ตะวันฉาย (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) และ บูรพา (ยุกต์ ส่งไพศาล) สองพี่น้องเติบโตในครอบครัวตำรวจ ซึ่งมีจ่าเวศ (สรพงศ์ ชาตรี) เป็นหัวหน้าครอบครัว พวกเขาทั้งสองคนแตกต่างกันทั้งอุปนิสัยความคิด ตะวันฉายนั้นเถรตรง ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ความถูกต้อง เช่นเดียวกับพ่อ แต่บูรพานั้นเป็นคนช่างฝันเหมือนกับ ผกา (สุปราณี เจริญผล) ผู้เป็นแม่
เพลงประกอบละคร ตะวันตัดบูรพาละคร ตะวันตัดบูรพา 2558
ในที่สุดจุดเปลี่ยนของครอบครัวก็เกิดขึ้น เมื่อตะวันฉายเกิดไปรู้เห็นการฆาตกรรมของผู้มีอิทธิพล และได้เป็นพยานชี้ตัวคนร้าย โดยไม่สนใจคำเตือนของบูรพา ทำให้พรรคพวกของผู้ต้องหาผูกใจเจ็บ หวนมาแก้แค้นตะวันฉายในวันเกิดของ จ่าเวศ จนทำให้จ่าเวศต้องกลายเป็นคนพิการ ในขณะที่ผกาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
ด้วยความโกรธแค้น บูรพาจึงบุกไปล้างแค้นกลุ่มผู้มีอิทธิพล กระทั่งพลั้งมือสังหารหัวโจกตาย เพราะกลัวจะต้องรับโทษ บูรพาจึงขอร้องให้ตะวันฉายพาเขาหลบหนี แต่ตะวันฉายกลับบอกให้บูรพายอมมอบตัว เพราะเขาคิดว่ากฎหมายจะต้องให้ความยุติธรรม แต่รูปคดีกลับไม่เป็นไปตามคาด เมื่อมีการใช้เส้นสาย เลยเป็นเหตุทำให้บูรพาถูกจำคุก เพราะแรงกดดันต่าง ๆ บีบให้บูรพาชิงชังในตัวพี่ชาย จนกลายเป็นความแค้นและจุดแตกหักระหว่างพี่น้องไปในที่สุด
วันเวลาผ่านไป ตะวันฉายมุ่งมั่นที่จะรื้อฟื้นความยุติธรรมของกฎหมาย จึงตัดสินใจสอบเป็นนายตำรวจ ส่วนชีวิตบูรพาที่อยู่ในคุกแตกต่างกับตะวันฉายอย่างสิ้นเชิง ที่นี่ทำให้บูรพาได้รู้จักกับเคี้ยง (บิลลี่ โอแกน) หนึ่งในสมาชิกแก๊งมังกรแดง เป็นผู้ที่ถ่ายทอดวิชาป้องกันตัวให้กับบูรพา
เมื่อถึงวันพ้นโทษบูรพาเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยตัดสินใจทำงานในผับของ เสี่ยเจริญ (สันติสุข พรหมศิริ) เจ้าพ่อแก๊งมังกรแดง บูรพาถูกข่มเหงจาก ชัชชัย (อาณัตพล ศิริชุมแสง) หลานชายของเสี่ยเจริญ ซึ่งไม่ถูกชะตากับบูรพาตั้งแต่แรกเห็น
แต่สิ่งดี ๆ เพียงสิ่งเดียวที่บูรพาได้เจอนับตั้งแต่ออกจากคุกคือการได้รู้จัก ธิชา (จินตนัดดา ลัมะกานนท์) จิตรกรสาวสวย ตะวันฉายรู้ว่าธิชาสนิทสนมกับบูรพา ตะวันฉายจึงต้องถามข่าวคราวของบูรพาจากเธอ จนตะวันฉายสนิทกับธิชาและเริ่มรู้สึกหลงรักเธอ ซึ่งในเวลาเดียวกัน โจ (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) เด็กส่งยาที่ทำหน้าที่เป็นสายตำรวจก็เริ่มรู้สึกชอบพอตะวันฉายมากขึ้นทีละนิด
ด้านบูรพาความซื่อตรงและไม่สอพลอของเขา ทำให้เสี่ยเจริญวางใจเลื่อนชั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ชัชชัยไม่พอใจที่เสี่ยเจริญให้บูรพาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด เลยคิดวางแผนกำจัดบูรพา จังหวะนั้นเอง ทัศน์ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) มือขวาของท่านรอง บารมี (เล็ก ไอศูรย์) รองหัวหน้าพรรคการเมือง และอีกด้านหนึ่งเป็นเอเย่นค้ายาอันดับหนึ่งที่ต้องการกำจัดเสี่ยเจริญเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจค้ายา
ทัศน์ได้บอกเบาะแสกับตะวันฉายว่าเสี่ยเจริญมีการนำเข้ายาครั้งใหญ่ แต่การบอกเบาะแสของทัศน์ครั้งนี้ เพราะหวังยืมมือตะวันฉายสกัดกั้นการขยายอำนาจของเสี่ยเจริญ ตะวันฉายรีบไปเตือนบูรพาให้ทราบถึงการบุกจับผู้ค้ายาที่จุดนัดพบของเสี่ยเจริญ เพราะไม่ต้องการให้บูรพาเข้าร่วมวง แต่บูรพายืนยันจะไป เสี่ยเจริญรู้เรื่องที่ตำรวจวางแผนบุกจับกุมจึงเปลี่ยนสถานที่ใหม่ แต่ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการซุ่มยิงของฝ่ายทัศน์ และครั้งนั้นเองทำให้หัวจักรเอเย่นค้ายารายใหญ่สิ้นอำนาจลง หลังจากเหตุการณ์นี้จบลงทำให้บูรพาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นมือขวาของ เสี่ยเจริญ และ หมู่เสือ (อัครัฐ นิมิตรชัย) ก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับสายสัมพันธ์พี่น้องของตะวันฉายกับบูรพา
หลังจากนั้นตะวันฉายกับบูรพาก็ต้องเผชิญหน้ากันหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งการเผชิญหน้ากันแต่ละครั้งได้สร้างบาดแผลรอยร้าวในใจระหว่างพี่น้องเพิ่มขึ้น ทั้งเรื่องงานและเรื่องความรักซึ่งทั้งคู่ต่างหลงรักธิชาเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตะวันฉายเองก็ไม่กล้าทำร้ายน้องชาย ส่วนบูรพาที่มีโอกาสฆ่าพี่ชายหลายครั้ง ก็ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ และแอบช่วยเหลือตะวันฉายให้รอดจากความตายตลอด เลยทำให้เสี่ยเจริญสงสัยว่าบูรพาจะเป็นสายตำรวจ ขณะที่ชัชชัยก็จ้องจับผิดบูรพามาโดยตลอด ส่วนตะวันฉายก็ถูก สารวัตรเมธา (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) ตำหนิอยู่บ่อย ๆ และเร่งให้ปิดคดีของเสี่ยเจริญโดยเร็ว
เมื่อเสี่ยเจริญรู้ถึงความเคลื่อนไหวของรองบารมีที่วางแผนกำจัดตน ก็ยิ่งคิดจะขยายอำนาจโดยการผลิตยาขายเองผ่านนายทุนชาวญี่ปุ่น แต่แล้วทัศน์ก็รู้ความลับว่าตะวันฉายกับบูรพาว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน จึงปล่อยข่าวจนเป็นเหตุทำให้ตะวันฉายถูกถอดจากกองปราบและย้ายไปเป็นตำรวจท้องที่ ในขณะที่บูรพาก็ถูกชัชชัยจับไปพร้อมกับธิชาเพื่อฆ่าทิ้ง แต่วันนั้นเองเคี้ยงได้รับนิรโทษกรรมออกมาจากคุก ตามมาช่วยชีวิตบูรพาไว้ทัน
ในที่สุดอำนาจของชัชชัยก็เริ่มหมดไป เมื่อไม่มีอำนาจในมือชัชชัยจึงวางแผนหักหลังเสี่ยเจริญโดยร่วมมือกับทัศน์และ เจิมฉัตร (พิชญ์นาฏ สาขากร) ภรรยาเก็บของเสี่ยเจริญ ผู้มีนิสัยเหมือนงูพิษลิ้นสองแฉก จากนั้นชัชชัยก็ลงมือฆ่าเสี่ยเจริญจนสำเร็จ ชัชชัยพยายามหนีการตามล่าของเคี้ยงกับบูรพา แต่เพราะชัชชัยกุมความลับเรื่องการทำธุรกิจค้ายาไว้ทั้งหมด เลยทำให้รองบารมีต้องสั่งทัศน์ตามเก็บ ชัชชัยเพราะกลัวความลับจะรั่วไหลจากปากของชัชชัย ทัศน์จึงตามเก็บชัชชัย แต่ชัชชัยไม่ตาย จึงหาทางเอาชีวิตรอดด้วยการยอมเป็นพยานให้ตำรวจ และต่อรองกับกองปราบฯ ให้ตะวันฉายกลับไปทำงานได้อีกครั้ง เหตุการณ์นี้เองทำให้ทัศน์และ บูรพาต้องตามล่าชัชชัย แต่ชัชชัยหนีการตามล่าของบูรพาและพวกได้ ชัชชัยถูกทัศน์และเจิมฉัตรที่ร่วมมือกันตามล่าตัว อีกทาง ก่อนจะหายตัวไปชัชชัยแอบทิ้งเบาะแสหลักฐานเอาผิดรองบารมีไว้ ทำให้บูรพาได้รู้เห็นหลักฐานที่กุมความลับการค้ายาเสพติดของรองบารมี ทัศน์ตามล่าบูรพาเพื่อกำจัดและแย่งหลักฐานชิ้นสำคัญคืนมา แต่สุดท้ายเสี้ยนหนามอย่างบูรพาก็ยังไม่ตาย เป็นเพราะตะวันฉายเข้ามาช่วยชีวิตบูรพาไว้ได้ทัน บูรพาหวังจะหนีไปต่างประเทศพร้อมธิชา แต่ไม่ทันการณ์ ทัศน์ยกพวกตามมาทันก่อนที่บูรพากับธิชาจะหนีออกนอกประเทศ ซึ่งในขณะเดียวกันฝ่ายตำรวจก็สั่งจับตายบูรพา
ความแค้นครั้งนี้ใกล้ถึงจุดจบ บูรพาจะอยู่หรือตาย? ตะวันฉายจะเลือกน้องหรือความถูกต้อง? ติดตามชมเรื่องราวความรักและความแค้นที่เป็นจุดแตกหักระหว่างพี่น้อง ได้ใน ละครตะวันตัดบูรพา
บทประพันธ์โดย : นิพนธ์ ผิวเณร, ประโยชน์ สุขศรีเจริญสุข
บทโทรทัศน์โดย : ณ พุทธ สุศรีฯ, ก้องเกียรติ โขมศิริ
กำกับการแสดงโดย : ก้องเกียรติ โขมศิริ
นักแสดง
ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ รับบท ตะวันฉาย
ยุกต์ ส่งไพศาล รับบท บูรพา
จินตนัดดา ลัมะกานนท์ รับบท ธิชา
มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ รับบท โจ
อัครัฐ นิมิตชัย รับบท หมู่เสือ
ภูริ หิรัญพฤกษ์ รับบท ทัศน์
อาณัตพล ศิริชุมแสง รับบท ชัชชัย
พิชญ์นาฏ สาขากร รับบท เจิมฉัตร
สรพงษ์ ชาตรี รับบท จ่าเวศ
บิลลี่ โอแกน รับบท เคี้ยง
เล็ก ไอศูรย์ รับบท ท่านรองบารมี
สันติสุข พรหมศิริ รับบท เสี่ยเจริญ
ปรเมศ น้อยอ่ำ รับบท สารวัตรเมธา
สุปราณี เจริญผล รับบท ผกา
อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ รับบท เสริม
สุขพัฒน์ โล่ห์วัชรินทร์ รับบท จ๊อด
แอนดี้ เขมพิมุก รับบท ยักษ์
ตี๋ ดอกสะเดา รับบท จ่าส่ง
ภคชนก์ โวอ่อนศรี รับบท ฉัตร
ตะวันตัดบูรพา เป็นละครโทรทัศน์แนวดราม่าแอ็คชั่น สร้างโดย บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด สร้างจากเค้าโครงเรื่องโดย นิพนธ์ ผิวเณร และประโยชน์ สุขศรีเจริญสุข เป็นเรื่องราวของสองพี่น้องที่มีความขัดแย้งในเรื่องของหน้าที่และความถูกต้อง ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2544 (ช่อง 5) และ พ.ศ. 2558 (ช่องวัน)