ่มบาร์โฮสต์ตัวท็อปค่าตัวแพงลิบ ที่เธอต้องใช้จิระเป็นข้อแลกเปลี่ยนสำคัญกับ แอนนิต้า (บี น้ำทิพย์) นักธุรกิจสาวชาวจีนระดับ VIP ที่พิชชาต้องดีลธุรกิจที่ดินมูลค่าหลายล้านให้สำเร็จ เพื่อให้เธอได้รับการยอมรับจากครอบครัว แต่การร่วมงานของทั้งสามกลับกลายเป็นจุดสตาร์ตความสัมพันธ์ที่ต้องเลือก
เมื่อเธอและเขายอมแลกทุกอย่างเพื่อความรัก ในขณะที่อีกคนใช้อำนาจเงินเพื่อแลกกับทุกสิ่ง สุดท้ายรักที่ต้องเลือก จะเป็น “รักที่มีสิทธิ์เลือก” ได้อย่างไร ? มาร่วมพิสูจน์มหัศจรรย์แห่งนิยามรักของเขาและเธอไปพร้อมกันได้ใน บนพระจันทร์มีกระต่าย
ผู้กำกับ : กู่ เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข
เขียนบท : เจี๊ยบ วรรธนา วีรยวรรธน
ผู้จัด : ป้อน นิพนธ์ ผิวเณร
ผลิตโดย : ช่องวัน31
นักแสดง
→ นรภัทร วิไลพันธุ์ รับบท จิระ

จิระเป็นบาร์โฮสต์หนุ่มสุดฮอตในคลับหรู ค่าตัวแพงและเป็นที่ต้องการของลูกค้าชั้นสูง อาชีพนี้ทำให้เขาเผชิญกับอคติจากสังคม แต่ก็เป็นทางเลือกที่เขาใช้เพื่อเอาตัวรอดและสร้างชีวิตที่ดีขึ้น อดีตจิระมีปมในใจจากครอบครัวที่ทิ้งเขาในวัยเด็ก ทำให้เขาต้องพึ่งพาตัวเองมาตลอด อดีตนี้กำหนดให้เขาเป็นคนที่ทั้งแข็งแกร่งและเปราะบาง
จิระเป็นพระเอกที่ไม่สมบูรณ์แบบ เขาเป็นตัวแทนของคนที่ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและความรักท่ามกลางการตีตราจากสังคม ความสัมพันธ์ของเขากับ พิชชา (เก้า สุภัสสรา) และการเผชิญหน้ากับ แอนนิต้า (บี น้ำทิพย์) เป็นแกนหลักที่ขับเคลื่อนเรื่องราว
บุคลิกและลักษณะเด่น
เสน่ห์และความมั่นใจ จิระมีบุคลิกที่ดึงดูดใจ เขามีความมั่นใจในตัวเอง รู้วิธีจัดการกับลูกค้า และมีทักษะในการอ่านคน ฉากในคลับ (เช่น EP.1) แสดงให้เห็นว่าเขาคือ “ดาวเด่น” ที่ทุกคนจับตามอง นรภัทรถ่ายทอดความมั่นใจนี้ผ่านรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ
ความเปราะบาง ภายใต้เปลือกที่แข็งแกร่ง จิระซ่อนความรู้สึกด้อยค่าและความกลัวที่จะไม่ถูกรักอย่างแท้จริง ฉากที่เขาพูดถึงอดีตหรือมองพระจันทร์ (EP.7) เผยให้เห็นด้านที่อ่อนไหว ซึ่งนรภัทรแสดงออกผ่านสีหน้าและน้ำเสียงที่สื่อถึงความเจ็บปวด
ความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก จิระเป็นคนที่จริงใจกับความรัก แม้จะอยู่ในอาชีพที่ต้อง “ขายเสน่ห์” แต่เขากลับให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่แท้จริง เช่น การที่เขาค่อยๆ ตกหลุมรักพิชชาและปฏิเสธข้อเสนอของแอนนิต้าในบางครั้ง
ความขัดแย้งภายใน จิระต้องต่อสู้กับความรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับพิชชา เนื่องจากสถานะทางสังคมและอาชีพของเขา เขามักตั้งคำถามถึงคุณค่าของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพัน
การแสดงของนรภัทร วิไลพันธุ์
จุดเด่น นรภัทรนำเสนอจิระด้วยความสมดุลระหว่างความมั่นใจและความเปราะบาง เขาใช้สายตาและน้ำเสียงในการถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะในฉากดราม่า เช่น ฉากที่จิระเผยอดีตใน หรือฉากที่เขาปะทะกับพิชชาการแสดงของเขาทำให้จิระเป็นตัวละครที่ทั้งน่าดึงดูดและน่าสงสาร
เคมีของนรภัทรกับเก้า สุภัสสรา (พิชชา) เป็นจุดขายของละคร ฉากที่ทั้งคู่มองตากันหรือทะเลาะกันนั้นเต็มไปด้วยพลัง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความรักที่ซับซ้อนของตัวละคร กระแสแฟนๆ ในโซเซียลชื่นชมนรภัทรอย่างมาก โดยเฉพาะการแสดงในฉากสะเทือนใจ คอมเมนต์เช่น “ไบร์ทเล่นดีจนน้ำตาไหล” หรือ “จิระคือพระเอกที่ไม่เหมือนใคร” สะท้อนว่าการแสดงของเขาสร้างผลกระทบต่อผู้ชม
จิระถูกเปรียบเทียบกับ “กระต่ายบนพระจันทร์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่สวยงามแต่ไกลเกินเอื้อม ความรู้สึกของเขาที่มีต่อพิชชาและการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีสะท้อนถึงการพยายาม “กระโดดไปถึงดวงจันทร์” แม้จะรู้ว่าเป็นไปได้ยาก การที่จิระเลือกยืนหยัดเพื่อตัวเองและความรัก แทนที่จะยอมจำนนต่อเงินหรืออำนาจ (เช่น ข้อเสนอของแอนนิต้า) ทำให้เขาเป็นตัวละครที่สร้างแรงบันดาลใจ
จิระไม่ใช่พระเอกในแบบฉบับทั่วไป เขามีทั้งความเท่และความเปราะบาง ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและอยากเอาใจช่วยการที่ละครนำเสนออาชีพบาร์โฮสต์ผ่านมุมมองของจิระ โดยไม่ตีตราหรือลดทอนคุณค่า ทำให้ตัวละครนี้มีความสมจริงและท้าทายค่านิยมของสังคม การพัฒนาของจิระจากคนที่ยอมรับชะตากรรมไปสู่คนที่กล้าต่อสู้เพื่อความรักและตัวตน ทำให้เขากลายเป็นตัวละครที่มีความลึกและน่าติดตาม
→ สุภัสสรา ธนชาต รับบท พิชชา

พิชชาเป็นคุณหนูจากครอบครัวไฮโซที่มีฐานะร่ำรวย เธอทำงานในธุรกิจครอบครัวและพยายามพิสูจน์ตัวเองในสายตาของพ่อแม่ โดยเฉพาะผ่านการปิดดีลที่ดินมูลค่าหลายล้าน อดีตพิชชาเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและกฎเกณฑ์ เธอถูกกดดันให้รักษาภาพลักษณ์และแต่งงานกับผู้ชายที่ครอบครัวเลือกให้ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและขาดอิสระ
บทบาทพิชชาเป็นนางเอกที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เธอเป็นตัวแทนของหญิงสาวที่ต้องเลือกระหว่างหน้าที่และหัวใจ ความสัมพันธ์ของเธอกับ จิระ (ไบร์ท นรภัทร) และการเผชิญหน้ากับ แอนนิต้า (บี น้ำทิพย์) ขับเคลื่อนเรื่องราวและสะท้อนการเติบโตของเธอ
บุคลิกและลักษณะเด่น
ความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่ง พิชชาเป็นหญิงสาวที่ฉลาดและมุ่งมั่น เธอต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจได้โดยไม่ต้องพึ่งพาครอบครัว ฉากที่เธอเจรจากับแอนนิต้าใน EP.2 แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความมั่นใจ ซึ่งเก้าถ่ายทอดผ่านท่าทางที่สง่างามและน้ำเสียงที่หนักแน่น
ความขัดแย้งภายใน พิชชามักต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง เธอมีอคติต่ออาชีพบาร์โฮสต์ของจิระในตอนแรก (EP.1-2) แต่เมื่อรู้จักเขามากขึ้น เธอเริ่มตั้งคำถามถึงค่านิยมของตัวเอง ด้านนี้ทำให้เธอเป็นตัวละครที่สมจริงและน่าติดตาม
ความเปราะบาง ภายใต้ภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง พิชชามีด้านที่อ่อนไหว เธอกลัวการถูกปฏิเสธจากครอบครัวและกลัวว่าความรักกับจิระจะทำให้เสียทุกอย่าง ฉากที่เธอเผยความรู้สึกกับจิระใน EP.5 หรือเผชิญหน้ากับครอบครัวใน EP.7 แสดงถึงความเปราะบางนี้ ซึ่งเก้าสื่อออกมาผ่านสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนและน้ำตา
ความกล้าในความรัก แม้จะลังเลในตอนแรก แต่พิชชาค่อยๆ กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกที่มีต่อจิระ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการต่อต้านจากครอบครัวและสังคม การตัดสินใจของเธอใน EP.6-7 แสดงถึงความกล้าที่จะท้าทายกรอบที่เธอเติบโตมา
การแสดงของสุภัสสรา ธนชาต
จุดเด่น เก้าสุภัสสรานำเสนอพิชชาด้วยความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและความเปราะบาง เธอถ่ายทอดความมุ่งมั่นของพิชชาในฉากธุรกิจได้อย่างน่าเชื่อถือ และสื่อถึงความสับสนในฉากดราม่าด้วยน้ำตาและสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ โดยเฉพาะฉากใน EP.6 ที่ปะทะกับจิระ และ EP.7 ที่เผชิญหน้ากับครอบครัว
เคมีของเก้ากับไบร์ท นรภัทร (จิระ) เป็นหนึ่งในจุดเด่นของละคร ฉากที่ทั้งคู่เปิดใจหรือทะเลาะกันนั้นเต็มไปด้วยพลัง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความรักที่ทั้งหวานและขมของตัวละคร กระแสแฟนๆ ในโซเซียล ชื่นชมการแสดงของเก้า โดยเฉพาะในฉากสะเทือนใจ คอมเมนต์เช่น “เก้าเล่นดีจนอินมาก” หรือ “พิชชาคือตัวละครที่เข้าใจได้” สะท้อนว่าการแสดงของเธอสร้างผลกระทบต่อผู้ชม
พิชชาเปรียบเหมือน “ดวงจันทร์” ในเรื่อง ที่สวยงามและดูเหมือนจะเอื้อมถึงได้ แต่ถูกห้อมล้อมด้วยความคาดหวังและข้อจำกัด ความรักของเธอกับจิระสะท้อนถึง “กระต่ายบนพระจันทร์” ที่เป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่ท้าทายแต่คุ้มค่าที่จะต่อสู้ การที่พิชชาค่อยๆ กล้าท้าทายครอบครัวและยอมรับความรักกับจิระ ทำให้เธอเป็นตัวละครที่สร้างแรงบันดาลใจในด้านความกล้าและการค้นหาตัวตน
พิชชาไม่ใช่นางเอกที่เพอร์เฟกต์ เธอมีทั้งความเห็นแก่ตัวในตอนแรกและการเติบโตที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพัน การที่เธอเริ่มจากคนที่ยึดติดกับค่านิยมไปสู่คนที่กล้าท้าทาย ทำให้เธอเป็นตัวละครที่มีความลึก การที่ละครนำเสนอพิชชาในฐานะหญิงสาวที่ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองในโลกธุรกิจและความรัก ทำให้เธอเป็นตัวละครที่ทันสมัยและสะท้อนประเด็นของผู้หญิงในสังคม ความขัดแย้งภายในของพิชชา (ระหว่างหน้าที่และหัวใจ) ทำให้ผู้ชมรู้สึกทั้งเห็นใจและอยากเอาใจช่วยให้เธอค้นพบความสุขที่แท้จริง
→ น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ รับบท แอนนิต้า

แอนนิต้าเป็นนักธุรกิจสาวชาวจีนที่ประสบความสำเร็จ เธอเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่และมีอิทธิพลในวงการอสังหาริมทรัพย์ เธอเข้ามาในเรื่องในฐานะคู่เจรจาคนสำคัญของ พิชชา (เก้า สุภัสสรา) ในดีลที่ดินมูลค่าหลายล้าน อดีตแม้ว่าจะไม่มีการเผยอดีตของแอนนิต้าอย่างชัดเจนจนถึง EP.7 แต่มีการบอกใบ้ว่าเธอเคยผ่านความยากลำบากในชีวิต ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นคนที่ใช้เงินและอำนาจเพื่อควบคุมทุกอย่าง รวมถึงความสัมพันธ์
บทบาทแอนนิต้าเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนความขัดแย้งในเรื่อง เธอไม่ใช่แค่ตัวร้าย แต่เป็นตัวละครที่มีทั้งความร้ายกาจและความน่าสงสาร ความสนใจของเธอใน จิระ (ไบร์ท นรภัทร) และการแข่งขันกับพิชชาทำให้เรื่องราวเข้มข้นและซับซ้อน
บุคลิกและลักษณะเด่น
ความมั่นใจและอำนาจ แอนนิต้ามีบุคลิกที่สง่างามและมั่นใจ เธอรู้วิธีใช้เงิน อำนาจ และเสน่ห์ของตัวเองเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ฉากที่เธอเจรจากับพิชชา หรือฉากที่เธอให้ของขวัญราคาแพงแก่จิระ แสดงถึงความเป็นนักธุรกิจที่เฉียบคมและรู้ทันคน น้ำทิพย์ถ่ายทอดความมั่นใจนี้ผ่านท่าทางที่สง่างามและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
ความเหงาและความต้องการการยอมรับ ภายใต้ภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง แอนนิต้าซ่อนความเหงาและความต้องการที่จะถูกรัก เธอหมกมุ่นในตัวจิระเพราะเห็นเขาเป็นมากกว่าเครื่องมือ แต่เป็นคนที่อาจเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายในชีวิต ฉากที่เธอพูดถึงความสำเร็จที่มาพร้อมความว่างเปล่าเผยให้เห็นด้านที่เปราะบาง ซึ่งน้ำทิพย์สื่อออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
ความร้ายกาจและการควบคุม แอนนิต้ามีด้านที่ร้ายและไม่ลังเลที่จะใช้กลยุทธ์สกปรกเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เช่น การข่มขู่พิชชาเรื่องดีลที่ดินหรือการพยายามซื้อตัวจิระด้วยเงินและโอกาส ด้านนี้ทำให้เธอเป็นตัวร้ายที่ทั้งน่าหมั่นไส้และน่าทึ่ง
ความซับซ้อน แอนนิต้าไม่ใช่ตัวร้ายแบบหนึ่งมิติ เธอมีทั้งความทะเยอทะยาน ความเหงา และความหวัง ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกทั้งเกลียดและสงสารในเวลาเดียวกัน
การแสดงของน้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์
จุดเด่น น้ำทิพย์นำเสนอแอนนิต้าด้วยความสมดุลระหว่างความร้ายกาจและความเปราะบาง เธอถ่ายทอดความมั่นใจของแอนนิต้าผ่านท่าทางที่สง่างามและน้ำเสียงที่เฉียบคม และสื่อถึงความเหงาด้วยสีหน้าและน้ำตาที่ซ่อนอยู่ในฉากดราม่า การแสดงของเธอทำให้แอนนิต้าเป็นตัวละครที่ทั้งน่าหมั่นไส้และน่าสงสาร
น้ำทิพย์มีเคมีที่แข็งแกร่งกับทั้งไบร์ท (จิระ) และเก้า (พิชชา) ฉากที่เธอปะทะกับพิชชาหรือยั่วยวนจิระนั้นเต็มไปด้วยพลัง ทำให้ทุกฉากของแอนนิต้าขโมยซีนได้อย่างน่าประทับใจ กระแสแฟนๆ ในโซเซียล ชื่นชมการแสดงของน้ำทิพย์อย่างมาก โดยเฉพาะในฉากที่แอนนิต้าเผยด้านที่เปราะบาง คอมเมนต์เช่น “บีเล่นดีจนเกลียดไม่ลง” หรือ “แอนนิต้าคือตัวละครที่ร้ายแต่มีมิติ” สะท้อนว่าการแสดงของเธอสร้างผลกระทบต่อผู้ชม
แอนนิต้าเปรียบเหมือน “เงามืด” ในเรื่อง ที่สะท้อนด้านมืดของความสำเร็จและอำนาจ เธอเป็นตัวแทนของคนที่ได้ทุกอย่างแต่ขาดความรักและความอบอุ่น การที่เธอหมกมุ่นในตัวจิระอาจเปรียบได้กับการพยายาม “จับกระต่ายบนพระจันทร์” ที่เป็นไปไม่ได้ การที่แอนนิต้าพยายามควบคุมทุกอย่างแต่สุดท้ายอาจต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ทำให้เธอเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงความเปราะบางของมนุษย์
แอนนิต้าไม่ใช่ตัวร้ายแบบสูตรสำเร็จ เธอมีทั้งความร้ายกาจ ความเหงา และความหวัง ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและอยากรู้ว่าเธอจะลงเอยอย่างไร การที่ละครนำเสนอแอนนิต้าในฐานะนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จแต่ขาดความสมดุลในชีวิต ทำให้เธอเป็นตัวละครที่ทันสมัยและสะท้อนประเด็นของผู้หญิงในสังคม ความสามารถของแอนนิต้าในการขโมยซีนทุกครั้งที่ปรากฏตัว ทำให้เธอเป็นตัวละครที่ทั้งน่าจับตามองและน่าจดจำ
ชลวิทย์ มีทองคำ รับบท เก้อ
ธยศทรณ์ ไวยฉัยยา รับบท วสุ
อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร รับบท มะปราง
วิรายา ภัทรโชคชัย รับบท เพลิน
วริษฐ์ ทิพโกมุท รับบท ลักษณ์
โสภิตนภา ชุ่มภาณี รับบท กชกร
โอลิเวอร์ พูพาร์ต รับบท กิตติ
มิณฑิตา วัฒนกุล รับบท ทิวา
พศุฑย์ พงศ์พศุตม์ รับบท บิว
ภัทรสุดา อนุมานราชธน รับบท ป้าสมร
ณหทัย พิจิตรา รับบท แม่แจ้ว (รับเชิญ)
กรองทอง รัชตะวรรณ รับบท แอนนา (รับเชิญ)
โชติรส แก้วพินิจ รับบท อารยา (รับเชิญ)
ทิพย์รมิดา พันตาวงษ์กบิล รับบท นักร้องผับ (รับเชิญ)
พิเชษฐ์ เปรียบยอดยิ่ง รับบท หนอน (รับเชิญ)
วัชรพล นนท์ภักดี รับบท แจ๊ค (รับเชิญ)
พัสมนตร์ สุภณเดชพงศ์ รับบท ก๋อย (รับเชิญ)
กฤตยา มัธยาคม รับบท มุก (รับเชิญ)
พรภวิษย์ พุฒิเศรษฐกุลอารยา รับบท เฉิน (รับเชิญ)
จริยา ทรัพย์ประเสริฐ รับบท ยายจันทร์ (รับเชิญ)