ละคร สุดแค้นแสนรัก 2558 ละครแนวดราม่าชีวิตความรัก ที่นำเสนอเรื่องราวความแค้นฝังลึก ผสมผสานความรัก และความสูญเสีย
จุดเริ่มต้นของความแค้น
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2515 ที่หมู่บ้านหนองนมวัว สองครอบครัว “แย้ม” กับ “เทือง” มีลูกชายคนโตคือ “ประยงค์” แต่งงานกับ “อัมพร” ลูกสาวของ “ขัน” กับ “อ่ำ” แต่ชีวิตคู่ของทั้งคู่กลับต้องพบกับอุปสรรค เมื่อเทืองสามีของแย้ม ทะเลาะวิวาทกับขันพ่อของอัมพร เกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วมนา ส่งผลให้เทืองถูกขันฆ่าตายอย่างกะทันหัน ไฟแค้นลุกโชน เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความโกรธแค้นให้กับแย้มอย่างมาก นางสาปแช่งขันให้พบกับความวิบัติคำสาปแช่งดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผล เมื่อคืนนั้นเอง ขันถูกฟ้าผ่าตายตามเทืองไป ความสูญเสียและความโศกเศร้า อัมพรต้องเผชิญกับความสูญเสียทั้งสามีและพ่อ เธอเสียใจจนคลอดลูกก่อนกำหนด ลูกชายของประยงค์และอัมพรได้รับการตั้งชื่อว่า “ยงยุทธ” แต่แย้มไม่ยอมรับหลานคนนี้ นางแอบเอาเด็กไปเลี้ยงไว้ที่อื่น พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “ยศพล”
อัมพรเสียใจจนตรอมใจป่วยหนัก ในที่สุดก็เสียชีวิตลง
หลายปีต่อมา ยงยุทธเติบโตเป็นหนุ่มรูปงาม เขากลับมาที่หมู่บ้านหนองนมวัว และได้พบกับ “หทัยรัตน์” ลูกสาวของ “ประยูร” กับ “อุไร” ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรค เมื่อความลับเรื่องชาติกำเนิดของยงยุทธถูกเปิดเผยแย้มที่รู้ความจริง พยายามขัดขวางความรักของยงยุทธกับหทัยรัตน์ ในที่สุด ความจริงทั้งหมดก็ถูกเปิดเผย ยงยุทธได้รู้ว่าแย้มคือผู้ที่ฆ่าพ่อของเขา ยงยุทธตัดสินใจให้อภัยแย้ม และยุติความแค้นทั้งหมด
ละคร สุดแค้นแสนรัก 2558
ละคร สุดแค้นแสนรัก 2558
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านหนองนมวัว จ.นครสวรรค์ เมื่อปี 2515 ซึ่งยังเป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศท้องทุ่ง ชาวบ้านต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันดีเสมอมา จนกระทั่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อสองครอบครัว คือ ครอบครัว นางแย้ม กับ ตาเทือง ที่มีลูกชายคือ ประยงค์ ได้แต่งงานกับ อัมพร ลูกสาวของ ตาขัน กับ นางอ่ำ ชาวบ้านหมู่บ้านเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่นางแย้มเองก็ไม่ค่อยถูกใจลูกสะใภ้คนนี้สักเท่าไร แต่เธอก็ต้องตัดใจให้ทั้งคู่แต่งงานกัน เพราะประยงค์รักอัมพรมาก พร้อมกับตอนนี้อัมพรเองก็กำลังตั้งท้องลูกของประยงค์อยู่
แต่เหตุการณ์กลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อตาเทือง สามีนางแย้มตายกะทันหันจากฝีมือของ ตาขัน พ่อของอัมพร เนื่องจากทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องปล่อยน้ำเข้านา นางแย้มโกรธแค้นเป็นอย่างมาก สาปแช่งตาขันให้ถูกฟ้าผ่าตายทันทีที่รู้เรื่อง และคำสาปแช่งดูเหมือนจะได้ผล เพราะคืนนั้นเองตาขันก็ถูกฟ้าผ่าตายตามตาเทืองไป สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับครอบครัวของอัมพรเป็นอย่างมาก และวันนั้นอัมพรก็ปวดท้องคลอดลูกพอดี
ความโกรธแค้นของนางแย้มที่มีต่อครอบครัวอัมพร เพิ่มขึ้นทวีคูณ นางแย้มเกลียดชังลูกสะใภ้มากกว่าเดิม ขัดขวางไม่ให้ประยงค์ไปดูแลอัมพรและลูกที่โรงพยาบาล นางแย้มยังไม่ยอมให้ศพของตาขันสวดและเผาวัดเดียวกับตาเทือง อุไร น้องสาวของอัมพร ทนไม่ได้ไปด่ากราดถอนหงอกแย้มถึงศาลาสวดศพตาเทือง จนเป็นที่ร่ำลือถึงความปากจัดของอุไรที่กำลังปลูกต้นรักกับ ลือพงษ์ เจ้าของคิวรถประจำทางและกิจการห้องเช่าประจำหมู่บ้าน ทำให้เป็นช่องทางของแย้มที่ยุยง โกตา และ นกเล็ก พ่อแม่ของลือพงษ์ให้เกลียดชังอุไร พร้อมทั้งหมายตาลือพงษ์ไว้ให้ พะยอม ลูกสาวคนเล็กที่แอบชอบลือพงษ์
หลังจากอัมพรคลอดลูกชาย แย้มตั้งชื่อให้ว่า ยงยุทธ อัมพรกล้ำกลืนกลับมาอยู่ที่บ้านประยงค์ แย้มก็คอยด่าว่าเหน็บแนมไม่หยุดหย่อน อัมพรพยายามอดทน แต่ความอดทนของอัมพรก็สิ้นสุดลง เมื่อแย้มพยายามจับคู่ประยงค์ให้กับ สุดา ลูกสาวของเพื่อนรัก เมื่ออัมพรรู้เรื่องจึงเกิดความหึงหวง และทะเลาะวิวาทอย่างหนัก เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้แย้มถือโอกาสไล่อัมพรกลับบ้านและไม่ให้กลับมาอีก อัมพรกลับบ้านด้วยความชอกช้ำ และคิดหาทางเอาลูกที่ยังอยู่กับนางแย้มคืน
ด้านอุไรก็เผลอใจแอบได้เสียกับลือพงษ์ ซึ่งมิอาจรอดพ้นสายตาของแย้ม อุไรกลัวแย้มจะเอาไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ จึงขอร้องให้ลือพงษ์รีบบอกพ่อแม่มาสู่ขอโดยเร็ว ลือพงษ์รับปากไปทั้ง ๆ ที่รู้แก่ใจว่าพ่อแม่ไม่ยอม เพราะทั้งคู่ไม่ชอบอุไร ส่วนประยงค์ทนความคิดถึงอัมพรไม่ไหว ดื่มเหล้าย้อมใจเมาเละที่กระท่อมปลายนา จนอัมพรไปเจอ เธอช่วยเช็ดตัวและหาอาหารให้สามีกิน ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน อัมพรขอลูกคืน แต่ประยงค์ขอลูกไว้เพื่อเป็นตัวแทนรักของอัมพร และสัญญาว่าจะไม่แต่งงานใหม่ หากวันใดเขาแต่งงาน อัมพรจะได้ลูกคืน อัมพรตัดสินใจยกลูกให้ประยงค์และให้รักษาสัญญาให้ดี
ด้านแย้มยังไม่หยุดความแค้น วางแผนให้ ประยูร ลูกชายคนกลาง ทำให้อุไรกับลือพงษ์เข้าใจผิดและเลิกกัน โดยมีรถยนต์เป็นรางวัลหนึ่งคัน ประยูรรับปากอย่างไม่กลัวบาปกรรม และทำตามแผนของแม่ ตามพัวพันอุไร จนลือพงษ์เข้าใจผิด อุไรเสียใจ คิดว่าลือพงษ์ได้เธอแล้วก็ไม่ไยดี ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรง แย้มพอใจมาก เวลาผ่านไป อัมพรยังแอบเอาข้าวไปส่งให้ประยงค์ทุกกลางวัน ความรักของทั้งคู่ยังเหมือนเดิม ทั้งอัมพรเองก็ยังแอบไปหายงยุทธ โดยพะยอมคอยช่วย ในที่สุดแย้มก็จับได้ ทำให้แย้มและอัมพร มีเรื่องตบตีกันจนต้องขึ้นโรงพัก ทำให้อุไรและอัมพรได้พบกับ ร้อยตำรวจตรีทวี ร้อยเวรบันทึกการแจ้งความ ชายหนุ่มถูกชะตากับสองพี่น้องมาก อาสาไปส่งถึงบ้าน แย้มจึงวางแผนทำให้ลือพงษ์กับอุไรประกาศตัดขาดกัน ลือพงษ์เองก็เผลอมีอะไรกับพะยอม สุดท้ายลือพงษ์ต้องเแต่งงานกับพะยอมอย่างไม่เต็มใจ ส่วนอุไรก็รู้ว่าตัวเองท้อง
ประยงค์ถูกหมากัดและเป็นไข้สูงจนต้องไปโรงพยาบาล และได้รู้ว่าประยงค์เป็นโรคพิษสุนัขบ้าระยะสุดท้ายและคงไม่รอดแน่ อัมพรมาดูใจประยงค์ทันในนาทีสุดท้าย ก่อนที่ประยงค์ก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากประยงค์ตาย อัมพรก็แน่ใจแล้วว่าไม่มีทางได้ลูกชายคืน ตัดสินใจจะพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อื่นโดยมีทวีช่วยเหลือพาทั้งหมดไปหาทำเลค้าขายอยู่ในเมือง เพื่อตั้งหลักชีวิตใหม่ต่อไป
-จบภาคสุดแค้น-
ภาคแสนรัก พ.ศ. 2534
หลังจากตัดสินใจย้ายมาอยู่ในตัวเมือง อุไรก็หาทำเลเปิดร้านข้าวแกง ส่วนทวีพลาดรักจากอุไร ก็ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับอัมพร มีลูกสองคน คือ ธนา กับ มยุรีย์ ส่วนอุไรก็คลอดลูกสาว ชื่อ ระพีพรรณ และฝ่ายครอบครัวของลือพงษ์กับพะยอม มีลูกชายชื่อ ลือชัย ส่วนประยูรลูกชายคนเล็ก แย้มก็ให้แต่งงานกับสุดามีลูกด้วยกันสองคน คือ ปวริศ และ ลลดา
ยงยุทธนั้น แย้มไม่เคยคิดจะให้เจอกับแม่อย่างอัมพร แถมยังเสี้ยมสอนให้เกลียดแม่ โดยบอกว่าอัมพรมีคนมาติดพันจนทิ้งสามี แล้วพ่อก็ตรอมใจตาย เด็กชายถูกกรอกหูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทำให้ฝังหัวว่าแม่ตัวเองเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัย เมื่อเวลาผ่านไปจนทุกชีวิตเติบโตและรู้จักกันในฐานะนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน สร้างความระทมทุกข์ให้กับอัมพรเป็นอย่างมาก เพราะเวลาเจอลูกที่โรงเรียนตอนไปรับธนากับมยุรีย์ ยงยุทธจะหลบลี้หนีหน้า เมินเฉย ไม่สนใจไยดี เพราะแย้มกีดกันทุกวิถีทางและบอกว่าแม่ตนมีครอบครัวใหม่อย่างมีความสุขและไม่คิดเหลียวแลตน
สำหรับธนากับมยุรีย์ ก็ไม่เคยนับถือยงยุทธเป็นพี่ชาย เพราะเห็นการกระทำที่ยงยุทธแสดงกับอัมพรและไม่เคยเห็นเขากับมยุรีย์อยู่ในสายตาว่าเป็นพี่เป็นน้องด้วย ความห่างเหินทำให้น้อยคนนักจะรู้ว่าเป็นพี่น้องกัน ส่วนยงยุทธเองก็มีโรคประจำตัวคือ หอบหืดตั้งแต่เด็ก ทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ยังดีที่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ยงยุทธเหนือกว่าธนาพี่น้องต่างพ่อ ก็คือ หทัยรัตน์ ลูกสาวเจ้าของกิจการร้านทอง ที่มีใจให้เขาคนเดียวมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่ธนาก็หลงรักหทัยรัตน์อย่างหัวปักหัวปำ และพยายามตามตื้อหทัยรัตน์ทุกวิถีทางจนฝ่ายหญิงรำคาญ หทัยรัตน์ไม่เคยรู้ความสัมพันธ์ของยงยุทธกับธนา
ส่วนปวริศลูกชายประยูรก็มาตามจีบระพีพรรณ โดยที่อุไรไม่เคยชอบใจสักนิด ทำให้ระพีพรรณคิดเรื่องของตนเองไม่ตก กระทั่งช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย แย้มอยากให้ยงยุทธติดคณะแพทยศาสตร์ แต่ยงยุทธอยากเรียนวิศวกรรมศาสตร์มากกว่า ผลออกมายงยุทธสอบไม่ติดคณะแพทย์สร้างความเสียใจให้แย้มจนเป็นลมพับ ส่วนระพีพรรณก็ทำให้อุไรสมหวังเพราะเธอคือแพทย์หญิงในอนาคต เคียงคู่ไปกับหทัยรัตน์ที่ติดคณะแพทย์เหมือนกัน แต่ในที่สุดยงยุทธสอบติดที่เชียงใหม่ ส่วนปวริศ สอบติดนายร้อยทำให้นางแย้มปลื้มนักหนา และธนาก็ได้โควตาด้านกีฬาของมหาลัยแห่งหนึ่ง
ส่วนลือชัยเรียนวิทยาลัยเทคนิค คบเพื่อนไม่ดี วัน ๆ ไม่สนใจการเรียน เข้าไปพัวพันกับยาเสพติดทำให้ถูกตำรวจจับติดคุกเสียผู้เสียคน สร้างความเสียใจให้กับพะยอมและลือพงษ์มาก ลือพงษ์เองก็ทำตัวเป็นเสี่ยยุ่งกับสาว ๆ มากหน้าหลายตา ด้านอุไรเองก็สั่งระพีพรรณเด็ดขาดว่าห้ามไปข้องเกี่ยวกับลือพงษ์ที่แอบมาหาลูกอยู่บ่อย ๆ ส่วนระพีพรรณกลุ้มใจที่อุไรขอให้เธอแกล้งทำดีกับปวริศแล้วตีจากเพื่อให้ปวริศเจ็บช้ำมากที่สุด เพราะระพีพรรณอ่อนไหวทุกครั้งที่ได้เจอปวริศ และปวริศก็รักระพีพรรณจนถอนใจไม่ขึ้น ธนายังตามรักหทัยรัตน์ไม่เสื่อมคลาย
-จบภาคแสนรัก-
ภาคสุดแค้นแสนรัก พ.ศ. 2544
เวลาผ่านไปธนากลายเป็นนักร้องนักแสดงที่มีชื่อเสียง เช่นเดียวกับลลดาซึ่งกลายเป็นดาราสาวสุดฮอต ลลดาแอบชอบธนามานานแล้ว แต่ธนาไม่เคยสนใจ ส่วนมยุรีย์เรียนจบกลับมาเป็นคุณครู ยงยุทธเองก็ได้เป็นผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง หทัยรัตน์กับระพีพรรณเรียนจบแพทย์ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน ความสัมพันธ์ของหทัยรัตน์กับยงยุทธนับวันยิ่งห่างเหิน ผิดกับธนาที่ยังรักมั่นคงเสมอต้นเสมอปลายกับหทัยรัตน์จนทำให้หทัยรัตน์หวั่นไหวขึ้นทุกวัน พอ ๆ กับ ปวริศที่ยังมั่นคงเหนียวแน่นต่อระพีพรรณ ซึ่งยิ่งทำให้ระพีพรรณหนักใจเพราะอุไรไม่ยอมรับในตัวปวริศแน่นอน คนที่สร้างปัญหาให้ระพีพรรณอีกคนคือ ลือชัย ที่หลังออกจากคุกก็ติดยาบ้า ทำให้พะยอมผู้เป็นแม่เครียด ระพีพรรณต้องทำหน้าที่พาน้องต่างมารดาไปบำบัด และคอยดูแล ทำให้พะยอมซาบซึ้งใจระพีพรรณมาก
ส่วนอัมพรเองก็ตรอมใจเรื่องยงยุทธหนักขึ้นทุกวัน ในที่สุดก็ล้มป่วยหนัก ทุกคนพยายามให้ยงยุทธมาเยี่ยมอัมพรทำให้หทัยรัตน์รู้ความจริงว่ายงยุทธกับธนาเป็นพี่น้องแม่เดียวกัน จากระพีพรรณเพราะมาขอร้องให้หทัยรัตน์พายงยุทธมาหาอัมพรให้ได้ หลังจากหทัยรัตน์พยายามอย่างหนัก สุดท้ายยงยุทธก็ใจอ่อนยอมมาเยี่ยมอัมพรจนได้ เมื่ออัมพรเจอยงยุทธก็ดีใจมาก สั่งเสียให้พี่น้องอย่าทอดทิ้งกัน ช่วยเหลือกันเวลามีเรื่องเดือดร้อน ให้รักย่าให้มาก ๆ และขอร้องอุไรไม่ให้ขัดขวางความรักของปวริศกับระพีพรรณ อุไรจำใจตอบตกลงเห็นแก่พี่สาวที่กำลังจะจากโลกนี้ไป อัมพรสิ้นใจอย่างสงบ…
สุดาตัดสินใจบอกเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตที่เป็นปมขัดแย้งระหว่างย่าแย้มกับอัมพรให้ยงยุทธรู้ เพื่อกำจัดคนที่จะได้รับมรดกจากแย้มได้อีกหนึ่งคน เมื่อยงยุทธรู้เรื่องราวแล้วก็รับไม่ได้กับการกระทำของผู้เป็นย่า เขาโกรธย่ามากกลับไปทะเลาะกับแย้มยกใหญ่ และเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้าน ยอมทิ้งทุกอย่างมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ ทำให้แย้มเกือบหัวใจสลาย งานศพอัมพร แย้มตามหายงยุทธในงาน แต่ก็ไม่พบเพราะเขาไม่ได้มางานศพ ปวริศเองก็ตัดสินใจไปหาอุไรขอแต่งงานกับระพี อุไรรับปากง่ายดาย แต่ก็มีเงื่อนไขคือนางแย้มย่าของปวริศต้องตายก่อน ทำให้ระพีพรรณไม่พอใจที่อุไรทำร้ายจิตใจปวริศแบบนั้น ความขุ่นใจเรื่องนี้ไม่ทันหาย
ระพีพรรณก็ได้รับข่าวร้ายเรื่องพ่อคือลือพงษ์ขับรถลงข้างทางเข้าห้องฉุกเฉินและถึงขั้นเป็นอัมพาต สร้างความทุกข์ให้พะยอมเพิ่มขึ้น ส่วนยงยุทธหลังจากออกจากบ้านไป ก็ได้ไปเป็นผู้จัดการรีสอร์ทที่ลำปาง ซึ่งเป็นของวสันต์เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้สนใจครอบครัวอีกเลย โดยเฉพาะแย้มที่ตอนนี้กำลังเกิดปัญหากับลูกหนี้ ไม่ยอมผ่อนดอกเบี้ยทะเลาะตบตีกันจนทำให้นางแย้มแค้นและจ้างคนไปแก้แค้นลูกหนี้คนนี้จนเรื่องถึงตำรวจ ทำให้ประยูรหนักใจ
ธนาอยากพาหทัยรัตน์ไปพักผ่อนต่างจังหวัด จึงชวนปวริศ ระพีพรรณ ไปด้วยกัน บังเอิญมาพักรีสอร์ทที่ยงยุทธทำงานอยู่ ทำให้ยงยุทธเห็นความสนิทสนมของธนากับหทัยรัตน์และนึกน้อยใจว่าหทัยรัตน์คงคิดเปลี่ยนใจจากเขาแน่ ยงยุทธก็ได้พูดคุยกับหทัยรัตน์ที่รีสอร์ท เขาถามให้มั่นใจว่าความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิมหรือไม่ หทัยรัตน์รู้ใจตัวเองว่าไขว้เขวมาทางธนา แต่ตอนนี้ก็ไม่อาจทำร้ายใจยงยุทธได้ จึงถนอมใจว่ายังคงเหมือนเดิม
ลลดาขับรถชนมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ตกใจโทรหาก้องภพ ทำให้ลลดารู้สึกดีกับก้องภพมากที่มาช่วยเหลือ ข่าวร้ายของประยูรก็มาถึงเมื่อแย้มเกิดป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทำให้ต้องพยายามตามหายงยุทธกลับมาเป็นกำลังใจให้ย่า ส่วนธนาดูท่าทางแล้วว่าหทัยรัตน์คงจะยังตัดสินใจไม่เด็ดขาดว่าจะเลือกใคร เขาเลือกจะเป็นฝ่ายไปโดยจะไปเรียนต่อเมืองนอก หทัยรัตน์ใจหายรีบเผยความรู้สึกที่แท้จริงในใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปเพราะเธอรู้ใจตัวเองแล้วว่าเธอรักธนาไม่ใช่ยงยุทธอีกต่อไป ธนาดีใจมากและไม่ไปเรียนต่อยอมทำตามใจหทัยรัตน์ทุกอย่างเพียงเธอต้องการ
อาการแย้มไม่ดีขึ้นและยังคิดถึงหลานมาก ในที่สุดยงยุทธก็ติดต่อกลับมาที่หทัยรัตน์และคิดจะกลับมาเยี่ยมย่า แต่พอดีเขามีอาการหอบหืดกำเริบเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ระพีพรรณกับลลดาจึงมาตามเขา พาเขากลับมาหาย่าจนได้ แต่เมื่อมาถึงยงยุทธกลับตัดพ้อเรื่องในอดีต และบอกว่าเกลียดย่า ทำให้แย้มเสียใจ ในขณะที่สุดาสะใจที่ได้เห็นภาพสุดแค้นแสนรักของย่าหลาน และหวังว่าครอบครัวตนจะได้ครอบครองสมบัติแต่เพียงผู้เดียว
พะยอมต้องกลับไปดูแลลือพงษ์แทนอ้อย เมียของลือชัยที่กำลังแพ้ท้อง ทำให้หน้าที่ดูแลแย้มเป็นของสุดา ซึ่งเป็นโอกาสดีที่สุดาจะเป่าหูแย้มเรื่องที่ยงยุทธเนรคุณและยุยงให้เปลี่ยนพินัยกรรม แย้มเมื่อฟังสุดาให้ร้ายหลานรักก็นึกอยากเปลี่ยนพินัยกรรมใหม่โดยไม่บอกอะไรกับสุดา คือ ยกที่นาต.หนองกะโดนหกสิบห้าไร่ที่จะยกให้ประยูรกับสุดาเปลี่ยนให้เป็นยงยุทธแทน ยงยุทธพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับหทัยรัตน์ เพราะเริ่มรู้สึกแล้วว่าหทัยรัตน์เปลี่ยนไปและคงเป็นเพราะธนา ยงยุทธรุกหนักโทรคุยเรื่องแต่งงานกับหทัยรัตน์ ทำให้เธอตัดสินใจบอกความจริง แต่ไม่ทันพูดอะไรยงยุทธก็มีอาการหอบหืดกำเริบเพราะเขาดื่มเหล้าย้อมใจ
ลลดารีบช่วยพาส่งโรงพยาบาล หลังจากหายป่วยยงยุทธกลับบ้านมาเห็นรองเท้าคู่เท่าฝาหอยคู่เก่าเก็บของเขาวางบนเตียง ทำให้เขาสำนึกในบุญคุณที่ย่าเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กจึงรีบไปหาย่า ทำให้สุดาระแวงว่าแย้มจะเปลี่ยนใจยกสมบัติให้ยงยุทธอีก ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าพินัยกรรมที่แย้มเปลี่ยนไปนั้นตัวเองได้เสียผลประโยชน์แล้ว สุดาจึงลักลอบเพิ่มความเร็วของสายน้ำเกลือให้เร็วขึ้นจนแย้มหัวใจวายตาย ยงยุทธเสียใจมาก แต่สุดากลับไล่เขาทางอ้อมให้ขยับขยายเพราะย่าอาจจะไม่ยกสิ่งใดให้เขาเลยก็ได้ แต่เมื่อพินัยกรรมของแย้มเปิด สุดาเองที่ต้องกลายเป็นคนที่ได้น้อยที่สุด ยงยุทธทำให้เขาตื้นตันใจที่ย่ารักเขามากถึงเพียงนี้ สุดาเจ็บใจที่สมบัติที่ตนจะได้กลายเป็นของยงยุทธจากความโลภของตนเอง
หทัยรัตน์ตัดสินใจบอกเลิกยงยุทธทางจดหมาย เพราะไม่กล้าที่จะบอกต่อหน้าเนื่องจากยงยุทธต้องเจอกับเรื่องสะเทือนใจมากมาย แต่ถ้าไม่บอกตอนนี้ปัญหาก็จะคาราคาซังต่อไปไม่จบ ยงยุทธอ่านจดหมายแล้วเสียใจมาก เขาเขียนพินัยกรรมยกสมบัติทั้งหมดให้กับลลดาลูกของประยูรกับสุดาที่มักจะคอยห่วงใยเขาเสมอ และตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ ลลดา ธนา และหทัยรัตน์ช่วยไว้ได้ทัน ธนารู้สึกผิดที่เขาได้ทำร้ายยงยุทธจึงขอให้หทัยรัตน์เลือกยงยุทธเสีย แต่หทัยรัตน์ไม่ยอมเพราะยงยุทธน่าจะค่อย ๆ เรียนรู้การสูญเสีย แต่ธนากลัวว่ายงยุทธจะคิดสั้นอีก ธนาจึงพยายามออกห่างหทัยรัตน์ แต่ยงยุทธรู้แล้วว่าหทัยรัตน์ไม่ได้รักเขาต้นเหตุก็เกิดจากตัวเขาเอง และเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นทำให้เขาตัดสินใจบวช หทัยรัตน์กับธนาจึงมาขอขมายงยุทธในงานบวช
ส่วนปวริศกับระพีพรรณ ธนาก็ช่วยพาสุดาและประยูรไปสู่ขอกับอุไร อุไรตอบตกลงแต่มีข้อแม้ให้ใช้นามสกุลฝ่ายหญิง เพราะเธอไม่มีลูกผู้ชายสืบสกุล ทำให้ระพีพรรณขุ่นเคืองใจแม่มาก แต่ในที่สุดประยูรกับสุดาก็ยอมมาขอขมาทั้งน้ำตาเพื่อความสุขของลูกทั้งสองฝ่าย อย่าได้เหมือนกับรุ่นพ่อแม่ที่ต้องผิดหวัง ทำให้อุไรยอมอโหสิกรรมทั้งน้ำตาเช่นกัน มยุรีย์น้องของธนาอีกคนก็มีแฟนเป็นผู้กองวันชนะคอยดูแลทำให้ธนาหายห่วงไปอีกคน พระยงยุทธขึ้นธรรมาสน์เทศน์ โดยมีแม่ชีอ่ำ ยายของเขาและทุกคนมาพร้อมหน้ากัน เทศนาธรรมที่ซาบซึ้งในเรื่องของความรัก ที่ก่อให้เกิดทั้งสุข ทุกข์ หรือแม้แต่ความเจ็บปวด อานุภาพของความรักช่างยิ่งใหญ่ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกให้เป็นอานุภาพที่สุดแค้น หรือแสนรัก
บทประพันธ์โดย : จุฬามณี
บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
กำกับการแสดงโดย : กฤษณ์ ศุกระมงคล, อดุลย์ ประยันโต
ผลิตโดย : บริษัท เมคเกอร์ เค จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช, กฤษณ์ ศุกระมงคล
รายชื่อนักแสดงนำใน ละคร สุดแค้นแสนรัก รุ่นพ่อแม่ พ.ศ. 2515
พัชฏะ นามปาน รับบท ประยงค์
ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ รับบท ร.ต.ต ทวี
มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล รับบท อัมพร
พรชิตา ณ สงขลา รับบท อุไร
วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ รับบท ลือพงษ์
รฐา โพธิ์งาม รับบท สุดา
น้ำฝน กุลณัฐ รับบท พะยอม
พิษณุ นิ่มสกุล รับบท ประยูร
จินตหรา สุขพัฒน์ รับบท อ่ำ
รัดเกล้า อามระดิษ รับบท แย้ม
รายชื่อนักแสดงนำใน ละคร สุดแค้นแสนรัก รุ่นลูก พ.ศ. 2533 (วัยมัธยม)
จักริน ภูริพัฒน์ รับบท ยงยุทธ
วิชยุตม์ ลิ่มรัตนะมงคล รับบท ธนา
นิคิต้า กรรณเกตุ รับบท หทัยรัตน์
พิสิฐพงศ์ ช่างหล่อ รับบท ปวริศ
สรัลชนา อภิสมัยมงคล รับบท ระพีพรรณ
พรสรวง รวยรื่น รับบท มยุรีย์
ครองขวัญ มงคล รับบท ลลดา
รวีโรจน์ รัตนตระกูลชัย รับบท ลือชัย
รายชื่อนักแสดงนำใน ละคร สุดแค้นแสนรัก รุ่นลูก พ.ศ. 2544 (วัยทำงาน)
คณิน ชอบประดิถ รับบท ยงยุทธ
ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ รับบท ธนา
ศิรินทร์ ปรีดียานนท์ รับบท หทัยรัตน์
เศรษฐพงศ์ เพียงพอ รับบท ปวริศ
อนุธิดา อิ่มทรัพย์ รับบท ระพีพรรณ
ชุติมณฑน์ สกุลไทย รับบท ลลดา
พรรณปพร ศรีดุรงคธรรม รับบท มยุรีย์
อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ รับบท ลือชัย
รายชื่อนักแสดงรับเชิญ ละคร สุดแค้นแสนรัก
สุทธิพงษ์ วัฒนจัง รับบท โกตา
ไปรมา รัชตะ รับบท นกเล็ก
วาสิฎฐี ศรีโลฟุ้ง รับบท สำลี
พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา รับบท ป้าย้อย
ธนา สินประสาธน์ รับบท นาก
ไกรลาศ เกรียงไกร รับบท ผู้ใหญ่บุญส่ง
นึกคิด บุญทอง รับบท ตาเทือง
อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รับบท ตาขัน
มยุรี อิศวรเสนา ณ อยุธยา รับบท ยายเม้า
เตชินท์ ปิ่นชาตรี รับบท วสันต์
สุดแค้นแสนรัก ซึ่งเป็นละครภาคต่อจาก กรงกรรมเป็นบทประพันธ์ของ จุฬามณี (นิพนธ์ เที่ยงธรรม) นำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สร้างโดย บริษัท เมคเกอร์ เค จำกัด กำกับการแสดงโดย กฤษณ์ ศุกระมงคล และ อดุลย์ ประยันโต นำแสดงโดย รัดเกล้า อามระดิษ พรชิตา ณ สงขลา มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล พัชฏะ นามปาน วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ เริ่มถ่ายทำในเดือนมกราคม พ.ศ. 2557 ออกอากาศครั้งแรกระหว่างวันที่ 18 เมษายน–29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
การผลิต
ละครเรื่องนี้ เป็นละครแนวย้อนยุค ใช้เวลาถ่ายทำนาน 16 เดือน โดยเริ่มถ่ายทำในเดือนมกราคม พ.ศ. 2557 และมีการถ่ายทำในต่างจังหวัดหลายแห่ง การคัดตัวนักแสดงนั้น นักแสดงรุ่นใหญ่เป็นนักแสดงที่วางตัวไว้แต่แรก ส่วนนักแสดงหน้าใหม่นั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ประวิทย์ มาลีนนท์ อยากให้ปั้นนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งเคยมีละครที่ประสบความสำเร็จในการปั้นนักแสดงหน้าใหม่อย่าง 4 หัวใจแห่งขุนเขา และสุภาพบุรุษจุฑาเทพ
เพลงประกอบละคร
ก่อนที่ละครจะปิดกล้อง ผู้จัด ได้ให้หนึ่ง ณรงค์วิทย์มาแต่งเพลงละคร โดยได้นัดดา วิยะกาญจน์ มาร้องเพลง “เจ็บนี้จำจนตาย” ซึ่งถือเป็นการร้องเพลงละครครั้งแรก และถือเป็นเพลงหลักของละครเรื่องนี้ ส่วนเพลงอื่น ๆ ในละครได้แก่เพลง “แพ้รัก” ร้องโดย วาทิยา รวยนิรัตน์ และ “ให้ตายก็ไม่รักกัน” ร้องโดย ชาติ สุชาติ นอกจากนั้นในละครยังมีการใช้เพลงเพื่อแสดงในยุคสมัย อย่างเพลง “ยินยอม” ของอัสนี วสันต์ เพลง “สลัด…สะบัด” ของปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ซึ่งแสดงในเรื่องนี้ด้วย ในฉากที่ธนาเล่นคอนเสิร์ต ในยุคปี พ.ศ. 2544
การตอบรับ
ได้รับการวิจารณ์ว่า ละครเรื่องนี้เหมือน “ม้านอกสายตา” ก่อนออกฉายดูไม่โดดเด่น เพราะพระเอกนางเอก ไม่ใช่นักแสดงในกระแส แต่เมื่อออกอากาศได้รับกระแสตอบรับอย่างมาก คือมีจุดแข็งทั้งบทและนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงรุ่นพ่อแม่ รุ่นลูกตอนเด็กและตอนโต ที่ใช้นักแสดงใหม่แทบทั้งหมด คมชัดลึกวิจารณ์นักแสดงรุ่นลูกว่า แสดงออกมาค่อนข้างดี คนที่น่าชื่นชมคือ อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ ที่รับบทลือชัย บทแสดงน้อยที่พลังมากมายมหาศาล ส่วนคณิน ในบทยงยุทธ ช่วงแรกทำได้ติดจะแข็งทื่อ แต่มาพีคทุกครั้งในฉากอารมณ์ ถือว่าทำได้ดี ส่วนตัวละครที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดคือ “แย้ม หมั่นกิจ” รับบทโดยรัดเกล้า อามระดิษ ที่ร้ายกาจสมบทบาท ซึ่งรัดเกล้าออกมายอมรับว่า “…รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทาย ทำให้เราอยากจะลองเป็นตัวละครนี้ให้ได้ แต่พอรับมาแล้วรู้สึกเหนื่อยมาก… ” จากผลสำรวจของไทยพีเพิลส์ชาร์ต (Thailand People’s Chart) ในหัวข้อ “นางร้ายที่คนไทยชื่นชอบ” เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ก็พบว่ารฐา โพธิ์งาม และรัดเกล้า อามระดิษ จากละครเรื่องนี้อยู่อันดับที่ 2 และ 4 ตามลำดับ หากจำแนกก็พบว่าคนโสดส่วนใหญ่ให้คะแนนรฐา และผู้ที่มีการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไปส่วนใหญ่ให้คะแนนรัดเกล้า
นอกจากนี้ยังมีกระแสในโซเชียลมีเดีย เมื่อมีผู้โพสต์ลงในเฟซบุกส่วนตัวว่า แย้ม หมั่นกิจ ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญนั้นมีตัวตนจริง โดยเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในตำบลหนองนมวัว อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมกับลงรูปของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง พร้อมกับมีข้อความระบุให้เชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคือนางแย้ม และระบุว่านางแย้มเป็นบุคคลที่มีอารมณ์ร้าย แต่ได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 แต่ในส่วนของจุฬามณี ซึ่งเป็นผู้ประพันธ์ยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องแต่ง และรูปของผู้หญิงที่ถูกอ้างว่าเป็นตัวจริงของนางแย้ม แท้จริงแล้วเป็นรูปป้าของตน
สุดแค้นแสนรัก เป็นละครที่มีเรตติ้งสูงสุดของช่อง 3 ในปี 2558 มีเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุด 11.9
รางวัล
สยามดารา สตาร์ อวอร์ด 2015 สาขารางวัล ละครยอดเยี่ยม,ผู้กำกับยอดเยี่ยม สาขาละครโทรทัศน์ (กฤษณ์ ศุกระมงคล และ อดุลย์ ประยันโต),นักแสดงดาวรุ่ง (วิชยุตม์ ลิ่มรัตนะมงคล),ร้ายได้ใจ (รัดเกล้า อามระดิษ)
สีสันบันเทิงอวอร์ด 2015 สาขารางวัล ละครยอดนิยมแห่งปี,ผู้กำกับยอดเยี่ยม (กฤษณ์ ศุกระมงคล และ อดุลย์ ประยันโต),นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (รัดเกล้า อามระดิษ)
รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 30 สาขารางวัล ละครดีเด่น
เอ็มไทยท็อปทอล์กอะเบาต์ 2016 สาขารางวัล นักแสดงหญิงที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด (รัดเกล้า อามระดิษ) ,ละครที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด
คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 13 สาขารางวัล บทละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม (ยิ่งยศ ปัญญา),นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์),นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (รัดเกล้า อามระดิษ),ละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม
รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 7 สาขารางวัล เพลงละครยอดเยี่ยม (เจ็บนี้จำจนตาย ขับร้อง นัดดา วิยกาญจน์),ทีมนักแสดงยอดเยี่ยม,นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (พรชิตา ณ สงขลา),นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (รัดเกล้า อามระดิษ),ผู้กำกับยอดเยี่ยม (กฤษณ์ ศุกระมงคล และ อดุลย์ ประยันโต),ละครยอดเยี่ยม
International Drama Festival in Tokyo 2016 สาขารางวัล ละครต่างประเทศยอดเยี่ยม