เรื่องราวเกี่ยวกับ “โสนน้อยเรือนงาม” พระราชธิดาผู้มีวิชาความรู้ทางการแพทย์ และ “นางกุลา” หญิงสาวผู้ถูกงูกัดจนเสียชีวิต แต่โสนน้อยได้ใช้วิชาช่วยชีวิตไว้ได้ ทำให้นางกุลาขอติดตามไปด้วย ทั้งสองเดินทางมาถึงเมืองนพรัตน์ และได้ทราบข่าวว่า “พระวิจิตรจินดา” เจ้าชายองค์น้อยที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว โสนน้อยจึงอาสาเข้าไปรักษา โดยขอให้กั้นม่านเจ็ดชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว ขณะกำลังรักษา โสนน้อยรู้สึกร้อนจึงขอไปอาบน้ำ โสนน้อยจึงถอดเครื่องทรงออก และนางกุลาได้ใส่เครื่องทรงของโสนน้อยแทน
เมื่อพระวิจิตรจินดาฟื้นขึ้นมา ทุกคนจึงเข้าใจผิดคิดว่านางกุลาเป็นผู้รักษาและเป็นพระราชธิดาตัวจริง ทำให้นางกุลาได้เข้ามาอยู่ในวัง และเกิดเรื่องราวมากมายตามมา
หมวดหมู่: ละครพื้นบ้าน
ละคร ศึกเสน่หา ไกรทอง ชาละวัน 2567 ตำนานความรักหลายเศร้าของเจ้าแห่งคุ้งน้ำ ผู้กลับมาทวงสัญญาแห่งหัวใจ
เรื่องราวของ “ไกรทอง” พ่อค้าเร่ที่หลงรัก “ตะเภาทอง” สาวงามเมืองพิจิตร แต่ ตะเภาทอง กลับหลงรัก “ชาละวัน” ซึ่งแท้จริงแล้วคือจระเข้แปลงกาย ชาละวันต้องต่อสู้กับทั้ง ไกรทอง และ กุมภิล พญาจระเข้อีกตนหนึ่งที่ต้องการครอบครองอำนาจ
ความรักของพระลักษณวงศ์และนางทิพย์เกสรที่ต้องพลัดพรากจากกัน เมื่อมีอุปสรรคนานัปการทั้งคู่จะได้กลับมาครองรักกันหรือไม่
เรื่องราวของ ท้าวพรหมทัต มีมเหสีชื่อ สุวรรณอำภา และมีพระราชโอรสชื่อ ลักษณวงศ์ ท้าวพรหมทัตเสด็จประพาสป่า พบนางยักษ์แปลงเป็นสาวสวยล่อลวงจนหลงใหล สั่งประหารมเหสีและพระโอรส เพชฌฆาตสงสารจึงปล่อยนางสุวรรณอำภาไป ฤาษีนำลักษณวงศ์ไปเลี้ยงคู่กับนางทิพย์เกสร เมื่อโตขึ้น ลักษณวงศ์เรียนวิชาจนสำเร็จ ออกตามหามารดา กู้บ้านเมืองได้ ได้นางยี่สุ่นเป็นชายา นางทิพย์เกสรปลอมเป็นพราหมณ์ติดตามมา นางยี่สุ่นริษยา วางอุบายกำจัดพราหมณ์เกสร ลักษณวงศ์เสียใจ โหราจารย์ทำนายว่านางทิพย์เกสรยังไม่ตาย ลักษณวงศ์ออกติดตามจนพบ ทั้งคู่กลับมาครองรักกัน
ละคร พระอภัยมณี 2529 (EP.1-34) เรื่องราวของพระอภัยมณี ชายหนุ่มที่หนีการแต่งงานกับนางผีเสื้อสมุทร และเดินทางท่องไปในดินแดนต่างๆ เขาได้พบกับนางสุวรรณมาลี และทั้งสองตกหลุมรักกัน แต่ความรักของพวกเขาต้องพบกับอุปสรรคมากมาย
พระอภัยมณี นับแต่อายุได้ 15 ปีและออกเดินทางไปศึกษาวิชาความรู้เช่นเดียวกับเจ้าชายในวรรณคดีไทยอื่น ๆ แต่วิชาที่พระอภัยมณีไปศึกษามา มิใช่วิทยาอาคมหรือความรู้เกี่ยวกับการปกครองบ้านเมือง กลับเป็นวิชาดนตรีคือ การเป่าปี่ ทำให้พระบิดากริ้วมากจนขับไล่ออกจากเมือง การผจญภัยของพระอภัยมณีก็เริ่มขึ้นนับแต่นั้น
บนสวรรค์ที่สงบได้เกิดเรื่องขึ้น เมื่อจอมยักษ์มากฤทธิ ได้รักกับนางฟ้าจนก่อเกิดกุมาราเทวาครึ่งยักษ์ขึ้น จนต้องเดือดร้อนองค์อินทร์
วงษ์สวรรค์ จันทรวาส บุญกรรมชักนำให้ต้องจากรัก ละครพื้นบ้านไทยที่โด่งดังมาก เล่าเรื่องราวบนสวรรค์ พญายักษ์มีฤทธิมากตนหนึ่ง ได้รักกับนางฟ้า จนได้กำเนิดเกิดกุมาราเทวาครึ่งยักษ์ เดือดร้อนถึงองค์อินทร์ที่ต้องช่วยเด็กเล็กเยาว์วัย ให้พ้นภัยจากมาร
โอรส เพชรฤทธิ์ ที่ต้องหนีตายจากท้าวพันตา จึงออกตามหา พี่ชายที่ออกไปหาดาบเจ็ดสี เพื่อมาช่วยพ่อแม่ เขาได้พบฤาษีและเรียนวิชาการต่อสู้ ระหว่างทางต้องพบกับความรักและอุปสรรคต่างๆมากมาย
โอม สุ จิ ปุ ลิ พ้วง เพี้ยง ฤาษีทั้ง 7 แห่งเทือกเขาสายรุ้ง ช่วยกันสร้างดาบเจ็ดสี อาวุธวิเศษที่ทรงมหิทธานุภาพ ใครได้ครอบครอง จะได้ครองทั้งสามโลก มีเพียง มณีเจ็ดแสง ที่ต่อกรกับดาบเจ็ดสีได้ ผู้คนมากมายเที่ยวตามหาดาบเจ็ดสี แต่หารู้ไม่ว่า ผู้ที่จะได้ครอบครองต้องมีเจ็ดสิ่งอยู่ในตัวคือ กตัญญูรู้คุณ เกื้อหนุนเมตตา กรุณาผู้น้อย คอยช่วยเพื่อนมนุษย์ ใจสุดมั่นคง ซื่อตรงความดี พลีชีพปราบมาร
เทพผู้มีอิทธิพลต่อฤดูกาลทั้งสาม พระราหู พระพิรุณ และ นางจินดาเมขลา ได้รับสั่งจากพระอิศวรให้ลงไปจุติยังเมืองมนุษย์ โดยผลัดเปลี่ยนร่างตามฤดูกาล เทพทั้งสามต่างมีเรื่องราวมากมาย เกี่ยวกับความรัก การผจญภัย และบทเรียนชีวิต
ณ นครอุดม มีท้าวตรีภพเป็นเจ้าผู้ครองเมือง มีพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระมเหสีมณี และพระมเหสีทัศนีย์ แต่ยังไม่มีพระราชบุตรเพื่อสืบสันตติวงศ์ จึงได้ทำพิธีบวงสรวงต่อพระอิศวรเพื่อขอพระโอรส เมื่อพระอิศวรรับทราบด้วยญาณแล้ว จึงได้ให้มาตุลีไปตามพระพิรุณมาเฝ้า เพื่อเตรียมจุติลงไปยังเมืองมนุษย์ แต่ทว่าพระราหูและนางจินดาเมขลาต้องการเสด็จลงไปด้วย จึงได้ปรึกษากัน โดยพระราหูเสนอให้ทั้ง 3 พระองค์จุติยังเมืองมนุษย์ตามฤดูกาล โดยฤดูร้อนจะเป็นพระราหู ฤดูฝนเป็นพระพิรุณ ฤดูหนาวเป็นนางจินดาเมขลา
ละคร ดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง 2541 (EP.1-67 ตอนจบ) จันทรานคร เกิดทุกข์เข็ญข้าวยากหมากแพง แห้งแล้ง ประชาชนอดอยาก องค์เหนือหัวจันทราทิตย์ฝันว่ามีโครงกระดูกยักษ์มาบอกว่า ถ้าจะช่วยบ้านเมืองได้ต้องไปตามหาดาบเจ็ดสี
จันทรานคร นครที่เคยอุดมรุ่งเรืองมาแสนนาน เกิดแห้งแล้งวิปริตดุจต้องอาถรรพณ์ ในคืนหนึ่งเหนือหัวจันทราทิตย์ (เบญ เบญจมินทร์) สุบินเห็นอสูรย์ร่างกระดูกบอกวิธีแก้ไข โดยให้ไปตามหาดาบ 7 สี รุ่งขึ้น…ความทราบถึงพระโอรสคู่แฝดผู้เป็นความหวังของราชวงศ์ ต่างรีบอาสาสรุปด้วยวิธีจับไม้สั้นไม้ยาว เจ้าชายไกรเดชผู้พี่ชนะ (ฟิวส์-กิตติวงศ์) และออกเดินทางไป แต่ลับหายไร้วี่แวว เจ้าชายเพชราผู้น้อง (ฟิวส์-กิตติวงศ์)ทูลขอติดตาม เหนือหัวจันทราทิตย์ทรงอนุญาต ทั้งที่ทรงวิตกว่าจะเป็นอย่างไร หากดาบ 7 สี เป็นเพียงตำนานเล่าขานเจ้าชายเพชรา (ฟิวส์-กิตติวงศ์) และหัวหมู่แก้ว (จัตวา) ทหารคนสนิทเดินทางผ่านป่าใหญ่ อันเป็นที่สถิตบำเพเพ็ญพรตของ 5 มหาฤษีดัดตนทรงฤทธิ์อันมีนามว่า โอม สุ จิ ปุ ลิ ได้ร่วมกันผนึกกำลังพลังหลอมไม้เท้าวิเศษขึ้น สามารถพูดได้เป็นพหูสูตแปลงเป็นม้าบิน และอาวุธทวนคู่กายโดยใช้ชื่อของฤาษี โอม-สุ-จิ-ปุ-ลิ เป็นคาถากำกับ ส่วนเจ้าแก้วได้ลูกอมวิเศษ อมแล้วสามารถยืดหดตัวได้
พระอินทร์พานางเกษณีที่เป็นมนุษย์ไปอยู่ด้วยที่เมืองสวรรค์ และได้ให้กำเนิดธิดาชื่อ ยอพระกลิ่น และได้นำไปใส่ไว้ที่ปล้องไม้ไผ่ในเมืองมนุษย์ จนยอพระกลิ่นเติบโตขึ้นก็ได้พบกับมณีพิชัยจึงได้แต่งานกัน แต่พระมารดามารดาไม่โปรดยอพระกลิ่น จึงหาวิธีต่างๆ นานา มาแกล้ง ครั้งหนึ่งเคยใส่ร้ายยอพระกลิ่นว่าเป็น ภูติผีปีศาจ มากินแมว สุดท้ายพระอินทร์ผู้เป็นพ่อจึงลงมาช่วยคลี่คลายปัญหา จนในที่สุดยอพระกลิ่นและมณีพิชัยจึงได้ครองรักกันอย่างมีความสุข
ยอพระกลิ่น” เป็นธิดาของพระอินทร์และเจ้าหญิงชาวมนุษย์นางหนึ่ง ด้วยความที่พระอินทร์ไม่สามารถเลี้ยงดูพระธิดาได้จึงนำนางไปฝากไว้ในต้นไผ่ต้นใหญ่ในป่าบนโลก เวลาผ่านไปยอพระกลิ่นเติบโตเป็นสาว (ที่ได้ชื่อว่ายอพระกลิ่นเพราะนางมีกลิ่นกายหอมมาก) ก็ได้พบกับ “มณีพิชัย” เจ้าชายเมืองหนึ่ง ซึ่งบังเอิญเดินทางเข้าป่ามาแล้วพบต้นไผ่ต้นใหญ่จึงโค่นลง เมื่อมณีพิชัยพบยอพระกลิ่นที่มีกลิ่นกายหอมหวลจึงนำนางกลับเมืองและเเต่งตั้งให้นางเป็นมเหสี แต่พระนางจันทรพระมารดาของมณีพิชัย ไม่ชอบหน้ายอพระกลิ่น และอยากให้โอรสได้อภิเษกสมรสกับธิดาเจ้ากรุงจีนที่มั่งคั่งมากกว่า พระนางจึงวางแผนใส่ร้ายป้ายสียอพระกลิ่นว่านางเป็นกระสือกินแมวในราชวัง นางจึงต้องโทษประหาร เคราะห์ดีที่พระอินทร์ทรงลงมาช่วยธิดาไว้ได้ทันแล้วเสกให้นางกลายเป็นพราหมณ์หนุ่มมีเวทย์มนตร์แก่กล้า
ละคร พิกุลทอง 2545 (EP.1-30 ตอนจบ) END วันหนึ่งนางพิกุลทองเกิดร้อนรุ่มกลุ้มอุรา จึงได้ลาท้าวสัณนุราชไปเล่นน้ำกับพระพี่เลี้ยงในลำธาร ท้าวสัณนุราชจึงให้วางตาข่ายและทุ่นไว้รอบท่าน้ำ เพราะโหรทำนายว่านางจะต้องพลัดพรากจากเมือง
เจ้าหญิงพิกุลทอง เป็นธิดาของ ท้าวสัณนุราช กับพระมเหสีคือ นางพิกุลจันทรา ผู้ครองเมืองสรรพบุรี เมื่อย่างเข้าวัยสาว ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือว่ายากที่จะหาผู้หญิงคนใดเสมอเหมือนได้ ซึ่งนอกจากเวลาพูดกับใครจะมีดอกพิกุลทองร่วงจากปากแล้ว ยังมีเส้นผมที่หอมอีกด้วย
วันหนึ่งนางพิกุลทองเกิดร้อนรุ่มกลุ้มอุรา จึงได้ลาท้าวสัณนุราชไปเล่นน้ำกับพระพี่เลี้ยงในลำธาร ท้าวสัณนุราชจึงให้วางตาข่ายและทุ่นไว้รอบท่าน้ำ เพราะโหรทำนายว่านางจะต้องพลัดพรากจากเมือง