ซีรีส์ Mouse (เวอร์ชั่นไทย) 2568 ซีรีส์ไทยที่รีเมคจากเกาหลีสุดฮิตอย่าง Mouse มันเป็นแนวสืบสวนระทึกขวัญที่เล่นกับธีมยีนไซโคพาธ ฆาตกรต่อเนื่อง และการแก้แค้นแบบสุดเข้มข้น เรื่องเริ่มต้นจากเมืองมัฆวัน ที่รัฐบาลเคยพยายามผลักดันกฎหมายทำแท้งเด็กที่มี “ยีนไซโคพาธ” เพราะเชื่อว่าคนพวกนี้มีโอกาสกลายเป็นฆาตกรสูง แต่กฎหมายถูกตีตกไปเพราะเสียงคัดค้านทั้งจากรัฐและฝ่ายค้าน แม้สังคมจะเต็มไปด้วยคดีฆาตกรรมโหดๆ จากพวกไซโคพาธก็ตาม ผ่านไป 25 ปี เรื่องเงียบหาย แต่แล้วฆาตกรต่อเนื่องคนใหม่โผล่ขึ้นมา ใช้ชื่อเล่นว่า “นักฆ่าทองคำเปลว” เพราะชอบทิ้งแผ่นทองคำเปลวไว้กับศพเหยื่อที่ถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน
“รามิล” ตำรวจเลือดร้อนที่เคยเป็นเหยื่อฆาตกรในวัยเด็ก พ่อแม่ถูกฆ่าโหด พี่ชาย “ราเชนทร์” กลายเป็นคนพิการ รามิลรอดมาได้คนเดียว และสาบานว่าจะแก้แค้น “นายแพทย์อรชุน” ฆาตกรตัวจริงที่ถูกจับและรอประหาร แต่เรื่องซับซ้อนขึ้นเมื่อรามิลสืบพบว่าลูกชายของอรชุนที่ภรรยา “จิราวรรณ” บอกว่าทำแท้งไปแล้ว จริงๆ ยังมีชีวิตอยู่ และอาจเกี่ยวข้องกับคดีใหม่
รามิลเลยชวน “วิชญ์” ตำรวจสายตรวจขวัญใจชาวบ้านมาร่วมทีมสืบพิเศษ วิชญ์เองก็มีเหตุจูงใจเพราะเพื่อนสนิทถูกฆ่าในคดีนี้ พวกเขาสืบไปเจอตัวละครเกี่ยวข้องเพียบ เช่น “ชัญญา” นักข่าวสาวที่เคยเจอเหตุสะพรึงในวัยเด็ก “หมอกานต์” หมอหนุ่มเย็นชาที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะเหยื่อรู้จักเขา “พิชา” นักเรียนมัธยมที่ถูกบูลลี่และมีปมวัยเด็ก “ชัยวัฒน์” นายกฯ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเก่า และ “ดนัย” นักวิจัยยีนไซโคพาธ
เรื่องเดินด้วยคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ศพแรกถูกเผาทั้งเป็น ศพสองถูกกรีดโหด ศพสามพบในคุก ไปจนศพห้า ฆาตกรท้าทายตำรวจด้วยการโทรเข้าไลฟ์รายการของชัญญา ใช้เด็กเป็นตัวประกัน รามิลเกือบเสียศูนย์แต่วิชญ์ช่วยดึงกลับ กลางเรื่องมีไทม์จัมป์ 2 ปี คดีใหม่โผล่ รัฐบาลนิรโทษกรรมนักโทษ วิชญ์เริ่มเห็นภาพหลอน ชัญญากลับมาพิสูจน์ว่ากานต์ไม่ใช่ฆาตกร พิชาเจอปมเก่า วิชญ์สารภาพรักพิชา แต่เรื่องหักมุมใหญ่เมื่อวิชญ์พบห้องใต้ดินในบ้านตัวเอง และรู้ว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับฆาตกรยังไง
Mouse เวอร์ชั่นไทยนี่มันผสมผสานดราม่า สืบสวน และจิตวิทยาได้ลงตัวมาก หักมุมไม่หยุด ถ้าชอบแนวนี้ ลองไปดูบน TrueID สิ รับรองติดงอมแงมแน่ๆ
ซีรีส์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากในส่วนพล็อตสืบสวน เล่นกับธีมไซโคพาธและยีนพันธุกรรมแบบไม่ธรรมดา หักมุมเยอะจนเดาไม่ถูก อย่างคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ทิ้งแผ่นทองคำเปลว มันลุ้นระทึกทุกตอน โดยเฉพาะ Part 2 ที่ยกระดับความซับซ้อน องค์กรลับ การผ่าตัดสมอง และไทม์จัมป์ 2 ปี ทำให้เรื่องไม่น่าเบื่อ การรีเมคจากเกาหลีทำได้ใกล้เคียง แต่เพิ่มกลิ่นอายไทย เช่น ฉากบูลลี่ในโรงเรียนหรือการเมือง ทำให้ใกล้ตัวคนดู
นักแสดงเล่นดีสุดๆ ชาคริตในบทรามิล แสดงความแค้นและเลือดร้อนได้ถึง นนกุลเล่นวิชญ์ได้น่ารักแต่ลึกลับ เบญในบทชัญญา ไหวพริบดี กัปตันเย็นชาแบบน่ากลัว เอมมี่เล่นพิชาได้น่าสงสาร การกำกับภาพดี ฉากฆาตกรรมโหดแต่ไม่เกินจริง CG และดนตรีประกอบช่วยสร้างบรรยากาศลุ้น ยอดวิวทะลุ 6 ล้านวิวในเดือนแรก บอกเลยว่าประสบความสำเร็จ
ซีรีส์ Mouse (เวอร์ชั่นไทย) 2568
ซีรีส์ Mouse (เวอร์ชั่นไทย) 2568
เรื่องราวเกิดในเมืองมัฆวัน สังคมที่เต็มไปด้วยความกลัวจากฆาตกรต่อเนื่องเพราะ “ยีนไซโคพาธ” ที่ทำให้คนบางคนกลายเป็นปีศาจไร้หัวใจ รัฐบาลเคยพยายามผลักดันกฎหมายทำแท้งเด็กที่มียีนนี้ แต่ถูกตีตกเพราะเสียงคัดค้านทั้งสองฝ่าย แม้จะมีคดีฆ่าอาละวาดก็เถอะ ผ่านไป 25 ปี เรื่องเงียบสนิท เพราะ “นายแพทย์อรชุน” (แจ๊บ เพ็ญเพชร) หมอศัลยแพทย์ฝีมือเทพแต่เป็นฆาตกรต่อเนื่องตัวจริง ถูกจับขังรอประหาร ภรรยาเขา “จิราวรรณ” (จอย ธัญพร) ตั้งท้องลูกชายที่มียีนไซโคพาธ เธอบอกอรชุนว่าทำแท้งไปแล้ว เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นฆาตกรเหมือนพ่อ แต่จริงๆ แล้ว ลูกรอดชีวิตนะสิ
ตัดมาปัจจุบัน คดีฆาตกรรมโหดเกิดขึ้นอีก “ผู้กองรามิล” (ชาคริต แย้มนาม) ตำรวจเลือดร้อนที่เคยเป็นเหยื่อเด็กๆ ของอรชุน พ่อแม่ถูกฆ่าป่าเถื่อน พี่ชาย “ราเชนทร์” (ปราโมทย์ แสงศร) กลายเป็นคนพิการ รามิลรอดมาได้คนเดียวและสาบานแก้แค้น เขารู้ว่านี่คือฆาตกรไซโคพาธคนใหม่ เพราะสไตล์ฆ่าเหมือนเป๊ะ แถมสืบรู้ว่าลูกอรชุนยังมีชีวิต
รามิลเลยตั้งทีมสืบพิเศษ ชวน “วิชญ์” (นนกุล ชานน) ตำรวจสายตรวจขวัญใจชาวบ้านมาร่วม เพราะเพื่อนสนิทวิชญ์ถูกฆ่าในคดีนี้ พวกเขาสืบกันสุดระทึก เกี่ยวข้องกับคนเพียบ เช่น “ชัยวัฒน์” (ต้น ตระการ) นายกฯ ที่เคยผลักกฎหมายเก่า “ชัญญา” (เบญ เรวิญานันท์) นักข่าวสาวที่เคยเจอเหตุสะพรึงตอนเด็ก “พิชา” (เอมมี่ ทสร) นักเรียนมัธยมถูกบูลลี่และมีปมวัยเด็ก และ “หมอกานต์” (กัปตัน ชลธร) หมอเย็นชาที่เชี่ยวชาญผ่าศพ จนตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ซีรีส์เล่าผ่านมุมมองหลายคน สนุกตรงที่ฆาตกรฆ่าแบบไร้เหตุผล ไม่เลือกเหยื่อ เด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย ใครก็ได้ถ้าสถานการณ์เอื้อ! การล่าฆาตกรเริ่มเดือด ศพแรกถูกเผาทั้งเป็น ศพสองถูกกรีดโหด ศพสามพบในคุกตอนงานบำบัดนักโทษ วิชญ์สืบแทนเพื่อน ชัญญาตามข่าวจากรามิลเพื่อนสนิท “ดนัย” (กิ๊ฟ วรรธนะ) นักวิจัยยีนกลับมาเยี่ยมจิราวรรณและเจอความจริง ดนัยถูกไล่ล่าเพราะวิจัยยีนไซโคพาธ ศพสี่-ห้าตามมา ตำรวจพบเบาะแสเชื่อมโยงใครบางคน รามิลรู้ความจริงช็อกๆ
บอกเลยว่าหลังดูจบ คุณจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ หักมุมเยอะมากจนเดาไม่ได้ ธีมยีนไซโคพาธชวนคิด ถ้าชอบแนวนี้ กดดูเลยบน TrueID
เบื้องหลังการถ่ายทำซีรีส์ Mouse เวอร์ชั่นไทยปี 2568 มันรีเมคจากเกาหลีสุดฮิต แต่เวอร์ชั่นไทยโดย True CJ Creations นี่แหละที่ทำให้ฮิตทะลุ 6 ล้านวิวในเดือนเดียว เบื้องหลังมีทั้งสนุก ทุ่มเท ดราม่า
ซีรีส์นี้เป็นรีเมคจาก Mouse เกาหลีปี 2021 ของ Studio Dragon ที่ดังมากในเกาหลี True CJ Creations จับมือกับ TrueID นำมาปรับให้เข้ากับบริบทไทย เพิ่มกลิ่นอายสังคมไทยเข้าไป เช่น การเมือง กฎหมายทำแท้งยีนไซโคพาธ และดราม่าบูลลี่ในโรงเรียน แต่ยังคงความเข้มข้น หักมุม และโหดแบบต้นฉบับไว้ครบ
การผลิตเริ่มประกาศตั้งแต่กลางปี 2025 (หรือ 2568 ในไทย) และถ่ายทำหนักหน่วงหลายเดือน โดยทีมงานบอกว่าต้องทุ่มเททุกนาที เพราะฉากฆาตกรรมโหดๆ ต้องสมจริงแต่ไม่เกินจริง ใช้ CG ช่วยเยอะเพื่อให้ดูน่ากลัวแต่ปลอดภัยสำหรับนักแสดง
นักแสดงนำอย่าง “ชาคริต แย้มนาม” ที่เล่นรามิล บอกในสัมภาษณ์พิเศษกับ TNN ว่าบทนี้ท้าทายมาก เพราะต้องแสดงความแค้นสะสม 25 ปี เขาเตรียมตัวโดยศึกษาจิตวิทยาฆาตกรจริงๆ และฉากต่อสู้ดุเดือดต้องซ้อมคิวบู๊หนัก “นนกุล ชานน” เล่นวิชญ์ ขวัญใจชาวบ้านแต่ซ่อนความลับ เผยเบื้องหลังว่าฉากเห็นภาพหลอนยากสุด เพราะต้องแสดงอาการหลอนให้ดูจริง
แต่เบื้องหลังทีมงานหัวเราะกันกลิ้ง เขาบอกว่าร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่สนุก เรียนรู้เยอะ “กัปตัน ชลธร” เล่นหมอกานต์เย็นชา บอกว่าต้องนิ่งตลอด แต่เบื้องหลังเขาน่ารักมาก ชอบแกล้งเพื่อน “เบญ เรวิญานันท์” นักข่าวชัญญา บอกว่าฉากไลฟ์รายการท้าทาย เพราะต้องพูดเร็วและลุ้นระทึก “เอมมี่ ทสร” เล่นพิชาเด็กมัธยมถูกบูลลี่ เตรียมตัวโดยศึกษาปัญหาวัยรุ่นจริงๆ ฉากต่อสู้เธอซ้อมเอง บาดเจ็บเล็กน้อยแต่ทุ่มสุดตัว
ส่วน “แจ๊บ เพ็ญเพชร” เล่นอรชุนฆาตกร บอกว่าบทร้ายสุดแต่สนุก เพราะต้องเล่นสองบุคลิก หมอดี vs ปีศาจ ทีมงานเล่าว่าฉากในคุกถ่ายยากเพราะบรรยากาศมืดทึบ ต้องใช้ไฟพิเศษ การแถลงข่าวเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ TrueID จัดโต๊ะแถลงเหมือนแถลงคดีจริง แสงสีเสียงจัดเต็ม นักแสดงมาประชันสด อย่างชาคริตกับนนกุลชวนดูว่าสนุกไม่แพ้ต้นฉบับ
มีคลิปเบื้องหลังบน Instagram และ TikTok จาก True CJ Creations แสดงแก๊งนักแสดงส่งข้อความถึงพิธีกรดังอย่างหนุ่มกรรชัย หัวเราะกันใหญ่ เบื้องหลังยังมีโมเมนต์น่ารัก เช่น นนกุลแชร์ว่าฉากรักกับเอมมี่ถ่ายง่ายเพราะเคมีดี แต่ฉากโหดอย่างเผาศพต้องใช้เอฟเฟกต์พิเศษเพื่อความปลอดภัย
ยอดวิวทะลุ 6 ล้านในเดือนแรกหลังออกอากาศ Part 1 (ตอน 1-7) เมื่อ 1 สิงหาคม 2568 และ Part 2 เริ่ม 5 กันยายน ทีมงานบอกว่าถ่ายทำกลางคืนเยอะเพราะธีมมืดมน มีปัญหาฝนตกแต่แก้ไขได้ ผู้กำกับจาก True CJ เน้นหักมุมให้ช็อกเหมือนเกาหลี แต่เพิ่มดราม่าไทยเข้าไป บน Reddit แฟนๆ GMMTV พูดถึงว่าดีใจที่ไทยรีเมคซีรีส์เกาหลีแบบนี้ สุดท้าย Wikipedia บอกว่ามี 13 ตอน ออกทุกศุกร์ 20:00 น. เบื้องหลังเต็มไปด้วยรอยยิ้มแม้ฉากโหด เพราะทีมเวิร์คดี
Mouse เวอร์ชั่นไทยไม่ใช่แค่รีเมค แต่ทีมงานไทยใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อให้สนุกสุดๆ
นักแสดงนำ
→ ชาคริต แย้มนาม รับบท รามิล

ตำรวจมือปราบสายลุยที่เติบโตมาด้วยหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น เมื่อพ่อแม่ถูกฆาตกรไซโคพาธอย่างหมออรชุน เจ้าของฉายานักล่าหัวสังหารอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งราเชนทร์พี่ชายต้องกลายเป็นคนพิการ เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของรามิลคือการฆ่าอรชุนด้วยมือตัวเอง แม้ราเชนทร์จะพยายามเตือนให้รู้จักปล่อยวางและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่รามิลไม่เคยปล่อยวาง ยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นเมื่อรู้ว่าฆาตกรไซโคพาธคนใหม่เกี่ยวข้องกับอรชุนทางสายเลือด รามิลเป็นตัวละครที่แสดงถึงความขัดแย้งภายใน เขาเป็นตำรวจเลือดร้อนที่ไล่จับผู้ร้ายไซโคพาธอย่างไม่ยั้ง แต่ความแค้นสะสมยี่สิบห้าปีทำให้เขากลายเป็นคนดื้อรั้น มองข้ามความสุขส่วนตัวเพื่อการแก้แค้น
ในเรื่องเขาตั้งทีมสืบสวนพิเศษ ชวนวิชญ์มาร่วมเพราะเห็นพลังงานในตัว แต่ตัวรามิลเองก็ซ่อนความเปราะบางไว้ใต้เปลือกแข็งกร้าว เช่นตอนที่รับไม่ได้กับเหตุการณ์บางอย่างจนหายตัวไป แล้ววิชญ์ต้องคอยดึงกลับ การพัฒนาตัวละครของเขาเดินไปพร้อมกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ทิ้งแผ่นทองคำเปลวไว้กับศพ ทำให้เขาเผชิญหน้ากับองค์กรลับและความจริงที่ช็อก สุดท้ายรามิลต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ระหว่างแค้นกับมิตรภาพ ชาคริตเล่นบทนี้ได้ถึงอารมณ์ แสดงความดุเดือดและน้ำตาซ่อนเร้นออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้ผู้ชมอินกับการเดินทางทางจิตใจของเขา
ฉายาของรามิลคือ นักล่าไซโคพาธ
ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทหลักของเขาในเรื่องที่มุ่งมั่นไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่องไซโคพาธอย่างไม่ลดละ ตั้งแต่เด็กที่รอดชีวิตจากเหตุฆ่าครอบครัวโดยนักล่าหัว จนเติบโตมาเป็นตำรวจที่เชี่ยวชาญการตามรอยพวกไร้หัวใจเหล่านี้ รามิลใช้ประสบการณ์ส่วนตัวเป็นแรงขับเคลื่อน ทำให้เขากลายเป็นนักล่าที่เฉียบคม สามารถระบุได้ทันทีว่าคดีใหม่เป็นฝีมือไซโคพาธจากลายเซ็นอย่างแผ่นทองคำเปลว ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่เกือบกลายเป็น obsession ทำให้เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อจับคนร้าย แต่ก็ทำให้เขามองข้ามความสัมพันธ์รอบตัว ชาคริตนำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ดุดัน ในฉากต่อสู้หรือสืบสวนที่เขาไม่เคยยอมแพ้ ทำให้ผู้ชมเห็นว่านักล่าไซโคพาธไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นผู้ชายที่ถูกหล่อหลอมจากความเจ็บปวด
ข้อคิดจากรามิลคือ การแก้แค้นอาจนำไปสู่การสูญเสียตัวตน
ข้อคิดนี้มาจากการเดินทางของรามิลที่อุทิศชีวิตให้กับความแค้น จนเกือบทำลายความสุขและความสัมพันธ์รอบตัว เช่นตอนที่เขาหายตัวไปเพราะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ ทำให้วิชญ์ต้องคอยช่วยเหลือ มันชวนคิดว่าความแค้นแม้เป็นแรงผลักดัน แต่หากไม่รู้จักปล่อยวางอาจกลายเป็นพิษทำลายตัวเองและคนใกล้ชิด ราเชนทร์พี่ชายเตือนเรื่องนี้ตลอด แต่รามิลเพิกเฉยจนเกือบสายเกินไป สุดท้ายเขาต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เพื่อช่วยวิชญ์และพิชา ทำให้เห็นว่าการปล่อยวางแค้นนำไปสู่การเยียวยา ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมยีนไซโคพาธในเรื่อง ที่ชวนสงสัยว่ามนุษย์กำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้แค่ไหน หรือแค้นจะทำให้กลายเป็นไซโคพาธทางอารมณ์ ชาคริตถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่พัฒนาจากดื้อรั้นไปสู่การยอมรับ ทำให้ผู้ชมนำไปคิดต่อในชีวิตจริง
→ นนกุล ชานน สันตินธรกุล รับบท วิชญ์

ตำรวจสายตรวจที่เป็นขวัญใจของชาวบ้าน โดยเฉพาะย่าอนงค์ที่ปลื้มเขามากถึงขนาดตีตราจองอยากได้เป็นหลานเขย ตั้งแต่วิชญ์ยังไม่รู้จักพิชาหลานสาวที่เรียนมัธยมปลาย เพื่อนตำรวจด้วยกันไม่เชื่อว่าเขาจะเหมาะสมกับทีมสืบสวนพิเศษซึ่งเป็นหน่วยเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อตามล่าฆาตกรไซโคพาธโดยเฉพาะ แต่รามิลเห็นถึงพลังงานบางอย่างที่เชื่อว่าเขาเหมาะสมกับหน้าที่นี้ โดยไม่รู้ว่าวิชญ์ก็มีความลับบางอย่างเช่นกัน วิชญ์เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์สดใส ยิ้มง่าย เข้าถึงชาวบ้านได้ดี แต่เบื้องหลังซ่อนปมใหญ่จากอดีตที่เกี่ยวข้องกับยีนไซโคพาธและการผ่าตัดสมองโดยอรชุน ทำให้เขามีภาพหลอนรุนแรงและค่อยๆ ค้นพบว่าตัวเองอาจเป็นส่วนหนึ่งของฆาตกรทองคำเปลว
ในเรื่องเขาร่วมทีมสืบกับรามิลเพราะเพื่อนสนิทถูกฆ่า ต้องปกป้องพิชาที่ถูกบูลลี่และมีปมวัยเด็ก สารภาพรักพิชาแต่ชีวิตพลิกผันเมื่อรู้ความจริงว่าตัวเองเป็นลูกอรชุนและถูกทดลองโดยองค์กรลับ อาการหลอนนำไปสู่การต่อสู้คนร้าย การค้นพบห้องใต้ดิน และความสิ้นหวังจนอยากตาย แต่พิชาตั้งท้องทำให้เขาหาหนทางเปิดโปงบุศรินทร์และองค์กร ร่วมมือชัญญาออกรายการทีวีเพื่อสารภาพและต่อสู้สุดตัว นนกุลเล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงการเปลี่ยนจากตำรวจน่ารักไปสู่ผู้ชายที่แตกสลายแต่เข้มแข็ง ทำให้ผู้ชมเห็นมิติทางจิตใจที่ซับซ้อน การพัฒนาตัวละครของวิชญ์คือไฮไลต์ที่ชวนลุ้นและสะเทือนใจตลอดเรื่อง
ฉายาของวิชญ์คือ ผู้ซ่อนความลับ
ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทหลักของเขาที่ดูเหมือนตำรวจธรรมดาแต่ซ่อนปมใหญ่จากอดีตที่เกี่ยวข้องกับยีนไซโคพาธและองค์กรลับ ทำให้เขากลายเป็นกุญแจสำคัญในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง วิชญ์เริ่มต้นด้วยภาพขวัญใจชาวบ้าน ยิ้มง่าย แต่ความลับค่อยๆ เผยออกมา เช่นการผ่าตัดสมองโดยอรชุนที่ทำให้เห็นภาพหลอนและค้นพบว่าตัวเองอาจเป็นฆาตกร ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความขัดแย้งภายในที่เขาพยายามปกปิดเพื่อชีวิตปกติ แต่สุดท้ายต้องเผชิญเมื่อสืบคดีทองคำเปลวและพบห้องใต้ดิน นนกุลนำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ค่อยๆ เปิดเผยชั้นเชิง ทำให้ผู้ชมลุ้นว่าความลับจะนำไปสู่จุดจบแบบไหน
ข้อคิดจากวิชญ์คือ ความลับในอดีตอาจกำหนดอนาคตแต่เราเลือกทางเดินได้
ข้อคิดนี้มาจากการเดินทางของวิชญ์ที่ค้นพบว่าตัวเองเป็นเหยื่อองค์กรลับและมียีนไซโคพาธ ทำให้สิ้นหวังจนอยากตาย แต่พิชาที่ตั้งท้องและมิตรภาพกับรามิลทำให้เขาต่อสู้เพื่อเปิดโปง มันชวนคิดว่าอดีตแม้หนักหนาแต่การยอมรับและเลือกทางที่ถูกต้องสามารถเปลี่ยนชะตาได้ เช่นตอนที่เขาบอกพิชาทำแท้งเพื่อไม่ให้เธอลำบาก แต่สุดท้ายร่วมมือชัญญาเปิดเผยความจริงในรายการทีวี นำไปสู่การลุกฮือของประชาชน ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมเรื่องที่มนุษย์ไม่ถูกกำหนดโดยยีนแต่โดยการกระทำ นนกุลถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่พัฒนาจากหลอนไปสู่การยอมรับ ทำให้ผู้ชมนำไปคิดต่อในชีวิตจริงว่าความลับใดๆ ก็แก้ไขได้ด้วยความกล้า
→ กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง รับบท หมอกานต์

นายแพทย์ที่กำลังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ด้วยความสามารถเฉพาะตัวเขาจึงเป็นหมอหนุ่มอนาคตไกล คาแรคเตอร์เป็นคนนิ่งเงียบแต่เฉียบขาด เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ถูกกดดัน เขาจะตอบโต้ด้วยท่าทีนิ่งแต่อันตรายสำหรับผู้ที่ก้าวเข้ามาหาเรื่อง หมอกานต์กลายเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย เพราะเหยื่อของฆาตกรไซโคพาธเจ้าของฉายานักฆ่าทองคำเปลว ล้วนแล้วแต่รู้จักเขา หมอกานต์ปรากฏตัวในเรื่องด้วยภาพลักษณ์หมอศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญการผ่าศพ ทำให้ตกเป็นเป้าสงสัยเมื่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเกิดขึ้นและศพถูกจัดการอย่างมืออาชีพ เขาเกี่ยวข้องกับชัญญาในปมสำคัญที่เธอไม่รู้ และบ้านของเขากลายเป็นสถานที่ที่ย่าอนงค์เจอหลักฐานช็อกนำไปสู่การต่อสู้ดุเดือดจนมีคนโคม่า
ต่อมาดูเหมือนหมอกานต์เสียชีวิต แต่ชัญญากลับมาสืบเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่ฆาตกรตัวจริง ทำให้รามิลสงสัยว่ากานต์อาจบริสุทธิ์และเป็นเหยื่อองค์กรลับ การพัฒนาตัวละครของเขาค่อยๆ เผยชั้นเชิง จากหมอนิ่งเฉยไปสู่ผู้ที่มีความลับซ่อนเร้นที่เชื่อมโยงกับยีนไซโคพาธและอรชุน ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้ผู้ชมเดาใจยาก ลุ้นว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นพันธมิตรหรือศัตรู กัปตันเล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงความนิ่งที่ซ่อนความอันตรายออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้หมอกานต์กลายเป็นตัวละครที่เพิ่มความระทึกให้เรื่อง โดยเฉพาะในฉากที่เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยและการเปิดเผยปมที่ทำให้เรื่องหักมุม
ฉายาของหมอกานต์คือ หมอเย็นชา
ฉายานี้สะท้อนถึงคาแร็กเตอร์หลักของเขาที่นิ่งเงียบและเย็นชาตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณ์จะรุนแรงแค่ไหน ทำให้เขาดูอันตรายและเดาใจยาก หมอกานต์ใช้ท่าทีนี้ตอบโต้เมื่อถูกกดดัน เช่นตอนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะเหยื่อรู้จักเขาและเชี่ยวชาญผ่าศพ ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความสำเร็จในอาชีพที่มาจากความเฉียบขาด แต่ก็ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง กัปตันนำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ควบคุมอารมณ์ได้ดี ทำให้ผู้ชมรู้สึกกดดันและลุ้นว่าความเย็นชาจะนำไปสู่การเปิดเผยความลับอะไร
ข้อคิดจากหมอกานต์คือ ความนิ่งสงบอาจซ่อนอันตรายที่คาดไม่ถึง
ข้อคิดนี้มาจากคาแร็กเตอร์ของเขาที่ดูนิ่งเฉยแต่เฉียบขาด ทำให้ชวนคิดว่าคนเงียบๆ อาจมีด้านมืดหรือความลับที่อันตราย เช่นตอนที่บ้านเขากลายเป็นสถานที่พบหลักฐานนำไปสู่การต่อสู้และโคม่า มันสะท้อนธีมเรื่องว่าอย่าตัดสินคนจากภายนอก เพราะความเย็นชาอาจเป็นเกราะป้องกันหรือซ่อนภัยคุกคาม ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับยีนไซโคพาธที่ทำให้มนุษย์มีแนวโน้มรุนแรง กัปตันถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมสงสัยและนำไปคิดต่อว่าความนิ่งในชีวิตจริงอาจนำไปสู่การเปิดเผยที่ช็อก
→ เบญ เรวิญานันท์ ทาเกิด รับบท ชัญญา

นักข่าวเจ้าของรายการดัง ซึ่งเป็นรายการเน้นช่วยเหลือผู้คนในสังคม ไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมในทุกรูปแบบ เป็นนักข่าวที่มีไหวพริบดี ทั้งยังมีความแพรวพราวในการใช้เสน่ห์น่ารักๆ เพื่อให้แหล่งข่าวไว้วางใจยอมเปิดปากบอกข่าวลับๆ ให้เธอได้รู้ก่อนใครเสมอ และผู้กองรามิลซึ่งเป็นเพื่อนสนิทก็เป็นคนหนึ่งที่คอยให้ข่าวกับเธอ ขณะเดียวกันชัญญาก็ใช้ความฉลาดของเธอในการช่วยสืบคดีฆาตกรไซโคพาธ ซึ่งเธอเคยมีประสบการณ์ได้อยู่ร่วมในสถานการณ์อันสุดแสนสะพรึงในวัยเด็ก ชัญญาปรากฏตัวในเรื่องด้วยภาพลักษณ์นักข่าวมากความสามารถที่ตามคดีฆาตกรรมทองคำเปลวอย่างใกล้ชิด พยายามสืบจากรามิลเพื่อนสนิทและใช้รายการทีวีเป็นเครื่องมือเปิดโปง
เธอเกี่ยวข้องกับหมอกานต์ในปมสำคัญที่รู้เรื่องของเธอ และหลังจากกานต์เสียชีวิต เธอหนีไปแต่กลับมาพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่ฆาตกรตัวจริง ทำให้รามิลและวิชญ์ได้เบาะแสใหม่ การพัฒนาตัวละครของเธอค่อยๆ เผยชั้นเชิง จากนักข่าวธรรมดาไปสู่ผู้ที่ร่วมมือเปิดโปงองค์กรลับ ร่วมกับวิชญ์ออกรายการเพื่อสารภาพและเปิดเผยความจริง นำไปสู่การลุกฮือของประชาชนและรัฐบาลปฏิเสธเกี่ยวข้อง เสน่ห์ของเธอช่วยให้แหล่งข่าวเปิดใจ เช่นตอนที่ฆาตกรโทรท้าในรายการใช้เด็กเป็นตัวประกัน เธอใช้ไหวพริบจัดการสถานการณ์ เบญเล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงความฉลาดและความกลัวจากปมวัยเด็กออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้ชัญญากลายเป็นตัวละครที่เพิ่มความเข้มข้นให้เรื่อง โดยเฉพาะในฉากทะเลาะกับรามิลหลังต่อสู้และการกลับมาสืบคดีใหม่
ฉายาของชัญญาคือ นักข่าวนักสืบ
ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทหลักของเธอที่ไม่ใช่แค่นักข่าวแต่ยังช่วยสืบคดีอย่างมืออาชีพ ใช้ไหวพริบและเสน่ห์เปิดปากแหล่งข่าว ทำให้เธอได้ข้อมูลลับก่อนใคร เช่นตอนตามคดีทองคำเปลวจากรามิลเพื่อนสนิทและใช้รายการทีวีเป็นเครื่องมือเปิดโปง ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความแพรวพราวที่ทำให้เธอเข้าใกล้ความจริง เช่นการร่วมมือกับวิชญ์เพื่อพบบุศรินทร์และเปิดเผยองค์กรลับในรายการ นำไปสู่การลุกฮือของประชาชน เบญนำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ฉลาด ทำให้ผู้ชมเห็นว่านักข่าวนักสืบสามารถเปลี่ยนเกมคดีได้ด้วยความกล้าและเสน่ห์
ข้อคิดจากชัญญาคือ ความฉลาดและเสน่ห์สามารถเปิดโปงความจริงที่ซ่อนเร้น
ข้อคิดนี้มาจากการเดินทางของเธอที่ใช้ไหวพริบช่วยสืบคดีไซโคพาธ แม้เคยเจอเหตุสะพรึงในวัยเด็กแต่เปลี่ยนเป็นแรงผลักดัน เช่นตอนที่กลับมาพิสูจน์กานต์บริสุทธิ์และร่วมวิชญ์เปิดโปงองค์กรลับในรายการ มันชวนคิดว่าความฉลาดไม่ใช่แค่ความรู้แต่รวมถึงการใช้เสน่ห์ให้แหล่งข่าวเปิดใจ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมเรื่องที่สื่อและนักข่าวมีพลังต่อสู้ความอยุติธรรม เบญถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่พัฒนาจากช่วยเหลือไปสู่การเผชิญ ทำให้ผู้ชมนำไปคิดต่อว่าความฉลาดในชีวิตจริงช่วยเปิดโปงปัญหาได้
→ เอมี่ ทสร กลิ่นเนียม รับบท พิชา

นักเรียนชั้นมัธยมปลายที่ต้องทนต่อการถูกบูลลี่จากเพื่อนในโรงเรียน จากเรื่องราวที่ผู้คนรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตในวัยเด็กของเธอ ที่ส่งผลให้เธอกลายเป็นเด็กเงียบขรึม ไม่แสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงให้ใครรู้ อีกทั้งไม่สุงสิงกับใคร สิ่งที่พยายามทำคือฝึกการต่อสู้เพื่อเอาไว้ปกป้องตัวเอง เพราะรู้ดีว่าในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด การปกป้องตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พิชาปรากฏตัวในเรื่องด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวที่ถูกกดดันจากสังคมโรงเรียน ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยการเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นตอนมีเรื่องกับเพื่อนจนย่าอนงค์ต้องไปหาครูแต่เรื่องบานปลาย ขอวิชญ์ช่วยเหลือ ย่าต้องหาเงินชดใช้เลยไปทำความสะอาดบ้านกานต์ เจอหลักฐานนำไปสู่การต่อสู้ดุเดือด
การพัฒนาตัวละครของเธอค่อยๆ เผยชั้นเชิง จากเด็กเงียบไปสู่ผู้หญิงที่เข้มแข็งเมื่อเจอปมวัยเด็กอีกครั้ง วิชญ์พาไปอยู่บ้านตัวเองเพื่อปกป้อง อาการหลอนของวิชญ์รุนแรงแต่ทั้งคู่สารภาพรักกัน พิชาเจอหลักฐานว่าย่าถูกฆ่าโดยองค์กรลับ ทำให้เธอต้องหนีกับวิชญ์ไปโรงแรม ตั้งท้องแต่วิชญ์บอกให้ทำแท้งเพราะไม่อยากให้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สุดท้ายเธอมีบทบาทในตอนจบที่รามิลตัดใจช่วยวิชญ์กับเธอ เอมี่เล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงความเงียบที่ซ่อนความเจ็บปวดและความเข้มแข็งออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้พิชากลายเป็นตัวละครที่เพิ่มความดราม่าทางอารมณ์ให้เรื่อง โดยเฉพาะในฉากถูกสงสัยเป็นฆาตกรแต่รามิลเชื่อว่าเป็นไซโคพาธ และการเปลี่ยนหลักฐานเพื่อพ้นผิด
ฉายาของพิชาคือ เหยื่อที่ลุกขึ้นสู้
ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทหลักของเธอที่เริ่มต้นด้วยการเป็นเหยื่อจากการบูลลี่และปมวัยเด็ก แต่ค่อยๆ ลุกขึ้นปกป้องตัวเองด้วยการฝึกต่อสู้และเผชิญหน้ากับอันตราย เช่นตอนตามไปช่วยมีนาเพื่อนที่ถูกสังข์ชัยเล็งแต่พลาดท่า ชายชุดดำโผล่ช่วย ทำให้ตำรวจสงสัยเธอแต่รามิลเชื่อเป็นไซโคพาธ ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความเข้มแข็งที่พัฒนาจากเด็กเงียบขรึมไปสู่ผู้หญิงที่ไม่ยอมแพ้ เช่นตอนตั้งท้องแต่ต้องหนีกับวิชญ์และเจอหลักฐานย่าถูกฆ่า เอมี่นำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ค่อยๆ แสดงความกล้า ทำให้ผู้ชมเห็นว่าเหยื่อที่ลุกขึ้นสู้สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองได้ด้วยความพยายาม
ข้อคิดจากพิชาคือ การปกป้องตัวเองสำคัญที่สุดในโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย
ข้อคิดนี้มาจากการเดินทางของเธอที่ฝึกต่อสู้เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อซ้ำซาก แม้ถูกบูลลี่จากปมวัยเด็กแต่เปลี่ยนเป็นแรงผลักดัน เช่นตอนมีเรื่องที่โรงเรียนจนย่าช่วยแต่เรื่องบานปลาย มันชวนคิดว่าการพึ่งพาตัวเองช่วยเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันตราย เช่นการหนีกับวิชญ์และเผชิญองค์กรลับ ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมเรื่องที่มนุษย์ต้องเข้มแข็งท่ามกลางไซโคพาธ เอมี่ถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่พัฒนาจากเงียบขรึมไปสู่การต่อสู้ ทำให้ผู้ชมนำไปคิดต่อว่าการปกป้องตัวเองในชีวิตจริงช่วยรับมือปัญหาได้
→ แจ๊บ เพ็ญเพชร เพ็ญกุล รับบท นายแพทย์อรชุน

หมอศัลยแพทย์ฝีมือดีที่เป็นฆาตกรต่อเนื่องตัวจริง เจ้าของฉายานักล่าหัวในอดีต 25 ปีก่อน เขาบุกฆ่าครอบครัวรามิลอย่างโหดเหี้ยมจนพ่อแม่ตาย พี่ชายพิการ แต่เด็กอย่างรามิลรอดมาได้นำไปสู่การจับกุมตัวเขา อรชุนถูกขังในคุกรอประหารแต่ยังมีอิทธิพลผ่านความลับใหญ่ ขณะที่ภรรยาจิราวรรณตั้งท้องลูกชายมียีนไซโคพาธ เธอบอกเขาว่าทำแท้งไปแล้วเพื่อไม่ให้ลูกเป็นฆาตกรเหมือนพ่อ แต่จริงๆ ลูกยังมีชีวิตและกลายเป็นกุญแจสำคัญในคดีใหม่ อรชุนปรากฏตัวในเรื่องด้วยภาพลักษณ์หมออัจฉริยะที่เย็นชาและฉลาดหลักแหลม แม้ถูกขังแต่เขายังมีบทบาทผ่านการผ่าตัดสมองให้วิชญ์ในอดีต ทำให้วิชญ์เห็นภาพหลอนและค้นพบความลับ
การพัฒนาตัวละครของเขาค่อยๆ เผยชั้นเชิง จากฆาตกรที่ถูกจับไปสู่ผู้ที่รู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับองค์กรลับและยีนไซโคพาธ เช่นตอนที่วิชญ์เข้าไปหาในคุกเพื่อถามความจริง เขาเปิดเผยบางส่วนและอยากผ่าตัดวิชญ์อีกครั้งแต่ถูกบุศรินทร์ขัดขวาง สุดท้ายอิทธิพลของเขานำไปสู่ไคลแม็กซ์ที่วิชญ์ใกล้ตายและเปิดโปงทุกอย่าง แจ๊บเล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงความเย็นชาที่ซ่อนความบ้าคลั่งและความฉลาดออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้อรชุนกลายเป็นตัวละครร้ายที่ผู้ชมทั้งเกลียดทั้งกลัว โดยเฉพาะในฉากคุกที่เขายิ้มเยาะและรู้ทุกอย่างล่วงหน้า
ฉายาของอรชุนคือ นักล่าหัว
ฉายานี้สะท้อนถึงสไตล์การฆ่าของเขาในอดีตที่โหดร้ายและเชี่ยวชาญการจัดการศพเหมือนหมอศัลยแพทย์ ทำให้เขาได้ชื่อนี้จากการบุกฆ่าครอบครัวรามิลและทิ้งร่องรอยน่ากลัว ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความเป็นไซโคพาธตัวจริงที่ฆ่าแบบไร้แรงจูงใจและไม่รู้สึกผิด แม้ถูกจับแต่ชื่อนี้ยังหลอกหลอนสังคมและรามิล ฉายานี้เชื่อมโยงกับคดีใหม่ที่ฆาตกรทองคำเปลวอาจเกี่ยวข้องกับลูกเขา แจ๊บนำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่ากลัวของนักล่าที่แท้จริง
ข้อคิดจากอรชุนคือ ยีนอาจกำหนดแนวโน้มแต่ไม่กำหนดชะตาชีวิตทั้งหมด
ข้อคิดนี้มาจากบทบาทของเขาที่เป็นฆาตกรไซโคพาธแต่ฉลาดและมีเหตุผลในแบบบิดเบี้ยว เช่นการผ่าตัดสมองให้วิชญ์และรู้ความลับองค์กรลับ มันชวนคิดว่าความรุนแรงจากยีนเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่การเลือกและสภาพแวดล้อมกำหนดตัวตนจริงๆ เพราะลูกเขาที่มียีนเดียวกันแต่ถูกทดลองกลายเป็นเหยื่อ ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมเรื่องที่กฎหมายทำแท้งยีนไซโคพาธถูกตีตก แจ๊บถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมสงสัยว่าฆาตกรเกิดหรือถูกสร้าง ทำให้คิดต่อว่ามนุษย์มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
→ จอย ธัญพร สนธิขันธ์ รับบท จิราวรรณ

ภรรยาของนายแพทย์อรชุน ฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกจับขังรอประหาร เธอตั้งครรภ์ลูกชายที่ตรวจพบยีนไซโคพาธ ทำให้เธอตัดสินใจบอกสามีว่าทำแท้งเด็กไปแล้ว เพราะไม่อยากให้ลูกเกิดมาแล้วกลายเป็นฆาตกรเหมือนพ่อ แต่จริงๆ แล้วเธอแอบเก็บลูกไว้และให้กำเนิดอย่างลับๆ เพื่อปกป้องเขาจากชะตากรรมนั้น จิราวรรณปรากฏตัวในเรื่องด้วยภาพลักษณ์ผู้หญิงที่แบกความลับหนักอึ้ง ชีวิตเต็มไปด้วยความกลัวและความรู้สึกผิด เธอต้องเผชิญกับการกลับมาของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เชื่อมโยงกับลูกชายที่ยังมีชีวิต
การพัฒนาตัวละครของเธอค่อยๆ เผยชั้นเชิง จากภรรยาที่รักสามีแต่กลัวความจริง ไปสู่แม่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก เช่นตอนที่ดร.ดนัยกลับมาเยี่ยมและเจอความจริงบางอย่างเกี่ยวกับลูก ทำให้เธอต้องปกปิดต่อไป ความลับนี้เชื่อมโยงกับวิชญ์ที่ค้นพบว่าตัวเองคือลูกชายคนนั้น และองค์กรลับที่ทดลองยีน จิราวรรณมีบทน้อยแต่กระทบหนัก เพราะการตัดสินใจของเธอคือจุดเริ่มต้นของปมใหญ่ทั้งเรื่อง จอยเล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงความเจ็บปวดภายในและความรักแม่ที่ซ่อนความกลัวออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้จิราวรรณกลายเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั้งสงสารทั้งเข้าใจ โดยเฉพาะในฉากที่เธอเผชิญความจริงว่าลูกอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของคดีใหม่
ฉายาของจิราวรรณ คือ แม่ผู้ปกป้องความลับ
ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทหลักของเธอที่ยอมโกหกสามีและโลกทั้งใบเพื่อปกป้องลูกชายจากยีนไซโคพาธ โดยบอกว่าทำแท้งไปแล้วแต่จริงๆ แอบเลี้ยงดูอย่างลับๆ ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความรักที่บิดเบี้ยวจากความกลัว ทำให้เธอแบกภาระหนักจนชีวิตพลิกผันเมื่อคดีใหม่เกิดและลูกเกี่ยวข้อง จอยนำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมเห็นความเปราะบางใต้ความเข้มแข็ง
ข้อคิดจากจิราวรรณ คือ ความรักของแม่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้แม้เผชิญยีนที่กำหนด
ข้อคิดนี้มาจากการตัดสินใจของเธอที่ไม่ยอมให้ลูกตายแม้รู้ว่ามียีนไซโคพาธ แต่เลือกปกป้องและเลี้ยงดูอย่างลับๆ มันชวนคิดว่าความรักและการเลี้ยงดูสามารถต่อสู้กับพันธุกรรมได้ เช่นตอนที่ความลับนำไปสู่ปมวิชญ์ที่ถูกทดลองแต่สุดท้ายเลือกทางที่ถูก ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมเรื่องที่มนุษย์ไม่ถูกกำหนดโดยยีนเพียงอย่างเดียว จอยถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมเห็นพลังของความรักแม่
→ ปราโมทย์ แสงศร รับบท ราเชนทร์

พี่ชายของรามิล หนึ่งในเหยื่อของอรชุนที่รอดชีวิตแต่ต้องกลายเป็นคนพิการจากเหตุการณ์ฆาตกรรมโหดเมื่อ 25 ปีก่อน พ่อแม่ถูกฆ่าตาย รามิลเด็กๆ รอดมาได้ แต่ราเชนทร์ได้รับบาดเจ็บหนักจนร่างกายไม่ปกติ เขาเติบโตมาด้วยหัวใจที่พยายามปล่อยวางและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แตกต่างจากน-brองชายรามิลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นและอุทิศชีวิตให้การแก้แค้นอรชุน ราเชนทร์ปรากฏตัวในเรื่องด้วยภาพลักษณ์พี่ชายที่ใจดี เข้าใจ และคอยเตือนรามิลเสมอว่าให้รู้จักปล่อยวางความแค้นเพื่อชีวิตที่มีความสุขบ้าง แต่รามิลไม่เคยฟัง ทำให้ราเชนทร์กลายเป็นเสียงแห่งเหตุผลในครอบครัวที่แตกสลาย
การพัฒนาตัวละครของเขาค่อยๆ เผยชั้นเชิง จากพี่ชายที่ยอมรับชะตาไปสู่ผู้ที่ยังคงหวังดีกับน้องแม้รามิลจะดื้อรั้นและมุ่งไล่ล่าฆาตกรไซโคพาธคนใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสายเลือดอรชุน ราเชนทร์มีบทไม่เยอะแต่กระทบหนัก เพราะเขาเป็นตัวแทนของการเยียวยาและการปล่อยวาง ท่ามกลางธีมความแค้นและยีนไซโคพาธที่ครอบงำเรื่อง ปราโมทย์เล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงความสงบที่ซ่อนความเจ็บปวดจากอดีตและความรักน้องออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้ราเชนทร์กลายเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั้งสงสารและเคารพ โดยเฉพาะในฉากที่เขาพยายามดึงรามิลกลับจากขอบเหวของความแค้น
ฉายาของราเชนทร์คือ ผู้ปล่อยวาง
ฉายานี้สะท้อนถึงคาแร็กเตอร์หลักของเขาที่เลือกปล่อยวางความแค้นจากเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเองพิการและครอบครัวแตกสลาย แตกต่างจากรามิลที่น้องชายยึดติดกับการแก้แค้น ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความเข้มแข็งทางใจที่ยอมรับชะตาและพยายามใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ปราโมทย์นำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมเห็นพลังของการปล่อยวางท่ามกลางความเจ็บปวด
ข้อคิดจากราเชนทร์คือ การปล่อยวางความแค้นนำไปสู่ความสงบสุข
ข้อคิดนี้มาจากบทบาทของเขาที่คอยเตือนรามิลให้รู้จักปล่อยวาง แม้ตัวเองเป็นเหยื่อหนักแต่เลือกไม่ให้ความแค้นครอบงำชีวิต มันชวนคิดว่าความแค้นแม้เป็นแรงผลักดันแต่หากยึดติดอาจทำลายตัวเองและคนรอบข้าง เช่นรามิลที่เกือบพังเพราะไม่ฟังพี่ ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมเรื่องที่ความแค้นอาจกลายเป็นไซโคพาธทางอารมณ์ ปราโมทย์ถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมเห็นว่าการปล่อยวางคือทางออกของการเยียวยา
→ ต้น ตระการ พันธุมเลิศรุจี รับบท ชัยวัฒน์

นายกรัฐมนตรีแห่งเมืองมัฆวัน ผู้มีบทบาทสำคัญในธีมสังคมและการเมืองของเรื่อง เขาเป็นผู้นำที่ดูสง่างามและมีอิทธิพลสูง เกี่ยวข้องกับการผลักดันกฎหมายทำแท้งเด็กมียีนไซโคพาธในอดีตที่ถูกตีตก และการออกกฎหมายนิรโทษกรรมปล่อยนักโทษในปัจจุบันที่นำไปสู่คดีใหม่ ชัยวัฒน์ปรากฏตัวด้วยภาพลักษณ์นักการเมืองที่ฉลาดและควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่เบื้องหลังซ่อนความเชื่อมโยงกับองค์กรลับที่ทดลองยีนไซโคพาธ ทำให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของปมใหญ่
การพัฒนาตัวละครของเขาค่อยๆ เผยชั้นเชิง จากผู้นำที่ดูเป็นกลางไปสู่ผู้ที่มีส่วนในความวุ่นวาย เช่นตอนที่บุศรินทร์หัวหน้าองค์กรต่อรองและลดสิทธิ์อรชุนในคุก สุดท้ายรัฐบาลภายใต้เขาต้องแถลงปฏิเสธเกี่ยวข้องกับบุศรินทร์หลังความจริงเปิดโปง ชัยวัฒน์มีบทที่กระทบต่อพล็อตหลัก เพราะการตัดสินใจทางการเมืองของเขาส่งผลต่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องและชะตาวิชญ์ที่เป็นเหยื่อองค์กร ต้นเล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงความสงบที่ซ่อนอำนาจและความลับออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้ชัยวัฒน์กลายเป็นตัวละครที่เพิ่มความซับซ้อนให้เรื่อง โดยเฉพาะในฉากที่เกี่ยวข้องกับการลุกฮือของประชาชนหลังวิชญ์กับชัญญาเปิดโปงในรายการทีวี
ฉายาของชัยวัฒน์คือ ผู้นำเงามืด
ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทหลักของเขาที่ดูเป็นนายกฯ เปิดเผยแต่ซ่อนความเกี่ยวข้องกับองค์กรลับและการทดลองยีน ทำให้อิทธิพลของเขานำไปสู่กฎหมายที่เอื้อประโยชน์บางฝ่าย ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความฉลาดทางการเมืองที่ควบคุมสถานการณ์จากเบื้องหลัง ต้นนำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมสงสัยในตัวผู้นำ
ข้อคิดจากชัยวัฒน์คือ อำนาจทางการเมืองอาจซ่อนความอยุติธรรม
ข้อคิดนี้มาจากบทบาทของเขาที่ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมและปฏิเสธเกี่ยวข้องกับองค์กรลับ มันชวนคิดว่าผู้นำบางคนอาจใช้ตำแหน่งปกปิดความลับที่กระทบสังคม เช่นการทดลองยีนที่นำไปสู่เหยื่ออย่างวิชญ์ ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมเรื่องที่การเมืองกำหนดชะตาคนธรรมดา ต้นถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมเห็นด้านมืดของอำนาจ
→ กิ๊ฟ วรรธนะ กัมทรทิพย์ รับบท ดนัย

ดร.หรือนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านยีนไซโคพาธ มีผลงานวิจัยสำคัญที่ค้นพบหรือเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมที่ทำให้มนุษย์มีแนวโน้มเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เขาเป็นตัวละครที่ดูฉลาด มีความรู้ลึกซึ้ง แต่ชีวิตเต็มไปด้วยอันตรายจากความรู้นั้น ดนัยปรากฏตัวในเรื่องด้วยภาพลักษณ์นักวิทยาศาสตร์ที่จริงจังและทุ่มเท เช่นตอนที่กลับมาเยี่ยมจิราวรรณภรรยาอรชุนและเจอความจริงบางอย่างเกี่ยวกับลูกชายที่ยังมีชีวิต ทำให้เขาต้องปกปิดหรือเผชิญความลับ
การพัฒนาตัวละครของเขาค่อยๆ เผยชั้นเชิง จากนักวิจัยที่ดูเป็นกลางไปสู่ผู้ที่ถูกตามล่าเพราะผลงานวิจัยเชื่อมโยงกับองค์กรลับและการทดลองยีนไซโคพาธ ดนัยถูกไล่ล่าในเรื่องเพราะรู้มากเกินไป นำไปสู่คดีฆาตกรรมศพสี่และห้า และเป็นกุญแจที่วิชญ์ไปถามความจริงเพื่อค้นพบชีวิตวุ่นวายของตัวเอง ดนัยมีบทที่กระทบต่อพล็อตหลัก เพราะวิจัยของเขาคือจุดเริ่มต้นของธีมยีนกำหนดชะตาและกฎหมายที่ถูกตีตก กิ๊ฟเล่นบทนี้ได้ลึกซึ้ง แสดงความฉลาดที่ซ่อนความกลัวและความรู้สึกผิดออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้ดนัยกลายเป็นตัวละครที่เพิ่มความซับซ้อนทางวิทยาศาสตร์ให้เรื่อง โดยเฉพาะในฉากที่เขาถูกตามล่าและเปิดเผยเบาะแสให้วิชญ์
ฉายาของดนัยคือ นักวิจัยยีนมรณะ
ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทหลักของเขาที่มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับยีนไซโคพาธที่นำไปสู่ความวุ่นวายทั้งเรื่อง ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายถูกไล่ล่า ฉายานี้ยังบ่งบอกถึงความฉลาดที่อันตราย เพราะวิจัยของเขาทำให้สังคมตั้งคำถามเรื่องชะตาและนำไปสู่การทดลองลับ กิ๊ฟนำเสนอฉายานี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมเห็นด้านมืดของวิทยาศาสตร์
ข้อคิดจากดนัยคือ ความรู้ที่มากเกินไปอาจนำมาซึ่งอันตราย
ข้อคิดนี้มาจากการเดินทางของเขาที่วิจัยยีนไซโคพาธจนถูกตามล่าและชีวิตพลิกผัน มันชวนคิดว่าความรู้แม้เป็นประโยชน์แต่หากสัมผัสด้านมืดอาจทำลายตัวเอง เช่นตอนที่วิจัยเชื่อมโยงกับองค์กรลับและลูกอรชุน ข้อคิดนี้เกี่ยวข้องกับธีมเรื่องที่วิทยาศาสตร์กำหนดชะตาได้แค่ไหน กิ๊ฟถ่ายทอดข้อคิดนี้ผ่านการแสดงที่ทำให้ผู้ชมเห็นราคาของความรู้
ซีรีส์ Mouse เวอร์ชั่นไทยที่จบลงแบบสะเทือนใจในปี 2568 ด้วยการเปิดโปงองค์กรลับ การต่อสู้สุดท้าย และรัฐบาลปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ทำให้แฟนๆ หลายคนยังค้างคาใจกับชะตากรรมของตัวละครหลักอย่างรามิล วิชญ์ และพิชา ถ้าจะมีภาค 2 จริงๆ จะต่อยอดไปทางไหน โดยยังคงธีมยีนไซโคพาธ การล่า การแก้แค้น และผลกระทบต่อสังคมไว้เหมือนเดิม แต่เพิ่มความเข้มข้นและหักมุมใหม่ๆ
ผ่านไป 3 ปีหลังเหตุการณ์ภาคแรก เมืองมัฆวันดูเหมือนสงบสุข รามิล (ชาคริต แย้มนาม) ยังคงเป็นตำรวจ แต่หันมาทำงานเบาๆ ดูแลราเชนทร์พี่ชายที่สุขภาพดีขึ้น และพยายามปล่อยวางความแค้นตามคำเตือนเก่า วิชญ์ (นนกุล ชานน) กับพิชา (เอมมี่ ทสร) แต่งงานกันแล้ว มีลูกชายตัวเล็กที่กำลังเติบโตอย่างปกติสุข แม้วิชญ์จะยังกังวลเรื่องยีนในตัวเองและลูก ชัญญา (เบญ เรวิญานันท์) กลายเป็นนักข่าวชื่อดังที่ผลิตรายการสืบสวนอาชญากรรมจริงจังมากขึ้น
แต่ความสงบถูกทำลายเมื่อเกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องรูปแบบใหม่ ฆาตกรทิ้ง “แผ่นเงินเปลว” ไว้กับศพแทนทองคำ และเหยื่อเป็นเด็กที่มีผลตรวจยีนไซโคพาธสูง รามิลถูกดึงกลับมาสืบคดีเพราะลายเซ็นคล้ายอดีต ชัญญาช่วยสืบจากมุมข่าวและพบว่าคดีเชื่อมโยงกับโครงการลับใหม่ของรัฐบาลที่พยายาม “ควบคุม” คนมียีนไซโคพาธด้วยการฝังชิปสมองหรือยา การทดลอง
วิชญ์ที่พยายามใช้ชีวิตปกติเริ่มเห็นภาพหลอนอีกครั้ง และตรวจพบว่าลูกชายตัวเองมียีนเหมือนเขา ทำให้เขากลับไปหาอรชุน (แจ๊บ เพ็ญเพชร) ที่ยังอยู่ในคุกเพื่อถามความจริงเพิ่ม อรชุนยิ้มเยาะและบอกใบ้ว่าองค์กรลับไม่ได้ถูกทำลายหมด บุศรินทร์หรือคนที่รอดชีวิตกำลังสร้างเครือข่ายใหม่ โดยใช้เด็กเป็นเหยื่อทดลอง พิชากลายเป็นเป้าหมายเพราะเธอรู้ความลับมากเกินไป และต้องปกป้องลูกจากทั้งฆาตกรและรัฐบาลที่อยากปิดปาก
ภาคนี้เพิ่มตัวละครใหม่ เช่น นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่เคยเป็นลูกน้องดนัย และตำรวจรุ่นน้องที่สงสัยรามิล การสืบสวนนำไปสู่การเปิดเผยว่ามี “ไซโคพาธรุ่นใหม่” ที่ถูกสร้างขึ้นจากโครงการลับ ทำให้เกิดคำถามว่ายีนหรือสังคมกันแน่ที่สร้างฆาตกร คลายแม็กซ์คือการบุกฐานลับใต้ดินขนาดใหญ่ รามิลต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรที่อาจเป็น “ญาติ” ของวิชญ์อีกคน และวิชญ์ต้องเลือกระหว่างครอบครัวกับความยุติธรรม สุดท้ายจบแบบเปิดท้ายให้คิดต่อว่าสังคมจะจัดการกับยีนไซโคพาธยังไง

