ซีรีส์ สถานะกั๊กใจ GELBOYS 2025 “โฟร์มด” เด็กม.4 ที่อยากเริ่มต้นรักใหม่กับ “บ้าบิ่น” เพื่อนสนิท แต่กลับตกหลุมรัก “เชียร” รุ่นพี่ขี้กั๊กที่ชวนไปทำเล็บเจลด้วยกัน ความสัมพันธ์เริ่มวุ่นวายเมื่อโฟร์มดพบว่าเชียรไม่ได้สนใจแค่เขา แต่ยังมี “บัว” ติ๊กต็อกเกอร์ชื่อดังเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาจึงใช้บ้าบิ่นเป็นเครื่องมือเพื่อเรียกความสนใจจากเชียร ท่ามกลางความกั๊กใจและการเติบโตในวัยรุ่นที่สยามสแควร์

ซีรีส์ สถานะกั๊กใจ GELBOYS 2025 ซีรีส์วายแนวรักโรแมนติกเกี่ยวกับวัยรุ่นและความสัมพันธ์ เรื่องราวเน้นไปที่ชีวิตของเด็กมัธยมปลายและความวุ่นวายของความรักในยุคสมัยใหม่ที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมโซเชียลมีเดียและไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นในย่านสยามสแควร์ กรุงเทพฯ

เรื่องราวของ “โฟร์มด” เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ชั้น ม.4 หลังจากเคยถูกคนเจ้าชู้ “กั๊ก” ความสัมพันธ์ไว้ในอดีต เขาตั้งใจจะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่โดยมีเป้าหมายคือ “บ้าบิ่น” เพื่อนสนิทในกลุ่มของเขา อย่างไรก็ตาม แผนของโฟร์มดต้องสะดุดเมื่อเขาได้พบกับ “เชียร” รุ่นพี่ที่มีเสน่ห์และนิสัยขี้กั๊ก ชอบตกคนด้วยการชวนไปทำเล็บเจลที่สยามสแควร์ การเจอกันครั้งนี้ทำให้โฟร์มดเริ่มหลงใหลในตัวเชียร โดยเฉพาะการดูแลเล็บเจลที่กลายเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างทั้งคู่

แต่แล้วโฟร์มดก็ค้นพบว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่เชียรให้ความสนใจ เพราะเชียรยังชวน “บัว” ลูกครึ่งติ๊กต็อกเกอร์ชื่อดังไปทำเล็บด้วยกันด้วย เรื่องราวเริ่มซับซ้อนเมื่อโฟร์มดรู้สึกว่าตัวเองถูก “กั๊ก” อีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจใช้บ้าบิ่น เพื่อนสนิทของเขา มาเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้เชียรหึง โดยหวังว่าจะดึงความสนใจจากเชียรกลับมาได้

ซีรีส์เรื่องนี้สำรวจความสัมพันธ์แบบไม่ชัดเจน (สถานะกั๊กใจ) ความอิจฉา และการเติบโตของวัยรุ่นผ่านมุมมองที่สมจริงและร่วมสมัย ปนด้วยความสดใสและดราม่าของชีวิตวัยรุ่นในเมืองใหญ่ โดยมีฉากหลังเป็นย่านสยามสแควร์ที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นอายของวัฒนธรรมป๊อปปัจจุบัน ตัวละครแต่ละตัวต่างมีมิติและพัฒนาการที่สะท้อนถึงการค้นหาตัวตนและความรักในแบบของตัวเอง

ซีรีส์เปิดตัวด้วย “โฟร์มด” เด็กม.4 ที่เพิ่งอกหักจากการถูก “กั๊ก” เมื่อเทอมก่อน เขาตั้งใจเริ่มต้นใหม่และมอง “บ้าบิ่น” เพื่อนสนิทในกลุ่มเป็นเป้าหมายความรัก แต่แล้วโฟร์มดกลับได้เจอกับ “เชียร” รุ่นพี่สุดชิคที่ชอบชวนคนไปทำเล็บเจลที่สยามสแควร์ การเจอกันครั้งแรกเกิดขึ้นแบบบังเอิญ (บางทีอาจบน BTS หรือในโซเชียล) และเชียรเริ่มเข้าใกล้โฟร์มดด้วยการกดไลก์ใน IG หรือชวนไปทำเล็บเจล โฟร์มดเริ่มหวั่นไหวกับความสนใจจากเชียร แต่ก็ยังลังเล เพราะยังไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงใจหรือแค่การ “กั๊ก” อีกครั้ง

โฟร์มดตัดสินใจไปทำเล็บกับเชียร และทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นผ่านโมเมนต์น่ารักๆ เช่น การเลือกสีเล็บเจลหรือการแซวกันไปมา แต่แล้วโฟร์มดก็เริ่มสงสัย เมื่อเห็นเชียรมีท่าทีคล้ายๆ กันกับ “บัว” หนุ่มลูกครึ่งติ๊กต็อกเกอร์สุดฮอตที่มาโผล่ที่ร้านทำเล็บเหมือนกัน โฟร์มดรู้สึกไม่มั่นใจและเริ่มตั้งคำถามว่าเชียรกำลัง “กั๊ก” เขาเหมือนที่เคยเจอมา ความหึงเริ่มก่อตัว และโฟร์มดตัดสินใจชวนบ้าบิ่นไปทำเล็บด้วยกัน เพื่อดูปฏิกิริยาของเชียร

ความสัมพันธ์ยิ่งวุ่นวายเมื่อโฟร์มดใช้บ้าบิ่นเป็นตัวกระตุ้นให้เชียรแสดงความรู้สึกออกมา บ้าบิ่นที่ดูเหมือนจะเป็นแค่เพื่อนสนิทสายละมุน กลับเริ่มมีท่าทีเหมือนสนใจโฟร์มดมากขึ้น ทำให้เกิดความสัมพันธ์ (รักสามเส้า) ระหว่างโฟร์มด, เชียร และบ้าบิ่น ส่วนบัวก็ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตของเชียร สร้างความสับสนให้โฟร์มดมากขึ้นไปอีก โฟร์มดเผชิญหน้ากับเชียรแบบอ้อมๆ เพื่อถามถึงสถานะ แต่เชียรยังคงตอบแบบกำกวม สะท้อนธีม “สถานะกั๊กใจ” ของเรื่องได้อย่างชัดเจน

จากเนื้อเรื่องที่เน้นความสัมพันธ์แบบไม่ชัดเจนและการเติบโตของวัยรุ่น โฟร์มดจะต้องตัดสินใจว่าเขาจะยอมอยู่ในสถานะกั๊กๆ นี้ต่อไป หรือกล้าที่จะเรียกร้องความชัดเจนจากเชียร ขณะที่บ้าบิ่นอาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้โฟร์มดเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น ส่วนบัวอาจมี backstory ที่ทำให้เราเข้าใจมุมมองของเขามากกว่าแค่ “ตัวกั๊ก” อีกคน

และแน่นอนว่าสยามสแควร์จะยังเป็นฉากหลังที่เต็มไปด้วยสีสันและป๊อปคัลเจอร์ เช่น ร้านทำเล็บ Kantima Salon หรือการใช้โซเชียลมีเดียสะท้อนชีวิตวัยรุ่น Gen Z

ตอนแรกให้ความรู้สึกสดใสและน่าตื่นเต้น เหมือนได้นั่ง BTS ไปสยามสแควร์กับโฟร์มดเลย การแนะนำตัวละครแต่ละตัวทำได้น่ารัก โฟร์มดดูเป็นเด็กวัยรุ่นที่จริงใจแต่ก็เปราะบาง ทำให้รู้สึกเอ็นดูและอยากเอาใจช่วย ส่วนเชียร รุ่นพี่สายกั๊ก มาพร้อมเสน่ห์ที่ทำให้ใจเต้นแรง แค่ฉากชวนไปทำเล็บเจลก็รู้สึกวูบวาบแล้ว ความรู้สึกตอนจบตอนคืออยากดูต่อทันที เพราะเริ่มสงสัยว่าเชียรจะจริงใจกับโฟร์มดแค่ไหน

รู้สึกหงุดหงิดนิดๆ กับความไม่ชัดเจนของเชียร โดยเฉพาะตอนที่บัวโผล่เข้ามาในร้านทำเล็บ มันเหมือนโดนสะท้อนชีวิตจริงที่เคยเจอคนแบบ “กั๊กๆ” เลย รู้สึกเห็นใจโฟร์มดมากที่พยายามตีความทุกการกระทำของเชียร แต่ก็ยังมีโมเมนต์น่ารักๆ เช่น ตอนเลือกสีเล็บเจลด้วยกันที่ทำให้ยิ้มได้ ฉากที่โฟร์มดชวนบ้าบิ่นไปด้วยคือจุดพีกของตอนนี้เลย รู้สึกตื่นเต้นว่ามันจะเป็นจุดเปลี่ยนยังไงต่อไป

จุดที่อารมณ์ขึ้นลงเหมือนรถไฟเหาะ คือการที่โฟร์มดใช้บ้าบิ่นเป็นเครื่องมือทำให้เชียรหึงมันทั้งลุ้นทั้งน่าสงสาร บ้าบิ่นที่ดูใสๆ เริ่มมีท่าทีเหมือนสนใจโฟร์มดจริงๆ ทำให้เริ่มสับสนว่าเราควรเชียร์คู่ไหนกันแน่ ส่วนเชียรยังคงกั๊กเหมือนเดิม คำตอบกำกวมนี่ทำเอาโมโหแทนโฟร์มดเลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันชวนให้ติดตามต่อ เพราะอยากรู้ว่าโฟร์มดจะจัดการกับสถานะนี้ยังไง สยามสแควร์ในฉากหลังก็ยังคงให้ฟีลวัยรุ่นสุดๆ เหมือนได้ย้อนไปวัยเรียนจริงๆ

การดู GELBOYS สถานะกั๊กใจ ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งดูชีวิตวัยรุ่นที่ทั้งสดใสและวุ่นวายในเวลาเดียวกัน มันสะท้อนความสัมพันธ์แบบ “กั๊กๆ” ที่หลายคนเคยเจอได้อย่างถึงใจ ทำให้ทั้งอิน ทั้งหงุดหงิด และลุ้นไปพร้อมๆ กัน ตัวละครแต่ละตัวมีเสน่ห์ชัดเจน โฟร์มดทำให้รู้สึกอยากปกป้อง เชียรทำให้ทั้งรักทั้งหมั่นไส้ บ้าบิ่นคือม้ามืดที่ค่อยๆ ดึงความสนใจ และบัวที่ยังลึกลับแต่ก็น่าค้นหา เพลงประกอบกับภาพในสยามสแควร์ก็ช่วยเพิ่มอารมณ์ให้รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง

บางทีอาจรู้สึกเหนื่อยแทนโฟร์มดที่ต้องเจอกับความไม่ชัดเจน แต่ก็หยุดดูไม่ได้ เพราะอยากรู้ว่าเขาจะเติบโตและเลือกทางไหนในตอนต่อไป ถ้าคุณชอบซีรีส์ที่ชวนให้อินกับดราม่าความรักวัยรุ่น เรื่องนี้จะทำให้คุณทั้งฟินทั้งจุกแน่นอน

ซีรีส์ สถานะกั๊กใจ GELBOYS 2025

ซีรีส์ สถานะกั๊กใจ GELBOYS 2025

เรื่องราวกั๊กๆ ของนักรักวัยรุ่น ชุลมุนในความสัมพันธ์ อธิบายได้ไม่ยาก แต่แค่ยังไม่อยากให้สถานะ…

เมื่อ ‘เชียร’ ชอบ ‘โฟร์มด’ แต่ก็อดไม่ได้ เผลอใจไปกับ ‘บัว’
งานนี้ ‘บ้าบิ่น’ ก็เลยถูกดึงตัวเข้ามาพัวพัน กับความสัมพันธ์ที่โคตรจะวุ่นวาย !

ผลงานซีรีส์รักวัยรุ่นแห่งยุค 2025
จากผู้กำกับ ‘บอส กูโน’
จาก แปลรักฉันด้วยใจเธอ, รักฉุดใจนายฉุกเฉิน และ วิมานหนาม

นำแสดงโดย
ไป๊ป มนธภูมิ สุมนวรางกูร, นิว ชยภัค ตันประยูร
เลออน เซ็ค และ พีเจ มหิดล พิบูลสงคราม

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ โฟร์มด (นิว ชยภัค) หนุ่มมัธยมปลายที่โหยหาสถานะในความรัก ต้องหวั่นไหวเพราะ เชียร (ไปป์ มนธภูมิ) หนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ใช้ “เล็บเจล” เป็นไม้เด็ดในการอ้อย ชวนไปทำเล็บที่สยามสแควร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนโฟร์มดเผลอใจให้โดยไม่รู้ตัว
แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อเขาพบว่าไม่ได้มีแค่ตัวเองที่ถูกเชียรชวนไปทำเล็บ เพราะ บัว (เลออน เซ็ค) หนุ่มลูกครึ่ง TikToker ก็ได้รับคำเชิญเดียวกัน ! งานนี้หัวใจเริ่มสั่นคลอน เพราะเมื่อถูกกั๊ก…ก็ต้องกั๊กกลับ !

ในเมื่อเกมรักเริ่มต้นขึ้น โฟร์มดจึงตัดสินใจงัดไม้เด็ดด้วยการพึ่ง บ้าบิ่น (พีเจ มหิดล) เพื่อนสนิทสายละมุน ให้มาเป็นคู่หูทำเล็บเจลด้วยกันบ้าง หวังให้เชียรเกิดอาการหึงจนต้องตกอยู่ใน “สถานะถูกกั๊กใจ” บ้างสักครั้ง แล้วแบบนี้ใครจะเป็นฝ่ายยอมเปิดใจให้ความรักเดินหน้าไปต่อก่อนกัน ?

เตรียมพบกับเรื่องราวสุดป่วน ชวนจิกหมอน พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศสยามสแควร์ที่เต็มไปด้วย Pop Culture และเสน่ห์ของวัยรุ่นยุคใหม่ ใน GELBOYS สถานะกั๊กใจ ที่จะทำให้คุณต้องอมยิ้มไปกับทุกโมเมนต์ของพวกเขา ติดตามชมซีรีส์ GELBOYS สถานะกั๊กใจ

กำกับการแสดงโดย : บอส นฤเบศ กูโน
ผลิตโดย : LOOKE

นักแสดง

→ ไปป์ มนธภูมิ สุมนวรางกูร รับบท เชียร
เชียรเป็นรุ่นพี่มัธยมปลายที่มีบุคลิกชวนหลงใหล เขามีความมั่นใจและช่ำชองในการเข้าสังคม โดยเฉพาะการใช้ “เล็บเจล” เป็นเครื่องมือในการเชื่อมสัมพันธ์กับคนอื่น เช่น ชวนโฟร์มดไปทำเล็บที่สยามสแควร์ หรือแม้แต่บัว ติ๊กต็อกเกอร์ชื่อดัง ความสามารถในการทำให้คนรู้สึกพิเศษคือจุดเด่น แต่ก็แฝงด้วยความกำกวมที่ทำให้คนรอบตัวเดาใจไม่ถูก

คำว่า “กั๊ก” ไม่ใช่แค่ชื่อธีมของซีรีส์ แต่เป็นแก่นของตัวเชียรเลย เขาชอบสร้างความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะกับโฟร์มดหรือบัว เขามักพูดหรือทำอะไรที่ดูเหมือนจริงจัง แต่ไม่เคยให้คำตอบที่แน่นอน ทำให้คนรอบตัวทั้งหวั่นไหวและสับสน ซึ่งสะท้อนถึงวัยรุ่นที่กลัวการผูกมัดหรือยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจริงๆ

เชียรเริ่มเผยด้านที่ลึกซึ้งกว่าเดิม เขาอาจรู้สึกโดดเดี่ยวหรือขาดการยอมรับจากคนใกล้ตัว เช่น การที่ครอบครัวอยู่ไกล (เช่น โตรอนโต) หรือความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัวกับบัว ซึ่งกั๊กเขาไว้มานาน ความขี้กั๊กของเชียรอาจเป็นกลไกป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดที่เคยเจอมา

เชียรเป็นตัวแทนของวัยรุ่นยุคใหม่ที่ผสมผสานป๊อปคัลเจอร์เข้ากับชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำเล็บเจลที่ Kantima Salon หรือการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างภาพลักษณ์ เขามีความทันสมัยและเข้าใจวิธีการนำเสนอตัวเองให้ดูน่าสนใจ แต่ภายใต้เปลือกนอกที่ดูมั่นใจ กลับมีความลังเลในเรื่องความสัมพันธ์

ไปป์ มนธภูมิ ซึ่งเคยมีผลงานในวงการเพลงและการแสดงมาก่อน (เช่น อดีตสมาชิก Kamikaze และวง ATime) นำเสนอ “เชียร” ด้วยความเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์แบบที่เข้าถึงได้ง่าย การแสดงของเขาจะเน้นการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสีหน้าและท่าทางเล็กๆ น้อยๆ เช่น รอยยิ้มกวนๆ หรือสายตาที่ดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่พูดออกมา ซึ่งเหมาะกับคาแร็กเตอร์ที่ทั้งน่าหลงใหลและน่าค้นหา

“เชียร” ใน GELBOYS สถานะกั๊กใจ คือตัวละครที่ผสมผสานความมั่นใจ ความขี้เล่น และความเปราะบางไว้ในคนเดียว เขาเป็นภาพสะท้อนของวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยตัวเลือกและความไม่แน่นอน ซึ่งไปป์ มนธภูมิ จะถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีมิติ ทำให้คนดูทั้งรักทั้งหมั่นไส้ และอยากรู้ว่าในที่สุดแล้วเชียรจะเลือกอะไร หรือจะยังกั๊กต่อไป

→ นิว ชยภัค ตันประยูร รับบท โฟร์มด
โฟร์มดเป็นเด็กมัธยมปลายชั้น ม.4 ที่มีความจริงใจและเปิดเผยกับความรู้สึกของตัวเอง เขาเคยถูก “กั๊ก” มาก่อนในอดีต ทำให้เริ่มต้นเรื่องด้วยความหวังที่จะเริ่มต้นใหม่และมองหาความรักที่ชัดเจน ความเปราะบางของเขาทำให้คนดูรู้สึกเอ็นดูและอยากปกป้อง โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากเชียร

แม้จะดูเป็นเด็กที่อ่อนไหว แต่โฟร์มดมีความกล้าที่จะก้าวออกจาก comfort zone เช่น การตัดสินใจเข้าใกล้ “บ้าบิ่น” เพื่อนสนิท หรือแม้แต่การยอมให้เชียรพาไปทำเล็บเจลที่สยามสแควร์ ซึ่งเป็นโลกใหม่สำหรับเขา ความกล้าที่ผสมกับความลังเลนี่แหละที่ทำให้ตัวละครมีมิติ

โฟร์มดสะท้อนภาพวัยรุ่นยุค Gen Z ที่ต้องเผชิญกับความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน เขาหลงใหลในตัวเชียร แต่ก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่ได้รับกลับมาเป็นของจริงหรือแค่ภาพลวงตา การที่เขาเริ่มใช้บ้าบิ่นเป็นเครื่องมือเพื่อกระตุ้นเชียรแสดงให้เห็นว่า เขากำลังเรียนรู้ที่จะควบคุมสถานการณ์ แต่ก็ยังขาดประสบการณ์และอาจทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว

โฟร์มดมีด้านที่สดใสและเป็นธรรมชาติ เขาชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายกับเพื่อนๆ ในโรงเรียน และการได้ไปสยามสแควร์กับเชียรก็เหมือนเป็นการผจญภัยเล็กๆ ที่ทำให้เขาได้สัมผัสโลกที่กว้างขึ้น ฉากที่เขาเลือกสีเล็บเจลหรือแซวบ้าบิ่นจะเป็นโมเมนต์ที่คนดูยิ้มตามได้

นิว ชยภัค ตันประยูร นักแสดงหน้าใหม่ที่อาจเคยมีผลงานในวงการบันเทิงมาก่อน (เช่น งานโฆษณา หรือโปรเจกต์วัยรุ่น) น่าจะถ่ายทอดคาแร็กเตอร์ของโฟร์มดได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจ การแสดงของเขาคงเน้นที่ความสดใสแบบเด็กวัยเรียน ผสมกับสีหน้าที่สื่อถึงความเปราะบางและความสับสนได้ดี เช่น สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเมื่อมองเชียร หรือรอยยิ้มเขินๆ ตอนอยู่กับบ้าบิ่น ความเป็นเด็กม.4 ที่ยังไม่โตเต็มวัยของโฟร์มดน่าจะถูกนิวพอร์ทเทรตออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงและเอาใจช่วย

“โฟร์มด” ใน GELBOYS สถานะกั๊กใจ คือตัวละครที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนความรู้สึกของวัยรุ่นที่อยากรักและถูกรัก แต่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน เขามีทั้งความน่ารัก ความกล้า และความเปราะบางที่ทำให้คนดูอยากเห็นเขาเติบโตและพบความสุขในที่สุด นิว ชยภัค จะนำเสนอโฟร์มดในแบบที่ทั้งจริงใจและชวนให้อิน ทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นหัวใจของเรื่องที่คนดูผูกพันได้ไม่ยาก

→ เลออน เซ็ค รับบท บัว
ตัวละครที่มีเสน่ห์แบบลูกครึ่งและสะท้อนไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น Gen Z ที่โดดเด่นในโลกโซเชียลมีเดีย บัวเป็นหนุ่มลูกครึ่งที่มีหน้าตาดึงดูดและบุคลิกที่มั่นใจ เขาเป็นติ๊กต็อกเกอร์ชื่อดังที่มีผู้ติดตามเยอะ ซึ่งทำให้เขามีภาพลักษณ์ที่ดูเข้าถึงยากแต่ก็ชวนหลงใหล การที่เขาใช้โซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ CapCut เป็นเครื่องมือแสดงตัวตนสะท้อนว่าเขาคือวัยรุ่นที่เข้าใจการสร้างคอนเทนต์และรู้วิธีทำให้ตัวเองโดดเด่น

บัวมีทัศนคติที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา คำพูดติดปากอย่าง “รู้สึกไงก็พูดดิ หยุดแอ๊ค” แสดงว่าเขาไม่ชอบความเสแสร้งและมักพูดอะไรตามใจคิด ซึ่งอาจทำให้คนรอบตัวรู้สึกว่าเขาเป็นคนจริงใจ แต่บางครั้งก็ดูห่างเหินหรือเย็นชา

เช่นเดียวกับตัวละครอื่นๆ บัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำเล็บเจล ซึ่งในเรื่องน่าจะเป็นจุดที่เขาได้เจอกับเชียร การที่เขาไปทำเล็บเจลที่สยามสแควร์บ่อยๆ แสดงถึงความสนใจในแฟชั่นและการดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนที่เขานำเสนอทั้งในชีวิตจริงและโลกออนไลน์

บัวอยู่ในสถานะ “ดูๆ กันอยู่” กับเชียร ซึ่งอาจเป็นทั้งฝ่ายที่กั๊กและถูกกั๊ก ความสัมพันธ์ของเขากับเชียรดูเหมือนจะลึกซึ้งในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าเขาจริงจังแค่ไหน ทำให้โฟร์มดรู้สึกอิจฉาและกลายเป็นตัวแปรสำคัญในเกมความรักนี้

เลออน เซ็ค นักแสดงลูกครึ่งที่มีความสามารถทั้งการแสดงและการใช้โซเชียลมีเดีย จะเหมาะกับบทบัวมาก เพราะเขาสามารถถ่ายทอดความมั่นใจและเสน่ห์แบบธรรมชาติได้ดี การพูดไดอะล็อกยาวๆ ในฉากกับบ้าบิ่น (ตามที่ผู้กำกับบอสเล่า) แสดงให้เห็นว่าเลออนมีสกิลการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ และน่าจะทำให้คนดูรู้สึกถึงความสนิทระหว่างบัวกับบ้าบิ่นได้จริงๆ ความเป็นลูกครึ่งของเขายังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของบัวให้ดูเป็น “ติ๊กต็อกเกอร์สุดฮอต” ได้อย่างลงตัว

“บัว” ใน GELBOYS สถานะกั๊กใจ เป็นตัวละครที่มีทั้งความมั่นใจ ความเป็นตัวของตัวเอง และความลึกลับในความรู้สึก เขาเป็นตัวแทนของวัยรุ่น Gen Z ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเวทีแสดงตัวตน แต่ก็มีความเปราะบางซ่อนอยู่ใต้ภาพลักษณ์ที่ดูสมบูรณ์แบบ เลออน เซ็ค จะนำเสนอบัวในแบบที่ทั้งเท่ น่าค้นหา และชวนให้คนดูอยากรู้ว่าเขาจะเลือกอะไรในเกมความสัมพันธ์นี้ บัวไม่ใช่แค่ “ตัวร้าย” หรือ “คู่แข่ง” แต่เป็นตัวละครที่มีมิติและอาจมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโฟร์มดและเชียรในตอนต่อไป

→ พีเจ มหิดล พิบูลสงคราม รับบท บ้าบิ่น
ตัวละครที่มีความน่ารัก ละมุน และเป็นเพื่อนสนิทที่หลายคนหลงรัก บ้าบิ่นเป็นตัวละครที่มีบุคลิกอบอุ่นและสบายๆ เขามักจะมีท่าทีชิลๆ ไม่ซีเรียสกับชีวิตมากนัก คำพูดติดปากอย่าง “สบายๆ ชิวๆ ตามใจมึงงะ” สะท้อนว่าเขาเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและไม่ชอบความขัดแย้ง ทำให้เขาเป็นที่รักในกลุ่มเพื่อน โดยเฉพาะกับโฟร์มดที่เห็นเขาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป้าหมายความรักในตอนแรก

บ้าบิ่นคือคนที่คอยอยู่เคียงข้างโฟร์มดเสมอ ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือมากกว่านั้น เขาถูกดึงเข้ามาในเกมความสัมพันธ์เมื่อโฟร์มดชวนไปทำเล็บเจลเพื่อกระตุ้นความหึงของเชียร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ยอมทำตามเพื่อนโดยไม่ตั้งคำถามมากนัก ความจงรักภักดีและความใส่ใจของเขาทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาเป็น “safe zone” ของโฟร์มด

แม้ว่าบ้าบิ่นจะดูเป็นคนชิลๆ แต่เขาก็มีเสน่ห์ที่ดึงดูดแบบไม่รู้ตัว การที่เขาเริ่มมีท่าทีเหมือนสนใจโฟร์มดมากขึ้น แสดงว่าเขาไม่ใช่แค่ตัวประกอบในความสัมพันธ์ แต่มีพัฒนาการที่อาจเปลี่ยนทิศทางของเรื่องได้ เขามีความเป็นธรรมชาติที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกสบายใจ

บ้าบิ่นเป็นวัยรุ่นที่ไม่ได้หวือหวาเหมือนบัวหรือลึกลับเหมือนเชียร เขาชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายแต่ทันสมัย เช่น การใช้ LINE และ X เป็นแอปประจำตัว หรือการไปตะลุยสยามสแควร์กับเพื่อนๆ ความสนใจในการทำเล็บเจลก็เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงความเปิดกว้างและการยอมรับวัฒนธรรมใหม่ๆ ของวัยรุ่นยุคนี้

พีเจ มหิดล พิบูลสงคราม นักแสดงจากเชียงใหม่ที่อยู่ภายใต้สังกัด LOOKE WORLD จะถ่ายทอดคาแร็กเตอร์ของบ้าบิ่นได้อย่างลงตัว ด้วยความที่เขาเป็นน้องชายของ “เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม” (นักแสดงชื่อดัง) พีเจอาจนำเสน่ห์แบบครอบครัวที่มีสายเลือดบันเทิงมาสู่ตัวละครนี้ การแสดงของเขาจะเน้นความเป็นธรรมชาติและความนุ่มนวล เช่น รอยยิ้มที่อบอุ่นหรือท่าทางที่ดูผ่อนคลาย ซึ่งเหมาะกับบทบ้าบิ่นที่เป็นจุดพักใจของทั้งตัวละครและคนดู

จากที่ผู้กำกับบอสเล่าถึงฉากคุยระหว่างบัวกับบ้าบิ่น พีเจสามารถแสดงฉากดราม่าที่ลึกซึ้งได้ดี ทำให้คนดูรู้สึกถึงความสนิทและความจริงใจของตัวละครได้จริงๆ ความสูงที่ไม่มาก (ตามที่ LOOKE แซวว่า “ตัวแค่นี้”) อาจเป็นจุดน่ารักที่เพิ่มเสน่ห์ให้บ้าบิ่นดูเป็นเด็กมัธยมที่น่าทะนุถนอม

“บ้าบิ่น” ใน GELBOYS สถานะกั๊กใจ เป็นตัวละครที่ผสมผสานความน่ารัก ความเป็นเพื่อนแท้ และเสน่ห์แบบไม่ตั้งใจ เขาเป็นวัยรุ่นที่เรียบง่ายแต่มีอะไรให้ค้นหามากกว่าที่เห็นในตอนแรก พีเจ มหิดล จะนำเสนอบ้าบิ่นในแบบที่ทั้งอบอุ่นและชวนให้คนดูอยากเอาใจช่วย โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องเผชิญกับความซับซ้อนในความสัมพันธ์ที่เขาไม่ได้ตั้งใจเข้าไปพัวพัน บ้าบิ่นอาจกลายเป็นม้ามืดที่เปลี่ยนเกมรักของโฟร์มดและเชียรก็ได้!

• Facebook
• X
• Line