ละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 ฟ้ามุ่ย แห่งเวียงหนองหล่ม คือความแสบซนที่ซ่อนอยู่ในชุดร่างทรง “เจ้าแม่ปลาไหลเผือก” เมื่อแผ่นดินบ้านเกิดถูกหมายตาโดยทุนใหญ่ เธอจึงต้องใช้เล่ห์กลและความศรัทธาเป็นเกราะกำบัง ส่วน สัตยา ผู้มาจากโลกศิวิไลซ์ เขามีเพียงความฝันของพ่อและพันธะที่ค้ำคอในการเนรมิตไร่ส้มบนผืนดินนี้ การปะทะกันระหว่างสาวบ้านนอกจอมกะล่อนกับหนุ่มไฮโซผู้เย็นชาจึงเริ่มต้นขึ้น โดยไม่รู้เลยว่าภายใต้ทุกเล่ห์เหลี่ยมที่งัดมาต่อสู้ ความรู้สึกบางอย่างที่เรียกว่า “รัก” กำลังงอกงามท่ามกลางความขัดแย้งที่ยากจะคลี่คลาย

ละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ผสมดราม่า ที่นำเสนอเรื่องราวการปะทะกันระหว่างสาวบ้านนอกสุดแสบกับหนุ่มไฮโซสุดกะล่อน ณ เวียงหนองหล่ม พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเชื่อและศรัทธาในเจ้าแม่ปลาไหลเผือก ละครเรื่องนี้นำเสนอการต่อสู้เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินเกิด ความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวท่ามกลางความขัดแย้ง และการพิสูจน์ตัวตนผ่านความฉลาดเฉลียวและเจ้าเล่ห์ของตัวละครหลัก

เรื่องราวเกิดขึ้นที่เวียงหนองหล่ม หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความเชื่อในเจ้าแม่ปลาไหลเผือก ผู้สิงสถิตและปกป้องชาวบ้าน เมื่อ “สัตยา” หนุ่มไฮโซแบดบอยจากเมืองกรุง เดินทางมาพร้อมโปรเจกต์กว้านซื้อที่ดินเพื่อสร้างไร่ส้มตามความฝันของ ไตรภพ ผู้เป็นพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาต้องเผชิญแรงกดดันจาก “อมรา”  แม่ผู้บริหารบริษัทอนันต์ทรัพย์เมธา ที่ยื่นคำขาดว่าหากโปรเจกต์นี้ล้มเหลว สัตยาจะถูกตัดออกจากกองมรดก

ในขณะเดียวกัน “ฟ้ามุ่ย” เด็กสาวกะโปโลแห่งเวียงหนองหล่ม หลานสาวของ “ยายรื่น” ร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก ไม่ยอมให้คนนอกมาหาผลประโยชน์จากหมู่บ้านของเธอ ฟ้ามุ่ยใช้ความฉลาดและเจ้าเล่ห์สวมบทบาทร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก แม้ตัวเองจะไม่เชื่อในสิ่งนี้ เพื่อปลุกระดมชาวบ้านต่อต้านสัตยา เธอพิสูจน์ตัวเองจนชาวบ้านศรัทธาว่าเธอสามารถสื่อสารกับเจ้าแม่ได้จริง

สัตยา ซึ่งไม่เชื่อในเจ้าแม่ปลาไหลเผือก คอยจับตามองและพยายามจับผิดฟ้ามุ่ย แต่ยิ่งทั้งคู่ปะทะกันมากเท่าไร ความรู้สึกที่ไม่คาดคิดก็เริ่มก่อตัว จากการจับผิดกลายเป็นความหวั่นไหว และความรักที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เรื่องราวนำพาผู้ชมไปสำรวจว่าฟ้ามุ่ยจะปกป้องหมู่บ้านได้หรือไม่ และความรักระหว่างเธอกับสัตยาจะลงเอยอย่างไร

สารบัญละคร

ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 นำเสนอเรื่องราวที่ผสมผสานความสนุก ความขัดแย้ง และความโรแมนติกได้อย่างลงตัว ผ่านการปะทะกันระหว่างฟ้ามุ่ย สาวบ้านนอกจอมแสบ กับสัตยา หนุ่มไฮโซที่มีเป้าหมายใหญ่ ละครเรื่องนี้ไม่เพียงเน้นความบันเทิง แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการปกป้องชุมชนและการค้นหาความหมายของชีวิตท่ามกลางความท้าทาย ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร

ในหมู่บ้านเวียงหนองหล่มอันเงียบสงบ ที่ซึ่งความเชื่อในเจ้าแม่ปลาไหลเผือกยังคงฝังรากลึกในใจชาวบ้าน เรื่องราวของ ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 ได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยการปะทะกันระหว่าง ฟ้ามุ่ย สาวน้อยจอมแสบที่มีหัวใจเพื่อชุมชน กับ สัตยา หนุ่มไฮโซจากเมืองกรุงที่แบกความฝันของพ่อและแรงกดดันจากแม่ เรื่องราวนี้เต็มไปด้วยการต่อสู้ ความขบขัน และความรักที่ผลิบานอย่างไม่คาดฝัน

การปะทะแห่งโชคชะตา

ท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจีของเวียงหนองหล่ม ฟ้ามุ่ย (รับบทโดย อาณดา ประกอบกิจ) เด็กสาวกะโปโลที่เติบโตมาในอ้อมกอดของ ยายรื่น (รับบทโดย ณัฐนี สิทธิสมาน) ร่างทรงแห่งเจ้าแม่ปลาไหลเผือก ฟ้ามุ่ยไม่เคยอยากรับช่วงต่อหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ เธอเป็นสาวน้อยที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความฉลาด แต่หัวใจของเธอผูกพันกับผืนดินเกิด เมื่อข่าวลือว่า สัตยา (รับบทโดย ฐากูร การทิพย์) หนุ่มหล่อไฮโซจากเมืองกรุง เดินทางมากว้านซื้อที่ดินเพื่อสร้างไร่ส้ม ฟ้ามุ่ยรู้ทันทีว่าหมู่บ้านของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย

สัตยาไม่ใช่แค่นายทุนธรรมดา เขามาด้วยภารกิจที่หนักอึ้ง ต้องสานต่อความฝันของ ไตรภพ พ่อผู้ล่วงลับ ที่อยากเห็นไร่ส้มผืนใหญ่เป็นจริง อมรา (รับบทโดย วาสนา พูนผล) แม่ของเขาและผู้บริหารบริษัทอนันต์ทรัพย์เมธา ยื่นคำขาดว่าหากโปรเจกต์นี้ล้มเหลว สัตยาจะสูญเสียทุกอย่างในกองมรดก เขาจึงมุ่งมั่นและไม่ยอมให้อะไรมาขัดขวาง แม้แต่สาวแสบอย่างฟ้ามุ่ย

การต่อสู้ของยัยปลาไหล

เมื่อรู้ว่าสัตยาจะเปลี่ยนผืนนาและวิถีชีวิตของชาวเวียงหนองหล่ม ฟ้ามุ่ยตัดสินใจก้าวขึ้นเป็นผู้นำ เธอสวมบทบาทร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความลังเล เธอใช้ความเจ้าเล่ห์และไหวพริบจัดฉากพิธีศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ชาวบ้านศรัทธาว่าเธอสื่อสารกับเจ้าแม่ได้จริง ฟ้ามุ่ยปลุกระดมชาวบ้านให้รวมพลังต่อต้านการซื้อที่ดินของสัตยา ชาวบ้านอย่าง เที่ยง (รับบทโดย กาจบัณฑิต ใจดี) และ ป้าเอื้อง (รับบทโดย วนิดา เชิญยิ้ม) ต่างยืนเคียงข้างเธอด้วยความเชื่อมั่น

สัตยาไม่ยอมง่ายๆ เขาสงสัยในตัวฟ้ามุ่ยและมองว่าเจ้าแม่ปลาไหลเผือกเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง เขาคอยจับตามองทุกย่างก้าวของเธอ ตั้งใจจับผิดเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของร่างทรงสาว การปะทะกันของทั้งคู่เต็มไปด้วยเล่ห์กลและความขบขัน ฟ้ามุ่ยวางแผนขัดขวางทุกครั้งที่สัตยาพยายามเจรจากับชาวบ้าน ขณะที่สัตยาตอบโต้ด้วยความเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน

ความรักที่ผลิบานท่ามกลางความขัดแย้ง

วันเวลาผ่านไป สัตยาเริ่มมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของฟ้ามุ่ย เธอไม่ใช่แค่สาวบ้านนอกที่เจ้าเล่ห์ แต่เป็นผู้หญิงที่มีความรักต่อชุมชนและความกล้าที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกัน ฟ้ามุ่ยก็ได้เห็นด้านที่เปราะบางของสัตยา ความมุ่งมั่นของเขาในการสานต่อความฝันของพ่อทำให้เธอเริ่มมองเขาในมุมใหม่

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อโปรเจกต์ของสัตยาเผชิญวิกฤต ชาวบ้านปฏิเสธการขายที่ดิน และอมราเริ่มกดดันให้เขาใช้กลยุทธ์ที่รุนแรงขึ้น ฟ้ามุ่ยตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วย เธอใช้ความสัมพันธ์กับชาวบ้านและความรู้ในท้องถิ่นเพื่อหาทางออกที่ไม่ทำร้ายชุมชน การทำงานร่วมกันทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ค่ำคืนหนึ่งใต้แสงจันทร์ที่เวียงหนองหล่ม สัตยาเผยความในใจ สารภาพว่าเขาหลงรักฟ้ามุ่ยโดยไม่รู้ตัว เธอเองก็ยอมรับว่าหัวใจของเธอเริ่มหวั่นไหวเช่นกัน

อุปสรรคจากภายนอก

ความรักของทั้งคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นลิน (รับบทโดย ดิศริญากรณ์ ดิศกุล ณ อยุธยา) เพื่อนสนิทของสัตยา พยายามเข้ามาแทรกกลาง ขณะที่อมราสั่งให้สัตยาเร่งซื้อที่ดินโดยไม่สนใจความรู้สึกของชาวบ้าน เธอเชื่อว่านี่เป็นวิธีดัดนิสัยลูกชายให้รับผิดชอบ สัตยาต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ ระหว่างการทำตามคำสั่งของแม่เพื่อรักษามรดก หรือยืนหยัดเคียงข้างฟ้ามุ่ยเพื่อปกป้องเวียงหนองหล่ม

จุดไคลแมกซ์ การต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง

ในช่วงเวลาวิกฤต สัตยาเลือกที่จะยืนข้างฟ้ามุ่ย เขาปฏิเสธคำสั่งของอมราและร่วมมือกับชาวบ้านเพื่อปรับโปรเจกต์ไร่ส้มให้เป็นโครงการที่ยั่งยืน ร่วมมือกับชุมชนแทนการกว้านซื้อที่ดิน ฟ้ามุ่ยและสัตยานำชาวบ้านต่อสู้เพื่อรักษาผืนดินของเวียงหนองหล่ม โดยมี ยายรื่น และผู้นำชุมชนอย่าง กำนันคำป้อ (รับบทโดย เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) คอยให้การสนับสนุน สุดท้าย โครงการไร่ส้มกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ผสานความฝันของสัตยาเข้ากับการรักษาวิถีชีวิตของชาวบ้าน

ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 เป็นละครที่ผสมผสานความสนุก ความโรแมนติก และข้อคิดเกี่ยวกับการรักษามรดกทางวัฒนธรรมและชุมชน การเดินทางของฟ้ามุ่ยและสัตยาจากคู่ปรับสู่คู่รักเต็มไปด้วยอารมณ์และความน่าประทับใจ ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

เนื้อเรื่อง การปะทะที่กลายเป็นความรัก

ละครเล่าเรื่องราวของ ฟ้ามุ่ย (รับบทโดย อาณดา ประกอบกิจ) สาวน้อยจอมแสบแห่งเวียงหนองหล่ม ที่ต้องสวมบทบาทร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือกเพื่อปกป้องหมู่บ้านจากการกว้านซื้อที่ดินของ สัตยา (รับบทโดย ฐากูร การทิพย์) หนุ่มไฮโซจากเมืองกรุงที่มีภารกิจสานต่อความฝันของพ่อด้วยโปรเจกต์ไร่ส้ม ภายใต้แรงกดดันจาก อมรา (รับบทโดย วาสนา พูนผล) แม่ของเขา การปะทะกันระหว่างฟ้ามุ่ยและสัตยานำไปสู่ความขัดแย้งที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล แต่เมื่อทั้งคู่ได้รู้จักกันมากขึ้น ความรู้สึกที่ไม่คาดฝันก็เริ่มก่อตัว เรื่องราวดำเนินไปด้วยการต่อสู้เพื่อชุมชน ความรักที่ค่อยๆ ผลิบาน และการค้นหาความหมายของชีวิต

พล็อตเรื่องมีความสดใหม่ด้วยการนำเสนอความขัดแย้งระหว่างวิถีชีวิตท้องถิ่นกับความทันสมัยของเมืองใหญ่ การใช้ความเชื่อในเจ้าแม่ปลาไหลเผือกเป็นจุดศูนย์กลางช่วยเพิ่มสีสันและสร้างเอกลักษณ์ให้กับละคร แม้ว่าบางฉากอาจดูเกินจริงตามสไตล์ละครไทย แต่การเล่าเรื่องที่กระชับและการผสมผสานอารมณ์ขันทำให้ผู้ชมติดตามได้อย่างเพลิดเพลิน

การแสดง เคมีที่ลงตัวและตัวละครที่โดดเด่น

อาณดา ประกอบกิจ ในบทฟ้ามุ่ย ถ่ายทอดความแสบซนและความฉลาดได้อย่างเป็นธรรมชาติ เธอทำให้ตัวละครมีทั้งความน่ารักและความเข้มแข็ง โดยเฉพาะฉากที่ต้องสวมบทบาทร่างทรง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสลับอารมณ์ได้อย่างน่าประทับใจ ฐากูร การทิพย์ ในบทสัตยา ก็ไม่น้อยหน้า เขานำเสนอภาพหนุ่มไฮโซที่ทั้งกะล่อนและเปราะบางได้อย่างลงตัว เคมีระหว่างทั้งคู่เป็นจุดเด่นของละคร โดยเฉพาะฉากปะทะคารมและฉากโรแมนติกที่ทำให้ผู้ชมต้องจิกหมอน

นักแสดงสมทบก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กัน ณัฐนี สิทธิสมาน ในบทยายรื่น นำเสนอความอบอุ่นและความศรัทธาได้อย่างน่าเชื่อถือ ส่วน วาสนา พูนผล ในบทอมรา แสดงถึงความเข้มแข็งและความเย็นชาของผู้บริหารได้อย่างสมจริง ตัวละครสมทบอย่าง เที่ยง (กาจบัณฑิต ใจดี) และ ป้าเอื้อง (วนิดา เชิญยิ้ม) เพิ่มความขบขันและความเป็นชุมชนให้กับเรื่องราว ทำให้เวียงหนองหล่มมีชีวิตชีวา

งานสร้างและการกำกับ ภาพสวย บรรยากาศอบอุ่น

การกำกับโดย วิชิต วัฒนานนท์ และการควบคุมการผลิตโดย แป๊ป ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ จากค่าย มายน์ แอท เวิร์คส์ ทำให้ละครมีคุณภาพการผลิตที่ยอดเยี่ยม ฉากของเวียงหนองหล่มถูกถ่ายทอดด้วยภาพทุ่งนาและธรรมชาติที่สวยงาม สร้างบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและผูกพันกับสถานที่ การออกแบบฉากพิธีร่างทรงและเทศกาลหมู่บ้านทำได้อย่างมีสีสัน สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างดี

ดนตรีประกอบและเพลงประกอบละครช่วยเสริมอารมณ์ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะเพลงที่ใช้ในฉากโรแมนติกและฉากดราม่าที่ช่วยขับเน้นความรู้สึกของตัวละคร อย่างไรก็ตาม บางฉากอาจมีการใช้เอฟเฟกต์ที่ดูเกินจริงเล็กน้อย ซึ่งอาจไม่ถูกใจผู้ชมที่ชอบความสมจริง

คะแนน 8.5/10 ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 เป็นละครที่ครบรส ทั้งความสนุก ความโรแมนติก และข้อคิดที่อบอุ่นหัวใจ การแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงนำและสมทบ ผสานกับงานสร้างที่สวยงามและการเล่าเรื่องที่ลงตัว ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครแนวโรแมนติก คอมเมดี้ที่แฝงด้วยความหมายดีๆ

ละครเรื่องนี้โดดเด่นด้วยข้อคิดเกี่ยวกับการปกป้องชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่น การต่อสู้ของฟ้ามุ่ยเพื่อรักษาเวียงหนองหล่มสะท้อนถึงพลังของคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นสู้เพื่อสิ่งที่รัก ส่วนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างฟ้ามุ่ยและสัตยาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเปิดใจและเข้าใจมุมมองของผู้อื่น ละครยังสอดแทรกความขบขันที่ไม่หนักเกินไป ทำให้เหมาะกับผู้ชมทุกวัย

ตั้งแต่ฉากแรกที่ ฟ้ามุ่ย (รับบทโดย อาณดา ประกอบกิจ) และ สัตยา (รับบทโดย ฐากูร การทิพย์) พบกัน ความรู้สึกแรกคือความตื่นเต้นปนขบขัน การปะทะคารมระหว่างสาวบ้านนอกจอมแสบกับหนุ่มไฮโซกะล่อนช่างน่าติดตาม ทุกครั้งที่ฟ้ามุ่ยใช้เล่ห์กลในฐานะร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือกเพื่อขัดขวางโปรเจกต์ไร่ส้มของสัตยา ผู้ชมอย่างเราต้องลุ้นว่าเธอจะงัดกลยุทธ์อะไรออกมา และสัตยาจะโต้กลับอย่างไร การต่อสู้ด้วยไหวพริบของทั้งคู่เหมือนเกมแมวไล่จับหนูที่ทำให้อดยิ้มไม่ได้

ความรู้สึกตื่นเต้นยิ่งพุ่งสูงเมื่อฟ้ามุ่ยปลุกระดมชาวบ้านให้ลุกขึ้นต่อต้านนายทุน มีโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกสะใจ โดยเฉพาะฉากที่เธอจัดพิธีศักดิ์สิทธิ์เพื่อโน้มน้าวชาวบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและความขบขัน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเห็นใจสัตยา ที่ต้องแบกความกดดันจาก อมรา (รับบทโดย วาสนา พูนผล) แม่ของเขาที่ขู่จะตัดออกจากมรดก ความขัดแย้งนี้ทำให้ละครมีจังหวะที่สมดุลระหว่างความสนุกและความตึงเครียด

เมื่อเรื่องดำเนินไป ความรู้สึกที่เด่นชัดคือความอบอุ่นจากภาพของชุมชนเวียงหนองหล่ม ฉากที่ชาวบ้านมารวมตัวกันในงานเทศกาลหรือพิธีร่างทรง ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความศรัทธา การแสดงของ ยายรื่น (รับบทโดย ณัฐนี สิทธิสมาน) และตัวละครสมทบอย่าง เที่ยง (กาจบัณฑิต ใจดี) และ ป้าเอื้อง (วนิดา เชิญยิ้ม) ช่วยเพิ่มความรู้สึกผูกพันกับหมู่บ้านนี้ ทุกครั้งที่เห็นชาวบ้านสามัคคีกันเพื่อปกป้องผืนดินเกิด มันทำให้รู้สึกทั้งประทับใจและภูมิใจในพลังของชุมชน

ความเชื่อในเจ้าแม่ปลาไหลเผือกอาจดูเกินจริงในมุมมองคนเมือง แต่ละครถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ ทำให้รู้สึกอยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเวียงหนองหล่ม ภาพทุ่งนาเขียวขจีและแสงจันทร์ยามค่ำคืนยิ่งเสริมให้รู้สึกผ่อนคลายและหลงรักสถานที่นี้

หนึ่งในไฮไลต์ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงคือการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างฟ้ามุ่ยและสัตยา จากคู่ปรับที่จ้องจับผิดกัน กลายเป็นคู่รักที่ทำให้ผู้ชมต้องจิกหมอน ฉากที่สัตยาเริ่มมองเห็นความมุ่งมั่นของฟ้ามุ่ย และฉากที่ฟ้ามุ่ยแอบยิ้มเมื่อเห็นด้านอ่อนโยนของสัตยา ทำให้รู้สึกถึงความหวานที่ค่อยๆ ก่อตัว เคมีระหว่างอาณดาและฐากูรดีเยี่ยม โดยเฉพาะฉากสารภาพรักใต้แสงจันทร์ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและฟินสุดๆ

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกขัดใจเล็กๆ เกิดขึ้นเมื่อมีตัวละครอย่าง นลิน (ดิศริญากรณ์ ดิศกุล ณ อยุธยา) เข้ามาเป็นตัวแปรในความรัก ซึ่งบางครั้งอาจรู้สึกว่าเป็นดราม่าที่ไม่จำเป็น แต่เมื่อเรื่องคลี่คลาย ความรู้สึกโล่งใจและความสุขที่เห็นฟ้ามุ่ยและสัตยาเลือกกันและกันก็ชดเชยได้อย่างดี

ละครเรื่องนี้ทำให้รู้สึกได้ถึงพลังของการต่อสู้เพื่อสิ่งที่รัก ไม่ว่าจะเป็นผืนดินเกิดหรือความฝันส่วนตัว การตัดสินใจของสัตยาที่เลือกยืนเคียงข้างฟ้ามุ่ยและชุมชน แทนการทำตามคำสั่งของแม่ ทำให้รู้สึกชื่นชมในความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ส่วนฟ้ามุ่ยที่ยอมรับบทบาทร่างทรงด้วยใจ ทำให้รู้สึกถึงความเติบโตของตัวละครที่ทั้งน่าประทับใจและน่าเอาใจช่วย

ละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และน้ำตาแห่งความประทับใจ ละครเรื่องนี้ทำให้รู้สึกเหมือนได้หลบออกจากความวุ่นวายในเมือง เพื่อไปสัมผัสชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมาย ความรักระหว่างฟ้ามุ่ยและสัตยา ผสานกับความอบอุ่นของชุมชนเวียงหนองหล่ม ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นมากกว่าความบันเทิง แต่เป็นเรื่องราวที่เตือนใจให้เราเห็นคุณค่าของรากเหง้าและความรักที่แท้จริง


ละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568

ละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568

ละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 EP.1-24 ตอนจบCH3+​​​​​​

ซีน ละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568

อย่ามา Ost.ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ | หลิว อาจารียา | Official MV

ละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568

เวียงหนองหล่มและความขัดแย้ง
ละครเรื่องนี้พาเราไปที่ เวียงหนองหล่ม หมู่บ้านสุดชิลล์ที่เต็มไปด้วยทุ่งนาเขียวขจีและความเชื่อสุดลึกลับใน เจ้าแม่ปลาไหลเผือก ที่ชาวบ้านนับถือสุดๆ ตัวเอกของเราคือ ฟ้ามุ่ย (รับบทโดย อาณดา ประกอบกิจ) สาวน้อยกะโปโลสุดแสบ หลานสาวของ ยายรื่น (หน่อย ณัฐนี) ร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก ฟ้ามุ่ยเนี่ย ไม่ได้อยากเป็นร่างทรงอะไรเลย แต่พอรู้ว่านายทุนจากเมืองกรุงจะมากว้านซื้อที่ดินทำไร่ส้ม เธอก็แปลงร่างเป็นหัวโจกแห่งหมู่บ้านทันที

นายทุนคนนั้นคือ สัตยา (ป๊อป ฐากูร) หนุ่มไฮโซหล่อระเบิด แบดบอยตัวพ่อที่มาพร้อมภารกิจใหญ่ เขาต้องทำโปรเจกต์ไร่ส้มให้สำเร็จเพื่อสานฝันของ ไตรภพ (ธนายง ว่องตระกูล) พ่อที่เสียไปแล้ว แต่เรื่องมันไม่ง่าย เพราะ อมรา (แอน วาสนา) แม่ของเขา ผู้บริหารบริษัทอนันต์ทรัพย์เมธา ยื่นคำขาดว่า ถ้าสัตยาทำไม่ได้ จะถูกตัดออกจากกองมรดก! โห แรงมาก! สัตยาเลยต้องลงมาลุยที่เวียงหนองหล่มเอง หวังซื้อที่ดินให้ได้เยอะๆ

การปะทะสุดมัน ฟ้ามุ่ย VS สัตยา
บอกเลยว่าเจอกันทีแรกนี่เหมือนน้ำกับน้ำมันเลย ฟ้ามุ่ยรู้ว่าโปรเจกต์ของสัตยาจะทำลายวิถีชีวิตของหมู่บ้าน เธอเลยตัดสินใจสวมบท ร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก แม้จะไม่เชื่อเรื่องนี้เลยสักนิด ด้วยความฉลาดและเจ้าเล่ห์ ฟ้ามุ่ยจัดพิธีกรรมสุดยิ่งใหญ่ ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเธอสื่อสารกับเจ้าแม่ได้จริง ทีมชาวบ้านอย่าง เที่ยง (กาจบัณฑิต ใจดี), ป้าเอื้อง (วนิดา เชิญยิ้ม), และ กำนันคำป้อ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) รวมพลังต่อต้านนายทุนแบบสุดใจ

สัตยาเองก็ไม่ยอมแพ้ เขาไม่เชื่อเรื่องเจ้าแม่ปลาไหลสักนิด คิดว่าเป็นแค่กลลวงของฟ้ามุ่ย เลยคอยตามจับผิดเธอทุกฝีก้าว ฉากที่ทั้งคู่ปะทะคารมกันนี่ฮาสุดๆ เพื่อนๆ! ฟ้ามุ่ยจะปล่อยข่าวลือหลอกๆ หรือจัดงานพิธีให้สัตยางง ส่วนสัตยาจะใช้เสน่ห์ไฮโซเจรจาชาวบ้าน แต่ก็โดนฟ้ามุ่ยตีตั๋วตลอด มันเหมือนเกมแมวกับหนูที่ดูแล้วลุ้นสุดๆ

ความรักที่เริ่มจากความวุ่นวาย
แต่ เรื่องมันเริ่มเปลี่ยนเมื่อสัตยาได้เห็นด้านที่แท้จริงของฟ้ามุ่ย เธอไม่ได้แค่แสบ แต่มีความรักต่อชุมชนและความกล้าที่จะสู้เพื่อทุกคน ส่วนฟ้ามุ่ยก็เริ่มเห็นว่าสัตยาไม่ได้เป็นแค่นายทุนจอมกะล่อน เขามีความฝันและความกดดันจากแม่ที่ทำให้ชีวิตเขาวุ่นวายเหมือนกัน

จุดพีคคือตอนที่โปรเจกต์ของสัตยาเจอปัญหาใหญ่ ชาวบ้านไม่ยอมขายที่ดิน และอมรายิ่งกดดันให้เขาใช้ไม้แข็ง ฟ้ามุ่ยตัดสินใจยื่นมือช่วย เธอใช้ความรู้ท้องถิ่นและความสัมพันธ์กับชาวบ้าน ช่วยสัตยาหาทางออกที่ไม่ทำร้ายหมู่บ้าน ฉากนี้คืออบอุ่นมาก เพื่อนๆ การร่วมมือกันทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดขึ้น แล้วก็…บูม ความรักมันมาแบบไม่ทันตั้งตัว! ฉากสารภาพรักใต้แสงจันทร์ที่ทุ่งนาคือฟินสุดๆ ใจละลายเลย

ดราม่าจากตัวละครรอบข้าง
ไม่ใช่แค่ฟ้ามุ่ยกับสัตยานะ ตัวละครสมทบก็ปังไม่แพ้กัน นลิน (ดิศริญากรณ์ ดิศกุล ณ อยุธยา) เพื่อนสนิทของสัตยา โผล่มาเพิ่มดราม่ารักสามเส้าเล็กๆ ทำเอาลุ้นว่าใครจะได้ใจสัตยา ส่วน ม่อน (ศิลป์ รุจิรวนิช), สิงห์เหนือ (ธีระพล หอมจม), และ เสือใต้ (ดนู ชุตินาวี) เป็นตัวร้ายที่คอยป่วนหมู่บ้าน หวังผลประโยชน์จากที่ดิน บอกเลยว่าแค้นแทนชาวบ้านสุด
ยายรื่น เป็นเหมือนปราชญ์ที่คอยให้คำแนะนำฟ้ามุ่ย ส่วน อมรา นี่คือตัวแทนความดราม่าฝั่งครอบครัวสัตยา เธอเข้มงวดและเย็นชา แต่ก็ทำให้เราเห็นว่าสัตยาต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง ตัวละครสมทบพวกนี้ช่วยให้เรื่องมีสีสัน ไม่น่าเบื่อเลย

จุดไคลแมกซ์ การตัดสินใจครั้งใหญ่
มาถึงจุดพีคของเรื่อง อมราสั่งให้สัตยาเร่งซื้อที่ดิน ไม่สนใจความรู้สึกของชาวบ้าน สัตยาต้องเลือก ระหว่างทำตามแม่เพื่อรักษามรดก หรือยืนเคียงข้างฟ้ามุ่ยเพื่อปกป้องเวียงหนองหล่ม สุดท้ายเขาตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้อง สัตยาร่วมมือกับฟ้ามุ่ยและชาวบ้าน ปรับโปรเจกต์ไร่ส้มให้เป็นโครงการที่ช่วยชุมชน สร้างงานและรักษาวิถีชีวิตไว้ ชาวบ้านแฮปปี้ สัตยาได้ใจฟ้ามุ่ยเต็มๆ

ละครเรื่องนี้กำกับโดย วิชิต วัฒนานนท์ ควบคุมโดย แป๊ป ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ จากค่าย มายน์ แอท เวิร์คส์ บทประพันธ์โดย กานต์สินี พิทักษ์วงษ์ ภาพสวยมาก ทุ่งนา ฉากพิธีกรรม ดนตรีประกอบก็ลงตัว เคมีพระนางคือที่สุด อาณดากับป๊อปเล่นได้น่ารักและเข้ากันสุดๆ ถ้าชอบละครที่ผสมความรัก ความฮา และข้อคิดดีๆ เรื่องนี้คือห้ามพลาด

เบื้องหลังของละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 ทางช่อง 3 บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่พล็อตดี นักแสดงปัง แต่ทีมงานเบื้องหลังคือตัวท็อปของวงการ อยากรู้ว่าใครเป็นคนเนรมิตละครสุดฟินเรื่องนี้ให้เราดูกัน

บทประพันธ์ กานต์สินี พิทักษ์วงษ์

กานต์สินี พิทักษ์วงษ์

เริ่มที่หัวใจของเรื่องนี้เลยค่ะ กานต์สินี พิทักษ์วงษ์ ผู้เขียนบทประพันธ์ เธอคือคนที่รังสรรค์เรื่องราวของฟ้ามุ่ยและสัตยาให้เกิดขึ้นมาในเวียงหนองหล่ม บอกเลยว่าเธอเก่งมาก เพราะพล็อตเรื่องนี้มันผสมทั้งความฮา ความรัก ความดราม่า และกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบเจ้าแม่ปลาไหลเผือกได้ลงตัวสุดๆ ต้องปรบมือให้เลย เพราะถ้าไม่มีบทประพันธ์ปังๆ แบบนี้ ละครคงไม่ครบรสขนาดนี้แน่นอน

บทโทรทัศน์ ศุภวรรณ ทองขลิบ และ เหมือนฝัน ชาวเหนือ

E1g50 5c
ศุภวรรณ ทองขลิบ

ต่อมาเรามาดูที่คนเขียนบทโทรทัศน์กันบ้าง ศุภวรรณ ทองขลิบ และ เหมือนฝัน ชาวเหนือ สองคนนี้คือคู่หูที่เอาเรื่องราวจากบทประพันธ์มาปรับให้กลายเป็นละครที่เราดูแล้วฟินจิกหมอน

jOXZy 5c
เหมือนฝัน ชาวเหนือ

จากตัวหนังสือในนิยาย เขาต้องใส่บทพูดสุดแซ่บให้ฟ้ามุ่ยปะทะสัตยา ใส่ความตลกให้ตัวละครสมทบอย่างป้าเอื้องหรือเที่ยง รวมถึงฉากดราม่าที่ทำให้เราน้ำตาซึมตอนสัตยาต้องเลือกระหว่างมรดกกับความรัก บทโทรทัศน์นี่แหละที่ทำให้ทุกฉากมันปัง ดูแล้วติดหนึบ

กำกับการแสดง วิชิต วัฒนานนท์

p810 qWSPPP1Fri51445
วิชิต วัฒนานนท์

มาถึงผู้กำกับของเรา วิชิต วัฒนานนท์ คนนี้คือคนที่เนรมิตภาพในหัวของเราออกมาเป็นฉากสวยๆ ในละคร ลองนึกถึงฉากทุ่งนาเขียวๆ ในเวียงหนองหล่ม หรือฉากพิธีร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือกที่ดูยิ่งใหญ่ วิชิตคือคนที่ทำให้ทุกอย่างมีชีวิต เขาควบคุมนักแสดงให้ถ่ายทอดอารมณ์ได้เป๊ะ ทั้งฉากฟ้ามุ่ยแสบๆ ปะทะสัตยา หรือฉากหวานๆ ใต้แสงจันทร์ ต้องยกเครดิตให้เขาคนนี้เลยที่ทำให้เราดูแล้วอินสุดๆ

ควบคุมการผลิต แป๊ป ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์

แป๊ป ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์

และคนที่ขาดไม่ได้เลยคือ แป๊ป ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ ผู้ควบคุมการผลิต เพื่อนๆ รู้มั้ยว่าผู้ควบคุมการผลิตนี่เหมือนกัปตันเรือเลยนะ คอยดูแลทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่เลือกโลเคชั่นสวยๆ อย่างเวียงหนองหล่ม ไปจนถึงจัดการงบประมาณ ทีมงาน และทำให้ทุกอย่างลงตัว แป๊ปคือคนที่ทำให้ละครเรื่องนี้มีคุณภาพระดับพรีเมียม ดูแล้วรู้สึกว่าทีมงานใส่ใจทุกดีเทลจริงๆ

ผลิตโดย ค่าย มายน์ แอท เวิร์คส์
ปิดท้ายด้วยค่ายผู้ผลิต มายน์ แอท เวิร์คส์ ค่ายนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องการทำละครที่ทั้งสนุกและมีคุณภาพอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็พิสูจน์ชัดเจนเลยว่าทีมงานเขาตั้งใจมาก ไม่ว่าจะเป็นงานภาพ ดนตรีประกอบ หรือการคัดเลือกนักแสดงอย่างอาณดา ประกอบกิจ, ฐากูร การทิพย์, วาสนา พูนผล และคนอื่นๆ ที่ปังทุกคน ค่ายนี้คือตัวแม่ที่ทำให้ ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ เป็นละครที่ครบรสและน่าจดจำ

นักแสดง

→ อาณดา ประกอบกิจ รับบท ฟ้ามุ่ย

3e08b400 2ea6 11ed 98c0 11986f2de92d webp original
อาณดา ประกอบกิจ

ฟ้ามุ่ยคือสาวน้อยกะโปโลแห่งเวียงหนองหล่ม หลานสาวของยายรื่น ร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก เธอเป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ และมีไหวพริบสุดๆ แต่ก็มีหัวใจที่รักชุมชนแบบสุดตัว ถึงจะไม่อยากเป็นร่างทรงในตอนแรก แต่เมื่อหมู่บ้านถูกคุกคามจากนายทุนอย่างสัตยาที่จะกว้านซื้อที่ดินทำไร่ส้ม ฟ้ามุ่ยก็ลุกขึ้นมาเป็นหัวโจก ปลุกระดมชาวบ้านด้วยความแสบและกลยุทธ์จัดเต็ม เธอสวมบทร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก ทำให้ชาวบ้านศรัทธาว่าเธอสื่อสารกับเจ้าแม่ได้จริง เรียกว่าทั้งแสบทั้งเก่ง

ฟ้ามุ่ยไม่ใช่แค่นางเอกทั่วไป เธอมีทั้งความขี้เล่นและความมุ่งมั่น ฉากที่เธอปะทะคารมกับสัตยานี่คือฮาและลุ้นมาก แต่ในความแสบ เธอก็มีความอบอุ่นและความรักต่อชาวบ้านที่ทำให้เราต้องปรบมือให้ อาณดา ประกอบกิจ ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์นี้ได้แบบเป๊ะ ทั้งสีหน้าทะเล้นและโมเมนต์ซึ้งๆ ที่ทำให้เราอินไปกับฟ้ามุ่ยสุดๆ

ฉายา สาวแสบแห่งเวียงหนองหล่ม
ถ้าจะให้ฉายาฟ้ามุ่ย ต้องยกให้ สาวแสบแห่งเวียงหนองหล่ม เลย เพราะเธอคือตัวตึงของหมู่บ้าน ใช้ความฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมจัดการทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะหลอกสัตยาด้วยพิธีร่างทรง หรือปลุกระดมชาวบ้านให้สู้เพื่อที่ดิน ฟ้ามุ่ยคือตัวแทนของความแสบที่มาพร้อมความจริงใจ

ข้อคิด ความกล้าที่จะปกป้องสิ่งที่รัก
ข้อคิดจากฟ้ามุ่ยที่เด่นสุดคือ ความกล้าที่จะปกป้องสิ่งที่รัก ไม่ว่าจะเป็นชุมชน ครอบครัว หรือความเชื่อของชาวบ้าน ถึงแม้ฟ้ามุ่ยจะไม่เชื่อในเจ้าแม่ปลาไหลเผือกตั้งแต่แรก แต่เธอก็ยอมก้าวออกจาก comfort zone เพื่อรักษาวิถีชีวิตของเวียงหนองหล่ม มันสอนเราว่าถ้าเรารักอะไรจริงๆ ความกล้าและความทุ่มเทจะทำให้เราทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม

→ ฐากูร การทิพย์ รับบท สัตยา

ฐากูร การทิพย์

สัตยาคือหนุ่มไฮโซแบดบอยจากเมืองกรุง ที่มาพร้อมภารกิจใหญ่ในเวียงหนองหล่ม เขาต้องกว้านซื้อที่ดินเพื่อทำไร่ส้มตามความฝันของ ไตรภพ พ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่เรื่องมันไม่ง่าย เพราะ อมรา (วาสนา พูนผล) แม่ของเขา ผู้บริหารบริษัทอนันต์ทรัพย์เมธา ยื่นคำขาดว่าถ้าโปรเจกต์นี้ล้มเหลว สัตยาจะถูกตัดจากกองมรดก สัตยาเลยต้องทุ่มสุดตัว แต่ก็เจอคู่ปรับตัวแสบอย่าง ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) ที่นำทีมชาวบ้านขัดขวางเต็มที่

ตอนแรกสัตยาดูเหมือนนายทุนจอมกะล่อน ไม่เชื่อเรื่องเจ้าแม่ปลาไหลเผือก และคอยจับผิดฟ้ามุ่ยตลอด แต่ยิ่งอยู่ที่เวียงหนองหล่มนานขึ้น เขาก็เริ่มเห็นความทุ่มเทของฟ้ามุ่ยและความสำคัญของชุมชน สัตยาค่อยๆ เปลี่ยนจากหนุ่มไฮโซที่สนใจแต่เป้าหมายตัวเอง กลายเป็นคนที่เข้าใจและเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ฐากูร การทิพย์ ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบสุดยอด ทั้งความกวน ความหล่อ และโมเมนต์ซึ้งๆ ที่ทำให้เราหลงรักสัตยาไปเลย

ฉายา ไฮโซหัวใจบ้านนอก
ฉายาที่เหมาะกับสัตยาคือ ไฮโซหัวใจบ้านนอก เพราะจากหนุ่มเมืองกรุงที่ดูเย่อหยิ่ง เขาค่อยๆ หลงรักวิถีชีวิตเรียบง่ายของเวียงหนองหล่ม และยอมทิ้งความสบายเพื่ออยู่เคียงข้างฟ้ามุ่ยและชุมชน ฉายานี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาที่ทั้งเท่และน่าประทับใจ

ข้อคิด การกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ข้อคิดจากสัตยาที่ชัดเจนสุดคือ การกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาเริ่มจากคนที่มองแค่เป้าหมายส่วนตัวและผลประโยชน์ แต่เมื่อได้เรียนรู้จากฟ้ามุ่ยและชาวบ้าน เขากล้าที่จะทบทวนตัวเองและเลือกทางที่ไม่เห็นแก่ตัว มันสอนเราว่าการยอมรับข้อผิดพลาดและเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่าคือความเข้มแข็งที่แท้จริง

→ ดิศริญากรณ์ ดิศกุล ณ อยุธยา รับบท นลิน

ดิศริญากรณ์ ดิศกุล ณ อยุธยา

นลินคือสาวสวยไฮโซ เพื่อนสนิทของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์) ที่โผล่เข้ามาในเรื่องราวของเวียงหนองหล่มและกลายเป็นตัวแปรสำคัญในความรักของสัตยาและ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจ มีสไตล์ และดูเหมือนจะรู้ใจสัตยาเป็นอย่างดี เพราะความใกล้ชิดจากชีวิตในเมืองกรุง นลินมีความรู้สึกพิเศษต่อสัตยา ซึ่งทำให้เธอพยายามเข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์ของเขากับฟ้ามุ่ย สร้างโมเมนต์รักสามเส้าที่ทำเอาคนดูต้องลุ้น

แต่นลินไม่ใช่แค่ตัวร้ายหรือตัวขัดขวางนะ เธอมีมิติในตัวเอง มีทั้งความทะเยอทะยานและความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ ดิศริญากรณ์ ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบมีเสน่ห์สุดๆ ทำให้เราทั้งหมั่นไส้และแอบสงสารเธอในบางจังหวะ โดยเฉพาะฉากที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองและยอมรับความจริงในตอนท้าย

ฉายา สาวไฮโซหัวใจเปราะบาง
ฉายาที่เหมาะกับนลินคือ สาวไฮโซหัวใจเปราะบาง เพราะภายใต้ความมั่นใจและความสง่างามของเธอ นลินมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งและความหวังในความรักที่ไม่สมหวัง ฉายานี้สะท้อนทั้งความเป็นสาวเมืองกรุงและด้านที่อ่อนไหวของเธอที่ทำให้คนดูเข้าใจตัวละครมากขึ้น

ข้อคิด การยอมรับและก้าวต่อไป
ข้อคิดจากนลินที่โดดเด่นคือ การยอมรับและก้าวต่อไป เธออาจเริ่มจากความหวังที่จะชนะใจสัตยา แต่เมื่อความจริงปรากฏ เธอก็เรียนรู้ที่จะยอมรับและปล่อยวาง มันสอนเราว่าบางครั้งการยอมรับความจริง แม้จะเจ็บปวด เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เราเติบโตและพบความสุขในแบบของตัวเอง

→ กาจบัณฑิต ใจดี รับบท เที่ยง

hq720
กาจบัณฑิต ใจดี

เที่ยงคือหนุ่มชาวบ้านแห่งเวียงหนองหล่ม เพื่อนสนิทและลูกทีมคนสำคัญของ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) เขาคือหนึ่งในทีมต่อต้านนายทุน สัตยา (ฐากูร การทิพย์) ที่พยายามกว้านซื้อที่ดินเพื่อทำไร่ส้ม เที่ยงเป็นคนขี้เล่น มีความจงรักภักดีต่อหมู่บ้าน และพร้อมลุยทุกแผนการแสบๆ ของฟ้ามุ่ย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดพิธีร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก หรือแกล้งสัตยาให้งง เขาคือตัวตบมุกและเพิ่มความฮาให้กับทีมชาวบ้าน

แต่เที่ยงไม่ได้มีแค่ความตลกนะ เขายังมีความจริงใจและความกล้าที่จะยืนหยัดเคียงข้างชุมชน ฉากที่เขาแสดงความมุ่งมั่นในการปกป้องเวียงหนองหล่มนี่คือทำให้รู้สึกว่าเขาคือเพื่อนที่ทุกคนอยากมี กาจบัณฑิต ใจดี เล่นบทนี้ได้แบบธรรมชาติสุดๆ ทำให้เที่ยงเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าจดจำ

ฉายา ลูกน้องจอมซนแห่งเวียงหนองหล่ม
ฉายาที่เหมาะกับเที่ยงคือ ลูกน้องจอมซนแห่งเวียงหนองหล่ม เพราะเขาคือมือขวาของฟ้ามุ่ยที่พร้อมลุยทุกภารกิจแบบไม่กลัวหน้าไหน แต่ก็แอบซนและขี้เล่น ทำให้ทุกฉากที่เขาอยู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ข้อคิด ความสามัคคีคือพลัง
ข้อคิดจากเที่ยงที่ชัดเจนสุดคือ ความสามัคคีคือพลัง เขาอาจจะไม่ใช่ผู้นำเหมือนฟ้ามุ่ย แต่การที่เขาเลือกยืนเคียงข้างเพื่อนและชุมชน แสดงให้เห็นว่าการรวมพลังกันเป็นทีมสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ มันสอนเราว่าบางครั้งการเป็นส่วนหนึ่งของทีมและสนับสนุนกันคือสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จ

→ วริษฐ์ ทิพโกมุท รับบท สมชาย

hq720
วริษฐ์ ทิพโกมุท

สมชายคือหนุ่มชาวบ้านอีกคนในเวียงหนองหล่ม เป็นหนึ่งในทีมของ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) ที่ช่วยกันต่อต้าน สัตยา (ฐากูร การทิพย์) นายทุนไฮโซที่มากว้านซื้อที่ดินเพื่อทำไร่ส้ม สมชายเป็นตัวละครที่ดูเรียบง่ายแต่มีจิตใจดี เป็นคนที่คอยสนับสนุนฟ้ามุ่ยในทุกแผนการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดพิธีร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก หรือช่วยกระจายข่าวลือเพื่อปกป้องหมู่บ้าน เขามีความเป็นคนพื้นบ้านที่จริงใจ อาจจะไม่ได้เด่นเท่าฟ้ามุ่ยหรือเที่ยง แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมชาวบ้านแข็งแกร่ง

วริษฐ์ ทิพโกมุท ถ่ายทอดบทสมชายได้แบบลงตัวสุดๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนบ้านที่อบอุ่นและไว้ใจได้ ฉากที่สมชายยืนเคียงข้างชาวบ้านหรือแอบแซวฟ้ามุ่ยเบาๆ นี่คือทำให้ยิ้มได้ทุกครั้ง

ฉายา เพื่อนบ้านจิตใจทอง
ฉายาที่เหมาะกับสมชายคือ เพื่อนบ้านจิตใจทอง เพราะเขาเป็นตัวละครที่อาจจะไม่ได้มีบทเด่น แต่มีความจริงใจและพร้อมช่วยเหลือชุมชนเสมอ ฉายานี้สะท้อนถึงความเป็นคนธรรมดาที่มีคุณค่าและช่วยเติมเต็มความอบอุ่นให้เวียงหนองหล่ม

ข้อคิด คุณค่าของการเป็นผู้สนับสนุน
ข้อคิดจากสมชายที่ชัดเจนคือ คุณค่าของการเป็นผู้สนับสนุน เขาอาจไม่ใช่ผู้นำหรือคนที่ออกหน้า แต่การที่เขาคอยช่วยเหลือและยืนหยัดเคียงข้างทีมฟ้ามุ่ยแสดงให้เห็นว่า ทุกคนในชุมชนมีส่วนสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง มันสอนเราว่าไม่ต้องเป็นดาวเด่นก็สามารถสร้างผลกระทบที่ดีได้ แค่ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยใจ

→ ศิลป์ รุจิรวนิช รับบท ม่อน

ศิลป์ รุจิรวนิช

ม่อนคือตัวละครที่มาในบทบาทตัวร้ายของเรื่อง เป็นหนึ่งในกลุ่มที่หวังผลประโยชน์จากที่ดินในเวียงหนองหล่ม เขาคอยสะกดรอยและสร้างปัญหาให้กับ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) และทีมชาวบ้านที่พยายามปกป้องหมู่บ้านจากการกว้านซื้อที่ดินของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์) ม่อนเป็นคนเจ้าเล่ห์ มีความทะเยอทะยาน และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เขามักจะร่วมมือกับตัวละครอย่าง สิงห์เหนือ (ธีระพล หอมจม) และ เสือใต้ (ดนู ชุตินาวี) เพื่อวางแผนป่วนหมู่บ้าน

ถึงจะเป็นตัวร้าย แต่ม่อนก็มีเสน่ห์ในแบบของเขา ด้วยความเจ้าเล่ห์และท่าทางที่ดูมั่นใจ ศิลป์ รุจิรวนิช ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบถึงพริกถึงขิง ทำให้เราทั้งรู้สึกหมั่นไส้และแอบอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ฉากที่ม่อนพยายามขัดขวางแผนของฟ้ามุ่ยคือลุ้นสุดๆ ทำเอาเราอยากกระโดดเข้าไปช่วยชาวบ้านเลย

ฉายา จอมวายร้ายแห่งที่ราบลุ่ม
ฉายาที่เหมาะกับม่อนคือ จอมวายร้ายแห่งที่ราบลุ่ม เพราะเขาเป็นตัวร้ายที่คอยปั่นป่วนเวียงหนองหล่มด้วยเล่ห์เหลี่ยมและแผนการที่แยบยล ฉายานี้สะท้อนถึงความเจ้าเล่ห์และบทบาทที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น

ข้อคิด ความโลภนำพาความพินาศ
ข้อคิดจากม่อนที่ชัดเจนคือ ความโลภนำพาความพินาศ การที่เขามุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวและไม่สนใจความเดือดร้อนของคนอื่น ทำให้สุดท้ายเขาต้องเผชิญกับผลลัพธ์จากน้ำมือตัวเอง มันสอนเราว่าการเห็นแก่ตัวและความโลภอาจนำไปสู่ความล้มเหลว และการคำนึงถึงผู้อื่นจะทำให้ชีวิตยั่งยืนกว่า

→ แดนนี่ ลูเซียโน่ รับบท เดวิด

แดนนี่ ลูเซียโน่

เดวิดคือหนุ่มต่างชาติที่มาเวียงหนองหล่มเพื่อศึกษาข้อมูลที่ดินและหวังผลประโยชน์ เขาพยายามชักชวนชาวบ้านขายที่ให้โดยเสนอเนอร์สซิ่งโฮมและถอนทุนจาก สัตยา (ฐากูร การทิพย์) เดวิดจับได้ว่าม่อน สิงห์เหนือ และเสือใต้สะกดรอยตามกำนัน และพยายามมัดตัวด้วยแผนการลับในโรงแรม ทำให้ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) ต้องตามหาหลักฐานเพื่อหยุดเขา เขาเป็นคนทะเยอทะยาน เจ้าเล่ห์ และมองหมู่บ้านเป็นโอกาสทางธุรกิจ แดนนี่ ลูเซียโน่ ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบมีเสน่ห์ลูกครึ่งที่ทั้งหล่อและน่ากลัว ฉากที่เดวิดป่วนชาวบ้านคือลุ้นและหมั่นไส้มาก

ฉายา นายทุนต่างชาติจอมหลอกลวง
ฉายาที่เหมาะกับเดวิดคือ นายทุนต่างชาติจอมหลอกลวง เพราะเขาใช้เสน่ห์และแผนการแยบยลเพื่อหลอกชาวบ้านและขัดขวางสัตยา ฉายานี้สะท้อนถึงความเป็นคนนอกที่ไม่เข้าใจชุมชนแต่พยายามครอบครอง

ข้อคิด ผลประโยชน์ส่วนตัวทำลายชุมชน
ข้อคิดจากเดวิดที่เด่นคือ ผลประโยชน์ส่วนตัวทำลายชุมชน การที่เขามุ่งแต่กำไรโดยไม่สนใจชาวบ้าน ทำให้แผนล้มเหลวและถูกต่อต้าน มันสอนเราว่าการไม่เคารพวิถีชีวิตท้องถิ่นจะนำไปสู่ความขัดแย้งและความล้มเหลว

→ วาสนา พูนผล รับบท อมรา

วาสนา พูนผล

อมราคือแม่ของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์) และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอนันต์ทรัพย์เมธา เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มงวด เด็ดขาด และมีเป้าหมายชัดเจนในการดัดนิสัยลูกชายสุดแบดบอยของเธอ อมรายื่นคำขาดว่าถ้าสัตยาทำโปรเจกต์ไร่ส้มที่เวียงหนองหล่มไม่สำเร็จ เขาจะถูกตัดออกจากกองมรดก เธอดูเหมือนแม่ที่เย็นชาและเน้นผลลัพธ์ แต่ลึกๆ แล้ว เธอต้องการให้สัตยาเติบโตและรับผิดชอบมากขึ้น

อมราไม่ใช่แค่ตัวละครที่สร้างแรงกดดันให้สัตยา เธอยังมีโมเมนต์ที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่ซ่อนอยู่ต่อลูกชายและความเสียใจจากอดีตที่เกี่ยวกับ ไตรภพ สามีที่เสียชีวิตไป วาสนา พูนผล ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบสุดยอด ทำให้เราทั้งรู้สึกเกรงกลัวความเข้มงวดของอมราและแอบสงสารความเหงาในใจเธอ ฉากที่เธอปะทะอารมณ์กับสัตยานี่คือพลัง演技ล้วนๆ

ฉายา ราชินีแห่งอนันต์ทรัพย์
ฉายาที่เหมาะกับอมราคือ ราชินีแห่งอนันต์ทรัพย์ เพราะเธอคือผู้นำบริษัทที่ทรงอำนาจและควบคุมทุกอย่างด้วยความเด็ดขาด ฉายานี้สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และความเข้มแข็งของเธอที่ครองทั้งธุรกิจและครอบครัว

ข้อคิด ความรักที่เข้มงวดก็เป็นความรัก
ข้อคิดจากอมราที่เด่นชัดคือ ความรักที่เข้มงวดก็เป็นความรัก การที่เธอยื่นคำขาดให้สัตยาไม่ใช่แค่การลงโทษ แต่เป็นความหวังดีที่อยากให้เขาเติบโต มันสอนเราว่าบางครั้งความรักอาจมาในรูปแบบที่ดูแข็งกร้าว แต่ลึกๆ แล้วคือความปรารถนาดีที่อยากให้คนที่เรารักแข็งแกร่งขึ้น

→ นาตาชา จุลานนท์  รับบท จุ๊บ

นาตาชา จุลานนท์

จุ๊บคือสาวน้อยชาวเวียงหนองหล่ม เป็นหนึ่งในเพื่อนของ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) ที่คอยช่วยเหลือในภารกิจปกป้องหมู่บ้านจากการกว้านซื้อที่ดินของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์) เธอเป็นตัวละครที่ร่าเริง ขี้เล่น และมีจิตใจดี มักจะช่วยฟ้ามุ่ยในแผนการแสบๆ เช่น ช่วยจัดงานพิธีร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก หรือแอบแซวฟ้ามุ่ยเมื่อเริ่มมีใจให้สัตยา จุ๊บคือตัวแทนของพลังบวกในหมู่บ้านที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้

นาตาชา จุลานนท์ ถ่ายทอดบทจุ๊บได้แบบน่ารักสุดๆ เธอทำให้ตัวละครนี้มีชีวิตชีวา ด้วยรอยยิ้มและความสดใสที่ดูแล้วรู้สึกเหมือนมีเพื่อนซี้อยู่ข้างๆ ฉากที่จุ๊บแซวฟ้ามุ่ยหรือช่วยงานชาวบ้านคือทำให้รู้สึกอบอุ่นและอยากเชียร์ทีมนี้สุดใจ

ฉายา สาวน้อยร่าเริงแห่งเวียงหนองหล่ม
ฉายาที่เหมาะกับจุ๊บคือ สาวน้อยร่าเริงแห่งเวียงหนองหล่ม เพราะเธอคือตัวละครที่นำพลังบวกและรอยยิ้มมาสู่ทุกฉาก ความสดใสและความเป็นเพื่อนที่ดีของเธอทำให้เวียงหนองหล่มมีสีสันยิ่งขึ้น

ข้อคิด ความสุขอยู่ในความเรียบง่าย
ข้อคิดจากจุ๊บที่ชัดเจนคือ ความสุขอยู่ในความเรียบง่าย เธออาจไม่ได้มีบทบาทใหญ่เหมือนฟ้ามุ่ย แต่ความร่าเริงและการช่วยเหลือชุมชนด้วยใจทำให้เห็นว่า ความสุขที่แท้จริงมาจากการใช้ชีวิตอย่างจริงใจและอยู่ท่ามกลางคนที่รัก

→ วนิดา เชิญยิ้ม รับบท ป้าเอื้อง

10249169 1490346664510235 121464699 n
วนิดา เชิญยิ้ม

ป้าเอื้องคือป้าสุดแซ่บแห่งเวียงหนองหล่ม เป็นหนึ่งในทีมของ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) ที่ช่วยกันปกป้องหมู่บ้านจากการกว้านซื้อที่ดินของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์) เธอเป็นคนขี้เล่น ปากร้ายแต่ใจดี ชอบแซวชาวบ้านและช่วยฟ้ามุ่ยในทุกแผนการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดพิธีร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก หรือช่วยปล่อยข่าวลือปั่นหัวนายทุน ป้าเอื้องคือตัวตบมุกชั้นดีที่ทำให้ทุกฉากมีรอยยิ้ม

แต่ไม่ใช่แค่ความฮานะ ป้าเอื้องยังมีความรักต่อชุมชนและเป็นเหมือนรุ่นพี่ที่คอยให้กำลังใจฟ้ามุ่ย วนิดา เชิญยิ้ม ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบสุดปัง ด้วยสีหน้าทะเล้นและพลังการแสดงที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีป้าคนนี้อยู่ในหมู่บ้านจริงๆ ฉากที่ป้าเอื้องแซวฟ้ามุ่ยหรือร่วมวงกับชาวบ้านคือดูแล้วอบอุ่นมาก

ฉายา ป้าแซ่บแห่งเวียงหนองหล่ม
ฉายาที่เหมาะกับป้าเอื้องคือ ป้าแซ่บแห่งเวียงหนองหล่ม เพราะเธอคือป้าที่ทั้งปากร้าย ใจดี และมีสไตล์การแซวที่แสบถึงใจ ฉายานี้บ่งบอกถึงความสนุกและพลังบวกที่เธอนำมาสู่หมู่บ้าน

ข้อคิด เสียงหัวเราะสร้างความสามัคคี
ข้อคิดจากป้าเอื้องที่เด่นชัดคือ เสียงหัวเราะสร้างความสามัคคี ความขี้เล่นและทัศนคติบวกของเธอช่วยให้ชาวบ้านมีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อหมู่บ้าน มันสอนเราว่าการมอบรอยยิ้มและความสนุกให้คนรอบข้างสามารถเป็นพลังที่เชื่อมทุกคนเข้าด้วยกันได้

→ เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง รับบท กำนันคำป้อ

เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง

กำนันคำป้อคือผู้นำชุมชนแห่งเวียงหนองหล่มที่รับผิดชอบดูแลชาวบ้านและปัญหาต่างๆ ในหมู่บ้าน เขาเป็นคนมีไอเดียแก้ปัญหา เช่น จัดงานเทศกาลปลาไหลเพื่อจัดการต้นไมยราบยักษ์ หรือตัดสินใจส่งกำไลโบราณให้กรมศิลปากรตรวจสอบเมื่อมีปริศนาโผล่กลางหมู่บ้าน แต่เขาก็ตกเป็นเป้าของตัวร้ายอย่างม่อน สิงห์เหนือ และเสือใต้ที่สะกดรอยตามเพื่อหวังผลประโยชน์จากที่ดิน กำนันคำป้อดูเป็นผู้ใหญ่ที่จริงจังแต่ห่วงใยชุมชน เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบมีน้ำหนัก ด้วยประสบการณ์นักพากย์ที่ทำให้เสียงและท่าทางดูน่าเชื่อถือ ฉากที่เขาตัดสินใจหรือหารือกับฟ้ามุ่ยและชาวบ้านคือลุ้นและรู้สึกถึงความรับผิดชอบสุดๆ

ฉายา กำนันผู้กล้าหาญแห่งเวียงหนองหล่ม
ฉายาที่เหมาะกับกำนันคำป้อคือ กำนันผู้กล้าหาญแห่งเวียงหนองหล่ม เพราะเขายืนหยัดดูแลหมู่บ้านแม้เผชิญอันตรายจากตัวร้ายที่ตามรอย ฉายานี้สะท้อนถึงความกล้าและบทบาทผู้นำที่ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหา

ข้อคิด ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจเพื่อชุมชน
ข้อคิดจากกำนันคำป้อที่เด่นชัดคือ ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจเพื่อชุมชน เขาเลือกทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านแม้จะเสี่ยง เช่น ส่งของโบราณให้ตรวจสอบหรือจัดงานแก้ปัญหา มันสอนเราว่าการเป็นผู้นำคือการคิดถึงส่วนรวมและกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง

→ ธีระพล หอมจม รับบท สิงห์เหนือ

kAYKrd 5c
ธีระพล หอมจม

สิงห์เหนือคือหนึ่งในกลุ่มตัวร้ายที่หวังผลประโยชน์จากที่ดินในเวียงหนองหล่ม ร่วมมือกับ ม่อน (ศิลป์ รุจิรวนิช) และ เสือใต้ (ดนู ชุตินาวี) ในการสะกดรอยตาม กำนันคำป้อ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) เพื่อหาโอกาสครอบครองที่ดิน เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ มีความมุ่งมั่นในเป้าหมาย และพร้อมใช้ทุกวิธีเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ สิงห์เหนือมักปรากฏในฉากที่วางแผนร้ายหรือสร้างความวุ่นวายให้ทีมของ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) ที่พยายามปกป้องหมู่บ้านจากการกว้านซื้อที่ดินของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์)

ถึงจะเป็นตัวร้าย แต่สิงห์เหนือก็มีสไตล์ที่ดึงดูด ด้วยท่าทางมั่นใจและความเป็นนักวางแผน ธีระพล หอมจม ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบถึงพริกถึงขิง ทำให้เรารู้สึกทั้งเกลียดและอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ ฉากที่เขาคอยปั่นหัวชาวบ้านหรือเผชิญหน้ากับฟ้ามุ่ยนี่คือลุ้นสุดๆ

ฉายา มือขวาจอมเจ้าเล่ห์
ฉายาที่เหมาะกับสิงห์เหนือคือ มือขวาจอมเจ้าเล่ห์ เพราะเขาเป็นเหมือนสมุนคู่ใจของกลุ่มตัวร้าย คอยช่วยวางแผนและลงมือในภารกิจป่วนหมู่บ้าน ฉายานี้สะท้อนถึงความเจ้าเล่ห์และบทบาทที่เป็นกำลังสำคัญของฝั่งร้าย

ข้อคิด การเลือกทางผิดนำไปสู่ความล้มเหลว
ข้อคิดจากสิงห์เหนือที่ชัดเจนคือ การเลือกทางผิดนำไปสู่ความล้มเหลว ความมุ่งมั่นของเขาในการแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ทำให้สุดท้ายต้องเผชิญผลจากน้ำมือตัวเอง มันสอนเราว่าการเลือกทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมอาจให้ผลระยะสั้น แต่จะไม่ยั่งยืนในระยะยาว

→ ดนู ชุตินาวี รับบท เสือใต้

559000001606003
ดนู ชุตินาวี

เสือใต้คือหนึ่งในสมาชิกแก๊งตัวร้ายที่หวังฮุบที่ดินในเวียงหนองหล่ม ร่วมมือกับ ม่อน (ศิลป์ รุจิรวนิช) และ สิงห์เหนือ (ธีระพล หอมจม) ในการสะกดรอยตาม กำนันคำป้อ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) เพื่อหาโอกาสคว้าผลประโยชน์จากที่ดิน เขาคือตัวละครที่มีความดุดันและเจ้าเล่ห์ คอยลงมือในแผนการร้ายต่างๆ เพื่อขัดขวาง ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) และทีมชาวบ้านที่ปกป้องหมู่บ้านจากโปรเจกต์ไร่ส้มของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์)

เสือใต้มีสไตล์ที่ดูแข็งกร้าว เป็นนักปฏิบัติมากกว่านักวางแผน ทำให้เขามักอยู่ในฉากแอ็กชันหรือการเผชิญหน้าที่ตึงเครียด ดนู ชุตินาวี ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบถึงพริกถึงขิง ทำให้เสือใต้ดูน่ากลัวแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบตัวร้าย ฉากที่เขาคอยปั่นป่วนหรือเผชิญหน้ากับชาวบ้านคือทำให้เราอยากลุ้นให้ทีมฟ้ามุ่ยจัดการได้ซะ

ฉายา นักเลงแห่งที่ราบลุ่ม
ฉายาที่เหมาะกับเสือใต้คือ นักเลงแห่งที่ราบลุ่ม เพราะเขาคือตัวร้ายที่มาพร้อมความดุดันและท่าทางนักเลง คอยลงมือในแผนร้ายเพื่อผลประโยชน์ ฉายานี้สะท้อนถึงความแข็งกร้าวและบทบาทที่สร้างความวุ่นวายให้เวียงหนองหล่ม

ข้อคิด การใช้พลังในทางที่ผิดนำไปสู่ความพ่ายแพ้
ข้อคิดจากเสือใต้ที่เด่นชัดคือ การใช้พลังในทางที่ผิดนำไปสู่ความพ่ายแพ้ ความดุดันและความมุ่งมั่นของเขาในการทำตามแผนร้ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้สุดท้ายเขาต้องเผชิญผลจากน้ำมือตัวเอง มันสอนเราว่าการใช้ความสามารถหรือพลังในทางที่ไม่ถูกต้องจะไม่นำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

→ ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี รับบท ครูลออ

ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี

ครูลออคือครูประจำโรงเรียนในเวียงหนองหล่ม เป็นตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยความรู้และความห่วงใยต่อชุมชน เธอเป็นคนที่คอยให้คำแนะนำและสนับสนุน ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) ในการปกป้องหมู่บ้านจากการกว้านซื้อที่ดินของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์) ครูลออมักจะช่วยฟ้ามุ่ยด้วยความรู้และมุมมองที่รอบคอบ เช่น การแนะนำวิธีสื่อสารกับชาวบ้าน หรือช่วยประสานงานในกิจกรรมชุมชนอย่างงานเทศกาลเจ้าแม่ปลาไหลเผือก เธอเป็นเหมือนที่พึ่งทางปัญญาของหมู่บ้าน

ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี ถ่ายทอดบทครูลออได้แบบน่าเชื่อถือสุดๆ ด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ดูอบอุ่นและเป็นมิตร ทำให้เรารู้สึกว่าเธอคือครูที่ทุกคนอยากมี ฉากที่ครูลออให้คำแนะนำหรือยิ้มให้กำลังใจฟ้ามุ่ยคือทำให้รู้สึกถึงความหวังและความสามัคคี

ฉายา ครูใจดีแห่งเวียงหนองหล่ม
ฉายาที่เหมาะกับครูลออคือ ครูใจดีแห่งเวียงหนองหล่ม เพราะเธอคือครูที่ทั้งมีความรู้และใจกว้าง คอยสนับสนุนชุมชนและเด็กๆ ด้วยความรัก ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทที่เป็นทั้งนักการศึกษาและผู้ให้กำลังใจ

ข้อคิด ความรู้คือพลังของชุมชน
ข้อคิดจากครูลออที่เด่นชัดคือ ความรู้คือพลังของชุมชน การที่เธอใช้ความรู้และการสอนช่วยให้ชาวบ้านและฟ้ามุ่ยต่อสู้เพื่อปกป้องหมู่บ้าน แสดงให้เห็นว่าการศึกษาสามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลง มันสอนเราว่าการเรียนรู้และแบ่งปันความรู้คือสิ่งที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง

→ ณัฐนี สิทธิสมาน รับบท ยายรื่น

0caef1a0 1576 11ee a479 d35f9a481352 webp original
ณัฐนี สิทธิสมาน

ยายรื่นคือผู้สูงวัยที่เป็นร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือกอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเวียงหนองหล่ม และเป็นคุณยายของ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) เธอเป็นคนที่เปี่ยมด้วยความศรัทธาและความรักต่อชุมชน คอยให้คำแนะนำและสนับสนุนฟ้ามุ่ยในการปกป้องหมู่บ้านจาก สัตยา (ฐากูร การทิพย์) ที่มากว้านซื้อที่ดินเพื่อทำไร่ส้ม ยายรื่นเป็นเหมือนปราชญ์ของหมู่บ้านที่ทุกคนเคารพ ด้วยความรู้และประสบการณ์ เธอช่วยฟ้ามุ่ยสานต่อความเชื่อในเจ้าแม่ปลาไหลเผือก และเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนสู้เพื่อรักษาวิถีชีวิต

ณัฐนี สิทธิสมาน ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบสุดยอด ทำให้ยายรื่นดูทั้งน่าเกรงขามและอบอุ่น ฉากที่เธอให้คำแนะนำฟ้ามุ่ยหรือปรากฏในพิธีร่างทรงคือทำให้รู้สึกถึงพลังและความศักดิ์สิทธิ์ของตัวละครนี้

ฉายา ปราชญ์แห่งเวียงหนองหล่ม
ฉายาที่เหมาะกับยายรื่นคือ ปราชญ์แห่งเวียงหนองหล่ม เพราะเธอคือผู้ทรงภูมิปัญญาและความศรัทธา คอยนำทางชุมชนด้วยความรู้และหัวใจ ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทของเธอที่เป็นเหมือนแสงสว่างให้หมู่บ้าน

ข้อคิด ภูมิปัญญาคือรากฐานของชุมชน
ข้อคิดจากยายรื่นที่เด่นชัดคือ ภูมิปัญญาคือรากฐานของชุมชน การที่เธอถ่ายทอดความเชื่อและความรู้ให้ฟ้ามุ่ยและชาวบ้าน ทำให้เวียงหนองหล่มยังคงรักษาความเป็นตัวเองได้ มันสอนเราว่าการเคารพและสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นคือสิ่งที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน

→ ตี๋ ดอกสะเดา รับบท ลุงเชิด

hq720
ตี๋ ดอกสะเดา

ลุงเชิดคือชาวบ้านเวียงหนองหล่มที่เป็นส่วนหนึ่งในทีมของ ฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) ในการปกป้องหมู่บ้านจากการกว้านซื้อที่ดินของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์) เขาเป็นคนขี้เล่น มีความเป็นกันเอง และมักจะสร้างสีสันด้วยมุกตลกหรือการกระทำที่ดูเปิ่นๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ ลุงเชิดมักจะช่วยฟ้ามุ่ยในภารกิจต่างๆ เช่น ช่วยจัดงานพิธีร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือก หรือเป็นตัวเชื่อมในกลุ่มชาวบ้านเพื่อสร้างความสามัคคี

ตี๋ ดอกสะเดา ถ่ายทอดบทลุงเชิดได้แบบสุดยอด ด้วยสไตล์การแสดงที่เป็นธรรมชาติและอารมณ์ขัน ทำให้ลุงเชิดกลายเป็นตัวละครที่ดูแล้วรู้สึกเหมือนมีลุงจอมทะเล้นอยู่ในหมู่บ้านจริงๆ ฉากที่เขาทำอะไรตลกๆ หรือช่วยเหลือทีมฟ้ามุ่ยคือทำให้เราอยากเชียร์ทั้งหมู่บ้านเลย

ฉายา ลุงจอมเปิ่นแห่งเวียงหนองหล่ม
ฉายาที่เหมาะกับลุงเชิดคือ ลุงจอมเปิ่นแห่งเวียงหนองหล่ม เพราะเขาคือตัวละครที่มาพร้อมความตลกและความเปิ่นที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้ ฉายานี้สะท้อนถึงความเป็นคนสนุกสนานและจิตใจดีของเขา

ข้อคิด ความสนุกสนานสร้างสายสัมพันธ์
ข้อคิดจากลุงเชิดที่เด่นชัดคือ ความสนุกสนานสร้างสายสัมพันธ์ ความเปิ่นและอารมณ์ขันของเขาช่วยให้ชาวบ้านในเวียงหนองหล่มรู้สึกผ่อนคลายและสามัคคีกันมากขึ้น มันสอนเราว่าการนำความสุขและรอยยิ้มมาให้คนรอบข้างสามารถสร้างความผูกพันและพลังบวกในชุมชนได้

→ ธนายง ว่องตระกูล รับบท ไตรภพ

hq720
ธนายง ว่องตระกูล

ไตรภพคือพ่อของ สัตยา (ฐากูร การทิพย์) และสามีของ อมรา (วาสนา พูนผล) ผู้บริหารบริษัทอนันต์ทรัพย์เมธา เขาเป็นตัวละครที่เสียชีวิตไปก่อนที่เรื่องราวในเวียงหนองหล่มจะเริ่มขึ้น แต่ความฝันและมรดกของเขาคือแรงผลักดันสำคัญให้สัตยาทำโปรเจกต์ไร่ส้ม ไตรภพเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ ใจดี และมีความรักต่อครอบครัวและการเกษตร ความฝันของเขาที่อยากเห็นไร่ส้มเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นเป้าหมายที่สัตยาต้องสานต่อ แม้ว่าจะต้องเผชิญแรงกดดันจากอมราและความขัดแย้งในหมู่บ้าน

ธนายง ว่องตระกูล ถ่ายทอดบทไตรภพผ่านฉากย้อนอดีตได้แบบน่าประทับใจ ทำให้เราเห็นภาพของพ่อที่ทั้งอบอุ่นและเป็นแรงบันดาลใจ ฉากที่สัตยานึกถึงพ่อหรือพูดถึงความฝันของไตรภพคือทำให้เรารู้สึกถึงความผูกพันและน้ำหนักของตัวละครนี้

ฉายา ผู้ฝันแห่งไร่ส้ม
ฉายาที่เหมาะกับไตรภพคือ ผู้ฝันแห่งไร่ส้ม เพราะความฝันของเขาเกี่ยวกับไร่ส้มคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด และเป็นแรงผลักดันให้สัตยาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ฉายานี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความหวังที่เขาทิ้งไว้ให้ครอบครัวและชุมชน

ข้อคิด ความฝันสามารถเปลี่ยนอนาคต
ข้อคิดจากไตรภพที่เด่นชัดคือ ความฝันสามารถเปลี่ยนอนาคต แม้ว่าเขาจะไม่อยู่แล้ว แต่ความฝันของเขายังคงมีพลังในการผลักดันให้สัตยาและชุมชนเวียงหนองหล่มพัฒนาไปในทางที่ดี มันสอนเราว่าการมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และส่งต่อแรงบันดาลใจสามารถสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนได้


ถ้าละคร ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 ทางช่อง 3 มีภาค 2 จะเป็นยังไง หลังจากที่ ฟ้ามุ่ย และ สัตยา จับมือกันสร้างไร่ส้มที่เป็นมิตรกับชุมชนเวียงหนองหล่มในภาคแรก ภาคนี้เราจะพาไปลุยกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ทั้งสนุก ดราม่า และฟินยิ่งกว่าเดิม

ยัยปลาไหลกับนายไฮโซ 2568 ภาค 2 – รักป่วนไร่ส้ม

ความรุ่งเรืองของเวียงหนองหล่ม
เรื่องราวในภาค 2 เริ่มต้นที่เวียงหนองหล่ม 2 ปีหลังจากตอนจบภาคแรก ไร่ส้มของสัตยา (ฐากูร การทิพย์) และฟ้ามุ่ย (อาณดา ประกอบกิจ) กลายเป็นโมเดลธุรกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จ ผลส้มจากเวียงหนองหล่มดังไกลถึงเมืองกรุง มีทั้งน้ำส้มคั้น ส้มแปรรูป และทัวร์ชุมชนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ชาวบ้านอย่าง ป้าเอื้อง (วนิดา เชิญยิ้ม), เที่ยง (กาจบัณฑิต ใจดี), และ ลุงเชิด (ตี๋ ดอกสะเดา) ต่างแฮปปี้กับชีวิตที่มั่นคง ฟ้ามุ่ยกลายเป็นร่างทรงเจ้าแม่ปลาไหลเผือกเต็มตัว ส่วนสัตยาตั้งรกรากในหมู่บ้านอย่างถาวร

แต่ความรักของทั้งคู่เริ่มเจอรอยร้าวเล็กๆ เมื่อสัตยาต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ บ่อยๆ เพื่อดูแลธุรกิจที่ขยายตัว และฟ้ามุ่ยก็ยุ่งกับการดูแลชุมชนและพิธีกรรม ทำให้ทั้งสองเริ่มมีเวลาให้กันน้อยลง

นายทุนหน้าใหม่และอดีตที่หวนคืน
เรื่องวุ่นวายเริ่มขึ้นเมื่อ นายทุนหน้าใหม่ ชื่อ ธาวิน (สมมติว่านักแสดงหน้าใหม่สุดหล่อ) เข้ามาในเวียงหนองหล่ม ด้วยข้อเสนอสร้างรีสอร์ทหรูและสวนน้ำ โดยอ้างว่าจะช่วยยกระดับหมู่บ้านให้ทันสมัย แต่แท้จริงแล้ว ธาวินมีแผนซ่อนเร้นที่อาจทำลายสมดุลของชุมชน ธาวินยังมีเสน่ห์และความเจ้าเล่ห์ คอยเข้าหาฟ้ามุ่ยเพื่อหวังให้เธอยอมรับข้อเสนอ สร้างความเข้าใจผิดให้สัตยาคิดว่าฟ้ามุ่ยอาจมีใจให้

ในขณะเดียวกัน นลิน (ดิศริญากรณ์ ดิศกุล ณ อยุธยา) เพื่อนสนิทของสัตยาจากภาคแรก กลับมาจากต่างประเทศพร้อมความมุ่งมั่นที่จะทวงใจสัตยาคืน เธอร่วมมือกับ อมรา (วาสนา พูนผล) ที่เริ่มไม่พอใจที่สัตยาทิ้งชีวิตไฮโซเพื่ออยู่หมู่บ้าน นลินพยายามดึงสัตยาให้กลับไปบริหารบริษัทในเมือง สร้างดราม่ารักสามเส้าครั้งใหม่

ดราม่าและความขัดแย้ง
ฟ้ามุ่ยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากชาวบ้านบางส่วนที่อยากได้เงินจากนายทุนใหม่ ทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่บ้าน ยายรื่น (ณัฐนี สิทธิสมาน) และ กำนันคำป้อ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) พยายามช่วยฟ้ามุ่ยรักษาความสามัคคี แต่ ม่อน (ศิลป์ รุจิรวนิช), สิงห์เหนือ (ธีระพล หอมจม), และ เสือใต้ (ดนู ชุตินาวี) กลับมาอีกครั้งในฐานะลูกสมุนของธาวิน คอยปั่นหัวชาวบ้านและขุดความลับเก่าๆ เกี่ยวกับเจ้าแม่ปลาไหลเผือกเพื่อบ่อนทำลายความศรัทธา

ในขณะเดียวกัน สัตยาต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง เมื่อนลินและอมราพยายามโน้มน้าวว่าเขาควรเลือกชีวิตที่มั่นคงในเมืองมากกว่าอยู่ในหมู่บ้าน ความสัมพันธ์ของเขากับฟ้ามุ่ยเริ่มสั่นคลอนเมื่อทั้งคู่เริ่มไม่เข้าใจกัน ฉากดราม่าที่ทั้งสองทะเลาะกันที่ไร่ส้มคือแบบ ใจสลายเลยเพื่อนๆ

จุดเปลี่ยน ความลับของเจ้าแม่ปลาไหลเผือก
พล็อตพีคขึ้นเมื่อ ครูลออ (ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี) ค้นพบเอกสารโบราณที่บ่งบอกว่าเจ้าแม่ปลาไหลเผือกมีความเกี่ยวข้องกับที่ดินลึกลับในเวียงหนองหล่ม ซึ่งอาจเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของธาวิน ฟ้ามุ่ยและสัตยาต้องร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อปกป้องหมู่บ้าน ทีมชาวบ้านอย่าง จุ๊บ (นาตาชา จุลานนท์) และ สมชาย (วริษฐ์ ทิพโกมุท) ช่วยกันวางแผนแสบๆ เพื่อขัดขวางธาวิน รวมถึงการจัดงานเทศกาลเจ้าแม่ปลาไหลเผือกครั้งใหญ่เพื่อรวมใจชาวบ้าน

ในขณะเดียวกัน สัตยาค้นพบว่า ไตรภพ (ธนายง ว่องตระกูล) พ่อของเขา เคยมีแผนสร้างชุมชนที่ยั่งยืนในเวียงหนองหล่ม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขายืนหยัดต่อสู้เคียงข้างฟ้ามุ่ย ฉากที่สัตยาและฟ้ามุ่ยคืนดีกันในงานเทศกาลคือฟินสุดๆ

ชัยชนะของชุมชนและความรัก
ในที่สุด ฟ้ามุ่ยและสัตยาเปิดโปงแผนร้ายของธาวินด้วยความช่วยเหลือจาก กำนันคำป้อ และ ครูลออ ทำให้ชาวบ้านกลับมารวมใจกัน ปกป้องที่ดินและความศรัทธาในเจ้าแม่ปลาไหลเผือก นลินยอมรับความรักของสัตยาที่มีต่อฟ้ามุ่ย และเลือกสนับสนุนเขาในแบบเพื่อนแท้ อมราตัวเองก็เริ่มเห็นคุณค่าของชุมชนและยอมรับการตัดสินใจของลูกชาย
ตอนจบปิดด้วยงานแต่งงานของฟ้ามุ่ยและสัตยาที่ยิ่งใหญ่ในเวียงหนองหล่ม ท่ามกลางไร่ส้มที่กำลังออกผลงดงาม ชาวบ้านทุกคนมาร่วมฉลอง พร้อมการปรากฏตัวของเงาลึกลับที่เหมือนเจ้าแม่ปลาไหลเผือก คอยปกป้องหมู่บ้านต่อไป