ละคร สะใภ้เจ้าสัว Daughter in War 2564 ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ เรื่องราวเริ่มต้นจาก “เจ้าสัวเทียน” มหาเศรษฐีเจ้าของกิจการไหมทองสยาม ผู้มีนิสัยเอาแต่ใจ เผด็จการ และชอบควบคุมทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการหาคู่ให้ลูกชายทั้งสี่ของเขา แม้แต่ “อาหลิว” ภรรยาของเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น ลูกชายคนโต “ไตรภพ” ทุ่มเทให้กับงานจนไม่อยากมีครอบครัว ทำให้เจ้าสัวยอมผ่อนปรน ส่วน “ไตรเทพ” และ “ไตรภูมิ” ลูกชายคนที่สองและสามถูกจับคู่กับ “เรืองริน” และ “วัลลภา” ตามคำสั่งของพ่อโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
แต่ปัญหาเกิดขึ้นกับ “ไตรวิช” ลูกชายคนเล็กที่เป็นตำรวจหนุ่มไฟแรง รักอิสระ และไม่ยอมอยู่ใต้การควบคุมของเจ้าสัว โดยเฉพาะเรื่องการถูก “คลุมถุงชน” เจ้าสัวกลัวว่าไตรวิชจะเลือกสะใภ้เอง จึงวางแผนจัดงานหมั้นให้เขา ไตรวิชโกรธมากและหนีไปปฏิบัติราชการที่บึงน้ำงาม จังหวัดในภาคอีสาน ที่นั่นเขาได้พบกับ “ฟ้าใส” สาวบ้านนา ห้าว ดื้อรั้น แต่จริงใจและรักบ้านเกิด ด้วยความบังเอิญและสถานการณ์พาไป ไตรวิชตัดสินใจพาฟ้าใสกลับกรุงเทพฯ และแกล้งแต่งงานกับเธอเพื่อขัดใจเจ้าสัว
เมื่อฟ้าใสก้าวเข้ามาในบ้านเจ้าสัว ความวุ่นวายก็เริ่มต้น เจ้าสัวไม่ยอมรับฟ้าใสและพยายามกลั่นแกล้งเธอสารพัดวิธี แต่ฟ้าใสไม่ยอมแพ้ ใช้ไหวพริบและความจริงใจต่อสู้กลับ บางครั้งก็เอาคืนเจ้าสัวและคนในบ้านอย่างแสบสันต์ โดยมี อาหลิว, ไตรภพ, และ ไตรภูมิ คอยช่วยเหลือเธอ เพราะไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของเจ้าสัว
ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างไตรวิชและฟ้าใสเริ่มพัฒนาจากการแกล้งแต่งงานกลายเป็นความรักจริง แต่ก็ต้องเผชิญอุปสรรคจาก “อรณิชา” หญิงสาวที่เจ้าสัวและ เสี่ยลี พ่อของเธอหมายมั่นให้แต่งงานกับไตรวิช รวมถึงแผนร้ายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ไตรวิชต้องสืบในฐานะตำรวจ
เรื่องราวถึงจุดพีคเมื่อไตรวิชแกล้งแต่งงานกับอรณิชาเพื่อล่อจับเสี่ยลีในข้อหาค้ายาเสพติด แต่ฟ้าใสเข้าใจผิดและเสียใจมาก ระหว่างการจับกุม เสี่ยลีจับเจ้าสัวเทียนเป็นตัวประกัน ฟ้าใสสละตัวเองบังกระสุนให้เจ้าสัว ทำให้เจ้าสัวซึ้งใจและยอมรับเธอในที่สุด ไตรวิชและฟ้าใสเคลียร์ความเข้าใจผิดกันได้ ความรักของทั้งคู่ลงเอยอย่างมีความสุข พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเจ้าสัวที่มีต่อลูกสะใภ้คนนี้
ธีมหลักของละคร
ละครนำเสนอความขัดแย้งระหว่างรุ่นพ่อแม่และลูก ความแตกต่างทางชนชั้น และการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ผสมผสานอารมณ์ขันจากสถานการณ์สุดอลเวงและความโรแมนติกที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย
เนื้อหาหลักของละคร “สะใภ้เจ้าสัว” (2564) ซึ่งจะเผยรายละเอียดสำคัญของเรื่องราว รวมถึงจุดพลิกผันและตอนจบ
จุดเริ่มต้นความวุ่นวาย
เรื่องเริ่มจาก เจ้าสัวเทียน (จตุรงค์ โพธาราม) มหาเศรษฐีที่อยากควบคุมชีวิตลูกชายทั้งสี่ โดยเฉพาะเรื่องคู่ครอง เขาคลุมถุงชนให้ลูกชายคนที่สอง ไตรเทพ (เขม-นราวิชญ์) และคนที่สาม ไตรภูมิ (เพ้นท์-กฤตกานต์) แต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเลือก แต่ ไตรวิช (โอม-คณิน) ลูกชายคนเล็กที่เป็นตำรวจ ไม่ยอมตามคำสั่งพ่อ เขาหนีไปปฏิบัติหน้าที่ที่บึงน้ำงาม และบังเอิญเจอ ฟ้าใส (พริม-พริมา) สาวบ้านนาผู้แกร่งกล้า เพื่อประชดเจ้าสัว ไตรวิชพาฟ้าใสกลับกรุงเทพฯ และแกล้งแต่งงานกับเธอ
การปะทะกันในบ้านเจ้าสัว
เมื่อฟ้าใสเข้ามาในบ้าน เธอถูกเจ้าสัวกลั่นแกล้งสารพัด เช่น ถูกสั่งให้ทำงานบ้านหนักๆ หรือถูกดูถูกว่าไม่เหมาะสมกับตระกูล แต่ฟ้าใสไม่ยอมจำนน เธอใช้ความฉลาดและความดื้อตอกกลับเจ้าสัว เช่น แอบเอาคืนด้วยการใส่พริกในอาหารของเจ้าสัว หรือแกล้งทำตัวบ้านนอกจนเจ้าสัวหัวเสีย ด้าน อาหลิว (แก้ว-อภิรดี) แม่ของไตรวิช และพี่ชายอย่าง ไตรภพ (สิงโต-สกลรัฐ) เห็นใจฟ้าใสและคอยช่วยเหลือเธอ
พัฒนาการความรัก
แรกเริ่ม ไตรวิชและฟ้าใสทะเลาะกันบ่อย เพราะต่างคนต่างดื้อ แต่เมื่อต้องร่วมมือกันต่อกรกับเจ้าสัว ทั้งคู่เริ่มเห็นความดีของกันและกัน ความสัมพันธ์จาก “คู่ปลอม” ค่อยๆ กลายเป็น “รักจริง” อย่างไรก็ตาม ความรักของทั้งคู่ถูกทดสอบเมื่อ อรณิชา (ชมพู-ชุติมณฑน์) หญิงสาวที่เจ้าสัวและ เสี่ยลี (พ่อของอรณิชา) ต้องการให้แต่งกับไตรวิช เข้ามาแทรกกลาง เธอพยายามยั่วยวนไตรวิชและใส่ร้ายฟ้าใส
ปมคดีและจุดพีค
ในฐานะตำรวจ ไตรวิชแอบสืบคดีค้ายาเสพติดที่เชื่อมโยงกับเสี่ยลี เขาวางแผนแกล้งหมั้นกับอรณิชาเพื่อล่อให้เสี่ยลีเผยพิรุธ แต่ฟ้าใสเข้าใจผิด คิดว่าไตรวิชทรยศเธอ เธอเสียใจหนักจนเกือบกลับบ้านนอก ด้านเจ้าสัวเองก็ยังไม่ยอมรับฟ้าใส และพยายามแยกทั้งคู่
จุดไคลแม็กซ์เกิดขึ้นในตอนท้าย เมื่อไตรวิชบุกจับเสี่ยลีในข้อหาค้ายา เสี่ยลีจับเจ้าสัวเป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง ฟ้าใสเห็นเหตุการณ์จึงวิ่งเข้ามาขวาง และยอมบังกระสุนให้เจ้าสัว เธอบาดเจ็บสาหัสแต่รอดมาได้ วินาทีนั้นเจ้าสัวซึ้งใจในความเสียสละของฟ้าใส และเริ่มมองเธอในแง่ดี
หลังเหตุการณ์วุ่นวาย ไตรวิชเคลียร์ใจกับฟ้าใสได้สำเร็จ ทั้งคู่ยอมรับว่ารักกันจริง เจ้าสัวเทียนเปลี่ยนใจ ยอมรับฟ้าใสเป็นสะใภ้อย่างเต็มตัว และขอโทษที่เคยดูถูกเธอ ครอบครัวกลับมาสมานฉันท์ ลูกชายคนอื่นๆ ก็มีความสุขกับชีวิตคู่ของตัวเอง เรื่องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ด้วยงานแต่งงานของไตรวิชและฟ้าใสที่ทุกคนในบ้านร่วมยินดี
ขำจนท้องแข็ง (ความสนุกและตลก) ฉากที่ ฟ้าใส (พริม-พริมา) ปะทะคารมกับ เจ้าสัวเทียน (จตุรงค์ โพธาราม) จะทำให้รู้สึกขำกลิ้ง โดยเฉพาะตอนที่ฟ้าใสเอาคืนเจ้าสัวแบบแสบๆ คันๆ เช่น ใส่พริกในอาหาร หรือแกล้งทำตัวบ้านนอกจนเจ้าสัวหัวเสีย การแสดงของจตุรงค์ที่เป็นนักแสดงสายคอมเมดี้ตัวพ่อ บวกกับความเปิ่นๆ ปนแกร่งของพริม คงทำให้รู้สึกเพลินและหัวเราะจนเหนื่อย
ลุ้นและเอาใจช่วย (ความตื่นเต้น) ตอนที่ ไตรวิช (โอม-คณิน) สืบคดีค้ายา และต้องแกล้งหมั้นกับ อรณิชา (ชมพู-ชุติมณฑน์) เพื่อล่อ เสี่ยลี จะทำให้รู้สึกลุ้นระทึก ใจจี้ไปกับภารกิจของเขา รวมถึงลุ้นว่า ฟ้าใส จะเข้าใจผิดนานแค่ไหน และทั้งคู่จะเคลียร์กันได้ยังไง โดยเฉพาะฉากแอ็กชันตอนท้ายที่ฟ้าใสบังกระสุนให้เจ้าสัว คงทำให้ใจเต้นแรงและเอาใจช่วยสุดๆ
น้ำตาซึม (ความซาบซึ้ง) ฉากที่ฟ้าใสยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้าสัว และเจ้าสัวเปลี่ยนใจยอมรับเธอ น่าจะเรียกน้ำตาได้ไม่น้อย ความสัมพันธ์ที่พัฒนาจากความขัดแย้งมาเป็นความผูกพัน รวมถึงโมเมนต์ที่ไตรวิชกับฟ้าใสยอมรับว่ารักกันจริง คงทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจและประทับใจในความรักที่ค่อยๆ ก่อตัว
สะใจ (ความสะท้อนแง่คิด) การเห็นฟ้าใสพิสูจน์ตัวเองจากสาวบ้านนาที่ถูกดูถูก กลายเป็นสะใภ้ที่ทุกคนยอมรับ รวมถึงเจ้าสัวที่ยอมลดทิฐิลง จะทำให้รู้สึกสะใจและชื่นชมในความพยายามของตัวละคร โดยเฉพาะคนที่ชอบเรื่องราวแบบ “underdog” ที่พลิกเกมชนะใจคนทั้งบ้าน
บื่อหน่ายบ้าง (จุดที่อาจสะดุด) บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ “คลุมถุงชน” หรือ “ความเข้าใจผิดในรักสามเส้า” ค่อนข้างสูตรสำเร็จของละครไทย หรือฉากกลั่นแกล้งของเจ้าสัวที่ยืดเยื้อไปหน่อย อาจทำให้รู้สึกขัดใจนิดๆ แต่ด้วยโทนคอมเมดี้ที่แทรกมาเยอะ ก็คงช่วยกลบจุดนี้ไปได้ระดับหนึ่ง
โดยรวมแล้ว “ละคร สะใภ้เจ้าสัว” จะให้ความรู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา มีทั้งขำจนท้องแข็ง ลุ้นจนนั่งไม่ติด ซึ้งจนน้ำตาคลอ และสะใจตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง เป็นละครที่ครบรสตามสไตล์ช่อง 3 เหมาะกับคนที่ชอบความบันเทิงเบาสมองผสมดราม่านิดๆ ไม่หนักเกินไป และได้เห็นการเติบโตของตัวละครอย่างชัดเจน
ละคร สะใภ้เจ้าสัว Daughter-in-War 2564
ละคร สะใภ้เจ้าสัว Daughter-in-War 2564 EP.1-17 ENDCH3+
ละคร สะใภ้เจ้าสัว Daughter-in-War 2564 EP.1-28 ENDWETV
ฉากเด็ด ละคร สะใภ้เจ้าสัว Daughter-in-War 2564
ละคร สะใภ้เจ้าสัว 2564
พ่อตาเฮี้ยบ ปะทะ ลูกสะใภ้สุดแสบ เพราะลูกชายดันแซ่บมาก จะมีเมียทั้งทีธรรมดาได้ไง เรื่องราวอลเวงระหว่างลูกสะใภ้ (ปลอม ๆ) กับพ่อผัวระดับเจ้าสัวจึงเริ่มขึ้น
เจ้าสัวเทียน (รงค์-จตุรงค์ โพธาราม) มหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ เจ้าของกิจการไหมทองสยาม ทำงานเก่งแต่นิสัยเอาแต่ใจ งี่เง่าและเผด็จการ โดยเฉพาะเรื่องการหาสะใภ้เข้ามาในตระกูล แม้แต่ อาหลิว (แก้ว-อภิรดี ภวภูตานนท์) ภรรยาก็ไม่สิทธิ์ที่จะออกความเห็น เจ้าสัวหาสะใภ้มาให้ ไตรเทพ (เขม-นราวิชญ์ จิตรบรรจง) และ ไตรภูมิ (เพ้นท์-กฤตกานต์ ประสิทธิ์พานิช) ลูกชายคนที่สองและสาม โดยที่ทั้งสองไม่กล้ามีปากเสียงอะไร แต่ ไตรภพ (สิงโต-สกลรัฐ พันเทศ) ลูกชายคนโตซึ่งดูแลกิจการอย่างหนักอ้างว่ายังไม่อยากมีครอบครัว เพราะจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เจ้าสัวต้องยอม เพราะไตรภพทำงานเก่งมาก เหลือแต่ ไตรวิช (โอม-คณิน สแตนลีย์) ลูกชายคนสุดท้องที่เป็นตำรวจไม่ยอมมาช่วยกิจการของเจ้าสัว เจ้าสัวกลัวไตรวิชจะไปหาสะใภ้มาให้ จึงคิดคลุมถุงชน ทำให้ไตรวิชโกรธมาก สองคนมีปากเสียงเถียงกัน ในขณะที่ลูกชายคนอื่น ๆ และสะใภ้ไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งของเจ้าสัว เจ้าสัวยื่นคำขาดถ้าไตรวิชไม่ยอมก็ให้ออกจากบ้านไป และจะตัดขาดจากกองมรดกทั้งหมด ซึ่งไตรวิชก็เก็บของออกจากบ้านทันที เพราะแต่พอดีเขามีราชการด่วนที่เขาต้องไปทำที่บึงน้ำงาม
ไตรวิชมาตามเรื่องการส่งยาบ้าล็อตใหญ่ มาด้อม ๆ ดูตามที่สายรายงานแล้วเขาก็ต้องตกใจที่โดน ฟ้าใส (พริม-พริมา พันธุ์เจริญ) กับพวกชาวบ้านล้อมจับไตรวิชแทน เพราะเข้าใจว่าไตรวิชเป็นพวกโรคจิตที่มาลักชุดชั้นในผู้หญิงตามหมู่บ้าน กว่าจะเข้าใจกันได้ไตรวิชต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน พอ เสี่ยคง (ต๋อง ชวนชื่น) กับชาวบ้านอีกกลุ่มจับไอ้โรคจิตตัวจริงได้ ฟ้าใสขอโทษไตรวิชไม่ให้เอาเรื่อง แต่ไตรวิชขู่จะแจ้งความ แต่มาคิดได้ว่าตัวเองต้องอยู่สืบราชการลับเรื่องค้ายาที่เหมือนพวกมันจะไหวตัวทัน เลยเปลี่ยนเป็นให้ฟ้าใสทำคุณไถ่โทษโดยให้ไปอยู่ที่บ้านฟ้าใส และรับใช้ดูแลโดยการบอกทุกคนว่าเขาเป็นเพื่อนมาจากกรุงเทพฯ ฟ้าใสจำใจตกลง เลยพาไตรวิชมาอยู่ที่บ้าน
มิ่ง (วิทย์-ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) กับ สร้อย (น้อง-พรสุดา ต่ายเนาว์คง) พ่อและแม่ของฟ้าใสไม่รู้ มาเจอไตรวิชนอนอยู่ในบ้านอย่างสบายใจ คิดว่าไตรวิชจะมาปลุกปล้ำฟ้าใส จึงไล่ตีไตรวิช กว่าจะรู้เรื่องเล่นเอาไตรวิชแทบแย่ ฟ้าใสดูแลรัไตรวิช จนทำให้เสี่ยคงที่แอบบชอบฟ้าใสไม่พอใจ ส่งคนมาเล่นงานไตรวิช แต่ฟ้าใสก็ช่วยไตรวิชไว้ได้ ทำให้สองคนเกิดความสนิทสนมกันอย่างไม่รู้ตัว
ไตรวิชคิดแผนการออก ขอร้องให้ฟ้าใสให้จดทะเบียนเป็นเมียปลอม ๆ เพื่อหลอกเจ้าสัว แลกกับเงินก้อนหนึ่งเพื่อที่ฟ้าใสจะได้เอาไปเรียนปริญญาโทต่อ และรับปากจะช่วยสนับสนุนผ้าไหมจากหมู่บ้านให้ส่งไปขายที่บริษัทไหมทองสยาม ทำให้ฟ้าใสยอมตกลง สองคนจัดฉากว่าได้เสียกัน มิ่งโกรธมากแทบฆ่าไตรวิช แต่พอฟ้าใสอ้อนบอกตัวเองก็รักไตรวิช ทำให้มิ่งยอมใจอ่อน
ไตรวิชพาฟ้าใสมาพบเจ้าสัว เจ้าสัวโกรธมากสั่งให้ทุกคนในบ้านกลั่นแกล้งฟ้าใส แต่ไม่ว่าจะทำวิธีไหน ฟ้าใสก็รู้ทันหมด บางครั้งฟ้าใสทนไม่ไหวก็เอาคืนทั้งเจ้าสัวและคนในบ้านบ้าง โดยเฉพาะ เรืองริน (ริด้า-ฟาริดา วัลเล่อร์) และ วัลลภา (เบสท์-ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) เมียของไตรเทพและไตรภูมิ ฟ้าใสยังอยู่ในบ้านเจ้าสัวได้ก็เพราะยังมีอาหลิว ไตรภพและไตรภูมิ ที่คอยช่วยเหลือ เพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเจ้าสัว ฟ้าใสไปสมัครเรียนต่อปริญญาโทและได้เจอกับ พิมาน (พัท-กันติพัส นาคปั้น) รุ่นพี่ที่เคยแอบชอบฟ้าใสตอนเรียนมหาวิทยาลัย และปัจจุบันพิมานเป็นอาจารย์สอนปริญญาโท ทำให้สองคนได้กลับมาใกล้ชิดกันอีก ไตรวิชแอบเห็นความสนิทสนมของทั้งสองคนเลยเกิดไม่พอใจหึงหวงฟ้าใสบ่อย ๆ
เจ้าสัวสะใจแกล้งฟ้าใสต่อ แต่ก็ได้พิมานคอยช่วยฟ้าใสจนรอดพ้นไปได้ เจ้าสัว เรืองริน กับวัลลภา รวมหัวกันจัดงานเลี้ยงปาร์ตี้ขอบคุณลูกค้า เจ้าสัวชวนเสี่ยลีมาด้วยจนรู้จักกับ อรณิชา (ชมพู-ชุติมณฑน์ ประสานวรรณ) เจ้าสัวถูกชะตาอยากได้มาเป็นสะใภ้ ในเวลาเดียวกับที่เสี่ยลีก็อยากได้สมบัติของเจ้าสัว และอยากได้ลูกเขยเป็นตำรวจ ยุอรณิชาให้จับไตรวิช ซึ่งก็ถูกใจอรณิชาพอดี เจ้าสัวแกล้งฟ้าใสไม่สำเร็จ ก็แกล้งประกาศกลางงานว่าอรณิชาคือคนที่จะมาเป็นสะใภ้คนเล็ก ข่าวสังคมลงกันครึกโครมจนมิ่งกับสร้อยเห็นข่าว มิ่งไม่พอใจที่เจ้าสัวไม่ให้เกียรติฟ้าใส ชวนสร้อยกับไม้ขึ้นมากรุงเทพฯ
ด้านไตรวิชรู้ว่าอรณิชาเป็นลูกสาวเสี่ยลีก็คิดจะแกล้งตีสนิท เพื่อจะได้เข้าใกล้ตัวเสี่ยลีโดยที่เสี่ยลีไม่สงสัย พอดีกับที่เจ้าสัวสั่งให้ไตรวิชหย่ากับฟ้าใสแล้วไปแต่งงานกับอรณิชา ไตรวิชคิดหนักแล้วต้องตกใจที่มิ่ง สร้อย และไม้มาที่บ้าน ฟ้าใสกลุ้มใจเพราะไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ ไตรวิชจึงแอบไปยื่นเงื่อนไขกับเจ้าสัว ให้เจ้าสัวทำดีกับฟ้าใสและพวกมิ่งจนกว่าจะกลับ แล้วจะยอมไปออกเดตกับอรณิชา ถ้านิสัยเข้ากันได้ก็จะยอมหย่ากับฟ้าใสแล้วไปแต่งงานกับอรณิชา เจ้าสัวตกลง
ด้านเศรษฐีคงยกขันหมากจะมาสู่ขอฟ้าใส แต่ไตรวิช อาหลิว กับไตรภพมารับฟ้าใสทันเวลา อาหลิวให้สัญญากับมิ่งว่าจะไม่ยอมให้เจ้าสัวแกล้งฟ้าใสอีก ขอร้องมิ่งไม่ให้พรากผัวพรากเมีย สร้อยช่วยอ้อนวอนด้วย มิ่งจำใจยอมเพราะฟ้าใสแอบแกล้งบอกมิ่งว่าตัวเองรักไตรวิชมาก ขาดไตรวิชไม่ได้ ฟ้าใสไปลา ดาวเรือง (แคท-ตฤณญา มอร์สัน) ไตรภพเห็นดาวเรืองก็ตกหลุมรักทันที ยิ่งรู้ว่าดาวเรืองออกแบบลายผ้าได้ก็รีบชวนให้มาทำงานที่บริษัท ดาวเรืองดีใจมาก
เจ้าสัวแค้นที่ฟ้าใสกลับมาอีกแถมเอาเพื่อนมาเป็นพวก พยายามให้อรณิชามาที่บ้าน แล้วบังคับทั้งสองคนให้แข่งขันกันเพื่อหาสะใภ้ที่เหมาะสม เสี่ยลีสั่งให้อรณิชาหาทางจับไตรวิชให้ได้ เสี่ยลีจัดฉากให้ไตรวิชเหมือนมีอะไรกับอรณิชา ทำให้ไตรวิชต้องตกลงแต่งงานกับอรณิชา ด้านฟ้าใสรู้ข่าวไตรวิชจะแต่งงานเสียใจแต่ไม่แสดงออก เรื่องราวสุดอลเวงจะจบลงอย่างไร ไตรวิชจะง้อฟ้าใสสำเร็จหรือไม่ และเจ้าสัวจะยอมให้ฟ้าใสมาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้หรือเปล่า
บทประพันธ์โดย : วัตตรา
บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ และ ปิยดา ภูไทย
กำกับการแสดงโดย : แชมป์-อินทนนท์ รัตนากาญจน์
ผลิตโดย : บริษัท ดี วัน ทีวี จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : น้อง-พรสุดา ต่ายเนาว์คง
นักแสดง
โอม คณิน สแตนลีย์ รับบท ไตรวิช
พริม พริมา พันธุ์เจริญ รับบท ฟ้าใส
รงค์ จตุรงค์ โพธาราม รับบท เจ้าสัวเทียน
แก้ว อภิรดี ภวภูตานนท์ รับบท อาหลิว
สิงโต สกลรัฐ พันเทศ รับบท ไตรภพ
แคท ตฤณญา มอร์สัน รับบท ดาวเรือง
เขม นราวิชญ์ จิตรบรรจง รับบท ไตรเทพ
ริด้า ฟาริดา วัลเล่อร์ รับบท เรืองริน
เพ้นท์ กฤตกานต์ ประสิทธิ์พานิช รับบท ไตรภูมิ
เบสท์ ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ รับบท วัลลภา
พัท กันติพัส นาคปั้น รับบท พิมาน
ชมพู ชุติมณฑน์ ประสานวรรณ รับบท อรณิชา
วิทย์ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล รับบท มิ่ง
น้อง พรสุดา ต่ายเนาว์คง รับบท สร้อย
เก็ท ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย รับบท ไม้
รุ้ง รุ้งลาวัณย์ โทนะหงษา รับบท ปลาทู
ต๋อง ชวนชื่น รับบท เสี่ยคง
ศรีหลอด เชิญยิ้ม รับบท จ่ารตี