สี่แพร่ง 4 Bia 2551 “ในความเงียบงันของค่ำคืน… ความหวาดผวาบางครั้งก็เริ่มต้นจากความเปลี่ยวเหงาที่กัดกินหัวใจ เช่นเดียวกับ ปิ่น สาวออฟฟิศที่จมดิ่งในห้วงทุกข์ จนบทสนทนากับ ‘คนแปลกหน้า’ นำพาเธอสู่ขอบเหวของความตาย หรืออาจเป็นความคะนองของวัยเยาว์ที่ไปยั่วยุอำนาจมืด จนพลังอาถรรพ์จาก ‘ยันต์สั่งตาย’ ตามล่ากลุ่มวัยรุ่นอย่างสยดสยอง ไม่มีใครปลอดภัยเมื่อดวงตาคือประตูสู่ความตาย และเมื่อความจริงถูกเปิดเผย กลางสายน้ำเชี่ยว ชีวิตหลังความตายกลับเป็นเรื่องตลกที่น่าขนหัวลุกสำหรับ ‘คนกลาง’ ที่ยังคงไม่รู้ตัว… จนกระทั่งบนความสูงเสียดฟ้า เสียงสวดมนต์และกลิ่นธูปคละคลุ้งในเที่ยวบินพิเศษ นำพา พิม แอร์โฮสเตสผู้ซ่อนความลับ ไปสู่การเผชิญหน้ากับวิญญาณแค้นใน ‘Last Fright เที่ยวบิน 422’ เตรียมตัวดำดิ่งสู่ 4 ห้วงแห่งความกลัวจาก 4 ผู้กำกับ ที่จะฉีกกระชากทุกนิยามของคำว่า…สยอง”

สี่แพร่ง 4 Bia 2551 หนังสยองขวัญไทยในตำนาน สี่แพร่ง (4 Bia) ปี 2551 ที่รวม 4 เรื่องสั้นจาก 4 ผู้กำกับสุดครีเอท มาถ่ายทอดความกลัวในแบบที่ไม่ซ้ำกันเลย เรื่องนี้มีทั้งความหลอน ความสะพรึงลึก ๆ และพล็อตหักมุมที่ทำให้คนดูต้องร้อง “โห!” พร้อมกัน ไปดูกันเลยว่าแต่ละตอนมีอะไรเด็ดบ้าง

1. เหงา – ความเหงาที่พาไปเจอผี

เริ่มต้นด้วยเรื่องของ ปิ่น สาวออฟฟิศที่ชีวิตพังพินาศ ตกงาน แฟนทิ้ง เพื่อนซี้อย่าง มุก ก็ดันไปเที่ยวเชียงใหม่ทิ้งให้ปิ่นอยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์ วันหนึ่งมี SMS ปริศนาส่งมาว่า “อยากรู้จัก” ปิ่นที่เหงาสุดขีดก็เลยตอบกลับไป เริ่มแชทกับคนแปลกหน้านี่ซะเลย เขาคนนั้นเล่าว่า “ผมก็เหมือนอยู่คนเดียวมา 100 วันแล้ว” แล้วก็ขอแลกรูปกัน ปิ่นส่งรูปตัวเองไป แต่รูปที่ได้กลับมาน่ะสิ… เป็นรูปตัวเธอเอง! เธอเลยตอบไปว่า “อย่าขี้โกงสิ นี่รูปฉันนี่” แต่คำตอบที่ได้คือ “ดูดี ๆ ผมถ่ายคู่อยู่กับคุณ” หลอนแล้ว รูปนั้นมีเงาแปลก ๆ ที่ทำให้ปิ่นเริ่มกลัว

ต่อมา ปิ่นไปเจอกระทู้ในเน็ตพูดถึงการทำบุญศพ 100 วัน ที่มีการใส่โทรศัพท์ลงไปในโลงศพด้วย ยิ่งทำให้เธอขนลุกหนัก แล้ว SMS ก็ยังส่งมาอีกว่า “คุณกลัวอะไร” และ “ผมจะไปหาคุณ” ไฟในห้องเริ่มดับทีละดวง สุดท้ายวิญญาณผู้ชายปริศนาก็ปรากฏตัว ผลักปิ่นตกตึก 7 ชั้น จบชีวิตเธอไป ฉากสุดท้ายย้อนเหตุการณ์ว่าแท้จริงแล้วปิ่นเจออุบัติเหตุรถชนพร้อมชายอกหักคนนั้น ซึ่งกลายเป็นวิญญาณที่ตามหลอกเธอ หลอนแบบเหงา ๆ แต่สะเทือนใจสุด ๆ

กำกับโดย: ยงยุทธ ทองกองทุน
นักแสดง: ณีรัตน์ คำอ้วน (ปิ่น), วิโรจน์ เงาอำพันไพฑูรย์ (ชายปริศนา)

2. ยันต์สั่งตาย – แช่งแรงจนตัวเองซวย

มาต่อที่เรื่องของกลุ่มวัยรุ่นเกเรที่ไปแหย่ผิดคน ลูกของหมอผี หมอผีเลยแก้แค้นด้วย ยันต์สั่งตาย กระดาษต้องคำสาปที่ใครสบตาก็ตายทันที กลุ่มนี้มี เดี่ยว, พิ้งค์ และเพื่อน ๆ ที่ค่อย ๆ โดนยันต์เล่นงานแบบโหด ๆ เช่น ถูกเหล็กเสียบคอ ตู้แอร์หล่นใส่ ใบพัดแอร์กระเด็นเข้าหน้า หรือไฟคลอก ตายกันไปทีละคนจนเหลือแค่พิ้งค์ เธอหนีหัวซุกหัวซุน หลบในรถ แต่ยันต์มันลอยวนรอบรถเลย ตำรวจที่มาช่วยก็โดนคนร้ายยิงตายในโรงพัก ปล่อยพิ้งค์เผชิญหน้ายันต์คนเดียว สุดท้ายพิ้งค์ตัดสินใจควักลูกตาตัวเองออกเพื่อไม่ต้องมองยันต์นั้น ถึงรอดมาได้ แต่ก็… โหดเกิน

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไปรังแกใครสุ่มสี่สุ่มห้า โดยเฉพาะลูกหมอผี หลอนแบบแฟนตาซีผสมความโหด ใครใจไม่แข็งอย่าดูคนเดียวนะ

กำกับโดย: ปวีณ ภูริจิตปัญญา
นักแสดง: วิทวัส สิงห์ลำพอง (เดี่ยว), อภิญญา สกุลเจริญสุข (พิ้งค์), ชล วจนานนท์ (สมาชิกกลุ่มวัยรุ่น)

3. คนกลาง – ผีที่ไม่รู้ว่าตัวเองตาย

ตอนนี้เล่าถึงกลุ่มวัยรุ่น 4 คน ชิน, เต๋อ, เผือก, และ เอ ที่ไปล่องแก่งและตั้งเต็นท์ในป่าลึก ค่ำคืนหนึ่งพวกเขาเล่นเล่าเรื่องผีกันจนชินกลัว ไม่ยอมนอนริมเต็นท์ เอเลยแซวว่า “ถ้ากูตาย กูจะกลับมาหลอกคนนอนกลางคนแรก!” วันต่อมา ขณะล่องแก่ง เรือล่ม! เต๋อเกือบจมน้ำ แต่เอเข้าไปช่วย สุดท้ายเอหายไปในน้ำ คืนนั้นทั้ง 3 คนที่เหลือกังวลสุด ๆ ไม่มีใครกล้านอนกลางเต็นท์เลย

จู่ ๆ ซิปเต็นท์ถูกรูดขึ้น เอโผล่มา! ทุกคนดีใจ แต่แปลกที่เอเปียกชุ่มไม่มีรอยแผล ทั้งที่แก่งนั้นมีโขดหินเยอะ คืนนั้นชินฝันว่าเอเป็นผีแต่ไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว พอตื่นมาก็ไม่กล้านอนต่อ เต๋อไปฉี่กับเอแล้วเห็นศพของเอลอยอยู่ในน้ำ! เขาตกใจวิ่งกลับมาเล่าให้เพื่อนฟัง ทุกคนกลัวจนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน สุดท้ายเจอเออีกครั้งที่ริมแม่น้ำ เอสารภาพว่า “พวกเราทุกคนตายตั้งแต่เรือล่มแล้ว” พร้อมโชว์ศพของทั้งสามคนให้ดู หลอนปนสะเทือนใจ เพราะผีที่กลัวผีด้วยกันนี่มันช่างน่าสงสาร

กำกับโดย: บรรจง ปิสัญธนะกูล
นักแสดง: ณัฏฐพงศ์ ชาติพงศ์ , กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข , พงศธร จงวิลาศ (เผือก), วิวัฒน์ คงราศรี

4. Last Fright เที่ยวบิน 422 – หลอนบนฟ้า

ปิดท้ายด้วยเรื่องของ พิม แอร์โฮสเตสที่ต้องดูแลไฟลต์พิเศษให้ เจ้าหญิงโซเฟีย คนเดียว แต่ไฟลต์นี้ไม่ธรรมดา เพราะพิมต้องเผชิญทั้งความกลัวที่แคบ เสียงดัง ความมืด และ… ศพเรื่องเริ่มเมื่อพิมเห็นเจ้าหญิงสวมแหวนเหมือนของตัวเอง พิมพยายามถอดแหวนออกแต่ถอดไม่ได้ เจ้าหญิงทำกาแฟหกใส่แขนพิม พิมโมโหเลยคนกาแฟใหม่ด้วยส้นสูง (แซ่บมาก!) เจ้าหญิงพูดถึงการลงโทษชู้ที่ต้องถูกขว้างหินจนตาย และต้องกราบขอโทษภรรยาเจ้าของสามี

ตอนเสิร์ฟอาหาร เจ้าหญิงแพ้กุ้ง พิมพยายามหยิบกุ้งออกแต่ไม่ทัน เจ้าหญิงช็อกเข้าห้องน้ำ พิมเห็นรูปเจ้าหญิงกับ เจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งเป็นชู้ของพิม เจ้าหญิงมองพิมด้วยสายตาอาฆาตก่อนตายที่สนามบินภูเก็ต วันต่อมา พิมต้องดูแลพระศพเจ้าหญิงบนเครื่องกลับ ศพเคลื่อนไหวได้ หลอนจนพิมหัวแตก เริ่มเสียสติ ขู่กัปตันให้เอาเครื่องลง สุดท้ายผีเจ้าหญิงโผล่มาพร้อมหน้าเหวอะหวะ พิมกรี๊ดลั่นก่อนตายคอหัก ฉากจบเห็นศพพิมก้มกราบเท้าเจ้าหญิง หลอนแบบจัดเต็ม

กำกับโดย: ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
นักแสดง: เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ (พิม), Nada Lesongan (เจ้าหญิงโซเฟีย), ปรเมศร์ น้อยอ่ำ (เจ้าชายอัลเบิร์ต)

สารบัญละคร

สี่แพร่ง คือหนังที่รวมความกลัวหลากรส ทั้งเหงา ๆ หลอน ๆ จาก SMS ปริศนา, ความโหดจากยันต์สั่งตาย, การหักมุมแบบผีไม่รู้ตัวว่าตาย, และความสะพรึงลึก ๆ บนเครื่องบิน แต่ละตอนมีสไตล์ชัดเจน สะท้อนความกลัวในมุมที่ต่างกัน ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของ สี่แพร่ง 4 Bia 2551

ในค่ำคืนที่เงียบสงัดของปี 2551 ภาพยนตร์สยองขวัญไทย สี่แพร่ง ได้พาผู้ชมดำดิ่งสู่ความกลัวผ่าน 4 เรื่องราวจาก 4 ผู้กำกับ ที่แต่ละตอนถักทอความหลอนด้วยรสชาติที่แตกต่าง แต่เปี่ยมด้วยพลังของความสยองที่ยากจะลืมเลือน

เหงา: เสียงจากเงามืด

ในห้องเล็ก ๆ ของอพาร์ตเมนต์เก่า ปิ่นนั่งมองกำแพงสีซีดด้วยสายตาว่างเปล่า ชีวิตของเธอพังทลายลงหลังอุบัติเหตุรถยนต์ที่ทำให้เธอต้องตกงาน แฟนทิ้ง และเพื่อนสนิทอย่างมุกก็ไปเที่ยวเชียงใหม่ ทิ้งเธอไว้กับความเหงาที่กัดกินหัวใจ คืนหนึ่ง เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น ข้อความสั้น ๆ ที่ว่า “อยากรู้จัก” ปรากฏบนหน้าจอ ปิ่นลังเล แต่ความเงียบในห้องนั้นดังเกินทน เธอตอบกลับไปด้วยความหวังเล็ก ๆ ที่จะได้คุยกับใครสักคน

ชายปริศนาคนนั้นดูเหมือนเข้าใจเธอ เขาเล่าว่า “ผมอยู่คนเดียวมา 100 วันแล้ว” คำพูดนั้นทำให้ปิ่นรู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมชะตากรรม ความสัมพันธ์ทางข้อความเริ่มลึกซึ้งขึ้นเมื่อเขาขอแลกรูป ปิ่นยิ้ม ถ่ายรูปตัวเองในชุดนอนสีขาว ส่งไปให้เขา แต่รูปที่ได้รับกลับมาทำให้หัวใจเธอหยุดเต้น มันเป็นรูปของเธอเอง! เธอพิมพ์อย่างโมโหว่า “อย่าขี้โกงสิ นี่รูปฉัน!” แต่คำตอบที่ได้กลับเย็นยะเยือก: “ดูดี ๆ ผมถ่ายคู่อยู่กับคุณ” ในรูปนั้น มีเงาสีขาวเลือนรางยืนข้างเธอ

ความกลัวเริ่มคืบคลาน ปิ่นค้นเน็ตจนเจอกระทู้เกี่ยวกับพิธีศพ 100 วัน ที่มีการใส่โทรศัพท์ลงในโลงศพ ข้อความใหม่เข้ามา: “คุณกลัวอะไร” ไฟในห้องเริ่มกะพริบ ดับลงทีละดวง ปิ่นตัวสั่น ใช้แสงจากโทรศัพท์ส่องทาง ร้องไห้อย่างหวาดกลัว แล้วจู่ ๆ รูปเงาดำของชายคนหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า เขาพุ่งเข้ามา ผลักเธอออกจากระเบียงตึก 7 ชั้น ร่างของปิ่นร่วงลงสู่พื้น ชีวิตดับวูบ

ย้อนกลับไปในคืนนั้น รถแท็กซี่ที่ปิ่นนั่งมาถูกชายอกหักกระโดดขวางจนเสียหลักพลิกคว่ำ ชายคนนั้นตายทันที ส่วนปิ่นรอดมา แต่เขาไม่เคยจากไปไหน วิญญาณของเขาตามติดเธอผ่านโทรศัพท์ และในรูปสุดท้ายที่ถ่ายไว้ เงาของชายคนนั้นยืนเคียงข้างปิ่น ราวกับไม่เคยจากไป

ยันต์สั่งตาย คำสาปที่มองเห็นคือความตาย

ในซอยมืดของเมือง เด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งนำโดย เดี่ยว และ พิ้งค์ หัวเราะเยาะเย้ยขณะรังแกลูกชายของหมอผี ความสนุกสนานของพวกเขากลายเป็นฝันร้ายเมื่อหมอผีตอบโต้ด้วย ยันต์สั่งตาย กระดาษสีดำที่เต็มไปด้วยอักขระลึกลับ ใครสบตากับมันจะต้องตายอย่างน่าสยดสยอง

ความตายเริ่มมาเยือนสมาชิกในกลุ่ม เดี่ยวเห็นเพื่อนคนหนึ่งถูกเหล็กเสียบคอ อีกคนถูกตู้แอร์หล่นทับ ใบพัดแอร์กระเด็นตัดหน้า หรือไฟลุกท่วมร่าง ตายทีละคนอย่างโหดร้าย จนเหลือเพียงพิ้งค์ หญิงสาวที่เคยหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ เธอหนีหัวซุกหัวซุน ซ่อนตัวในรถเก่า แต่ยันต์นั้นลอยวนรอบกระจกรถราวกับมีชีวิต ตำรวจที่เข้ามาช่วยถูกยิงตายในโรงพัก ทิ้งพิ้งค์ไว้เผชิญหน้ากับคำสาปเพียงลำพัง

พิ้งค์ตัวสั่น ขณะยันต์ลอยเข้ามาใกล้ เธอรู้ว่าทางรอดเดียวคือต้องไม่มองมัน ด้วยความกลัวสุดขีด เธอควักลูกตาของตัวเองออก เลือดไหลนอง แต่ยันต์นั้นหายไปราวกับพึงพอใจในความเสียสละของเธอ พิ้งค์รอดมาได้ แต่ต้องแลกด้วยดวงตาและความหวาดผวาที่จะตามหลอกหลอนเธอไปตลอดชีวิต

คนกลาง ผีที่ไม่รู้ว่าตัวเองตาย

ในป่าลึกที่สายน้ำไหลเชี่ยว กลุ่มวัยรุ่นสี่คน ชิน, เต๋อ, เผือก, และ เอ ตั้งเต็นท์เพื่อล่องแก่งและผจญภัย ค่ำคืนนั้น พวกเขานั่งล้อมวงเล่าเรื่องผี ชินกลัวจนตัวสั่น ขอไม่นอนริมเต็นท์ เอหัวเราะลั่น แซวว่า “ถ้ากูตาย กูจะหลอกคนนอนกลางคนแรก!” คำพูดนั้นกลายเป็นลางร้าย

วันต่อมา ขณะล่องแก่ง เรือของพวกเขาล่มลงในน้ำเชี่ยว เอพุ่งเข้าไปช่วยเต๋อที่กำลังจม แต่ตัวเองกลับหายไปในกระแสน้ำ คืนนั้น ชิน เต๋อ และเผือกนั่งกังวลในเต็นท์ ไม่มีใครกล้านอนตรงกลาง จู่ ๆ ซิปเต็นท์ถูกรูด เอเดินเข้ามา เปียกชุ่มแต่ไม่มีรอยแผล ทั้งที่แก่งนั้นเต็มไปด้วยโขดหิน ทุกคนดีใจ แต่ความสงสัยเริ่มก่อตัว ชินฝันร้ายว่าเอเป็นผีที่ไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว เขาตื่นมาด้วยความหวาดกลัว

เต๋อและเอเดินไปฉี่ด้วยกัน แต่เต๋อต้องช็อกเมื่อเห็นศพของเอลอยอยู่ในน้ำ! เขาวิ่งกลับมาเล่าให้ชินและเผือกฟัง ทั้งสามคนหนีตายจากสิ่งที่คิดว่าเป็นผีของเอ แต่เมื่อเจอเอที่ริมแม่น้ำ เขากลับยิ้มเศร้าและบอกความจริง: “พวกเราทุกคนตายตั้งแต่เรือล่มแล้ว” เอพาทั้งสามไปดูศพของตัวเองที่ลอยอยู่ในน้ำ ความจริงอันโหดร้ายทำให้พวกเขาตกตะลึง ตัวเองกลายเป็นผีโดยไม่รู้ตัว หลอนและเศร้าจนใจสลาย

Last Fright เที่ยวบิน 422 ฝันร้ายบนฟากฟ้า

บนเครื่องบินไฟลต์พิเศษที่มุ่งหน้าสู่ภูเก็ต พิม แอร์โฮสเตสสาวต้องดูแล เจ้าหญิงโซเฟีย เพียงลำพัง ไฟลต์นี้เต็มไปด้วยความกดดัน เสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม และความรู้สึกอึดอัดจากพื้นที่แคบ พิมสังเกตว่าเจ้าหญิงสวมแหวนเหมือนของตัวเอง เธอพยายามถอดแหวนออกแต่ถอดไม่ได้ เจ้าหญิงทำกาแฟหกใส่แขนพิม พิมโมโหจนคนกาแฟใหม่ด้วยส้นสูง เจ้าหญิงพูดถึงการลงโทษชู้ที่ต้องถูกขว้างหินจนตาย และต้องกราบขอโทษภรรยาของสามี ราวกับรู้ความลับบางอย่างของพิม

ขณะเสิร์ฟอาหาร พิมรู้ว่าเจ้าหญิงแพ้กุ้ง เธอพยายามหยิบกุ้งออกจากจานแต่ไม่ทัน เจ้าหญิงเกิดอาการแพ้หนัก เข้าห้องน้ำด้วยใบหน้าแดงก่ำ มองพิมด้วยสายตาอาฆาต พิมพบรูปเจ้าหญิงกับ เจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งเป็นชู้ของเธอ ความกลัวเริ่มก่อตัว เจ้าหญิงเสียชีวิตที่ภูเก็ต และวันต่อมา พิมต้องดูแลพระศพของเจ้าหญิงบนเครื่องบินกลับ

บนเครื่อง ศพของเจ้าหญิงเริ่มเคลื่อนไหว กลิ้งมาหาพิม เธอกรี๊ดสุดเสียง วิ่งหนีไปซ่อนในห้องกัปตัน แต่เมื่อกลับมา ศพหายไป! ความกลัวทำให้พิมเสียสติ เธอคว้าขวานทุบกระจกเครื่องบิน แต่ไม่รอด กัปตันจับมัดเธอไว้ใกล้ศพเจ้าหญิง ผ้าคลุมศพหลุดออก เผยใบหน้าอัปลักษณ์ ตาแดงก่ำ อ้วกใส่หน้าพิม พิมกรี๊ดสุดท้ายก่อนคอหักตาย เมื่อเครื่องลงจอด พนักงานภาคพื้นดินพบศพของพิมก้มกราบเท้าเจ้าหญิง ราวกับยอมจำนนต่อความแค้นของวิญญาณ

สี่แพร่ง คือหนังสยองขวัญที่ครบรส มีทั้งผีจากความเหงา, ความแค้นจากยันต์สั่งตาย, หักมุมแบบผีไม่รู้ตัวว่าตาย, และความหลอนบนเครื่องบิน แต่ละตอนมีเอกลักษณ์ชัดเจน ผสมความกลัว ความตื่นเต้น และดราม่า ต่อไปนี้คือจุดเด่นของ  สี่แพร่ง 4 Bia 2551

1. เหงา – หลอนจากความว้าเหว่
ตอนนี้กำกับโดยยงยุทธ ทองกองทุน ถือว่าเปิดตัวได้หลอนและเศร้าสุด ๆ ความน่าสะพรกลึกของตอนนี้อยู่ที่การใช้ “ความเหงา” เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่อง ตัวละครปิ่น (ณีรัตน์ คำอ้วน) ถ่ายทอดอารมณ์สาวเหงาที่ค่อย ๆ ถูกความกลัวกลืนกินได้ดีมาก การใช้ SMS เป็นเครื่องมือสยองขวัญนี่แหละที่ทำให้รู้สึกว่านี่มันใกล้ตัวสุด ๆ เพราะใคร ๆ ก็เคยได้ข้อความแปลก ๆ กันทั้งนั้น บรรยากาศในอพาร์ตเมนต์ที่มืด ๆ ไฟกะพริบ ผสมกับการหักมุมตอนท้ายที่ย้อนเหตุการณ์อุบัติเหตุรถชน ทำเอาขนลุกแบบเงียบ ๆ แต่ติดใจ อาจจะไม่หวือหวาเท่าตอนอื่น แต่ความหลอนแบบจิตวิทยานี่ได้ใจไปเต็ม ๆ
คะแนน: 8/10 (หลอนแบบนุ่ม ๆ แต่สะเทือนใจ)

2. ยันต์สั่งตาย – โหด ดิบ เถื่อน
ปวีณ ภูริจิตปัญญากำกับตอนนี้แบบโหดสุดในสี่แพร่งเลย ความหลอนของตอนนี้อยู่ที่ความโหดของการตาย แต่ละคนตายแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเหล็กเสียบคอ ตู้แอร์หล่นทับ หรือใบพัดแอร์กระเด็นใส่หน้า ดูแล้วสะใจคนชอบความสยองแบบเลือดสาด อภิญญา สกุลเจริญสุข ในบทพิ้งค์ถ่ายทอดความกลัวและความเด็ดเดี่ยวได้ดี โดยเฉพาะฉากจบที่ควักลูกตาตัวเองออก ทำเอาคนดูต้องร้อง  เรื่องนี้ผสมความแฟนตาซีเข้ากับความสยองได้ลงตัว สะท้อนว่าการแกล้งคนอื่นอาจนำมาซึ่งผลร้ายเกินคาด ถึงจะหลอนแบบตรงไปตรงมา แต่ก็สนุกและตื่นเต้นสุด ๆ
คะแนน: 8.5/10 (โหด หลอน สะใจ)

3. คนกลาง – หักมุมจนใจหาย
บรรจง ปิสัญธนะกูล (ที่ต่อมากำกับ “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ”) มาพร้อมตอนที่หักมุมได้เจ็บปวดหัวใจสุด ๆ ตอนนี้เริ่มด้วยบรรยากาศวัยรุ่นชิล ๆ เล่าเรื่องผีกันในเต็นท์ ดูเหมือนจะเป็นหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จ แต่การหักมุมที่เผยว่าทุกคนตายตั้งแต่เรือล่มนี่แหละที่ทำให้ตอนนี้เด่นมาก นักแสดงอย่างณัฏฐพงศ์ ชาติพงศ์  และวิวัฒน์ คงราศรี เล่นได้เป็นธรรมชาติ ทำให้เราอินกับความกลัวและความสับสนของตัวละคร บรรยากาศในป่ากับฉากศพลอยน้ำยิ่งเพิ่มความหลอน ผสมความเศร้าที่ตัวละครไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว ดูจบแล้วรู้สึกทั้งหลอนทั้งสงสาร งานนี้บรรจงทำไว้ดีสมชื่อ
คะแนน: 9/10 (หักมุมสุดยอด หลอนปนเศร้า)

4. Last Fright เที่ยวบิน 422 – หลอนบนฟ้า
ปิดท้ายด้วยตอนของภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่จัดเต็มความหลอนแบบครบรส ตอนนี้เหมือนรวมทุก Phobia ไม่ว่าจะกลัวที่แคบ เสียงดัง หรือศพ เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ในบทพิมแสดงได้สุดยอดมาก เปลี่ยนจากแอร์สาวมั่น ๆ กลายเป็นคนที่เสียสติเพราะความกลัวได้เนียนสุด ๆ ฉากที่ศพเจ้าหญิง (Nada Lesongan) เคลื่อนไหวบนเครื่องบินนี่หลอนจนต้องเกร็ง ผสมกับดราม่าความแค้นเรื่องชู้ที่ทำให้เรื่องนี้มีมิติมากขึ้น การหักมุมตอนท้ายที่พิมตายและก้มกราบศพเจ้าหญิงคือจุดพีคที่สะใจมาก บรรยากาศบนเครื่องบินที่อึดอัดบวกกับความสยองของวิญญาณทำให้ตอนนี้เป็นตอนที่เข้มข้นสุดในสี่แพร่ง
คะแนน: 9/10 (หลอนจัดเต็ม ดราม่าเข้ม)

คะแนนรวม 8.5/10 (ตำนานหนังสยองขวัญที่ยังน่าดูอยู่)

สี่แพร่ง คือหนังสยองขวัญที่ครบเครื่องสุด ๆ แต่ละตอนมีจุดเด่นของตัวเอง ตั้งแต่ความหลอนเงียบ ๆ ใน “เหงา”, ความโหดสะใจใน “ยันต์สั่งตาย”, การหักมุมสุดเจ๋งใน “คนกลาง”, และความสยองเข้มข้นใน “Last Fright” งานกำกับและนักแสดงทำได้ดีทุกตอน โดยเฉพาะการเล่าเรื่องที่ผสมทั้งความกลัว ความเศร้า และบทเรียนชีวิต หนังเรื่องนี้พิสูจน์ว่าหนังสยองขวัญไทยไม่ได้มีแค่ผีโผล่ แต่มีชั้นเชิงในการเล่าที่ทำให้คนดูต้องนั่งไม่ติด ถ้าใครอยากย้อนความหลอนแบบไทยแท้ ต้องไปหาดูเลย รับรองไม่ผิดหวัง


สี่แพร่ง 4 Bia 2551

สี่แพร่ง 4 Bia 2551

สี่แพร่ง 4 Bia 2551NETFLIX​​​​​​

ตัวอย่าง สี่แพร่ง (Official Trailer)


สี่แพร่ง 4 Bia 2551

หนังสยองขวัญไทยในตำนาน สี่แพร่ง (4 Bia) ปี 2551 ที่รวม 4 เรื่องสั้นจาก 4 ผู้กำกับโคตรเจ๋ง มีทั้งความหลอนแบบจิต ๆ ความโหดแบบเลือดสาด หักมุมจนใจหาย และสยองจนต้องนอนเปิดไฟ

ตอนที่  1 เหงา – SMS จากผีที่หลอนจนขนลุก

เริ่มต้นด้วยตอนที่หลอนแบบเงียบ ๆ แต่ติดใจ เรื่องนี้กำกับโดย ยงยุทธ ทองกองทุน เล่าถึง ปิ่น (ณีรัตน์ คำอ้วน) สาวออฟฟิศที่ชีวิตพังยับ เธอตกงานจากอุบัติเหตุรถชน แฟนทิ้ง แถมเพื่อนซี้ มุก ไปเที่ยวเชียงใหม่ ทิ้งปิ่นให้เหงาเปล่าเปลี่ยวนอนอยู่ในอพาร์ตเมนต์คนเดียว คืนหนึ่ง โทรศัพท์ดัง ติ๊ง มี SMS ปริศนาส่งมาว่า “อยากรู้จัก” ปิ่นตอนแรกก็แบบ “เอ๊ะ ใครวะ?” แต่ความเหงามันหนัก เธอเลยตอบกลับไป เริ่มแชทกับคนแปลกหน้านี่ซะเลย

คนนั้นเล่าว่า “ผมอยู่คนเดียวมา 100 วันแล้ว” ปิ่นรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนรู้ใจ เลยคุยต่อเรื่อย ๆ เขาขอแลกรูป ปิ่นเลยถ่ายรูปตัวเองในชุดนอนสีขาว ส่งไปให้ แต่… รูปที่เขา กลับมา มันคือรูปปิ่นเอง เธอเลยพิมพ์ไปว่า “อย่าขี้โกงสิ นี่รูปฉัน!” แต่คำตอบที่ได้คือ “ดูดี ๆ ผมถ่ายคู่อยู่กับคุณ” แล้วในรูปมีเงาขาว ๆ แปลก ๆ ยืนข้างปิ่น ขนลุกเลยยย

วันต่อมา ปิ่นไปเจอกระทู้ในเน็ตพูดถึงพิธีศพ 100 วัน ที่เขาจะใส่โทรศัพท์ลงในโลงศพด้วย นี่มันเริ่มหลอนแล้วแล้ว SMS ใหม่ก็มา “คุณกลัวอะไร” ปิ่นใจเต้นตึก ๆ แล้วเขาก็บอกว่า “ผมจะไปหาคุณ” ไฟในห้องเริ่มกะพริบ ดับทีละดวง ปิ่นตัวสั่น ใช้แสงมือถือส่องทาง ร้องไห้หนักมาก แล้วจู่ ๆ รูปเงาดำของผู้ชายโผล่ เขาพุ่งมาผลักปิ่นตกตึก 7 ชั้น ร่างปิ่นร่วงลงพื้น ตายทันที

ฉากสุดท้ายย้อนไปว่า ปิ่นนั่งแท็กซี่กลับบ้าน แต่มีผู้ชายอกหัก (วิโรจน์ เงาอำพันไพฑูรย์) กระโดดให้รถชน รถเสียหลักคว่ำ ปิ่นเจ็บ ส่วนผู้ชายตายคาที่ กลายเป็นผีที่ตามหลอกปิ่นผ่าน SMS รูปสุดท้ายของปิ่นมีเงาผู้ชายยืนข้าง ๆ หลอนแบบเงียบ ๆ แต่กินใจมาก

ตอนที่ 2 ยันต์สั่งตาย – โหดจนต้องปิดตา

ต่อมา ตอนที่โหดสุดในสี่แพร่ง กำกับโดย ปวีณ ภูริจิตปัญญา เรื่องนี้เล่าถึงกลุ่มวัยรุ่นเกเร นำโดย เดี่ยว (วิทวัส สิงห์ลำพอง) และ พิ้งค์ (อภิญญา สกุลเจริญสุข) ที่ไปแกล้งลูกของหมอผี งานนี้เจอของหนัก หมอผีโกรธจัด สร้าง ยันต์สั่งตาย กระดาษต้องคำสาปที่ใครสบตาจะตายทันทีแบบโหด ๆ

วัยรุ่นในกลุ่มเริ่มตายทีละคน สยองสุด ๆ คนนึงโดนเหล็กเสียบคอ อีกคนตู้แอร์หล่นทับ ใบพัดแอร์กระเด็นเข้าหน้า หรือไฟคลอก ฉากตายแต่ละอันนี่โหดจนต้องร้อง “หยุดก่อน!” เหลือแค่พิ้งค์คนเดียว เธอหนีไปหลบในรถ แต่ยันต์มันลอยวนรอบรถเลย ตำรวจที่มาช่วยก็ดันโดนคนร้ายยิงตายในโรงพัก ทิ้งพิ้งค์ไว้ลำพัง

ยันต์ยังตามหลอน พยายามให้พิ้งค์มองมัน เธอสู้สุดใจ ตัดสินใจควักลูกตาตัวเองออก เลือดสาดเลย แต่ยันต์หายไปทันที พิ้งค์รอด แต่เสียลูกตาไป โหดเกิน

ตอนที่ 3 คนกลาง – หักมุมจนใจสลาย

ต่อด้วยตอนที่หักมุมโคตรเด็ด กำกับโดย บรรจง ปิสัญธนะกูล (คนที่ทำชัตเตอร์นั่นแหละ) เรื่องนี้เกี่ยวกับวัยรุ่น 4 คน ชิน , เต๋อ , เผือก , และ เอ ที่ไปล่องแก่งและตั้งเต็นท์ในป่าลึก คืนหนึ่งพวกเขานั่งล้อมวงเล่าเรื่องผี ชินกลัวจนไม่อยากนอนริมเต็นท์ เอเลยแซวว่า “ถ้ากูตาย กูจะหลอกคนนอนกลางคนแรก” คำพูดนี้เป็นลางเลย

วันต่อมา ขณะล่องแก่ง เรือล่ม เต๋อเกือบจมน้ำ เอเข้าไปช่วย แต่ตัวเองหายไปในน้ำ คืนนั้นทั้ง 3 คนกังวลหนัก ไม่มีใครกล้านอนตรงกลาง จู่ ๆ ซิปเต็นท์ถูกรูด เอโผล่มา ทุกคนดีใจ แต่แปลกที่เอเปียกชุ่ม ไม่มีรอยแผล ทั้งที่แก่งนั้นเต็มไปด้วยโขดหิน คืนนั้นชินฝันว่าเอเป็นผีแต่ไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว เขาตื่นมาก็ไม่กล้านอนต่อ

เต๋อไปฉี่กับเอ แล้วเห็นศพของเอลอยอยู่ในน้ำ เขาตกใจวิ่งกลับมาเล่าให้ชินและเผือกฟัง ทั้ง 3 คนกลัวจัด วิ่งหนีกันวุ่น สุดท้ายเจอเอที่ริมแม่น้ำ เอบอกความจริงว่า “พวกเราทุกคนตายตั้งแต่เรือล่มแล้ว” แล้วโชว์ศพของทั้งสามคนให้ดู ใจหายเลย ทุกคนเป็นผีโดยไม่รู้ตัว

ตอนที่ 4 Last Fright เที่ยวบิน 422 – หลอนบนฟ้าจนกรี๊ด

ปิดท้ายด้วยตอนที่สยองแบบครบรส กำกับโดย ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ เล่าถึง พิม (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) แอร์โฮสเตสที่ต้องดูแลไฟลต์พิเศษให้ เจ้าหญิงโซเฟีย (Nada Lesongan) เพียงลำพัง ไฟลต์นี้หลอนสุด เพราะรวมทุกความกลัว ไม่ว่าจะที่แคบ เสียงดัง ความมืด และ… ศพ พิมเห็นเจ้าหญิงสวมแหวนเหมือนของตัวเอง พยายามถอดแหวนตัวเองแต่ถอดไม่ได้ เจ้าหญิงทำกาแฟหกใส่แขนพิม พิมโมโหจัด คนกาแฟใหม่ด้วยส้นสูง (แซ่บมาก) เจ้าหญิงพูดถึงการลงโทษชู้ที่ต้องถูกขว้างหินจนตาย และต้องกราบขอโทษภรรยาของสามี

ตอนเสิร์ฟอาหาร พิมรู้ว่าเจ้าหญิงแพ้กุ้ง พยายามหยิบกุ้งออกแต่ไม่ทัน เจ้าหญิงช็อก เข้าห้องน้ำ พิมเห็นรูปเจ้าหญิงกับ เจ้าชายอัลเบิร์ต (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) ซึ่งเป็นชู้ของพิม เจ้าหญิงมองพิมด้วยสายตาอาฆาตก่อนตายที่สนามบินภูเก็ต วันต่อมา พิมต้องดูแลพระศพเจ้าหญิงบนเครื่องกลับ ศพเริ่มเคลื่อนไหว กลิ้งมาหาพิม เธอกรี๊ดวิ่งไปซ่อนในห้องกัปตัน แต่พอกลับมา ศพหายไป

ความกลัวทำให้พิมเสียสติ หัวแตก ขู่กัปตันให้เอาเครื่องลง คว้าขวานทุบกระจกแต่ไม่รอด กัปตันจับมัดไว้ใกล้ศพเจ้าหญิง ผ้าคลุมศพหลุด เผยหน้าเหวอะ ตาแดง อ้วกใส่หน้าพิม! พิมกรี๊ดสุดท้ายก่อนคอหักตาย ฉากจบ พนักงานภาคพื้นดินเจอศพพิมก้มกราบเท้าเจ้าหญิง

สี่แพร่ง คือหนังสยองขวัญที่ครบทุกอารมณ์ มีทั้งหลอนเงียบ ๆ แบบ “เหงา”, โหดสยองแบบ “ยันต์สั่งตาย”, หักมุมสุดพีคใน “คนกลาง”, และสยองจัดเต็มใน “Last Fright” แต่ละตอนมีสไตล์ชัดเจน งานกำกับดี นักแสดงเล่นถึง ดูแล้วต้องนอนเปิดไฟแน่นอน ถ้าชอบความหลอนแบบไทย ๆ ต้องไปหาดูเลย

นักแสดง

→ มณีรัตน์ คำอ้วน รับบท ปิ่น (ตอนเหงา)

29D7AD67 0750 4558 86D4 A95C51CF383C
มณีรัตน์ คำอ้วน

ปิ่นเป็นสาวออฟฟิศที่ชีวิตเหมือนโดนพายุพัดกระหน่ำ เธอตกงานหลังจากอุบัติเหตุรถชน แฟนทิ้ง เพื่อนสนิทอย่างมุกก็ไปเที่ยวเชียงใหม่ ทิ้งให้ пิ่นต้องอยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์เก่า ๆ ที่ดูวังเวงสุด ๆ เธอเป็นคนที่เปราะบาง อ่อนไหว และเหงามาก ๆ ความเหงาของปิ่นมันหนักจนทำให้เธอตัดสินใจแชทกับคนแปลกหน้าที่ส่ง SMS มาว่า “อยากรู้จัก” แม้ว่ามันจะดูน่าสงสัยตั้งแต่แรก ณีรัตน์เล่นบทนี้ได้แบบถึงอารมณ์มาก เห็นความเศร้า ความหวาดกลัว และความสิ้นหวังในแววตาเธอชัดเจนเลย โดยเฉพาะตอนที่ไฟในห้องเริ่มดับ แล้วเธอต้องใช้มือถือส่องทาง พร้อมร้องไห้แบบกลัวสุดขีด มันทำให้เรารู้สึกสงสารและลุ้นไปพร้อม ๆ กัน สุดท้าย пิ่นต้องเจอชะตากรรมโหดร้าย เมื่อวิญญาณชายปริศนาผลักเธอตกตึก 7 ชั้น ชีวิตจบลงแบบสะเทือนใจ

ปิ่นเป็นตัวละครที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ที่โหยหาการเชื่อมต่อ แต่ก็เปราะบางจนถูกความเหงาครอบงำ การแสดงของณีรัตน์ทำให้เรารู้สึกว่าปิ่นเหมือนคนใกล้ตัวที่อาจจะเจอในชีวิตจริง ใครที่เคยรู้สึกเหงา ๆ ในคืนเงียบ ๆ จะอินกับปิ่นมาก

ฉายา สาวเหงาผู้โหยหาความรัก
ปิ่นได้ฉายานี้เพราะความเหงาคือแกนหลักของตัวละคร เธอเหมือนคนที่ชีวิตขาดสีสัน หลังจากสูญเสียทั้งงานและความรัก เธอโหยหาการเชื่อมต่อกับใครสักคนจนยอมแชทกับคนแปลกหน้าที่กลายเป็นวิญญาณ ฉายานี้มันบ่งบอกถึงความเปราะบางของเธอที่ยอมเสี่ยงเพื่อเติมเต็มช่องว่างในใจ ณีรัตน์ถ่ายทอดความรู้สึกนี้ผ่านสีหน้าและการกระทำได้แบบสุดยอด เห็นแล้วรู้เลยว่าปิ่นไม่ใช่แค่เหงา แต่เหมือนใจมันแตกสลายไปแล้ว

ข้อคิด ความเหงาอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่อันตราย
จากเรื่องของปิ่น เราได้ข้อคิดว่าความเหงามันทรงพลังมากจนบางครั้งทำให้เราตัดสินใจอะไรที่ไม่ทันคิด ปิ่นเลือกแชทกับคนแปลกหน้าเพราะอยากคลายเหงา แต่สุดท้ายมันพาเธอไปเจอวิญญาณและจบชีวิตลง ข้อคิดนี้เหมือนเตือนว่าเวลาเรารู้สึกว้าเหว่ ควรหาทางเติมเต็มตัวเองด้วยวิธีที่ปลอดภัย เช่น คุยกับเพื่อน หรือทำอะไรที่รัก แทนที่จะปล่อยให้ความเหงาพาเราไปในทางที่อาจเสี่ยงเกินไป เรื่องนี้สอนให้เราระวังตัวและหาความสมดุลในใจตัวเอง

→ วิโรจน์ เงาอำพันไพฑูรย์ รับบท ชายปริศนา/วิญญาณ (ตอน เหงา)

ชายปริศนาคือตัวละครที่ทำให้ตอน เหงา หลอนแบบจิต ๆ เขาเริ่มต้นด้วยการส่ง SMS ไปหา ปิ่น สาวออฟฟิศที่เหงาและชีวิตพังจากอุบัติเหตุรถชน ข้อความแรกที่เขาส่งคือ “อยากรู้จัก” ซึ่งดูเหมือนเป็นแค่คนแปลกหน้าที่อยากแชท แต่ยิ่งคุยไปยิ่งน่ากลัว เขาบอกว่า “ผมอยู่คนเดียวมา 100 วันแล้ว” และขอแลกรูปกับปิ่น พอปิ่นส่งรูปตัวเองไป เขาก็ส่งรูปกลับมา… แต่เป็นรูปปิ่นเองที่มีเงาขาว ๆ แปลก ๆ พร้อมข้อความว่า “ดูดี ๆ ผมถ่ายคู่อยู่กับคุณ” โห นี่มันเริ่มหลอนแล้ว

ต่อมา เรื่องเปิดเผยว่าเขาคือวิญญาณของชายที่อกหักและกระโดดให้รถชนในอุบัติเหตุเดียวกับปิ่น เขาตายคาที่ แต่โทรศัพท์ของเขาถูกใส่ในโลงศพ ทำให้เขายังคงส่งข้อความได้ วิโรจน์เล่นบทนี้ได้แบบลึกลับสุด ๆ เราไม่เห็นหน้าเขาชัด ๆ จนถึงฉากสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวเป็นเงาดำ ผลักปิ่นตกตึก 7 ชั้น การแสดงของวิโรจน์ผ่านข้อความและการปรากฏตัวสั้น ๆ นั้นสร้างความน่าสะพรกลึกได้ดีมาก ทำให้รู้สึกว่าเขาทั้งน่าสงสารและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

ฉายา เงาวิญญาณผู้ไม่ยอมจากไป
ชายปริศนาได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นวิญญาณที่ยังคงวนเวียนในโลกนี้หลังความตาย ผูกติดกับความเจ็บปวดจากความรักที่ล้มเหลว เขาใช้ SMS เป็นช่องทางติดต่อปิ่น ราวกับพยายามหาความเชื่อมโยงที่เขาไม่มีในชีวิต เงาขาวในรูปและการปรากฏตัวเป็นเงาดำตอนจบแสดงให้เห็นว่าเขาเหมือนเงาที่ตามหลอกหลอน ไม่ยอมปล่อยวางอดีต วิโรจน์ถ่ายทอดความลึกลับและความอาฆาตแฝงความเศร้าของตัวละครนี้ได้แบบลงตัว ทำให้เรารู้สึกถึงความหลอนที่มาพร้อมความน่าสงสาร

ข้อคิด ความเจ็บปวดที่ไม่ปล่อยวางอาจทำร้ายผู้อื่น
จากชายปริศนา เราได้ข้อคิดว่าการยึดติดกับความเจ็บปวดหรืออดีตอาจนำไปสู่ผลร้าย ไม่ใช่แค่กับตัวเองแต่กับคนรอบข้างด้วย เขาอกหักจนเลือกจบชีวิต แต่แทนที่จะไปสู่สุคติ เขากลับกลายเป็นวิญญาณที่ตามหลอกปิ่น ส่งผลให้เธอต้องตายไปด้วย ข้อคิดนี้เตือนให้เราพยายามปล่อยวางความเจ็บปวด หาทางเยียวยาตัวเอง เช่น คุยกับคนที่ไว้ใจ หรือขอความช่วยเหลือ แทนที่จะปล่อยให้ความทุกข์ครอบงำจนทำร้ายตัวเองและคนอื่น เรื่องนี้สอนว่าให้ก้าวต่อไป อย่าปล่อยให้อดีตกลายเป็นเงาที่ตามหลอกเรา

→ วิทวัส สิงห์ลำพอง รับบท เดี่ยว (ตอน ยันต์สั่งตาย)

1381840134 photo113JP o
วิทวัส สิงห์ลำพอง

เดี่ยวเป็นหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นเกเรที่ชอบหาเรื่อง ชอบแกล้งคนอื่นแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ในตอน ยันต์สั่งตาย เขาและเพื่อน ๆ รวมถึง พิ้งค์ ไปรังแกลูกของหมอผี งานนี้เลยเจอของหนัก เมื่อหมอผีแก้แค้นด้วย ยันต์สั่งตาย กระดาษต้องคำสาปที่ใครสบตาจะตายแบบโหดสุด ๆ เดี่ยวเป็นตัวละครที่ดูเป็นหัวโจกของกลุ่ม มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ว่าความเกเรของเขานี่แหละที่พาทั้งกลุ่มไปเจอฝันร้าย วิทวัสเล่นบทนี้ได้แบบถึงอารมณ์มาก ทั้งความกวน ๆ ของวัยรุ่นที่ไม่กลัวอะไรในตอนแรก และความกลัวสุดขีดเมื่อยันต์เริ่มคร่าชีวิตเพื่อน ๆ ทีละคน ฉากที่เพื่อนในกลุ่มตายแบบสยอง ๆ เช่น ถูกเหล็กเสียบคอ หรือตู้แอร์หล่นทับ เดี่ยวนี่เริ่มหน้าเสีย ลุ้นหนักว่าเขาจะรอดมั้ย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รอดจากคำสาปนี่เหมือนกัน การแสดงของวิทวัสทำให้เราเห็นทั้งความเกเรและความเปราะบางของเดี่ยวได้ชัดเจน ทำให้ตัวละครนี้ดูมีมิติ ไม่ได้เป็นแค่เด็กเกเรธรรมดา

ฉายา หัวโจกเกเรผู้เรียกหายนะ
เดี่ยวสมฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวตั้งตัวตีในกลุ่มวัยรุ่นที่ไปแกล้งลูกหมอผีแบบไม่ยั้ง คิดว่าเป็นเรื่องขำ ๆ แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะที่คร่าชีวิตทั้งกลุ่ม ความมั่นใจเกินเหตุและความเกเรของเขานำพาคำสาปยันต์สั่งตายมาสู่ทุกคน วิทวัสแสดงความเป็นหัวโจกได้แบบเนียน ๆ ตั้งแต่ท่าทางกวน ๆ ไปจนถึงสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเจออะไร ฉายานี้สะท้อนทั้งความกล้าและความประมาทของเดี่ยวที่ทำให้เรื่องราวพังพินาศ

ข้อคิด การกระทำที่ไม่คิดหน้าหลังอาจนำมาซึ่งผลร้ายที่คาดไม่ถึง
จากเดี่ยว เราได้ข้อคิดว่าการทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์อาจพาเราไปเจอหายนะได้ เดี่ยวและเพื่อน ๆ คิดว่าแกล้งลูกหมอผีเป็นแค่เรื่องสนุก แต่กลับทำให้ทั้งกลุ่มต้องเจอกับยันต์สั่งตายที่โหดสุด ๆ ข้อคิดนี้สอนให้เราระวังการกระทำของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อมันอาจกระทบคนอื่น ควรคิดให้รอบคอบก่อนทำอะไรลงไป ไม่ว่าจะเป็นการแกล้งเพื่อนหรือการกระทำที่ดูเหมือนเล็กน้อย เพราะบางครั้งผลที่ตามมาอาจรุนแรงเกินกว่าที่เราจะรับไหว เรื่องนี้เหมือนเตือนว่าอย่าประมาท ไม่งั้นอาจเจอแบบเดี่ยวที่ต้องจ่ายราคาแพง

→ อภิญญา สกุลเจริญสุข รับบท พิ้งค์ (ตอน ยันต์สั่งตาย)

1411924172 27e8444554 o
อภิญญา สกุลเจริญสุข

พิ้งค์เป็นสาวในกลุ่มวัยรุ่นเกเรที่ชอบหาเรื่อง โดยเฉพาะการไปแกล้งลูกของหมอผี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะในตอน ยันต์สั่งตาย เธอเป็นสาวแสบซ่าส์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนไม่กลัวอะไรในตอนแรก แต่เมื่อหมอผีแก้แค้นด้วย ยันต์สั่งตาย กระดาษต้องคำสาปที่ใครสบตาจะตายแบบโหดสุด ๆ พิ้งค์ต้องเผชิญหน้ากับความสยองที่เพื่อน ๆ ในกลุ่ม รวมถึง เดี่ยว ถูกฆ่าตายทีละคน ไม่ว่าจะโดนเหล็กเสียบคอ ตู้แอร์หล่นทับ หรือใบพัดแอร์กระเด็นเข้าหน้า อภิญญาเล่นบทนี้ได้แบบถึงใจมาก แสดงทั้งความกล้า ความกลัว และความเด็ดเดี่ยวได้สุดยอด โดยเฉพาะฉากที่พิ้งค์ต้องหนีตายคนเดียว ซ่อนในรถ แต่ยันต์ยังลอยวนรอบ ๆ สุดท้ายเธอตัดสินใจควักลูกตาตัวเองออกเพื่อรอดจากคำสาป การแสดงของอภิญญาทำให้เราเห็นพิ้งค์เปลี่ยนจากสาวเกเรกลายเป็นคนที่สู้สุดชีวิต ฉากควักลูกตานี่ทั้งโหดทั้งสะเทือนใจ ทำให้พิ้งค์เป็นตัวละครที่น่าจดจำมาก

ฉายา นักสู้สาวผู้ยอมเสียทุกอย่าง
พิ้งค์สมฉายานี้เพราะเธอแสดงให้เห็นถึงความกล้าที่เกินมนุษย์ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยันต์สั่งตาย เธอไม่ยอมแพ้แม้จะกลัวจนตัวสั่น การตัดสินใจควักลูกตาตัวเองออกเพื่อหนีจากคำสาปนี่คือจุดพีคที่แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวของเธอ อภิญญาถ่ายทอดความรู้สึกของพิ้งค์ได้แบบถึงอารมณ์ ตั้งแต่ความกลัวที่เห็นเพื่อนตายไปทีละคน ไปจนถึงความเข้มแข็งที่เลือกเสียสละดวงตาเพื่อเอาชีวิตรอด ฉายานี้สะท้อนทั้งความกล้าและความเสียสละของพิ้งค์ที่ทำให้เราต้องยกนิ้วให้

ข้อคิด ความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวช่วยให้เรารอดได้
จากพิ้งค์ เราได้ข้อคิดว่าการเผชิญหน้ากับความกลัวด้วยความกล้าสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้ แม้ว่าพิ้งค์จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เธอเลือกที่จะสู้จนวินาทีสุดท้าย แม้ต้องจ่ายด้วยราคาแพงอย่างดวงตาของตัวเอง ข้อคิดนี้สอนให้เราไม่ยอมแพ้เมื่อเจอปัญหาหนัก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความสัมพันธ์ หรืออุปสรรคในชีวิต การยอมรับความกลัวและหาทางก้าวผ่านมันไปอาจนำมาซึ่งทางรอด แม้ต้องเสียสละอะไรบางอย่าง เรื่องของพิ้งค์เหมือนเตือนว่าในวันที่ทุกอย่างดูมืดมิด ความกล้าคือแสงสว่างที่พาเราไปต่อ

→ ชล วจนานนท์ รับบท สมาชิกกลุ่มวัยรุ่น (ตอน ยันต์สั่งตาย)

5013 1497008083
ชล วจนานนท์

สาวในกลุ่มวัยรุ่นเกเรที่นำโดย เดี่ยว และ พิ้งค์ ในตอน ยันต์สั่งตาย เธอเป็นหนึ่งในแก๊งที่ชอบหาเรื่องและไปแกล้งลูกของหมอผี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความโกลาหลเมื่อหมอผีแก้แค้นด้วย ยันต์สั่งตาย กระดาษต้องคำสาปที่ใครสบตาจะตายแบบโหดสุด ๆ ตัวละครของชลไม่ได้มีชื่อเฉพาะในเรื่อง แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่สร้างความวุ่นวาย เธอมีบุคลิกที่ดูมั่นใจ กล้าได้กล้าเสีย แบบวัยรุ่นที่ไม่ค่อยคิดอะไรมาก

แต่เมื่อยันต์เริ่มทำงาน เพื่อน ๆ ในกลุ่มตายไปทีละคน ไม่ว่าจะโดนเหล็กเสียบคอ ตู้แอร์หล่นทับ หรือใบพัดแอร์กระเด็นเข้าหน้า เธอก็เริ่มแสดงความกลัวออกมา ชลเล่นบทนี้ได้แบบสมจริงมาก ทำให้เราเห็นความตื่นตระหนกของตัวละครที่เปลี่ยนจากความกวน ๆ กลายเป็นความหวาดกลัวเมื่อเจอคำสาป แม้ว่าตัวละครนี้จะไม่ได้เด่นเท่าพิ้งค์หรือเดี่ยว แต่การแสดงของชลช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับกลุ่มวัยรุ่นเกเรที่ต้องเผชิญหน้ากับความสยองที่ตัวเองก่อขึ้น สุดท้ายเธอก็ไม่รอดจากยันต์เหมือนคนอื่น ๆ ในกลุ่ม (ยกเว้นพิ้งค์) ทำให้บทนี้เป็นส่วนหนึ่งของความโหดร้ายในเรื่อง

ฉายา สาวแก๊งเกเรผู้ตามกระแส
ตัวละครนี้ได้ฉายานี้เพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มวัยรุ่นที่ตามเพื่อน ๆ อย่างเดี่ยวและพิ้งค์ไปแกล้งลูกหมอผีโดยไม่คิดมาก เธอเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่อยากคูล อยากสนุกกับเพื่อน แต่ไม่ได้ตระหนักถึงผลที่ตามมา ชล วจนานนท์ถ่ายทอดความเป็นสาวในแก๊งได้แบบเนียน ๆ ด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจในตอนแรก แต่พอยันต์เริ่มฆ่าคน เธอก็แสดงความกลัวออกมาได้ชัดเจน ฉายานี้สะท้อนถึงลักษณะของตัวละครที่ไปกับกระแสเพื่อนโดยไม่ตั้งคำถาม ซึ่งนำไปสู่หายนะที่ไม่มีใครคาดคิด

ข้อคิด การตามเพื่อนโดยไม่คิดอาจพาไปเจอปัญหาใหญ่
จากตัวละครของชล เราได้ข้อคิดว่าการตามเพื่อนหรือกระแสโดยไม่ใช้สติอาจนำไปสู่ผลร้ายที่คาดไม่ถึง สาวคนนี้ไปแกล้งลูกหมอผีเพราะตามเพื่อน ๆ ในกลุ่ม โดยไม่ได้คิดว่ามันจะนำมาซึ่งคำสาปยันต์สั่งตายที่คร่าชีวิตทุกคน ข้อคิดนี้สอนให้เราคิดก่อนทำตามคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแกล้งใคร การตัดสินใจอะไรในกลุ่มเพื่อน หรือแม้แต่การตามเทรนด์ในโซเชียลมีเดีย ควรชั่งใจว่าเรากำลังทำอะไร และมันจะมีผลกระทบยังไง เรื่องนี้เหมือนเตือนว่าการขาดสติในการตามกระแสอาจทำให้เราต้องจ่ายราคาแพงเหมือนสมาชิกในแก๊งนี้

→ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์ รับบท เต๋อ (ตอน คนกลาง)

00 A5B487307C1E1280
ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์

เต๋อเป็นหนึ่งในวัยรุ่นสี่คนที่ไปล่องแก่งและตั้งเต็นท์ในป่าลึกกับเพื่อน ๆ อย่าง ชิน, เผือก, และ เอ ในตอน คนกลาง เขาเป็นหนุ่มขี้เล่น ชอบแซวเพื่อน และดูเหมือนเป็นคนที่ค่อนข้างชิลในกลุ่ม แต่ก็มีโมเมนต์ที่แสดงความห่วงใยเพื่อนออกมา อย่างตอนที่เรือล่มกลางแก่งแล้วเขาจมน้ำ เอต้องพุ่งเข้าไปช่วยจนตัวเองหายไป เต๋อรู้สึกผิดและกังวลมากเมื่อเอหายตัว คืนนั้นเขานอนไม่หลับ

และเมื่อเอกลับมาในสภาพเปียกชุ่มแต่ไม่มีรอยแผล เต๋อเริ่มรู้สึกว่าเรื่องมันแปลก ๆ ณัฏฐพงศ์เล่นบทนี้ได้แบบเป็นธรรมชาติสุด ๆ ทำให้เต๋อดูเป็นเพื่อนในกลุ่มที่เรารู้สึกเหมือนเคยเจอในชีวิตจริง ฉากที่เขาตกใจสุดขีดเมื่อเห็นศพของเอลอยอยู่ในน้ำตอนไปฉี่นี่คือพีคมาก แสดงความกลัวและความสับสนได้ถึงใจ สุดท้ายเมื่อรู้ว่าทั้งกลุ่ม รวมถึงตัวเขาเองตายตั้งแต่เรือล่ม เต๋อก็ต้องเผชิญความจริงอันโหดร้ายว่าเขาเป็นผีโดยไม่รู้ตัว การแสดงของณัฏฐพงศ์ทำให้เราเห็นทั้งความสนุกสนานและความเปราะบางของเต๋อ กลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าสงสาร

ฉายา เพื่อนซี้ขี้แซวผู้เผชิญความจริงสุดช็อก
เต๋อได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวละครที่ขี้เล่น ชอบแซวเพื่อนในกลุ่ม โดยเฉพาะตอนที่ทุกคนล้อมวงเล่าเรื่องผีในเต็นท์ เขาดูเป็นคนที่ช่วยสร้างสีสันให้กลุ่ม แต่เมื่อเจอเหตุการณ์สยองอย่างการเห็นศพของเอและรู้ว่าตัวเองตายแล้ว ความขี้แซวของเขากลายเป็นความตื่นตระหนกที่ทำให้เราสงสาร ณัฏฐพงศ์ถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงจากหนุ่มชิล ๆ สู่คนที่ต้องเผชิญความจริงสุดสะเทือนใจได้ดีมาก ฉายานี้สะท้อนทั้งความสนุกและความเปราะบางของเต๋อที่ต้องเจอกับการหักมุมที่โหดร้าย

ข้อคิด ความผูกพันกับเพื่อนอาจทำให้เรามองข้ามความจริง
จากเต๋อ เราได้ข้อคิดว่าความผูกพันกับเพื่อนบางครั้งอาจทำให้เรามองข้ามสัญญาณเตือนหรือความจริงที่อยู่ตรงหน้า เต๋อดีใจมากเมื่อเห็นเอกลับมาหลังจากหายตัวไปในน้ำ แต่เขาไม่ทันสังเกตว่าร่างกายของเอที่ไม่มีรอยแผลมันผิดปกติ เพราะความรู้สึกดีใจที่เพื่อนกลับมาทำให้เขามองข้ามความจริง ข้อคิดนี้สอนให้เราสังเกตสิ่งรอบตัวให้ดี แม้ว่าเราจะรักหรือผูกพันกับใครมากแค่ไหน การใช้สติและมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบจะช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้น เรื่องของเต๋อเหมือนเตือนว่าให้สมดุลระหว่างอารมณ์และเหตุผล เพื่อไม่ให้เราต้องเจอความจริงที่ช็อกเหมือนเขา

→ กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข รับบท เอ (ตอน คนกลาง)

otc05ml3k3Tuamii5Zx o
กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข

เอเป็นหนึ่งในวัยรุ่นสี่คนที่ไปล่องแก่งและตั้งเต็นท์ในป่าลึกกับเพื่อน ๆ อย่าง ชิน, เต๋อ, และ เผือก ในตอน คนกลาง เขาเป็นหนุ่มกวน ๆ มีความเป็นผู้นำนิด ๆ และชอบแซวเพื่อนแบบขำ ๆ ในฉากที่ทุกคนล้อมวงเล่าเรื่องผีในเต็นท์ เอแซวชินที่กลัวการนอนริมเต็นท์ด้วยประโยคเด็ดว่า “ถ้ากูตาย กูจะหลอกคนนอนกลางคนแรก” ซึ่งกลายเป็นลางร้ายไปเลย กันตพัฒน์เล่นบทนี้ได้แบบเป็นธรรมชาติสุด ๆ ทำให้เอเหมือนเพื่อนในกลุ่มที่ดูน่าไว้วางใจ แต่ก็มีมุมขี้เล่น

วันต่อมาเมื่อเรือล่มกลางแก่ง เอพุ่งเข้าไปช่วยเต๋อที่กำลังจมน้ำ แต่ตัวเองกลับหายไปในกระแสน้ำ คืนนั้นเขากลับมาในสภาพเปียกชุ่ม ไม่มีรอยแผล ซึ่งสร้างความสงสัยให้เพื่อน ๆ การแสดงของกันตพัฒน์ในฉากนี้ดีมาก ทำให้เรารู้สึกว่าเอทั้งน่าสงสารและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน สุดท้ายเมื่อเฉลยว่าเอและทุกคนในกลุ่มตายตั้งแต่เรือล่ม เอเป็นคนบอกความจริงกับเพื่อน ๆ และพาไปดูศพของทุกคน การแสดงสีหน้าเศร้า ๆ ของเขาในตอนท้ายที่รู้ว่าตัวเองเป็นผีนั้นชวนใจสลาย ทำให้เอเป็นตัวละครที่ทั้งเท่และสะเทือนอารมณ์

ฉายา เพื่อนกล้าผู้ยอมสละเพื่อกลุ่ม
เอสมฉายานี้เพราะเขาแสดงความกล้าและความเสียสละด้วยการพุ่งเข้าไปช่วยเต๋อตอนเรือล่ม แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง ความกวนและความเป็นผู้นำของเขาในตอนแรกผสมกับความกล้าที่แสดงออกในช่วงวิกฤตทำให้เขาเป็นตัวละครที่น่าจดจำ กันตพัฒน์ถ่ายทอดความเป็นเพื่อนที่พร้อมลุยเพื่อคนอื่นได้ดีมาก โดยเฉพาะฉากที่เขากลับมาในสภาพวิญญาณและบอกความจริงกับเพื่อน ๆ ด้วยสีหน้าเศร้า ๆ ฉายานี้สะท้อนทั้งความกล้าและความน่าสงสารของเอที่ต้องเผชิญชะตากรรมสุดช็อก

ข้อคิด การเสียสละเพื่อผู้อื่นอาจมีราคาที่ต้องจ่าย
จากเอ เราได้ข้อคิดว่าการเสียสละเพื่อคนอื่นเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่บางครั้งมันอาจมาพร้อมราคาที่สูงเกินคาด เอเลือกช่วยเต๋อตอนเรือล่มโดยไม่ลังเล แต่สุดท้ายเขาต้องเสียชีวิตและกลายเป็นวิญญาณที่ต้องเผชิญความจริงอันโหดร้าย ข้อคิดนี้สอนให้เราเห็นคุณค่าของการช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็ต้องระวังและชั่งใจในสถานการณ์อันตราย เพื่อไม่ให้ตัวเองหรือคนรอบข้างต้องสูญเสียมากเกินไป เรื่องของเอเหมือนเตือนว่าให้ใช้ทั้งใจและสติเมื่อต้องตัดสินใจเพื่อคนอื่น

→ พงศธร จงวิลาศ รับบท เผือก (ตอน คนกลาง)

ID 16529 5908305eef322
พงศธร จงวิลาส

เผือกเป็นหนึ่งในวัยรุ่นสี่คนที่ไปล่องแก่งและตั้งเต็นท์ในป่าลึกกับเพื่อน ๆ อย่าง ชิน, เต๋อ, และ เอ ในตอน คนกลาง เขาเป็นหนุ่มอารมณ์ดี ขี้แซว และดูเป็นตัวละครที่ช่วยสร้างสีสันในกลุ่ม ด้วยบุคลิกที่ดูชิล ๆ และเข้ากับเพื่อนได้ง่าย พงศธรเล่นบทนี้ได้แบบเนียนมาก ทำให้เผือกเหมือนเพื่อนในชีวิตจริงที่เราคงเคยเจอ ในฉากล้อมวงเล่าเรื่องผีในเต็นท์ เขาจะคอยแซวชินที่กลัวนอนริมเต็นท์ ดูเป็นคนที่ไม่ค่อยซีเรียสอะไร

แต่เมื่อเรือล่มกลางแก่งและเอหายตัวไป เผือกเริ่มแสดงความกังวลออกมา พอเอกลับมาในสภาพเปียกชุ่มแต่ไม่มีรอยแผล เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องมันแปลก ๆ พงศธรแสดงความเปลี่ยนแปลงจากหนุ่มร่าเริงไปสู่ความกลัวได้ดี โดยเฉพาะตอนที่ทั้งกลุ่มวิ่งหนีหลังรู้ว่าเออาจเป็นผี ฉากที่เผือกช็อกเมื่อเอเฉลยว่าทุกคน รวมถึงตัวเขาเอง ตายตั้งแต่เรือล่ม และได้เห็นศพของตัวเองลอยอยู่ในน้ำนี่คือพีคมาก การแสดงของพงศธรทำให้เผือกเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักในความกวน และน่าสงสารเมื่อต้องเผชิญความจริงอันโหดร้าย

ฉายา ตัวตึงสายฮาผู้เจอช็อกหนัก
เผือกสมฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวละครที่ช่วยสร้างความสนุกในกลุ่มด้วยความขี้แซวและอารมณ์ดีในตอนแรก เหมือนตัวตึงที่ทำให้ทุกคนหัวเราะได้ แต่เมื่อเรื่องราวพลิกผันและเขาต้องเจอกับความจริงที่ว่าตัวเองตายแล้ว ความร่าเริงนั้นกลายเป็นความช็อกที่สะเทือนใจ พงศธรถ่ายทอดความเป็นตัวละครที่ทั้งกวนทั้งเปราะบางได้ดีมาก โดยเฉพาะในฉากที่เห็นศพตัวเองแล้วหน้าเสีย ฉายานี้สะท้อนทั้งความสนุกและความน่าสงสารของเผือกที่ต้องเผชิญการหักมุมสุดสะเทือนใจ

ข้อคิด ความสนุกในชีวิตต้องมาพร้อมความระวัง
จากเผือก เราได้ข้อคิดว่าความสนุกและความไร้กังวลในชีวิตต้องสมดุลด้วยความระวัง เผือกเป็นตัวละครที่สนุกกับการล่องแก่งและแซวเพื่อน แต่เขาไม่ทันระวังถึงอันตรายของการผจญภัยในป่าลึก ซึ่งนำไปสู่เหตุเรือล่มและความตายของทั้งกลุ่ม ข้อคิดนี้สอนให้เราใช้ชีวิตให้เต็มที่ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความเสี่ยงในทุกการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวหรือทำอะไรสุดเหวี่ยงกับเพื่อน ๆ การระวังตัวสักนิดจะช่วยให้เราไม่ต้องเจอผลลัพธ์ที่โหดร้ายเหมือนเผือกและผองเพื่อน

→ วิวัฒน์ คงราศรี รับบท ชิน (ตอน คนกลาง)

ID 38144 583c01aa33f84
วิวัฒน์ คงราศรี

ชินเป็นหนึ่งในวัยรุ่นสี่คนที่ไปล่องแก่งและตั้งเต็นท์ในป่าลึกกับเพื่อน ๆ อย่าง เต๋อ, เผือก, และ เอ ในตอน คนกลาง เขาเป็นหนุ่มที่ดูขี้กลัวสุดในกลุ่ม ชอบตื่นตระหนกและกังวลง่าย โดยเฉพาะตอนที่ทุกคนล้อมวงเล่าเรื่องผีในเต็นท์ ชินถึงกับขอไม่นอนริมเต็นท์เพราะกลัวผีจะมาหลอก ถูกเพื่อน ๆ โดยเฉพาะเอแซวหนักเลย วิวัฒน์เล่นบทนี้ได้แบบเนียนสุด ๆ ทำให้ชินดูเป็นตัวละครที่เหมือนเพื่อนขี้กลัวที่เราคงเคยเจอในกลุ่มเพื่อน

เมื่อเรือล่มกลางแก่งและเอหายตัวไป ชินยิ่งกังวลหนัก พอเอกลับมาในสภาพเปียกชุ่มแต่ไม่มีรอยแผล เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องมันแปลก ๆ ฉากที่ชินฝันว่าเอเป็นผีแต่ไม่รู้ตัวว่าตายนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขานอนไม่หลับ การแสดงของวิวัฒน์ในฉากที่ชินกลัวจนตัวสั่นและวิ่งหนีเมื่อรู้ว่าเออาจเป็นผีนั้นดีมาก สะท้อนความตื่นตระหนกได้ถึงใจ สุดท้ายเมื่อเอเฉลยว่าทุกคน รวมถึงชิน ตายตั้งแต่เรือล่ม และได้เห็นศพตัวเองลอยอยู่ในน้ำ ชินถึงกับช็อก วิวัฒน์ถ่ายทอดความรู้สึกกลัวและใจสลายของชินได้แบบทำให้เราอินสุด ๆ ทำให้ชินเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและชวนให้ลุ้น

ฉายา ขี้กลัวประจำแก๊งผู้เจอช็อกใหญ่
ชินสมฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวละครที่ขี้กลัวสุดในกลุ่ม ตั้งแต่กลัวนอนริมเต็นท์ตอนเล่าเรื่องผี ไปจนถึงความตื่นตระหนกเมื่อเจอเหตุการณ์ประหลาด ความกลัวของเขาทำให้เขาเป็นเหมือนตัวแทนของคนดูที่รู้สึกกลัวไปด้วย วิวัฒน์แสดงความขี้กลัวของชินได้แบบสมจริง โดยเฉพาะฉากที่ฝันถึงเอและฉากที่เห็นศพตัวเอง ฉายานี้สะท้อนทั้งความน่ารักในความขี้กลัวและความช็อกที่ชินต้องเผชิญเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นผี ซึ่งทำให้เขาเป็นตัวละครที่ทั้งตลกและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

ข้อคิด ความกลัวอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ควรฟัง
จากชิน เราได้ข้อคิดว่าความกลัวบางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนที่เราควรให้ความสนใจ ชินขี้กลัวตั้งแต่แรกและรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับการนอนในเต็นท์หรือการล่องแก่ง แต่เขาเลือกที่จะไปต่อเพราะตามเพื่อน ๆ ซึ่งนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ทั้งกลุ่มตาย ข้อคิดนี้สอนให้เราเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองบ้าง ถ้ารู้สึกกลัวหรือไม่มั่นใจในสถานการณ์ใด ๆ ควรหยุดคิดและประเมินความเสี่ยงให้ดี ไม่ใช่แค่ตามเพื่อนหรือปล่อยให้สถานการณ์พาไป เรื่องของชินเหมือนเตือนว่าให้ฟังเสียงในใจตัวเอง เพื่อป้องกันผลร้ายที่อาจเกิดขึ้น

→ เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ รับบท พิม (ตอน Last Fright เที่ยวบิน 422)

1 82
เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์

พิมเป็นแอร์โฮสเตสสาวที่ต้องรับมือกับไฟลต์พิเศษสุดสะพรกลึกในตอน Last Fright เที่ยวบิน 422 เธอต้องดูแล เจ้าหญิงโซเฟีย เพียงลำพังบนเครื่องบินที่เต็มไปด้วยความกดดันและบรรยากาศอึดอัด พิมเริ่มต้นด้วยความมั่นใจในตัวเอง เป็นสาวแซ่บที่ดูพร้อมจัดการทุกสถานการณ์ แต่ความลับที่เธอเป็นชู้กับ เจ้าชายอัลเบิร์ต สามีของเจ้าหญิง ทำให้เรื่องราวพลิกผัน เธอสังเกตว่าเจ้าหญิงสวมแหวนเหมือนของตัวเอง พยายามถอดแหวนตัวเองออกแต่ทำไม่ได้ และเมื่อเจ้าหญิงทำกาแฟหกใส่แขน พิมโมโหถึงขั้นใช้ส้นสูงคนกาแฟใหม่

เฌอมาลย์เล่นบทนี้ได้แบบสุดยอดมาก ถ่ายทอดทั้งความมั่นใจ ความโกรธ และความกลัวที่ค่อย ๆ กัดกินพิมได้อย่างถึงใจ เมื่อเจ้าหญิงแพ้กุ้งจากอาหารที่พิมเสิร์ฟและเสียชีวิต พิมต้องดูแลพระศพบนไฟลต์ขากลับ ศพเริ่มเคลื่อนไหว กลิ้งมาหาเธอ และสุดท้ายพิมเสียสติ คว้าขวานทุบกระจกเครื่องบินเพื่อหนี แต่ไม่รอด เธอถูกมัดไว้ใกล้ศพเจ้าหญิง ผ้าคลุมศพหลุดเผยหน้าตาน่าสยอง และพิมตายด้วยอาการคอหัก สุดท้ายร่างของเธอก้มกราบเท้าเจ้าหญิง การแสดงของเฌอมาลย์ทำให้พิมเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและน่ากลัว สะท้อนความผิดบาปและความกลัวที่ตามหลอกหลอน

ฉายา แอร์สาวแซ่บผู้แบกความผิด
พิมสมฉายานี้เพราะเธอเป็นแอร์โฮสเตสที่ทั้งสวยทั้งแซ่บ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในตอนแรก แต่ความลับที่เธอเป็นชู้กับเจ้าชายกลายเป็นบาปที่ตามหลอกหลอน เฌอมาลย์ถ่ายทอดความมั่นใจที่ค่อย ๆ แตกสลายกลายเป็นความกลัวและความเสียสติได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะฉากที่พิมกรี๊ดเมื่อเห็นศพเจ้าหญิงเคลื่อนไหว หรือตอนที่พยายามขอโทษด้วยความหวาดกลัว ฉายานี้สะท้อนทั้งความเปรี้ยวของพิมและภาระหนักของความผิดที่เธอต้องแบกไว้จนวินาทีสุดท้าย

ข้อคิด ความผิดในอดีตอาจกลับมาหลอกหลอนเราได้
จากพิม เราได้ข้อคิดว่าการกระทำผิดในอดีต โดยเฉพาะที่ทำร้ายคนอื่น อาจกลับมาส่งผลร้ายในแบบที่เราไม่คาดคิด พิมเลือกเป็นชู้กับเจ้าชาย ซึ่งนำไปสู่ความแค้นของเจ้าหญิงโซเฟียที่ตามหลอกหลอนเธอถึงตาย ข้อคิดนี้สอนให้เราระวังการตัดสินใจที่อาจทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์หรือการกระทำใด ๆ เพราะผลของมันอาจกลับมาทำร้ายเราในวันที่เราไม่พร้อม เรื่องของพิมเหมือนเตือนว่าให้ใช้ชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง เพื่อไม่ต้องเผชิญหน้ากับความแค้นที่กลายเป็นฝันร้าย

→ Nada Lesongan รับบท เจ้าหญิงโซเฟีย (ตอน Last Fright เที่ยวบิน 422)

A6547439 46
Nada Lesongan

เจ้าหญิงโซเฟียเป็นตัวละครที่ทั้งสง่างามและน่าสะพรกลึกในตอน Last Fright เที่ยวบิน 422 เธอเป็นเจ้าหญิงที่เดินทางบนไฟลต์พิเศษ ซึ่งดูแลโดย พิม แอร์โฮสเตสที่มีความลับว่าเป็นชู้กับ เจ้าชายอัลเบิร์ต สามีของโซเฟีย เธอเริ่มต้นด้วยความเย็นชาและดูเหมือนรู้ความลับของพิมตั้งแต่แรก อย่างตอนที่เห็นแหวนเปอร์เซียของพิมที่เหมือนของตัวเอง หรือพูดถึงการลงโทษชู้แบบโหด ๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ที่ชวนขนลุก

Nada Lesongan เล่นบทนี้ได้แบบถึงมาก ถ่ายทอดความเป็นเจ้าหญิงที่มีทั้งความสูงศักดิ์และความแค้นซ่อนอยู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อโซเฟียแพ้กุ้งจากอาหารที่พิมเสิร์ฟ เธอช็อกและเสียชีวิต แต่ความแค้นของเธอไม่จบแค่นั้น ในไฟลต์ขากลับ พระศพของโซเฟียเริ่มเคลื่อนไหว กลิ้งมาหาพิม และสุดท้ายกลายเป็นวิญญาณอาฆาตที่เผยหน้าตาน่าสยอง ตาแดง อ้วกใส่หน้าพิม ก่อนที่พิมจะตายด้วยอาการคอหักและก้มกราบเท้าเธอ การแสดงของ Nada ในฉากวิญญาณนี่หลอนสุด ๆ ทำให้โซเฟียเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าสะพรกลึก สะท้อนความแค้นที่ลึกซึ้งจากความเจ็บปวดในเรื่องชู้

ฉายา วิญญาณราชินีแห่งความแค้น
โซเฟียสมฉายานี้เพราะเธอเป็นมากกว่าเจ้าหญิง เธอคือวิญญาณที่เต็มไปด้วยความแค้นจากความเจ็บปวดที่ถูกสามีและพิมหักหลัง ความเย็นชาและสายตาอาฆาตของเธอตั้งแต่ยังมีชีวิต รวมถึงการกลับมาเป็นวิญญาณที่น่าสยดสยองในตอนท้าย แสดงถึงพลังแห่งความแค้นที่ไม่ยอมให้ใครลอยนวล Nada ถ่ายทอดความสง่างามผสมความน่ากลัวได้แบบลงตัว โดยเฉพาะฉากที่หน้าตาของโซเฟียเปลี่ยนเป็นผีที่น่าสยอง ฉายานี้สะท้อนทั้งความเป็นราชินีและพลังแห่งความแค้นที่ทำให้เธอกลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำ

ข้อคิด ความแค้นที่เก็บไว้อาจทำลายทุกฝ่าย
จากโซเฟีย เราได้ข้อคิดว่าการเก็บความแค้นไว้ในใจอาจนำไปสู่การทำลายทั้งตัวเองและคนอื่น โซเฟียถูกหักหลังในเรื่องความรัก ซึ่งทำให้ความแค้นของเธอรุนแรงจนกลายเป็นวิญญาณที่ตามแก้แค้นพิม แม้เธอจะได้แก้แค้น แต่ตัวเธอเองก็ต้องติดอยู่ในความตายและความเจ็บปวด ข้อคิดนี้สอนให้เราพยายามปล่อยวางความโกรธและความแค้น แทนที่จะปล่อยให้มันครอบงำจนกลายเป็นพลังทำลายล้าง การให้อภัยหรือหาทางเยียวยาความเจ็บปวดจะช่วยให้เรามีชีวิตที่สงบกว่าการจมอยู่กับความแค้น เรื่องของโซเฟียเหมือนเตือนว่าให้ระวังความรู้สึกด้านลบที่อาจทำร้ายทั้งตัวเราและคนรอบข้าง

→ ปรเมศร์ น้อยอ่ำ รับบท เจ้าชายอัลเบิร์ต (ตอน Last Fright เที่ยวบิน 422)

16773 003
ปรเมศร์ น้อยอ่ำ

เจ้าชายอัลเบิร์ตเป็นตัวละครที่ปรากฏในตอน Last Fright เที่ยวบิน 422 เขาคือสามีของ เจ้าหญิงโซเฟีย และเป็นชู้ของ พิม แอร์โฮสเตสสาวที่ต้องดูแลไฟลต์พิเศษของโซเฟีย อัลเบิร์ตไม่ได้ปรากฏตัวเยอะในเรื่อง แต่มีบทบาทสำคัญที่จุดชนวนความแค้นของโซเฟีย เราเห็นเขาผ่านภาพถ่ายที่พิมเจอ ซึ่งเผยว่าเขาคือคนรักลับ ๆ ของพิม และเป็นสาเหตุที่ทำให้โซเฟียโกรธจัดจนกลายเป็นวิญญาณอาฆาต

ปรเมศร์เล่นบทนี้ในลักษณะที่เป็นตัวละครในเงามืด เราไม่ได้เห็นเขามีบทพูดหรือฉากเยอะ แต่แค่การปรากฏตัวในภาพถ่ายก็เพียงพอที่จะทำให้รู้ว่าเขาคือจุดศูนย์กลางของดราม่าในเรื่อง การแสดงของปรเมศร์ในบทนี้ถึงจะสั้น แต่ก็ช่วยสร้างความรู้สึกว่าเจ้าชายเป็นคนที่มีเสน่ห์แต่ขาดความรับผิดชอบ ความสัมพันธ์ลับของเขากับพิมนำไปสู่โศกนาฏกรรมทั้งของพิมและโซเฟีย ทำให้อัลเบิร์ตเป็นตัวละครที่เหมือนตัวเร่งให้เรื่องราวพุ่งไปสู่ความสยอง

ฉายา เจ้าชายนอกใจผู้จุดไฟดราม่า
อัลเบิร์ตสมฉายานี้เพราะเขาเป็นเจ้าชายที่ดูมีเสน่ห์ แต่การนอกใจภรรยาอย่างโซเฟียเพื่อไปคบชู้กับพิมทำให้เกิดความแค้นและโศกนาฏกรรมในเรื่อง การที่เขาเลือกมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสยองที่พิมต้องเผชิญ ปรเมศร์ถ่ายทอดตัวละครนี้ผ่านภาพถ่ายที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ทั้งน่าดึงดูดและน่าตำหนิ ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทของอัลเบิร์ตที่เหมือนจุดไฟให้เกิดความขัดแย้งและความแค้นในเรื่อง โดยที่ตัวเขาเองไม่ได้ปรากฏตัวมาก แต่ผลกระทบจากเขานั้นรุนแรงมาก

ข้อคิด การตัดสินใจที่เห็นแก่ตัวอาจสร้างผลกระทบใหญ่หลวง
จากอัลเบิร์ต เราได้ข้อคิดว่าการตัดสินใจที่เห็นแก่ตัว โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงเกินคาด การที่อัลเบิร์ตนอกใจโซเฟียและคบชู้กับพิมทำให้โซเฟียเสียชีวิตและกลายเป็นวิญญาณแค้นที่ตามหลอกพิมจนตาย ข้อคิดนี้สอนให้เราคิดถึงผลกระทบของการกระทำของตัวเองต่อคนรอบข้าง การเลือกทำอะไรที่เห็นแก่ความสุขส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นอาจนำไปสู่ความเสียหายที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เรื่องของอัลเบิร์ตเหมือนเตือนว่าให้ใช้ชีวิตด้วยความรับผิดชอบและคำนึงถึงผลกระทบต่อคนอื่นด้วย


ถ้า สี่แพร่ง (4 Bia) 2551 มีภาคต่อเป็น สี่แพร่ง 2 จะเป็นยังไง? หนังในตำนานที่รวม 4 เรื่องสั้นสุดหลอนจาก 4 ผู้กำกับจะกลับมาสร้างความสะพรกลึกในสไตล์ใหม่ ๆ แต่ยังคงความเป็นไทยแท้ที่ทั้งสยองทั้งมีข้อคิด

สี่แพร่ง ปี 2551 คือหนังสยองขวัญที่ครองใจคนดูด้วยการเล่าเรื่องที่หลากหลาย ทั้งหลอนเงียบ ๆ โหดเลือดสาด หักมุมสะเทือนใจ และสยองจนนอนไม่หลับ แต่ละตอนไม่ใช่แค่ทำให้กลัว แต่ยังมีดราม่าและข้อคิดที่สะท้อนชีวิตจริง ถ้ามีภาค 2 ล่ะ? เราจะพาไปสำรวจความกลัวในยุคใหม่ที่ผสมความเป็นไทยเข้ากับเทคโนโลยีและสังคมสมัยนี้ คงคอนเซปต์ 4 เรื่องสั้นจาก 4 ผู้กำกับ แต่เพิ่มความเข้มข้นด้วยบริบทที่ใกล้ตัวยิ่งขึ้น เช่น โซเชียลมีเดีย ความสัมพันธ์ยุคดิจิทัล หรือความเชื่อในยุคที่ทุกอย่างดูเหมือนมีคำตอบทางวิทยาศาสตร์ มาดูกันว่าแต่ละตอนจะหลอนแค่ไหน

เรื่องที่ 1 เงาในแอป (ต่อจาก เหงา)

หลังจากโศกนาฏกรรมของ ปิ่น ที่ถูกวิญญาณชายปริศนาผลักตกตึกเพราะ SMS ลึกลับ เรื่องนี้ย้ายมาสู่ยุคแอปหาคู่ ลิน สาววัย 30 ที่เพิ่งเลิกกับแฟน ทำงานหนักจนไม่มีเวลาเจอใคร เธอโหลดแอปหาคู่ชื่อ ShadowMatch ที่ขึ้นชื่อว่าแมตช์คนได้ตรงใจสุด ๆ เธอเริ่มแชทกับหนุ่มชื่อ กาย ที่ดูเหมือนจะเข้าใจเธอทุกอย่าง แต่ข้อความของกายเริ่มแปลกขึ้น เขาส่งรูปที่ถ่ายในสถานที่ที่ลินอยู่แบบเรียลไทม์ และบอกว่า “ผมมองเห็นคุณตลอดเวลา” ลินเริ่มกลัวเมื่อรู้ว่ากายไม่มีตัวตนในโซเชียลมีเดีย และแอปนี้ถูกสร้างโดยโปรแกรมเมอร์ที่เสียชีวิตไปแล้ว เธอพบว่า ShadowMatch ใช้ AI ที่เก็บข้อมูลวิญญาณของผู้ตายเพื่อจับคู่กับคนเหงาในโลกนี้ วิญญาณของกายเริ่มตามลินในโลกจริง เงาของเขาปรากฏในกระจกและหน้าจอมือถือ สุดท้ายลินต้องเผชิญหน้ากับความจริงว่าเธออาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของแอปนี้ถ้าไม่หนีให้พ้น

เรื่องที่ 2 คำสาปสตอรี่ (ต่อจาก ยันต์สั่งตาย)

หลังจาก พิ้งค์ รอดจากยันต์สั่งตายด้วยการควักลูกตาตัวเอง เรื่องนี้โฟกัสที่ ต้า วัยรุ่นที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ชอบโพสต์สตอรี่ในโซเชียลมีเดียเพื่อแกล้งคนอื่น เขาและเพื่อน ๆ โพสต์คลิปล้อเลียนพิธีกรรมโบราณในหมู่บ้านห่างไกล โดยไม่รู้ว่าได้ปลุก คำสาปสตอรี่ ที่ถูกสร้างโดยหมอผีรุ่นใหม่ คำสาปนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นสตอรี่ของต้าต้องเจออุบัติเหตุสยองขวัญ เช่น รถชน หรือถูกของหล่นทับ เพื่อนของต้าตายไปทีละคน และตัวเขาเองเริ่มเห็นสตอรี่ที่เขาไม่ได้โพสต์ปรากฏในโทรศัพท์ มีข้อความว่า “ถึงตาคุณแล้ว” ต้าต้องหาทางลบสตอรี่ทั้งหมดก่อนที่คำสาปจะคร่าชีวิตเขา แต่ยิ่งลบ สตอรี่ก็ยิ่งแพร่กระจายไปยังผู้ติดตามของเขา

เรื่องที่ 3 คนสุดท้าย (ต่อจาก คนกลาง)

จากโศกนาฏกรรมของ ชิน, เต๋อ, เผือก, และ เอ ที่ตายในอุบัติเหตุเรือล่ม เรื่องนี้เล่าถึง นัท นักเขียนนิยายสยองขวัญที่ไปพักในรีสอร์ทร้างเพื่อหาแรงบันดาลใจ เขาได้ยินเรื่องเล่าจากชาวบ้านเกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นที่ตายในป่าเมื่อหลายปีก่อน ระหว่างเขียนนิยาย นัทเริ่มฝันถึงชินและเพื่อน ๆ ที่วนเวียนในรีสอร์ท แต่ละคืนเขาฝันว่าเขากลายเป็น “คนสุดท้าย” ในกลุ่มที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วในอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน เขาค้นพบว่าเขาคือเด็กที่เคยอยู่ในทริปล่องแก่งนั้น แต่รอดมาได้เพียงคนเดียว และวิญญาณของเพื่อน ๆ พยายามดึงเขาให้กลับไปรวมกับกลุ่ม นัทต้องหาทางทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณเพื่อน ๆ ก่อนที่ตัวเองจะถูกดึงไปด้วย

เรื่องที่ 4 เที่ยวบิน 423 (ต่อจาก Last Fright เที่ยวบิน 422)

หลังจาก พิม เสียชีวิตในไฟลต์ของ เจ้าหญิงโซเฟีย เรื่องนี้เล่าถึง แซม นักบินหนุ่มที่ได้รับมอบหมายให้บินไฟลต์ 423 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำเดียวกับที่เกิดเหตุสยองเมื่อหลายปีก่อน เขาเริ่มเห็นภาพหลอนของพิมและโซเฟียในห้องนักบิน ไฟในเครื่องบินกะพริบ และมีเสียงกระซิบว่า “คุณต้องชดใช้” แซมค้นพบว่าเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมงานของพิม และเคยรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้าชายแต่ไม่ยอมเตือนใคร วิญญาณของพิมและโซเฟียตามหลอกเขาในไฟลต์ที่ไม่มีผู้โดยสาร แต่เครื่องบินไม่ยอมลงจอด แซมต้องเผชิญหน้ากับความผิดในอดีตและหาทางขอโทษทั้งสองวิญญาณเพื่อให้เครื่องบินลงจอดได้ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป