ละคร เลือดข้นคนจาง 2561
ตระกูลจิระอนันต์เป็นครอบครัวไทยเชื้อสายจีน เป็นเจ้าของกิจการโรงแรมจิรานันตา กรุงเทพฯ และพัทยา อากง สุกิจ (นพพล โกมารชุน) และอาม่า ปราณี (ภัทราวดี มีชูธน) เป็นผู้ก่อตั้งโรงแรม โดยปัจจุบันโรงแรมบริหารโดยลูกชายคนโต ประเสริฐ (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) และลูกสาวคนที่สามคือ ภัสสร (คัทลียา แมคอินทอช) ส่วนลูกชายคนที่สองคือ เมธ (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว อยู่บ้าน รับ-ส่งลูกหลาน และลูกชายคนสุดท้องคือ กรกันต์ (สุพจน์ จันทร์เจริญ) แต่งงานกับอดีตดาราหนัง น้ำผึ้ง (เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม) และใช้ชีวิตแบบเสเพลไปวัน ๆ โดยไม่ทำการทำงานใด ๆ
สมาชิกในครอบครัวของตระกูลได้รวมตัวกันในวาระสำคัญ เช่นงานวันเกิดอากง อาม่า เทศกาลต่าง ๆ จนเมื่ออากงเสียชีวิต ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยแบ่งมรดกกิจการโรงแรมเป็น 4 ส่วน ให้ลูกชายทั้ง 3 คน และหลานชายผู้ซึ่งมีฐานะเป็น “ตั่วซุง” พีท (กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) ซึ่งเป็นลูกของประเสริฐซึ่งเป็นลูกชายคนโต ส่วนภัสสรได้เงินก้อนจำนวนหนึ่ง เธอไม่พอใจมากกับการแบ่งพินัยกรรมแบบนี้ เธอจึงเริ่มมีปากเสียงกับประเสริฐ แต่แล้วไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์นั้นประเสริฐถูกยิงเสียชีวิต โดยที่ตำรวจไม่สามารถหาหลักฐานอะไรได้จากสถานที่เกิดเหตุ นั่นจึงทำให้ภัสสรต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยลำดับแรกเนื่องจากเป็นผู้พบศพของประเสริฐคนแรกและมีแรงจูงใจที่จะฆ่าอยู่แล้ว นั่นจึงทำให้ อี้ (ธนภพ ลีรัตนขจร) ลูกชายคนโตของภัสสรต้องออกตามสืบหาแรงจูงใจและฆาตกรตัวจริงเพิ่มเติม เพื่อให้ภัสสรพ้นผิดจากข้อกล่าวหา
แต่ต่อมาอี้ได้พบหลักฐานว่า คริส เฉิน (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) อดีตภรรยาของประเสริฐได้ว่าจ้างให้ สมพงษ์ (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) ออกตามสืบ ประเสริฐและ นิภา (อาภาศิริ นิติพน) ผู้ซึ่งเป็นคนรักเก่าของประเสริฐแบบทุกฝีก้าว จนประเสริฐตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับนิภา คริสไม่พอใจมากจึงตามมาขู่ฆ่าและยกลำกล้องขึ้นขู่ต่อหน้าประเสริฐและนิภา นั่นจึงทำให้คริสตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายถัดไป พีท ลูกของคริสกับประเสริฐ จึงต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้แม่ไม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยและโยนความผิดทั้งหมดกลับไปที่บ้านภัสสร
วันหนึ่งเต้ย (จักริน กังวานเกียรติชัย) แอบเข้าไปในบ้านของเมธเพื่อจะเปลี่ยนถ่านในตุ๊กตาของ เหม่เหม (ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์) ที่เขาใส่กล้องกระดุมสำหรับแอบถ่ายไว้ แต่พบว่าเหม่เหมถือปืนที่สังหารประเสริฐอยู่ เหม่เหมบอกไปว่าเธอเป็นผู้ฆ่าประเสริฐเพราะประเสริฐข่มขืนเธอ เต้ยอาสาเอาปืนไปทิ้งแต่เหม่เหมกลับหักหลังและแจ้งตำรวจไปจับเต้ย ทำให้เต้ยเป็นผู้ต้องหาเนื่องจากมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง เต้ยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยบอกว่าตนถูกเหม่เหมวานให้เอาปืนไปโยนทิ้งให้ แต่ในการให้ปากคำเหม่เหมกลับบอกเจ้าหน้าที่สืบสวนว่าเธอไม่ได้ถูกประเสริฐข่มขืนแต่อย่างใด และเธอไม่รู้เรื่องปืนอะไรทั้งสิ้น การให้ปากคำของเหม่เหมทำให้เต้ยกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีในที่สุด และถูกส่งฝากขังทันที อี้ทนไม่ได้ที่เห็นน้องตัวเองต้องรับกรรมแทนคนผิด จึงออกหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านของเมธ ซึ่งในเวลาเดียวกัน เวกัส (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ลูกชายคนโตของกรกันต์กับน้ำผึ้งและเป็นลูกบุญธรรมของเมธ ได้ออกตามเหม่เหมไปในคืนวันที่เต้ยถูกจับ และพบว่าเหม่เหมเอาฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในอุปกรณ์บันทึกภาพของกล้องวงจรปิดภายในบ้านประเสริฐมาทิ้ง เวกัสจึงหยิบฮาร์ดดิสก์กลับมาแล้วเอาไปกู้ข้อมูลที่ศูนย์รับกู้ข้อมูลจนในที่สุดเวกัสก็ได้เห็นหน้าฆาตกรที่ฆ่าประเสริฐตัวจริงเป็นคนแรกนั่นก็คือ “เมธ”
เวกัสเอาเรื่องที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดมาบอกให้อี้รู้ อี้จึงบอกว่าฆาตกรคงจะเป็นเมธแน่นอนแล้ว แต่ตนต้องหาหลักฐานและแรงจูงใจเพิ่มเติมให้ชัดเจนกว่านี้ ก๋วยเตี๋ยว (ศิวกร อดุลสุทธิกุล) ลูกชายของมนฤดี ลูกสาวคนที่สี่ของอากงและอาม่า จึงบอกว่าอากงชอบสเก็ตภาพของทุกคนเอาไว้ในสมุดภาพ แต่สมุดภาพที่ควรจะมีสามเล่มกลับหายไปหนึ่งเล่ม ซึ่งเล่มที่หายไปน่าจะมีหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะชี้ไปยังฆาตกรตัวจริงได้ อี้จึงตัดสินใจไปถามเต้ยว่าบุกเข้าบ้านเมธไปได้อย่างไร และทำตามที่เต้ยบอกทุกอย่างจนไปพบกับสมุดวาดภาพของอากงเล่มที่หายไป อี้ลองเปิดดูเหตุการณ์ในเล่มดังกล่าวและได้เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งผูกคอตายเสียชีวิตและมีเลือดไหลคล้ายกับคนที่มีอาการตกเลือด เขาจึงนำสมุดที่เจอไปให้ก๋วยเตี๋ยวตีความร่วมกัน ก๋วยเตี๋ยวเปิดกลับไปเห็นภาพที่มีผู้หญิงใส่ชุดลายดอกคนหนึ่งกำลังยื่นถ้วยยาที่มีลายแบบเดียวกันให้ผู้หญิงคนนั้นดื่ม เขาจึงได้สาเหตุคร่าว ๆ แล้วว่าเมธน่าจะรู้เรื่องที่ภรรยาถูกวางยาขับเลือด และผู้หญิงใส่ชุดลายดอกน่าจะเป็นคริส เมธจึงตามไปเอาเรื่องคริสที่บ้าน แต่คริสไม่อยู่ประเสริฐจึงรับเคราะห์แทน ประกอบกับเวกัสเอาเรื่องของ พิม (พิมรา เจริญภักดี) ที่รู้มาจากกรกันต์มาเล่าให้ฟัง เขาจึงต่อเรื่องติดทันที วินาทีนั้นเวกัสจึงวิ่งกลับไปบอกให้เหม่เหมรู้ตัวและให้รีบหนีไปฮ่องกงทันที
อี้รู้ตัวทีหลังว่าโดนเวกัสหักหลังและทำให้เมธหนีไปได้ อี้จึงตัดสินใจสืบหาว่าเมธกับคริสไปไหน จนรู้ชัดเจนว่าทั้งสามคนอยู่ที่ฮ่องกง เขาจึงตัดสินใจวางแผนจัดฉากให้เมธและคริสมาพบกันอีกครั้งให้ได้ เขาเริ่มออกตามหาเมธกับเหม่เหมเป็นลำดับแรก และปลอมตัวเป็นพีทไปหลอกคริสให้ออกมาพบกัน วินาทีที่ทั้งคู่เจอกันอี้จึงเอาปืนที่ตนซื้อมาให้เมธไปคุยกับคริสและบันทึกภาพไว้ จนคริสและเมธเริ่มสารภาพ จึงทำให้รู้ความจริงทั้งหมด
ในวันที่เมธไปช่วยก๋วยเตี๋ยวเก็บของที่ห้องทำงานของอากง เขาได้เห็นสมุดภาพวาดของอากงที่คอยวาดเหตุการณ์ทุกอย่างไว้จึงได้รู้ว่าคริสเป็นต้นเหตุที่พิมแท้งและฆ่าตัวตาย เขาจึงเดินมาในบ้านประเสริฐเพื่อถามว่าคริสทำแบบนี้ทำไม แต่กลับมาเจอประเสริฐที่ยืนอยู่ในห้อง ประเสริฐพยายามเกลี้ยกล่อมให้เมธใจเย็นลงและปล่อยวางเรื่องของพิมไว้ข้างหลัง เมธเสียใจมากที่ทุกคนรู้เรื่องนี้ทั้งหมดยกเว้นตนด้วยความบันดาลโทสะเมธจึงหยิบปืนและยิงประเสริฐจนล้มลง เมธช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าจึงรีบเดินกลับบ้าน เหม่เหมเห็นท่าทีของเมธที่กลับมาบ้านจึงรีบพาไปอาบน้ำเพื่อทำลายคราบเขม่าปืนที่ติดอยู่ พร้อมให้เมธกินยานอนหลับเพื่อให้หลับข้ามเหตุการณ์ที่ตำรวจมาที่บ้านไป ส่วนตนก็เอาปืนมาเช็ดลายนิ้วมือออกแล้วซ่อนเอาไว้ในถังข้าวสาร ก่อนวิ่งกลับไปที่บ้านประเสริฐเพื่อไปทำลายลายนิ้วมือของเมธที่ติดอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อเข้าไปเหม่เหมได้เห็นว่าในบ้านมีกล้องวงจรปิด เธอจึงรีบขึ้นไปห้องของประเสริฐและได้เห็นอุปกรณ์บันทึกภาพ เธอจึงถอดสายและหยิบอุปกรณ์ดังกล่าวออกจากบ้าน แต่ขณะที่กำลังจะออกจากบ้าน ภัสสรรีบวิ่งเข้ามาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เหม่เหมได้โอกาสจึงปล่อยให้ภัสสรไปเจอประเสริฐที่ถูกยิงเพื่อโยนความผิดให้ภัสสรส่วนเธอก็วิ่งหนีออกจากบ้านไป ภัสสรตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามเรียกแม่บ้านและโทรตามรถพยาบาลโดยเร็ว แต่ด้วยความโกรธและความเสียใจที่ถูกประเสริฐไล่ออกจากงาน เธอจึงปล่อยให้ประเสริฐเสียชีวิตลง และเริ่มสร้างเหตุการณ์อันซับซ้อนทั้งหมดขึ้น
ท้ายสุดเมธและอี้ถูกสถานกงศุลไทย ณ ประเทศฮ่องกง ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย เมธถูกนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล ศาลจึงตัดสินจำคุกเมธตลอดชีวิตในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา พร้อมพ่วงด้วยคดีใช้ปืนที่จดทะเบียนโดยผู้อื่นอีกสองปี แต่เพราะเมธรับสารภาพทำให้เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ศาลจึงตัดสินลดโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก 25 ปีในฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ 8 เดือนในฐานใช้อาวุธปืนที่จดทะเบียนโดยผู้อื่น แต่เนื่องจากศาลได้ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตกับเมธไปแล้ว จึงให้คงเพียงจำคุก 25 ปีเพียงสถานเดียว เหม่เหมถูกดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย และข้อหาพยายามทำลายหลักฐานเพื่อช่วยให้ผู้อื่นมิต้องรับโทษ ศาลตัดสินให้จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาทในฐานแจ้งความเท็จ และจำคุก 2 ปี ปรับ 100,000 บาทฐานพยายามทำลายหลักฐานเพื่อช่วยให้ผู้อื่นพ้นผิด แต่เหม่เหมให้การรับสารภาพศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเป็นคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 60,000 บาท แต่เพราะเหม่เหมไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงตัดสินให้โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี
ส่วนเต้ยถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเคหะสถานของบุคคลอื่น ข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลผู้ซึ่งมีอายุกว่า 15 ปี ในขณะที่บุคคลนั้นมิสามารถขัดขืนได้ และข้อหาพยายามทำลายหลักฐานเพื่อช่วยให้ผู้อื่นมิต้องรับโทษ ศาลตัดสินให้ความผิดของเต้ยต้องรับโทษเป็นกระทงไป แต่เนื่องจากเต้ยเพิ่งมีอายุได้สิบแปดปีเศษ ศาลจึงพิจารณาให้ลดความผิดส่วนหนึ่ง กล่าวคือศาลตัดสินให้เต้ยจำคุก 1 ปี ปรับ 50,000 บาทฐานพยายามทำลายหลักฐานเพื่อช่วยให้ผู้อื่นพ้นผิด ประกอบกับเมธและเหม่เหมยอมความในคดีบุกรุกเคหะสถานและคดีอนาจารศาลจึงไม่ตัดสินโทษในคดีนี้ จึงคงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 50,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพจึงพิจารณาให้ลดโทษกึ่งหนึ่งเป็นคงจำคุก 6 เดือน ปรับ 25,000 บาท และจำเลยยังไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงตัดสินให้โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี
หลังจากเมธถูกตัดสินคดี ภัสสรได้บอกความจริงอีกส่วนหนึ่งที่ทุกคนยังไม่ได้บอก นั่นคือภัสสรเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด กล่าวคืออาม่าใช้ให้คริสไปซื้อยาบำรุงมาให้พิมดื่ม แต่เพราะคริสอิจฉาที่ทุกคนท้องและกลัวว่าลูกของเมธจะได้รับความดีความชอบมากกว่า เธอจึงใส่ยาขับเลือดให้พิมกินทีละน้อยจนยาค่อยๆ เริ่มออกฤทธิ์ พิมเสียใจมากที่ถูกทั้งบ้านหักหลังเธอจึงผูกคอฆ่าตัวตาย ส่วนคริส เพราะภัสสรเอาเรื่องที่เธอทำมาบอกอากง อากงจึงขับไล่คริสออกจากบ้านและให้หย่าขาดกับประเสริฐ แต่เพราะคริสท้อง เธอจึงได้อยู่ที่บ้านต่อในฐานะแม่ของพีทผู้ซึ่งเป็นตั่วซุงเท่านั้น เมธขอให้ภัสสรปล่อยวางและเดินหน้าต่อเพราะเขาเองก็ทำใจและปล่อยวางเรื่องทั้งหมดแล้ว ภัสสรจึงตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม และซื้อหุ้นของโรงแรมจำนวนหนึ่งที่พีทเสนอขาย ทุกคนเริ่มปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งเว้นแต่เต้ยกับเหม่เหมที่มองหน้าไม่ติดอีกต่อไป ส่วนอี้ถูกสังคมประนามฐานทำเกินกว่าเหตุ ลูกค้าทุกคนแบนกิจการร้านตัดผมที่เขาสร้างขึ้น เขาจึงหนีไปใช้ชีวิตตามลำพัง ก่อนกลับมาบริหารโรงแรมร่วมกับแม่แทน อาม่าขอโทษภัสสรที่ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่คิดและไม่เคยเข้าใจอะไรภัสสรเลย ภัสสรจึงปล่อยวางและใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เหลือในบ้านอย่างมีความสุขปนความจางต่อไป
ที่มา
เลือดข้นคนจาง ริเริ่มขึ้นจากโครงการ 5:7:9 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบการก่อตั้ง 11 ปีของโฟร์โนล็อค โดยเลข 5 หมายถึงการพัฒนากลุ่มไอดอลเอสบีไฟฟ์ให้กับค่าย LOVEiS ของบอย โกสิยพงษ์ เลข 7 คือการคว้าสิทธิ์การดูแลศิลปินวงก็อตเซเวนจากเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว และเลข 9 คือโครงการพิเศษที่โฟร์โนล็อคต้องการที่จะรวบรวมนักแสดงรุ่นใหม่เก้าคนเพื่อตั้งเป็นกลุ่มไอดอลที่มีชื่อว่า ไนน์บายนาย (9by9) ซึ่งจะมีผลงานเพลง คอนเสิร์ต แสดงละครและซีรีส์ทางโทรทัศน์ เพื่อให้งานเดินหน้าไปตามแผน อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ผู้บริหารโฟร์โนล็อค จึงได้ทาบทามทรงยศ สุขมากอนันต์เพื่อร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งเดิมทรงยศวางแผนจะกลับไปทำภาพยนตร์ร่วมกับจอกว้าง ฟิล์มและ จีดีเอช ห้าห้าเก้า หลังจากจบการถ่ายทำมินิซีรีส์ I Hate You, I Love You ทางไลน์ทีวี ซึ่งต่อมาทรงยศได้ตกลงให้ร่วมมือในฐานะผู้ผลิต โดยในช่วงแรกวางแผนให้ 4 ผู้กำกับจากซีรีส์โปรเจกต์ เอส ที่ผลิตเมื่อปีก่อนมาร่วมกำกับ และทรงยศเองตั้งใจจะขึ้นเป็นโปรดิวเซอร์เพื่อให้มีเวลาไปถ่ายทำภาพยนตร์ได้ แต่เมื่อโครงการเริ่มเดินหน้าและขยายขึ้นมากกว่าที่ตั้งใจไว้ ทรงยศก็ตัดสินใจมากำกับละครด้วยตัวเอง
ทรงยศและอนุวัติ ตั้งใจจะขยายฐานผู้ชมจากกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้นที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเดิมให้มีฐานตลาดที่กว้างและแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้โปรเจกต์ไนน์บายนายสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้อย่างกว้างขวางมากที่สุด ทรงยศจึงลงความเห็นว่าจะไม่นำละครเรื่องนี้ไปออกอากาศทางจีเอ็มเอ็ม 25 และได้เสนอละครเรื่องนี้ให้กับถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของช่องวันและนิพนธ์ ผิวเณร ผู้อำนวยการสายงานการผลิตละคร เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นผู้พิจารณาแทน โดยตนขอฉายในช่วงสามทุ่มเนื่องจากช่วงเวลาที่ได้ฉายปกตินั้นดึกเกินไป เมื่อได้ฟังรายละเอียดคร่าวๆ ถกลเกียรติและ นิพนธ์ จึงตกลงที่จะให้ทรงยศนำละครฉายช่วงเวลาดังกล่าว และขอเป็นผู้ผลิตร่วมเพื่อกำหนดแนวทางของละครและเสนอแนะในรายละเอียดที่ทรงยศควรทำเพื่อให้ละครฉายในช่วงไพรม์ไทม์หลังข่าวภาคค่ำได้
การเขียนบทและคัดเลือกนักแสดง
ทรงยศได้รับแรงบันดาลใจจากละครชุดฮ่องกงยุค 1980 ที่มีเนื้อหาเชือดเฉือนในครอบครัว เขาและทีมเขียนบทจึงพัฒนาโครงเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวไทยเชื้อสายจีนที่มีความขัดแย้งระหว่างรุ่นเกี่ยวกับธรรมเนียมต่าง ๆ มีการหาข้อมูลเรื่องราวครอบครัวที่มีกิจการที่อยู่ในข่ายกงสี เช่น โรงแรม ร้านเสื้อผ้า บริษัทเมล็ดพันธุ์ผัก กิจการรถทัวร์ และกิจการโรงสีข้าวที่ลูกสาวตัดสินใจออกจากตำแหน่ง เพราะพ่อแบ่งกิจการให้ลูกชายทั้งหมด รวมถึงหาข้อมูลเรื่องการฆาตกรรม แต่ทีมงานยืนยันว่าเนื้อเรื่องไม่ได้มาจากเรื่องราวของคดีตระกูลธรรมวัฒนะมาเป็นต้นแบบ นอกจากนี้ยังมี ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร, กาเหว่า-ชลลดา เตียวสุวรรณ จัส-จัสติน่า สุวรรณวิหค และตัวผู้กำกับเองที่สร้างสรรค์บทให้สมบูรณ์
ทรงยศเชิญนักแสดงผู้ใหญ่มากประสบการณ์หลายคนมาร่วมแสดง เพื่อรับบทบาทตัวกลางในเรื่องและช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ชมที่กว้างขึ้น ตอนเขียนบทอากงและอาม่า ทรงยศวางภาพนพพลและภัทราวดีไว้ในใจ ทรงยศกล่าวว่าละครเรื่องนี้ไม่มีตัวเอก และตัวละครทั้ง 25 คนมีความสำคัญเท่า ๆ กัน แม้ว่าจะมีเวลาออกอากาศต่างกันก็ตาม เขาพูดถึงเนื้อเรื่องว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเป็นประเด็นหลัก โดยที่ปมฆาตกรรมปริศนาเป็นประเด็นรอง สำหรับนักแสดงหนุ่ม 9 คน ทีมงานเขียนบทเริ่มไปสังเกตนักแสดงตั้งแต่ขั้นตอนเวิร์กชอป เมื่อรู้ว่า 9 คนนี้ได้แสดงอย่างแน่นอนจึงค่อยเขียนบทจากตัวพวกเขา ต่างจากนักแสดงอื่น ๆ อย่างนักแสดงรุ่นใหญ่ทั้งรุ่นอาม่าอากงและรุ่นพ่อแม่ ที่วางตามโครงสร้างบท
การถ่ายทำและตัดต่อ
ละครมีพิธีบวงสรวงเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2561 เริ่มถ่ายทำประมาณเดือนพฤษภาคม จนเสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม 2561 โดยมีงานเปิดตัวกับคู่ค้าของทางช่องวันครั้งแรกในงานแถลงข่าว “ONE สนั่นจอ เดือนกรกฎาคม” เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 การถ่ายทำแต่เดิมทรงยศ จะถ่ายจนกว่าคิดว่าใช่ แต่สำหรับละครเรื่องนี้ เขาตั้งเป้าไว้ว่า แต่ละฉากต้องการถ่าย 3 เทกผ่าน ถ้ามีมุมกล้องเพิ่มขึ้น 5 เทค มากที่สุดไม่เกิน 7 เทก
การตัดต่อละครเรื่องนี้ ตัดต่อสัปดาห์ต่อสัปดาห์ โดยนำความเห็นของผู้ชมจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก ดูความเห็นเพื่อตัดต่อในตอนต่อไป
คำวิจารณ์
เดอะสแตนดาร์ด ให้ความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาละครเรื่องนี้ว่า “ความโดดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือประเด็นของการหยิบยกเอาลักษณะพื้นฐานความสัมพันธ์มนุษย์มาพูดถึงได้อย่างเรียบง่ายและเห็นได้ชัด…รวมไปถึงอีกประเด็นที่แข็งแรงมาก ๆ คือเรื่องของการสะท้อนสังคมในรูปแบบชายเป็นใหญ่ (Patriarchy) ที่ส่งอิทธิพลมาจากการนับญาติแบบจีนและการถือเพศชายเป็นใหญ่เสมอ ยัติภังค์จากนิตยสาร สารคดี พูดถึงว่าเรื่องนี้มีความโดดเด่นด้านงานสร้างที่มีความพิถีพิถัน รวมถึงดนตรีประกอบ “ทั้งความใส่ใจรายละเอียดที่คนอาจมองข้ามได้เป็นอย่างดี
เขียนโดย
ฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์
ชลลดา เตียวสุวรรณ
ทรงยศ สุขมากอนันต์
เกรียงไกร วชิรธรรมพร
ศุภกฤษ์ นิงสานนท์
ทศพร เหรียญทอง
วสุธร ปิยารมณ์
กำกับโดย ทรงยศ สุขมากอนันต์
ผู้กำกับศิลป์ ธีระชาติ พงษ์วิไล
ผู้ประพันธ์ เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน
นักแสดง
นพพล โกมารชุน, ภัทราวดี มีชูธน, ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, โสภิตนภา ชุ่มภาณี, อาภาศิริ นิติพน, ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง, คัทลียา แมคอินทอช, พิมรา เจริญภักดี, พลวัฒน์ มนูประเสริฐ, สุพจน์ จันทร์เจริญ, เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ และชวลิต ชิตตนันท์ พร้อมด้วยนักแสดงรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตามองอย่าง ธนภพ ลีรัตนขจร, กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม, ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, ชลธร คงยิ่งยง, ลภัส งามเชวง, ศิวกร อดุลสุทธิกุล, พาริส อินทรโกมาลย์สุต, จักริน กังวานเกียรติชัย, วชิรวิชญ์ อรัญธนวงศ์ สมาชิกของกลุ่มไอดอล 9×9 (ไนน์บายนาย) รวมถึงกัญญาวีร์ สองเมือง และศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์