บอดี้..ศพ#19 2550 ในเงามืดของค่ำคืนที่ไร้สิ้นสุด ‘ชล’ นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ผู้เยาว์วัย ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนแห่งฝันร้าย ภาพสยดสยองของผู้หญิงที่ร่างแหลกเหลวตามหลอกหลอนกระทั่งในยามตื่น การค้นพบปริศนาการหายตัวไปอย่างลึกลับของ ‘ดาราราย’ อาจารย์มหาวิทยาลัย นำพาชลเข้าสู่วังวนแห่งความจริงที่บิดเบี้ยว เมื่อเงาของ ‘หมอสุธี’ สามีของจิตแพทย์ผู้รักษาเขา ก้าวเข้ามาพัวพันกับความลับดำมืดนั้น ชะตากรรมของพวกเขาทั้งหมดถูกกำหนดด้วยกุญแจสู่ห้องลับที่ซ่อนเร้น ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวของการฆาตกรรมกำลังจะถูกเปิดเผย แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อการเฉลยที่ช็อกโลกเปิดโปงว่า ชลคือดวงวิญญาณที่ดับสลายไปนานแล้ว และการบงการเบื้องหลังทั้งหมดคือความวิปริตทางจิตของหมอสุธี ซึ่งมีวิญญาณอาฆาตของดารารายเฝ้ารอการแก้แค้นไม่เคยหยุดหย่อน

บอดี้..ศพ#19 2550 หนังไทยแนวสยองขวัญที่ทั้งหลอนและปั่นประสาทจนคนดูต้องนั่งเกร็ง “บอดี้..ศพ#19” ปี 2550 คือหนึ่งในนั้นเลย หนังเรื่องนี้กำกับโดย ปวีณ ภูริจิตปัญญา และเป็นผลงานจากค่าย จีทีเอช ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่าเรื่องแบบไม่ธรรมดา เรื่องราวเริ่มที่ “ชล” (รับบทโดย อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาวิศวะที่ใช้ชีวิตชิล ๆ ในบ้านเช่าที่กรุงเทพฯ กับ เอ๋ พี่สาวที่เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด แต่ชีวิตชลเริ่มไม่ชิลเมื่อเขาเริ่มฝันร้ายแบบแปลก ๆ เห็นภาพผู้หญิงที่เหมือนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วประกอบร่างใหม่ แถมยังเจอแมวดำหน้าตาประหลาดและภาพทารกในครรภ์ที่โผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว บางทีชลก็พบว่าตัวเองไปโผล่ในสถานที่แปลก ๆ เช่น คอนเสิร์ต โดยจำไม่ได้เลยว่าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง

ความหลอนยิ่งพีคเมื่อชลเกิดอุบัติเหตุสุดสยอง นิ้วขาดตอนทำความสะอาดกุ้ง (ที่อยู่ดี ๆ กุ้งก็ดิ้นและเลือดพุ่ง) จนต้องรีบไปโรงพยาบาล จากนั้นชลถูกส่งตัวไปหา “หมออุษา” (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์สาวที่พยายามช่วยเขาคลายปมในใจ แต่ยิ่งขุดลึก อุษาก็เริ่มสงสัยว่าปัญหาของชลอาจเชื่อมโยงกับตัวเธอเองและ “หมอสุธี” (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) สามีที่เริ่มห่างเหินของเธอ

เรื่องเริ่มซับซ้อนเมื่อชลฝันร้ายหนักขึ้น เห็นภาพตัวเองอยู่ในห้องลับในบ้านเช่า และเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังสับศพ พอยิ่งมอง หน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นดันเป็นหน้าตัวชลเอง ความหลอนพาไปสู่การค้นพบว่า “ดาราราย” (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยลึกลับที่มีพลังสะกดจิตสุดแปลก มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอหายตัวไปและดูเหมือนจะตายแล้ว แต่ผีของเธอยังวนเวียนมาบอกชลว่า “หาฉันให้เจอ”

อุษาเองก็เริ่มสืบเรื่องนี้ และยิ่งขุดยิ่งเจอความน่าสงสัยเกี่ยวกับสามีของตัวเองที่ดูเหมือนจะมีความลับบางอย่างกับดาราราย คนที่เข้าใกล้ความจริง เช่น ผู้ช่วยสอนของดารารายหรือหมอหนุ่มที่คุยกับชล ต่างก็เจอจุดจบสุดสยอง ตายด้วยลวดหนามบ้าง ละลายในถังกรดบ้าง ชลเริ่มรู้สึกว่าใครก็ตามที่พูดถึงการหายตัวไปของดารารายจะต้องตาย และเขาพยายามหยุดการฆาตกรรมแต่ก็ช้าไปทุกที

เรื่องพีคสุดเมื่อชลค้นพบห้องลับในบ้านเช่าจริง ๆ และเจอรูปถ่ายที่ถูกเผาของดารารายกับสุธีที่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ความจริงค่อย ๆ เปิดเผยว่า สุธีมีชู้กับดาราราย และดารารายพยายามแบล็กเมล์สุธีด้วยรูปถ่ายสุดสยิว สุธีเลยลงมือฆ่าเธอแบบโหดสุด วางยา ฉีดยาทำให้เป็นอัมพาต แล้วหั่นร่างเธอในห้องลับ

แต่ เรื่องมันไม่ได้จบง่าย ๆ ชลพยายามจะบอกอุษาว่าสามีเธอคือฆาตกร แต่ผีดารารายก็โผล่มาแทรกแซง ขู่จะฆ่าพี่สาวของชล จนชลโมโหและแทงผี (ที่ทุกคนมองเห็น) ต่อหน้าเมย์ ลูกสาวของอุษากับสุธี ความวายป่วงพาทุกคนไปสู่ ห้องดับจิต ในโรงพยาบาล ที่นี่แหละที่เฉลยสุดช็อกมา ศพหมายเลข 19 ที่อยู่ในลิ้นชักคือร่างของ ชล ใช่แล้ว ชลตายไปตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อน

ที่แท้ สุธี คือคนที่มีปัญหาทางจิต มีบุคลิกภาพหลายอย่าง และเชื่อว่าตัวเองคือชล เขาคือคนที่ฆ่าผู้ช่วยสอน ฆ่าหมอ และแทงอุษาภรรยาตัวเองเพราะเข้าใจผิดว่าเธอคือผีดาราราย ทุกอย่างยิ่งซับซ้อนเมื่อย้อนอดีตเผยว่า ดารารายรู้ว่าสุธีวางยาเธอ เลยใช้พลังสะกดจิตทำให้สุธีกลายเป็นคนมีหลายบุคลิกตั้งแต่แรก

สารบัญละคร

บอดี้..ศพ19 ไม่ใช่แค่หนังผีธรรมดา แต่เป็นการผสมผสานความสยองขวัญ ปริศนาฆาตกรรม และดราม่าทางจิตวิทยาได้อย่างลงตัว หนังเล่นกับความจริงและภาพหลอนจนคนดูต้องเดาว่าอะไรจริงอะไรฝัน ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของบอดี้..ศพ19 2550

ในย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ที่เงียบสงบ บ้านเช่าหลังเก่าหลังหนึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่ไม่มีวันลืม ชล เด็กหนุ่มนักศึกษาวิศวะ ใช้ชีวิตเรียบง่ายเคียงข้าง เอ๋ พี่สาวที่กำลังฝึกเป็นนักศึกษาแพทย์ แต่ความสงบนั้นพังทลายเมื่อชลเริ่มถูกตามหลอกหลอนด้วยภาพในฝันที่ชวนขนลุก ผู้หญิงที่ร่างกายถูกฉีกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วเย็บต่อกันใหม่ราวกับตุ๊กตาผ้า แมวดำที่มีดวงตาวาววับผิดปกติ และภาพทารกในครรภ์ที่จ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า บางคืน ชลตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่เขาไม่รู้จัก เช่น งานคอนเสิร์ตที่โห่ร้องสนั่น โดยจำไม่ได้เลยว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

ฝันร้ายที่กลายเป็นจริง

วันหนึ่ง ขณะที่ชลกำลังทำความสะอาดกุ้งเพื่อเตรียมมื้อเย็น มีดในมือเขาพลาด ฟันนิ้วตัวเองขาด เลือดพุ่งกระจาย และที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าคือกุ้งที่ตายแล้วกลับดิ้นได้ราวกับมีชีวิต ชลรีบไปโรงพยาบาลด้วยความตื่นตระหนก และที่นั่นเขาได้พบกับ หมออุษา จิตแพทย์สาวที่มีแววตาเปี่ยมความเห็นอกเห็นใจ เธอพยายามช่วยชลแกะปมฝันร้ายที่รบกวนจิตใจ แต่ยิ่งขุดลึก อุษากลับรู้สึกถึงเงามืดที่เชื่อมโยงระหว่างชล ตัวเธอเอง และ หมอสุธี สามีที่เริ่มห่างเหินของเธอ

ในฝันของชล ภาพหลอนยิ่งชัดเจน เขาถูกดึงดูดไปยังห้องลับในบ้านเช่า ห้องที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริง เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังใช้มีดสับร่างกายของใครบางคนอย่างโหดเหี้ยม และเมื่อชายคนนั้นหันมา… ใบหน้านั้นคือชลเอง ชลสะดุ้งตื่น แต่ความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่ฝันเริ่มฝังรากลึกในใจ เขาเริ่มได้ยินเสียงกระซิบซ้ำ ๆ ว่า “หาฉันให้เจอ” จากผู้หญิงลึกลับที่ชื่อ ดาราราย อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีพลังสะกดจิตเหนือธรรมชาติ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะตายไปแล้ว

เงาความตายที่ตามติด

อุษาเริ่มสืบเรื่องดาราราย และพบว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับสุธี สามีของเธออย่างลึกซึ้ง แต่ทุกครั้งที่ความจริงใกล้จะเปิดเผย คนที่เข้าใกล้ปริศนานี้กลับต้องพบจุดจบอันน่าสยดสยอง ผู้ช่วยสอนของดารารายถูกพบตายในอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับลวดหนามที่งานนิทรรศการของมหาวิทยาลัย ส่วน หมอจิ๊บ รุ่นน้องของสุธี ต้องจบชีวิตในถังกรดหลังจากพูดถึงดารารายกับชล ชลเริ่มตระหนักว่าใครก็ตามที่พูดถึงการหายตัวไปของดารารายจะต้องตาย เขาพยายามหยุดโศกนาฏกรรมนี้ แต่ทุกครั้งก็สายเกินไป

ในบ้านเช่า ภาพหลอนของดารารายยิ่งรุนแรง เธอปรากฏตัวต่อหน้าชล กระซิบซ้ำ ๆ ว่า “หาฉันให้เจอ” จนชลค้นพบห้องลับที่ซ่อนอยู่หลังตู้ในบ้าน ภายในนั้น เขาเจอรูปถ่ายที่ถูกเผาไหม้บางส่วน ภาพของดารารายและสุธีในท่าทีสนิทสนมเกินกว่าความสัมพันธ์ธรรมดา ความจริงเริ่มชัดเจน: ดารารายเคยเป็นชู้กับสุธี และเธอถ่ายรูปเพื่อข่มขู่จะบอกอุษา สุธีจึงวางยาดาราราย ฉีดยาที่ทำให้เธอเป็นอัมพาต และหั่นร่างเธอในห้องลับนี้

ความจริงที่บิดเบี้ยว

ชลตัดสินใจเผชิญหน้ากับอุษาเพื่อบอกความจริงเกี่ยวกับสามีของเธอ แต่ในบ้านของอุษา ผีดารารายปรากฏตัวอีกครั้ง คราวนี้เธอขู่จะฆ่าเอ๋ พี่สาวของชล ความกลัวและความโกรธพุ่งถึงขีดสุด ชลคว้าไม้แทงร่างของผีดารารายต่อหน้า เมย์ ลูกสาวของอุษาและสุธี ทุกคนในห้องเห็นเหตุการณ์นี้ และเมย์ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ชลรีบออกตามหาเอ๋เพื่อปกป้องเธอ แต่ความจริงที่รอเขาอยู่ที่ ห้องดับจิต ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยคือฝันร้ายที่แท้จริง

เมื่อชลเดินไปถึงลิ้นชักศพหมายเลข 19 เขาค้นพบความจริงที่ทำให้เลือดในกายเย็นยะเยือก ศพในลิ้นชักนั้นคือ ตัวเขาเอง ชลตายไปตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อน! ผู้ที่เราเห็นมาตลอดทั้งเรื่องไม่ใช่ชล แต่เป็น สุธี ผู้ป่วยจิตเภทที่มีบุคลิกภาพหลายอย่าง เขาเชื่อว่าตัวเองคือชล และเป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ช่วยสอน ฆ่าหมอจิ๊บ และแทงอุษา ภรรยาของตัวเอง เพราะเข้าใจผิดว่าเธอคือผีดาราราย

การแก้แค้นจากนรก

ย้อนอดีตเผยว่า ดารารายรู้ว่าสุธีวางยาเธอ เธอจึงใช้พลังสะกดจิตฝังบุคลิกภาพของ “ชล” และความโกลาหลไว้ในจิตใจของสุธีก่อนตาย ผีของดารารายไม่ใช่แค่ภาพหลอน แต่เป็นวิญญาณที่แท้จริงที่ตามแก้แค้นสุธีอย่างไม่ลดละ สุธีถูกจับกุม แต่ด้วยอาการป่วย คดีของเขาถูกพักไว้ เขาพยายามหนีจากรถตู้ตำรวจ วิ่งหนีไปจนเกือบถูกรถตู้ที่บรรทุกเสาเหล็กทับ โชคดีที่รถจอดทัน แต่โชคร้ายที่เสาเหล็กพุ่งออกมาเสียบร่างเขาจนตายคาที่

ในฉากสุดท้ายที่ห้องผ่าตัด ขณะที่สุธีใกล้หมดสติ ผีดารารายปรากฏตัวอีกครั้ง เธอยิ้มเย็นและบอกว่า “ฉันให้อภัยเธอ” ก่อนจะสะกดจิตให้สุธีกลับมามีสติท่ามกลางการผ่าตัดที่กำลังดำเนินอยู่ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของสุทีก้องกังวานในห้อง ขณะที่เงาของดารารายค่อย ๆ จางหายไปในความมืด

บอดี้..ศพ19 เป็นการผสมผสานความสยองขวัญ ปริศนาฆาตกรรม และจิตวิทยาที่ชวนให้สมองหมุน หนังเล่นกับความจริงและภาพหลอนจนคนดูต้องเดาว่าอะไรคืออะไร ต่อไปนี้คือจุดเด่นของบอดี้..ศพ19 2550

หลอนจนต้องเกร็ง ปั่นจนต้องคิด
เรื่องราวเริ่มที่ ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาวิศวะที่เริ่มเจอฝันร้ายสุดแปลก เห็นภาพผู้หญิงที่เหมือนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเย็บต่อใหม่ แถมมีแมวดำหน้าตาน่ากลัวและภาพทารกในครรภ์โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัว ชีวิตชลยิ่งวายป่วงเมื่อเขาเริ่มโผล่ไปในสถานที่แปลก ๆ เช่น คอนเสิร์ต โดยจำไม่ได้ว่าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง ความหลอนพีคขึ้นเมื่อชลเกิดอุบัติเหตุนิ้วขาดตอนทำกุ้ง (ที่อยู่ดี ๆ ดิ้นได้) จนต้องไปหา หมออุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์สาวที่พยายามช่วยเขา แต่ยิ่งสืบยิ่งเจอปมปริศนาที่เชื่อมโยงกับ หมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) สามีของอุษา และ ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีพลังสะกดจิตสุดลึกลับ

เนื้อเรื่องของ บอดี้..ศพ#19 ไม่ใช่แค่หนังผีธรรมดา แต่เป็นการผสมผสานความสยองขวัญ ระทึกขวัญ และจิตวิทยาที่ชวนให้คนดูต้องคิดตามตลอดเวลา หนังค่อย ๆ ทิ้งปมให้เราคาดเดา เช่น ผีดารารายคืออะไรกันแน่? ทำไมชลถึงเห็นภาพหลอน? และที่สำคัญ ศพหมายเลข 19 คือใคร? จุดเด่นคือการหักมุมแบบที่ทำให้คนดูต้องร้อง “อะไรกันเนี่ย!” โดยเฉพาะฉากเฉลยในห้องดับจิตที่พลิกทุกอย่างที่เราคิดไว้ ถ้าคุณชอบหนังที่เล่นกับความจริงและภาพหลอน เรื่องนี้คือถูกใจแน่นอน คะแนนเนื้อเรื่อง: 8.5/10

การแสดง นักแสดงยกทีมเล่นดีจนน่าจดจำ
อารักษ์ อมรศุภศิริ ในบทชล ถ่ายทอดความกลัวและความสับสนได้อย่างถึงใจ ตั้งแต่ฉากที่เขาดูงง ๆ กับฝันร้าย ไปจนถึงตอนที่เริ่มคลั่งเมื่อเจอผีดาราราย กฤตธีรา อินพรวิจิตร ในบทหมออุษาก็เด่นไม่แพ้กัน เธอแสดงเป็นจิตแพทย์ที่ทั้งฉลาดและเปราะบางได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงเกี่ยวกับสามี ปรเมศร์ น้อยอ่ำ ในบทหมอสุธีคือตัวขโมยซีน เพราะเขาต้องเล่นเป็นตัวละครที่มีหลายบุคลิก และทำได้เนียนจนน่าขนลุก ส่วน ภัทรวรินทร์ ทิมกุล ในบทดาราราย ถึงจะปรากฏตัวไม่เยอะ แต่ทุกครั้งที่โผล่มาในฐานะผีหรือในย้อนอดีต เธอสร้างความหลอนได้แบบเต็มสิบ!
นักแสดงสมทบอย่าง อรจิรา แหลมวิไล (เอ๋) และ เกวลิน คุรุธรรม (เมย์) ก็ช่วยเติมเต็มอารมณ์ให้เรื่องสมบูรณ์ โดยรวม การแสดงของทีมนักแสดงคือจุดแข็งที่ทำให้เราอินกับความสยองและดราม่า คะแนนการแสดง 8/10

งานภาพและบรรยากาศ หลอนแบบไทย ๆ ที่ลงตัว
งานภาพของ บอดี้..ศพ#19 ถือว่าทำได้ดีในมาตรฐานหนังไทยยุค 2000s ฉากในบ้านเช่าของชลถูกออกแบบให้ดูอึมครึม ผสมกับแสงไฟสลัว ๆ ที่ชวนให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ฉากฝันร้ายและภาพหลอน เช่น การเห็นร่างที่ถูกหั่นหรือแมวดำหน้าตาแปลก ๆ ถูกถ่ายทอดด้วยโทนสีที่เย็นและมืด ช่วยขับเน้นความสยองได้ดี ฉากในห้องลับและห้องดับจิตคือไฮไลต์ เพราะมันทั้งแคบ อึดอัด และชวนให้รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในฝันร้าย

ดนตรีประกอบโดย บานานา ทีม ก็ทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะซาวด์หลอน ๆ ที่มากระแทกหูในจังหวะสำคัญ ถึงแม้ว่าบางฉากอาจจะดูเกินจริงไปนิด (เช่น ฉากกุ้งดิ้น) แต่โดยรวมบรรยากาศของหนังคือหลอนแบบไทย ๆ ที่ผสมความระทึกได้ลงตัว คะแนนงานภาพและบรรยากาศ 7.5/10

คะแนนรวม 8/10 เหมาะสำหรับ คอหนังสยองขวัญ, คนที่ชอบพล็อตหักมุม, และแฟนหนังไทยยุค 2000s

บอดี้..ศพ#19 คือหนังสยองขวัญที่ไม่เหมือนใครในยุคสมัยนั้น มันไม่ใช่แค่การหลอกหลอนด้วยผี แต่เป็นการพาคุณดำดิ่งสู่จิตใจที่แตกสลายและปริศนาที่ต้องใช้สมองแก้ ถึงแม้จะมีจุดที่ดูเกินจริงหรือจังหวะที่ช้าไปบ้าง แต่การหักมุมที่ช็อกและการแสดงที่ทรงพลังทำให้หนังเรื่องนี้ยังคงเป็นที่จดจำ ถ้าคุณชอบหนังแนวสยองขวัญที่ต้องคิดเยอะและมีเซอร์ไพรส์ เรื่องนี้คือต้องลอง

ตอนเปิดเรื่อง หนังพาเราไปรู้จัก ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) หนุ่มนักศึกษาที่เจอฝันร้ายสุดแปลก เห็นภาพผู้หญิงที่เหมือนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แมวดำหน้าตาน่ากลัว และทารกในครรภ์ที่โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัว ความรู้สึกแรกคือความ “อึมครึม” ที่ค่อย ๆ ไต่ระดับ บ้านเช่าที่ชลอยู่ให้ฟีลเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะฉากที่ชลเห็นภาพหลอนหรือตื่นมาในที่แปลก ๆ เช่น คอนเสิร์ต โดยจำไม่ได้ว่าไปถึงที่นั่นได้ยังไง มันชวนให้รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในฝันร้ายของตัวละคร ใจนึงก็กลัว ใจนึงก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ฉากที่ชลทำกุ้งแล้วนิ้วขาดนี่คือจุดที่ทำให้สะดุ้งแรง เพราะกุ้งที่ตายแล้วดันดิ้นและเลือดพุ่ง มันทั้งสยองและแปลกจนต้องเกร็ง แบบว่า “อะไรกันเนี่ย ทำไมกุ้งถึงเป็นแบบนี้?!” ความรู้สึกตอนนี้คือเหมือนถูกหนังโยนเข้าไปในโลกที่ทุกอย่างดูผิดปกติ และมันเริ่มทำให้รู้สึกไม่ไว้ใจอะไรเลย

พอเรื่องดำเนินไป หนังเริ่มโยนปมมาแบบรัว ๆ ชลไปหา หมออุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์ที่พยายามช่วยแกะปมฝันร้าย แต่ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิด ตัวละครอย่าง ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) ที่โผล่มาในฐานะผี และ หมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) สามีของอุษา ทำให้เริ่มสงสัยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ผีหลอกธรรมดา แต่มีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น

ความรู้สึกตอนนี้คือสับสนปนตื่นเต้น เพราะหนังทิ้งคำถามไว้เต็มไปหมด: ผีดารารายคือใคร? ทำไมชลถึงเห็นภาพหลอน? แล้วสุธีเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้? ฉากที่ชลเจอห้องลับในบ้านเช่าและเห็นภาพตัวเองสับศพคือจุดที่ทำให้ใจเต้นแรง มันหลอนแบบที่ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองติดอยู่ในวงวนของฝันร้ายไปกับชล ยิ่งตอนที่คนรอบตัวชล เช่น ผู้ช่วยสอนหรือหมอจิ๊บ ตายแบบสยอง ๆ (ลวดหนามบ้าง ถังกรดบ้าง) ความรู้สึกคือ “ตายอีกแล้ว! ใครจะตายต่อไป?!” มันทั้งน่ากลัวและชวนให้ลุ้นว่าเรื่องจะไปทางไหน

มาถึงจุดพีคของหนัง ฉากในห้องดับจิตที่เฉลยว่า ศพหมายเลข 19 คือชลเอง บอกเลยว่าตอนนี้คือช็อกสุด ๆ ความรู้สึกเหมือนถูกหนังตบหน้าด้วยความจริงที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ที่แท้คนที่เราเห็นมาตลอดไม่ใช่ชล แต่เป็น สุธี ที่ป่วยจิตและเชื่อว่าตัวเองคือชล การหักมุมนี้ทำให้ต้องนั่งทบทวนทุกอย่างที่ดูมาแบบ “เดี๋ยวนะ อะไรคืออะไร?!” มันทั้งสะใจและปวดหัวในเวลาเดียวกัน

ฉากสุดท้ายที่ผีดารารายโผล่มาในห้องผ่าตัด และทำให้สุธีตื่นขึ้นมากรีดร้องท่ามกลางการผ่าตัดคือจุดที่หลอนถึงขีดสุด ความรู้สึกตอนนั้นคือ “ผีตัวนี้โหดเกิน!” มันไม่ใช่แค่การแก้แค้นแบบธรรมดา แต่เหมือนดารารายตั้งใจให้สุธีทรมานทั้งกายและใจ การที่ผีบอกว่า “ให้อภัย” แต่ปลุกให้ตื่นมาเจ็บปวดนี่คือความแค้นระดับตัวแม่เลย

บอดี้..ศพ#19 มีทั้งหลอนและตื่นเต้น หนังไม่ได้แค่ทำให้กลัวผี แต่ยังเล่นกับจิตใจคนดูด้วยการทิ้งปมให้คิดตามตลอดเวลา การหักมุมในตอนท้ายคือจุดที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับการอดทนลุ้นทั้งเรื่อง มันเหมือนถูกหลอกให้เชื่อในสิ่งที่เห็น แล้วสุดท้ายหนังก็มาบอกว่า “เฮ้ย! ที่เห็นมาทั้งหมดน่ะ ไม่ใช่แบบนั้นนะ!”

สิ่งที่ติดอยู่ในหัวคือความรู้สึกไม่มั่นใจในความจริง หนังทำให้สงสัยว่าอะไรคือฝัน อะไรคือจริง และบางฉาก เช่น ภาพหลอนของดารารายหรือห้องลับในบ้าน ยังคงวนเวียนในหัวจนนอนไม่หลับ ถ้าชอบหนังที่ทั้งสยองและต้องใช้สมอง เรื่องนี้คือให้ความรู้สึกที่ครบรส หลอนจนเกร็ง ลุ้นจนหยุดหายใจ และช็อกจนต้องคุยกับเพื่อนหลังดู


บอดี้..ศพ#19 2550

บอดี้..ศพ#19 2550

บอดี้..ศพ#19 2550NETFLIX​​​​​​

ตัวอย่าง บอดี้..ศพ#19 (Official Trailer)


บอดี้..ศพ#19 2550

จุดเริ่มต้น ฝันร้ายที่ไม่ใช่แค่ฝัน

เรื่องเริ่มที่ ชล (รับบทโดย อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาวิศวะที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าที่กรุงเทพฯ กับ เอ๋ (อรจิรา แหลมวิไล) พี่สาวที่เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด ชีวิตชลดูชิล ๆ แต่จู่ ๆ เขาก็เริ่มเจอ ฝันร้ายสุดหลอน เห็นผู้หญิงที่เหมือนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเย็บต่อกลับมาใหม่ 😱 แถมยังเห็น แมวดำหน้าตาแปลก ๆ และ ทารกในครรภ์ ที่โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัว สยองสุด บางครั้งชลตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในที่แปลก ๆ เช่น งานคอนเสิร์ต โดยจำไม่ได้เลยว่าไปโผล่ที่นั่นได้ยังไง! แค่เริ่มเรื่องก็ชวนให้ขนลุกแล้วใช่ไหมล่ะ

ความหลอนยิ่งพีคเมื่อชลเกิด อุบัติเหตุสุดช็อก ตอนทำความสะอาดกุ้งเพื่อทำอาหารเย็น มีดพลาดฟันนิ้วขาด แต่ที่แปลกกว่านั้นคือกุ้งที่ตายแล้วดัน ดิ้นได้ และ เลือดพุ่ง แบบไม่น่าเชื่อ 😵 ชลรีบไปโรงพยาบาล และจากนั้นถูกส่งตัวไปหา หมออุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์สาวที่พยายามช่วยแกะปมฝันร้ายของเขา แต่ยิ่งคุย อุษาก็เริ่มสงสัยว่ามีอะไรเชื่อมโยงระหว่างชล ตัวเธอ และ หมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) สามีที่เริ่มห่างเหินของเธอ

ปมปริศนา ผี ฆาตกรรม และความลับมืด

เรื่องเริ่มซับซ้อนเมื่อชลฝันร้ายหนักขึ้น เห็นตัวเองอยู่ใน ห้องลับ ในบ้านเช่า และเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลัง สับศพ พอผู้ชายคนนั้นหันมา… หน้าตาเหมือนชลเป๊ะ 😱 มันเหมือนฝันซ้อนฝัน แต่ชลเริ่มรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่ฝันธรรมดา เขาได้ยินเสียงผีผู้หญิงที่ชื่อ ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีพลังสะกดจิตสุดลึกลับ กระซิบซ้ำ ๆ ว่า “หาฉันให้เจอ” บอกเลยว่าฉากนี้หลอนจนต้องปิดไฟนอนไม่ได้

ฝั่งอุษาก็เริ่มสืบเรื่องดาราราย และพบว่าเธออาจเกี่ยวข้องกับสุธี สามีของตัวเอง แต่คนที่เข้าใกล้ความจริงนี่ซวยทุกคน ผู้ช่วยสอน ที่อุษาไปถามเรื่องดาราราย ตายสยองด้วย ลวดหนาม ที่งานนิทรรศการมหาวิทยาลัย ส่วน หมอจิ๊บ (วัสนัย ภคพงศ์พันธ์) รุ่นน้องของสุธี ก็จบชีวิตใน ถังกรด หลังคุยกับชลเกี่ยวกับดาราราย! ชลเริ่มตระหนักว่า ใครพูดถึงดารารายก็ตาย เขาพยายามหยุดการฆาตกรรม แต่ก็ช้าไปทุกที! ตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนดูหนังระทึกขวัญผสมผีเลยใช่ไหม

เฉลยแรก ห้องลับและความสัมพันธ์ต้องห้าม

ชลเริ่มสงสัยบ้านเช่าของตัวเอง เขาค้นพบ ห้องลับ หลังตู้ (เหมือนในฝันเป๊ะ) และเจอ รูปถ่ายที่ถูกเผา ของดารารายกับสุธีในท่าทีสนิทสนมเกินเพื่อน 😳 ความจริงเริ่มชัด: สุธีมีชู้กับดาราราย และดารารายถ่ายรูปตอนทั้งคู่อยู่บนเตียงเพื่อ แบล็กเมล์ สุธี หรือไม่ก็ขู่จะบอกอุษา สุธีเลยโหดสุดขั้ว วางยาดาราราย ฉีดยาทำให้เป็นอัมพาต แล้ว หั่นร่างเธอ ในห้องลับที่ชลเจอ ฉากนี้คือทั้งสยองและช็อก

ชลตัดสินใจจะบอกอุษาว่าสามีเธอคือฆาตกร แต่ผีดารารายโผล่มาแทรกแซง ขู่จะฆ่า เอ๋ พี่สาวของชล ชลโมโหสุดขีด คว้าไม้แทงผีดารารายต่อหน้า เมย์ (เกวลิน คุรุธรรม) ลูกสาวของอุษากับสุธี ทุกคนในห้องเห็นฉากนี้ และเมย์กลัวจนตัวสั่น ชลรีบออกตามหาพี่สาวเพื่อปกป้อง แต่เรื่องมันกำลังจะพีคกว่านี้

หักมุมสุดช็อก ศพ#19 คือใคร?

ทุกอย่างพุ่งไปสู่จุดไคลแมกซ์ที่ ห้องดับจิต ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ชลเดินไปที่ ลิ้นชักศพหมายเลข 19 และเจอสิ่งที่ทำให้ใจหล่นไปตาตุ่ม ศพในลิ้นชักคือตัวเขาเอง 😱  ชลตายไปตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อน ที่แท้คนที่เราเห็นมาตลอดทั้งเรื่องคือ สุธี ที่ป่วยเป็น โรคบุคลิกภาพหลายอย่าง และเชื่อว่าตัวเองคือชล สุธีนี่แหละที่ฆ่าผู้ช่วยสอน ฆ่าหมอจิ๊บ และแทง อุษา ภรรยาตัวเอง เพราะเข้าใจผิดว่าเธอคือผีดาราราย หักมุมแบบนี้คือปั่นสมองสุด ๆ

ย้อนอดีตเผยว่า ดารารายรู้ว่าสุธีวางยาเธอ เธอเลยใช้ พลังสะกดจิต ฝังบุคลิกภาพของ “ชล” และความโกลาหลไว้ในหัวของสุธี ผีดารารายที่เราเห็นไม่ใช่แค่ภาพหลอน แต่เป็น ผีจริง ที่ตามแก้แค้นสุธีแบบไม่ยอมหยุด

บอกเลยว่า บอดี้..ศพ#19 คือหนังที่ทำให้ทั้งลุ้น กลัว และปวดหัวไปพร้อม ๆ กัน การหักมุมว่า ชลคือสุธี และผีดารารายที่ควบคุมทุกอย่างคือสุดยอดมาก หนังผสมความสยองขวัญกับจิตวิทยาได้แบบเนียน ๆ ทำให้เราต้องนั่งทบทวนว่า “เดี๋ยว อะไรคืออะไร?!” ฉากหลอน ๆ อย่างห้องลับหรือห้องดับจิตคือติดตาไปอีกนาน ถ้าคุณชอบหนังที่ทั้งหลอนและต้องใช้สมอง เรื่องนี้คือต้องดู

เบื้องหลัง การสร้าง บอดี้..ศพ19 หนังสยองขวัญไทยสุดปังจากปี 2550 ที่ทั้งหลอน ปั่นประสาท และหักมุมจนคนดูอ้าปากค้าง หนังเรื่องนี้มาจากค่าย จีทีเอช และ จอกว้างฟิล์ม ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำหนังคุณภาพอยู่แล้ว อยากรู้มั้ยว่าใครบ้างที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหนังเรื่องนี้

ผู้กำกับ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ตัวพ่อแห่งความหลอน

roj9w5ih5iJTmrcP06e5 o
ปวีณ ภูริจิตปัญญา

เริ่มที่หัวเรือใหญ่ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับของเรื่องนี้ บอกเลยว่าพี่เขาคือคนที่ทำให้ บอดี้..ศพ#19 มีกลิ่นอายความสยองแบบไทย ๆ ที่ผสมจิตวิทยาได้ลงตัวสุด ๆ นอกจากกำกับแล้ว พี่ปวีณยังลงมือช่วยเขียนบทและตัดต่อด้วย แบบนี้เรียกว่าครบเครื่องเลยนะ ฝีมือการกำกับของพี่ปวีณทำให้ฉากฝันร้ายของชลและห้องดับจิตกลายเป็นอะไรที่ติดตาคนดูไปนานเลย ฉากที่ผีดารารายโผล่มานี่คือหลอนจนต้องปิดไฟนอน 😱 คุณภาพขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงออกมาปัง

บทภาพยนตร์ ทีมเขียนบทสุดครีเอท

1663730723653
ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

มาถึงส่วนของ บทภาพยนตร์ ที่ได้สามสุดยอดฝีมือมาร่วมงานกัน ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์, และ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ถ้าคุณเคยดูหนังอย่าง 13 เกมสยอง หรือ 4BIA คุณจะรู้ว่า ชูเกียรติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ หมาน้อย คือตัวพ่อของวงการเขียนบทสยองขวัญ ส่วน เอกสิทธิ์ และ ปวีณ

hq720
เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์

ก็ช่วยเติมความเข้มข้นให้บทมีทั้งความหลอนและปมปริศนาที่ชวนปวดหัว บทของเรื่องนี้คือจุดเด่นเลย เพราะมันผสมผสานความสยอง ระทึกขวัญ และการหักมุมแบบที่ทำให้คนดูต้องร้อง “อะไรเนี่ย?!” โดยเฉพาะตอนเฉลยว่า ศพ#19 คือใคร! บอกเลยว่าทีมเขียนบทนี้คือสุดยอด

ทีมอำนวยการสร้าง ผู้อยู่เบื้องหลังความปัง
งานดี ๆ แบบนี้ต้องมีทีมโปรดิวเซอร์ที่แข็งแกร่ง บอดี้..ศพ#19 ได้ ยงยุทธ ทองกองทุน, จิระ มะลิกุล, เช่นชนนี สุนทรศารทูล, และ สุวิมล เตชะสุปินัน มาดูแลการผลิต ถ้าคุณเป็นแฟนหนังจีทีเอช คุณจะรู้ว่า จิระ มะลิกุล คือตำนานที่อยู่เบื้องหลังหนังดัง ๆ อย่าง แฟนฉัน หรือ กวน มึน โฮ ทีมโปรดิวเซอร์ชุดนี้ช่วยควบคุมให้ทุกอย่างเป๊ะ ทั้งงานภาพ ดนตรี และการเล่าเรื่อง บอกเลยว่าถ้าไม่มีทีมนี้ หนังคงไม่ออกมาเป็นตำนานขนาดนี้

งานภาพ สมบุญ โพธิ์พิทักษ์กุล ผู้เนรมิตความหลอน
มาถึงส่วนของ กำกับภาพ โดย สมบุญ โพธิ์พิทักษ์กุล ที่ทำให้ บอดี้..ศพ#19 มีโทนภาพที่อึมครึมและน่ากลัวสุด ๆ ฉากบ้านเช่าของชลที่แสงสลัว ๆ หรือฉากในห้องลับที่ดูแคบและกดดันคือผลงานของพี่สมบุญล้วน ๆ แถมฉากฝันร้ายที่เห็นร่างถูกหั่นหรือแมวดำหน้าตาแปลก ๆ ก็ถ่ายออกมาได้หลอนแบบที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในฝันร้ายจริง ๆ งานภาพของเรื่องนี้คือช่วยขับเน้นความสยองให้ถึงขีดเลย

การตัดต่อ สร้างจังหวะที่ชวนลุ้น
ทีมตัดต่อของเรื่องนี้คือ ปวีณ ภูริจิตปัญญา, บูลย์ศักดิ์ วัธนวิสิต, และ สุรวุฒิ ตุงคะรักษ์ บอกเลยว่างานตัดต่อคือหัวใจสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ลุ้นระทึก ฉากที่ตัดสลับระหว่างความจริงกับฝันร้าย หรือจังหวะที่ผีดารารายโผล่มานี่คือทำได้เนียนมาก ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในความโกลาหลของตัวละคร การตัดต่อช่วยให้หนังมีจังหวะที่ลงตัว ทั้งหลอนและชวนให้อยากรู้ต่อว่าเรื่องจะไปทางไหน

ดนตรีประกอบ บานานา ทีม สร้างซาวด์หลอนติดหู
พูดถึงความหลอนแล้ว จะขาด ดนตรีประกอบ จาก บานานา ทีม ไปไม่ได้ ทีมนี้สร้างซาวด์ที่ทั้งน่ากลัวและกดดัน อย่างฉากที่ชลเจอผีดาราราย หรือตอนที่อยู่ในห้องดับจิต เสียงดนตรีมันชวนให้ใจเต้นแรงเลย ซาวด์ที่ใช้ในฉากฝันร้ายนี่คือหลอนแบบที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ในเงามืด บานานา ทีมคืออีกหนึ่งฮีโร่ที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีบรรยากาศสุดสะพรึง

บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย จีทีเอช และ จอกว้างฟิล์ม
ปิดท้ายด้วย บริษัทผู้สร้าง คือ จีทีเอช และ จอกว้างฟิล์ม ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำหนังคุณภาพอยู่แล้ว ส่วน ผู้จัดจำหน่าย ก็คือ จีดีเอช (ที่ตอนนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของจีทีเอช) ค่ายนี้คือการันตีความปัง เพราะพวกเขามีประวัติทำหนังที่ทั้งสนุกและมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นแนวสยองขวัญ ดราม่า หรือคอมเมดี้ บอดี้..ศพ#19 คือหนึ่งในผลงานที่พิสูจน์ว่า จีทีเอชคือตัวจริงเรื่องหนังไทย

บอดี้..ศพ#19 ไม่ได้เป็นแค่หนังสยองขวัญธรรมดา แต่เป็นผลงานที่เกิดจากทีมงานที่ใส่ใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่การกำกับของ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่ควบหลายตำแหน่ง, บทสุดปั่นจาก ชูเกียรติ และทีม, งานภาพที่หลอนถึงใจโดย สมบุญ, ดนตรีที่ชวนขนลุกจาก บานานา ทีม, ไปจนถึงทีมโปรดิวเซอร์และค่ายจีทีเอชที่ทำให้ทุกอย่างเป๊ะ ผลลัพธ์คือหนังที่ทั้งหลอน ปั่นสมอง และกลายเป็นตำนานของวงการหนังไทย

นักแสดง

→ อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบท ชลสิทธิ์ (ชล)

hq720
อารักษ์ อมรศุภศิริ

ชลคือเด็กหนุ่มนักศึกษาวิศวะที่ใช้ชีวิตชิล ๆ ในบ้านเช่าที่กรุงเทพฯ กับ เอ๋ พี่สาวที่เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด ดูเผิน ๆ ชลเหมือนหนุ่มธรรมดา แต่ชีวิตเขากลับพลิกผันเมื่อเริ่มเจอ ฝันร้ายสุดหลอน เห็นภาพผู้หญิงที่เหมือนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเย็บต่อใหม่ แถมยังเห็นแมวดำหน้าตาแปลก ๆ และทารกในครรภ์ที่โผล่มาแบบชวนขนลุก บางครั้งชลตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในที่แปลก ๆ เช่น งานคอนเสิร์ต โดยจำไม่ได้ว่าไปถึงที่นั่นได้ยังไง ชีวิตยิ่งวายป่วงเมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุนิ้วขาดตอนทำกุ้ง ซึ่งกุ้งนี่ดันดิ้นและเลือดพุ่งแบบสยองสุด ๆ

ชลถูกส่งไปหา หมออุษา จิตแพทย์ที่พยายามช่วยแกะปมฝันร้ายของเขา แต่ยิ่งสืบ เขายิ่งเจอความจริงที่ชวนสับสน อย่างการเห็นตัวเองในฝันกำลังสับศพ หรือการถูกผีของ ดาราราย อาจารย์มหาวิทยาลัยลึกลับตามหลอกให้ “หาฉันให้เจอ” ชลเริ่มสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับตัวเองและคนรอบตัว โดยเฉพาะเมื่อคนที่พูดถึงดารารายมักจะตายแบบน่าสยอง เช่น โดนลวดหนามหรือละลายในถังกรด ความจริงสุดช็อกคือชลไม่ใช่ชลจริง ๆ แต่เป็น บุคลิกหนึ่งของหมอสุธี ตัวร้ายที่มีความผิดปกติทางจิตและเชื่อว่าตัวเองคือชล บอกเลยว่าการแสดงของอารักษ์ในบทนี้คือทั้งสับสน หวาดกลัว และคลั่งได้แบบถึงใจ ทำให้เราอินไปกับความหลอนของชลสุด ๆ

ฉายา นักเดินทางในฝันร้าย
เพราะชีวิตเขาคือการเดินทางผ่านฝันร้ายที่เหมือนจริงจนน่ากลัว ทุกครั้งที่หลับตา ชลต้องเผชิญกับภาพหลอนของผีดาราราย แมวดำ หรือทารกในครรภ์ ที่พาเขาไปยังสถานที่แปลก ๆ โดยไม่รู้ตัว ราวกับถูกขังอยู่ในเขาวงกตของจิตใจ การแสดงของอารักษ์ทำให้เรารู้สึกถึงความหวาดกลัวและความสับสนของชลได้ชัดเจน โดยเฉพาะฉากที่เขาเห็นตัวเองสับศพในห้องลับ มันเหมือนชลกำลังเดินอยู่ในฝันร้ายที่ไม่มีทางออก และสุดท้ายเราก็รู้ว่า “ฝันร้าย” นั้นคือส่วนหนึ่งของจิตใจที่แตกสลายของสุธี ฉายานี้เลยสะท้อนตัวตนของชลที่เป็นทั้งเหยื่อและเงาสะท้อนของความจริงอันน่าสะพรึงกลัว

ข้อคิด ความจริงอาจซ่อนอยู่ในเงามืดของจิตใจ
ชลสอนเราว่าบางครั้งสิ่งที่เราเห็นหรือเชื่ออาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ชีวิตของชลเต็มไปด้วยภาพหลอนและปริศนาที่ทำให้เขาสงสัยในตัวเองและสิ่งรอบตัว จนสุดท้ายเรารู้ว่าชลคือบุคลิกที่ถูกสร้างขึ้นในจิตใจของสุธี เรื่องนี้ทำให้คิดได้ว่าบางทีสิ่งที่เรากลัวหรือสิ่งที่เราคิดว่าเป็นความจริงอาจเป็นแค่เงาสะท้อนของความกลัวหรือความลับที่ซ่อนอยู่ในใจเรา การเผชิญหน้ากับความจริงอาจเจ็บปวดเหมือนที่ชล (หรือสุธี) ต้องเจอ แต่บางครั้งมันก็เป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากฝันร้าย บทเรียนนี้ชวนให้เรามองลึกเข้าไปในตัวเองและตั้งคำถามว่าเรากำลังหลอกตัวเองด้วยภาพลวงตาอะไรอยู่หรือเปล่า

→ กฤตธีรา อินพรวิจิตร รับบท พญ.อุษา พัฒนพงศ์ (หมออุษา) ภรรยาของหมอสุธี เป็นจิตแพทย์

7fb808e0 a553 11ee 8457 25d354efa159 webp original
กฤตธีรา อินพรวิจิตร

หมออุษาคือจิตแพทย์สาวที่ทั้งเก่งและมีหัวใจเปราะบาง เธอเป็นภรรยาของ หมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) ซึ่งเริ่มห่างเหินกัน และเป็นแม่ของ น้องเมย์ เด็กน้อยที่น่ารักแต่ต้องเผชิญเรื่องราวสะเทือนใจ อุษาเข้ามาในเรื่องเมื่อ ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาวิศวะที่ถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้าย ถูกส่งตัวมารักษากับเธอ ฝันร้ายของชลที่เห็นผู้หญิงถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แมวดำหน้าตาแปลก ๆ และทารกในครรภ์ ทำให้อุษาต้องใช้ความรู้จิตแพทย์เพื่อแกะปม แต่ยิ่งขุดลึก เธอก็ยิ่งพบว่าปัญหาของชลเชื่อมโยงกับตัวเธอเองและสุธี สามีของเธอ

อุษาเริ่มสืบเรื่อง ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีพลังสะกดจิตและหายตัวไปอย่างลึกลับ เธอค้นพบความลับว่าสุธีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับดาราราย ซึ่งนำไปสู่การเปิดเผยเรื่องราวการฆาตกรรมสุดสยอง อุษาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้ายเกี่ยวกับสามีของเธอ และในตอนท้าย เธอกลายเป็นเหยื่อของสุธีที่ป่วยจิตและเข้าใจผิดว่าเธอคือผีดาราราย การแสดงของกฤตธีราทำให้เราเห็นความแข็งแกร่งและความเปราะบางของอุษาได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะฉากที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงเกี่ยวกับครอบครัว บอกเลยว่าเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและน่าชื่นชม

ฉายา นักแกะปมแห่งเงามืด
ฉายานี้เหมาะกับหมออุษาสุด ๆ เพราะเธอคือคนที่พยายามแกะปมปริศนาของเรื่องราวอันมืดมนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝันร้ายของชลหรือความลับของสุธีสามีของเธอ อุษาใช้ความรู้ด้านจิตวิทยาและความกล้าที่จะขุดค้นความจริง แม้ว่ามันจะนำไปสู่ความเจ็บปวดก็ตาม การแสดงของกฤตธีราในบทนี้ทำให้เราเห็นความมุ่งมั่นของอุษาที่เหมือนนักสืบในโลกของความหลอน เธอไม่ยอมหยุดจนกว่าความจริงจะปรากฏ แม้ว่าสุดท้ายความจริงนั้นจะทำร้ายเธอเอง ฉายานี้สะท้อนบทบาทของอุษาที่เป็นเหมือนแสงสว่างที่พยายามส่องเข้าไปในเงามืดของเรื่องราว

ข้อคิด ความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงอาจมีราคาที่ต้องจ่าย
หมออุษาสอนเราว่าการแสวงหาความจริงไม่ใช่เรื่องง่าย และบางครั้งมันมาพร้อมกับความเจ็บปวด อุษาตั้งใจช่วยชลแกะปมฝันร้าย และสืบหาความลับเกี่ยวกับดารารายและสุธี แต่ยิ่งขุดลึก เธอก็ยิ่งพบว่าความจริงนั้นเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเธอเอง และสุดท้ายต้องเผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมเมื่อสุธีเข้าใจผิดว่าเธอคือผีและทำร้ายเธอ บทเรียนจากอุษาคือการกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงอาจนำไปสู่ความเจ็บปวด แต่ถ้าไม่กล้าตั้งคำถาม เราอาจติดอยู่ในความลวงตาไปตลอดกาล เรื่องนี้ชวนให้คิดว่าบางครั้งเราต้องยอมรับความเจ็บเพื่อก้าวต่อไป

→ อรจิรา แหลมวิไล รับบท เอ๋ พี่สาวของชลสิทธิ์ที่เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด

695df270 ccdf 11eb b5fb 05c893d7003b original
อรจิรา แหลมวิไล

เอ๋คือพี่สาวของ ชลสิทธิ์ (ชล) (อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาวิศวะที่เจอฝันร้ายสุดหลอน เธอเป็น นักศึกษาแพทย์ฝึกหัด ที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าที่กรุงเทพฯ ร่วมกับน้องชาย เอ๋ให้ฟีลพี่สาวที่ทั้งห่วงใยและคอยดูแลชล ในช่วงที่ชลเริ่มเจอภาพหลอน เช่น ผู้หญิงที่เหมือนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แมวดำหน้าตาแปลก ๆ หรือทารกในครรภ์ เอ๋คือคนที่อยู่เคียงข้างและพยายามช่วยให้ชลผ่านพ้นความสับสน แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าชลกำลังเผชิญอะไรบ้าง

บทของเอ๋อาจจะไม่ได้เด่นเท่าตัวหลักอย่างชลหรือ หมออุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) แต่เธอมีบทบาทสำคัญในฐานะจุดยึดเหนี่ยวทางอารมณ์ของชล โดยเฉพาะเมื่อผีของ ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) ขู่จะทำร้ายเอ๋ ทำให้ชลถึงกับคลั่งและปกป้องพี่สาวสุดชีวิต การแสดงของอรจิราในบทนี้คือถ่ายทอดความเป็นพี่สาวที่ทั้งอบอุ่นและเปราะบางได้ดี ทำให้เรารู้สึกว่าเอ๋คือตัวแทนของครอบครัวที่ชลพยายามรักษาไว้ แม้ว่าสุดท้ายเราจะรู้ว่าชลไม่ใช่ชลจริง ๆ แต่เป็นบุคลิกหนึ่งของ หมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) ที่ป่วยจิต เอ๋เลยกลายเป็นตัวละครที่ยิ่งทำให้เรื่องราวดูน่าสงสารและสะเทือนใจ

ฉายา ผู้พิทักษ์เงียบ
ฉายานี้เหมาะกับเอ๋สุด ๆ เพราะเธอคือพี่สาวที่คอยเป็นที่พึ่งของชลอย่างเงียบ ๆ แม้จะไม่ใช่ตัวละครที่ออกมาบู๊หรือแก้ปมปริศนาเหมือนหมออุษา แต่เอ๋คือจุดยึดเหนี่ยวที่ทำให้ชลรู้สึกว่ายังมีครอบครัวอยู่ข้าง ๆ การแสดงของอรจิราทำให้เราเห็นความห่วงใยและความแข็งแกร่งแบบเงียบ ๆ ของเอ๋ โดยเฉพาะในช่วงที่ชลเริ่มเสียสติจากฝันร้ายและผีดาราราย ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่เหมือนเป็นผู้พิทักษ์ในเงามืด คอยสนับสนุนชลแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และยิ่งเมื่อผีดารารายขู่จะทำร้ายเธอ มันยิ่งทำให้เห็นว่าเอ๋สำคัญต่อชลขนาดไหน แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีส่วนในปมหลักของเรื่องก็ตาม

ข้อคิด ครอบครัวคือพลังที่ยึดเหนี่ยวใจ แม้ในยามมืดมิด
เอ๋สอนเราว่าครอบครัวคือสิ่งที่ทำให้เรายังมีแรงสู้ต่อ แม้ว่าจะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหน ในเรื่อง ชลเผชิญฝันร้ายและความสับสนจากภาพหลอน แต่เอ๋คือคนที่ทำให้เขารู้สึกว่ายังมีที่พึ่งทางใจ การที่ชลยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเอ๋เมื่อผีดารารายข่มขู่ แสดงให้เห็นว่าความรักในครอบครัวเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าสุดท้ายชลจะเป็นเพียงบุคลิกหนึ่งของสุธี แต่ความรู้สึกของชลที่มีต่อเอ๋ก็สะท้อนถึงพลังของสายสัมพันธ์ครอบครัว ข้อคิดนี้ชวนให้เรานึกถึงคนที่เรารักและเป็นกำลังใจให้เราในวันที่ทุกอย่างดูมืดมน ว่าไม่ว่าโลกจะโหดร้ายแค่ไหน ครอบครัวคือแสงสว่างที่ช่วยพยุงเราไว้

→ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล รับบท ดาราราย สุวมงคล (อาจารย์ดาราราย)

210614kngi1
ภัทรวรินทร์ ทิมกุล

ดารารายคืออาจารย์มหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยปริศนาและพลังลึกลับ เธอมี พลังสะกดจิต ที่เหมือนมีมนต์สะกด ทำให้คนรอบตัวหลงใหลแต่ก็หวาดกลัวไปพร้อมกัน ในเรื่อง ดารารายมีบทบาทสำคัญเมื่อ ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาวิศวะที่ถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายเริ่มเห็นภาพของเธอในฐานะผีที่เหมือนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเย็บต่อใหม่ เธอปรากฏตัวซ้ำ ๆ พร้อมคำพูดชวนขนลุกว่า “หาฉันให้เจอ” ทำให้ชลต้องตามหาความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของเธอ

แต่ยิ่งเรื่องดำเนินไป ความลับของดารารายก็ค่อย ๆ เผยออกมา เธอมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับ หมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) สามีของ หมออุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) และถ่ายรูปตอนทั้งคู่อยู่บนเตียงเพื่อ แบล็กเมล์ สุธี หรือขู่จะบอกภรรยาของเขา สุธีเลยลงมือโหด วางยาดาราราย ฉีดยาทำให้เป็นอัมพาต แล้วหั่นร่างเธอในห้องลับ แต่ดารารายไม่ยอมจบง่าย ๆ เธอใช้พลังสะกดจิตฝังความโกลาหลไว้ในจิตใจของสุธีก่อนตาย และกลายเป็น ผี ที่ตามแก้แค้นอย่างไม่ลดละ การแสดงของภัทรวรินทร์คือสุดยอดมาก เธอทำให้ดารารายทั้งน่ากลัวและมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นตอนมีชีวิตที่ดูเย่อหยิ่ง หรือตอนเป็นผีที่หลอนจนติดตา โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่เธอ “ให้อภัย” สุธีแต่ปลุกให้เขาตื่นมาระหว่างผ่าตัด บอกเลยว่าโหดสุด

ฉายา วิญญาณนักแก้แค้น
ฉายานี้เหมาะกับดารารายแบบสุด ๆ เพราะเธอคือผีที่ไม่ใช่แค่หลอกหลอน แต่มีเป้าหมายชัดเจนคือการแก้แค้น ภัทรวรินทร์ถ่ายทอดความน่าสะพรึงกลัวของดารารายได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ตอนที่ปรากฏในฝันของชลด้วยร่างที่เหมือนถูกหั่น หรือตอนที่กระซิบ “หาฉันให้เจอ” ไปจนถึงฉากสุดท้ายที่เธอควบคุมจิตใจของสุธี ดารารายไม่ใช่ผีธรรมดา เธอฉลาด วางแผน และใช้พลังสะกดจิตทั้งตอนมีชีวิตและหลังตายเพื่อทำให้สุธีต้องชดใช้ การที่เธอ “ให้อภัย” แต่ทำให้สุธีตื่นมาระหว่างผ่าตัดคือการแก้แค้นที่ทั้งโหดและมีสไตล์ ฉายานี้เลยสะท้อนตัวตนของดารารายที่เป็นทั้งเหยื่อและผู้ลงทัณฑ์ในเงามืด

ข้อคิด การแก้แค้นอาจนำมาซึ่งวงจรแห่งความเจ็บปวด
ดารารายสอนเราว่าการแก้แค้น แม้จะดูสะใจ แต่สุดท้ายก็อาจกลายเป็นวงจรที่ไม่มีวันจบ เธอถูกสุธีฆ่าอย่างโหดร้าย และเลือกใช้พลังสะกดจิตและการเป็นผีเพื่อแก้แค้น ทำให้สุธีต้องเผชิญกับความทรมานทั้งกายและใจ การที่เธอทำให้สุธีมีบุคลิกภาพหลายอย่างและต้องทนทุกข์ในตอนจบแสดงให้เห็นว่า ความแค้นของดารารายไม่ได้แค่ทำร้ายสุธี แต่ยังส่งผลกระทบถึงคนรอบข้างอย่างหมออุษาและน้องเมย์ ข้อคิดนี้ชวนให้เราคิดว่าการยึดติดกับความแค้นอาจทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด และบางครั้งการปล่อยวางอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าการจมอยู่ในวงจรแห่งความเกลียดชัง

→ ปรเมศร์ น้อยอ่ำ (ปลาย ปรเมศร์) รับบท นพ.สุธี พัฒนพงศ์ (หมอสุธี) สามีของหมออุษา

Pramet noi am
ปรเมศร์ น้อยอ่ำ (ปลาย ปรเมศร์)

หมอสุธีคือสามีของ หมออุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์สาว และเป็นพ่อของ น้องเมย์ เขาดูภายนอกเหมือนหมอที่ประสบความสำเร็จ แต่แท้จริงแล้วมีความลับมืดดำซ่อนอยู่ สุธีมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับ ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีพลังสะกดจิต และเมื่อดารารายถ่ายรูปตอนทั้งคู่อยู่บนเตียงเพื่อแบล็กเมล์หรือขู่จะบอกอุษา สุธีเลยตัดสินใจลงมือโหด วางยาดาราราย ฉีดยาทำให้เป็นอัมพาต แล้วหั่นร่างเธอในห้องลับของบ้านเช่า

แต่เรื่องมันซับซ้อนกว่านั้น เพราะสุธีป่วยเป็น โรคบุคลิกภาพหลายอย่าง หลังจากถูกดารารายสะกดจิตก่อนตาย ทำให้เขาเชื่อว่าตัวเองคือ ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาวิศวะที่ตายไปแล้ว สุธีในร่างชลเห็นภาพหลอนของดาราราย แมวดำ และทารกในครรภ์ และต้องเผชิญฝันร้ายที่เหมือนจริงสุด ๆ เขาคือคนที่ก่อเหตุฆาตกรรมโหด ๆ เช่น ฆ่าผู้ช่วยสอนด้วยลวดหนาม หรือฆ่าหมอจิ๊บในถังกรด โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นฆาตกร สุดท้ายเมื่อความจริงเปิดเผยในห้องดับจิตว่าศพหมายเลข 19 คือชล สุธีถูกจับ แต่พยายามหนีจากรถตู้ตำรวจ ก่อนจะถูกเสาเหล็กเสียบตายคาที่ และในฉากสุดท้าย ผีดารารายยังตามมาทำให้เขาตื่นระหว่างผ่าตัด กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด การแสดงของปรเมศร์คือสุดยอด เขาทำให้สุธีทั้งน่าสงสารและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

ฉายา เงามืดแห่งจิตใจแตกสลาย
ฉายานี้เหมาะกับสุธีสุด ๆ เพราะเขาคือตัวละครที่เหมือนเงามืดที่ซ่อนอยู่ในจิตใจที่แตกสลาย การแสดงของปรเมศร์ถ่ายทอดความซับซ้อนของสุธีได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ตอนที่ดูเป็นหมอปกติ ไปจนถึงการเป็นฆาตกรโหด และคนที่ป่วยจิตจนเชื่อว่าตัวเองเป็นชล บุคลิกภาพที่หลากหลายของเขาทำให้เรารู้สึกถึงความมืดในจิตใจที่ถูกดารารายสะกดจิตจุดชนวน และกลายเป็นวงจรแห่งความรุนแรง ฉายานี้สะท้อนตัวตนของสุธีที่เป็นทั้งเหยื่อและผู้ร้าย ถูกขังอยู่ในความโกลาหลของจิตใจตัวเอง

ข้อคิด ความลับที่ซ่อนไว้ย่อมนำมาซึ่งหายนะ
สุธีสอนเราว่าการซ่อนความลับและการกระทำที่ผิดอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง สุธีพยายามปกปิดความสัมพันธ์กับดารารายและลงมือฆ่าเธอเพื่อรักษาความลับนั้น แต่การกระทำของเขากลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ เมื่อดารารายใช้พลังสะกดจิตทำให้เขากลายเป็นคนที่มีหลายบุคลิก และต้องเผชิญกับการแก้แค้นจากผีของเธอ ข้อคิดนี้ชวนให้เราคิดว่าการพยายามปกปิดความจริงหรือหนีจากผลของการกระทำอาจทำให้ทุกอย่างพังทลายลง และบางครั้งการยอมรับความผิดตั้งแต่แรกอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าการปล่อยให้ความลับกลายเป็นโซ่ตรวนที่ทำลายชีวิต

→ วัสนัย ภคพงศ์พันธ์ รับบท นพ.จิ๊บ (หมอจิ๊บ) รุ่นน้องของสุธี

A925BC3 7F14051 7B3E84C
วัสนัย ภคพงศ์พันธุ์

หมอจิ๊บคือรุ่นน้องของ หมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) ตัวละครหลักที่มีความลับมืดดำ เขาเป็นหมอหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย แต่มีบทบาทสำคัญเมื่อเข้ามาเกี่ยวข้องกับปริศนาการหายตัวไปของ ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีพลังสะกดจิต ในเรื่อง หมอจิ๊บปรากฏตัวเมื่อ ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) ที่ถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายเกี่ยวกับดารารายและภาพหลอนต่าง ๆ เช่น ร่างที่ถูกหั่น แมวดำแปลก ๆ และทารกในครรภ์ มาพูดคุยกับเขาเพื่อหาความจริง

การที่หมอจิ๊บรู้เรื่องดารารายทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของโชคชะตาอันน่าสยดสยอง เมื่อเขาเข้าใกล้ความลับของสุธีและดาราราย หมอจิ๊บต้องพบจุดจบสุดช็อกด้วยการ ละลายในถังกรด ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากที่โหดและน่าจดจำของเรื่อง การตายของเขาเป็นส่วนหนึ่งของแพทเทิร์นที่ใครก็ตามที่รู้เรื่องดารารายมักจะเจอชะตากรรมร้ายแรง เช่นเดียวกับผู้ช่วยสอนที่ตายด้วยลวดหนาม การแสดงของวัสนัยในบทนี้แม้จะสั้น แต่ก็ทำให้หมอจิ๊บดูเป็นตัวละครที่มีชีวิตจริง ๆ ด้วยท่าทีที่ดูเป็นมิตรแต่ก็แอบสงสัยอะไรบางอย่าง ทำให้เรารู้สึกเสียดายที่เขาต้องจากไปเร็วเกิน

ฉายา เหยื่อแห่งความลับ
ฉายานี้เหมาะกับหมอจิ๊บสุด ๆ เพราะเขาคือตัวละครที่ต้องจบชีวิตเพียงเพราะเข้าใกล้ความลับของดารารายและสุธีมากเกินไป การแสดงของวัสนัยทำให้หมอจิ๊บดูเป็นหมอหนุ่มที่ดูธรรมดาแต่มีบทบาทสำคัญในฐานะตัวเชื่อมโยงปริศนา การที่เขาคุยกับชลเกี่ยวกับดารารายทำให้เขาเหมือนเป็นเหยื่อที่ไม่รู้ตัวของเกมอันตรายที่สุธีและผีดารารายสร้างขึ้น ฉายานี้สะท้อนชะตากรรมของหมอจิ๊บที่ต้องพบจุดจบเพียงเพราะรู้มากเกินไป และเป็นเครื่องเตือนใจว่าในโลกของ บอดี้..ศพ#19 ความลับบางอย่างมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่ายด้วยชีวิต

ข้อคิด ความอยากรู้บางครั้งอาจนำมาซึ่งอันตราย
หมอจิ๊บสอนเราว่าการอยากรู้อยากเห็นหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความลับของคนอื่นอาจนำไปสู่อันตรายที่คาดไม่ถึง ในเรื่อง เขาแค่พูดคุยกับชลเกี่ยวกับดาราราย แต่การที่เขาเข้าใกล้ความจริงทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของโศกนาฏกรรม การตายในถังกรดคือจุดจบที่โหดร้ายและเป็นเครื่องเตือนใจว่าในบางสถานการณ์ การไม่รู้บางอย่างอาจปลอดภัยกว่า ข้อคิดนี้ชวนให้เราคิดถึงการตัดสินใจในชีวิตจริงว่าบางครั้งการอยากรู้มากเกินไป โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความลับมืดดำ อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เราไม่พร้อมจะรับมือ

→ ด.ญ.เกวลิน คุรุธรรม รับบท น้องเมย์ ลูกสาวของอุษาและสุธี

น้องเมย์คือลูกสาวตัวน้อยของ หมออุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์ และ หมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) หมอที่มีความลับมืดดำ เธอเป็นเด็กที่ดูไร้เดียงสาและน่ารัก แต่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่โหดร้ายเกินกว่าที่เด็กคนนึงควรจะรับมือ ในเรื่อง เมย์ปรากฏตัวในช่วงที่ปริศนาของ ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) ซึ่งต่อมาเฉลยว่าเป็นบุคลิกหนึ่งของสุธี เริ่มเข้มข้นขึ้น ชลถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายเกี่ยวกับ ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ถูกฆาตกรรม และเห็นภาพหลอนอย่างร่างที่ถูกหั่น แมวดำแปลก ๆ และทารกในครรภ์

จุดสำคัญของเมย์คือฉากที่ชล (ซึ่งจริง ๆ คือสุธีที่ป่วยจิต) คว้าไม้แทงผีดารารายต่อหน้าเธอที่บ้านของอุษา เมย์ตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ และกลายเป็นพยานของความโกลาหลที่เกิดจากความผิดปกติทางจิตของพ่อตัวเอง แม้ว่าเมย์จะมีบทไม่เยอะ แต่การแสดงของเกวลินทำให้เราเห็นความหวาดกลัวและความเปราะบางของเด็กที่ต้องเผชิญหน้ากับความรุนแรงในครอบครัว เธอคือตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกถึงความสูญเสียและผลกระทบจากความลับของผู้ใหญ่ที่ลุกลามมาถึงเด็ก

ฉายา ดวงตาไร้เดียงสาในพายุ
 ฉายานี้เหมาะกับน้องเมย์สุด ๆ เพราะเธอเหมือนดวงตาคู่เล็ก ๆ ที่บริสุทธิ์แต่ต้องเห็นอะไรที่หนักหนาเกินวัย การแสดงของเกวลินทำให้เมย์ดูเป็นเด็กที่ทั้งน่ารักและน่าสงสาร โดยเฉพาะในฉากที่เธอเห็นชล (สุธี) แทงผีดาราราย ความหวาดกลัวในแววตาของเมย์สะท้อนว่าเธอคือเด็กที่ติดอยู่ในพายุแห่งความบ้าคลั่งและความลับของครอบครัว ฉายานี้บ่งบอกถึงบทบาทของเมย์ที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนผลกระทบจากความผิดพลาดของผู้ใหญ่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีส่วนในปมหลัก แต่การมีอยู่ของเธอทำให้เรื่องราวหนักแน่นและสะเทือนใจมากขึ้น

ข้อคิด เด็กคือผู้รับผลกระทบจากความผิดพลาดของผู้ใหญ่
น้องเมย์สอนเราว่าความผิดพลาดและความลับของผู้ใหญ่มักส่งผลกระทบถึงเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ในเรื่อง เมย์ต้องเห็นพ่อของตัวเอง (สุธี) ในสภาพที่บ้าคลั่งและก่อเหตุรุนแรง โดยที่เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ความหวาดกลัวของเมย์ในฉากที่เห็นการโจมตีของชล (สุธี) ทำให้เราเห็นว่าเด็กมักกลายเป็นเหยื่อของปัญหาที่พวกเขาไม่ได้ก่อ ข้อคิดนี้ชวนให้เราคิดถึงความรับผิดชอบของผู้ใหญ่ในการปกป้องเด็กจากผลกระทบของความขัดแย้งหรือความลับในครอบครัว เพราะเด็กอย่างเมย์สมควรได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ไม่ใช่ต้องเผชิญหน้ากับฝันร้ายที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้น

→ กนกวรรณ กอปรกีรติพงศ์ รับบท นก ผู้ช่วยของดาราราย

นกคือผู้ช่วยของ ดาราราย สุวมงคล (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยลึกลับที่มีพลังสะกดจิตและความสัมพันธ์ลับกับหมอสุธี (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) เธอทำงานใกล้ชิดกับดารารายในมหาวิทยาลัย ช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ รวมถึงปริศนาที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเจ้านาย ในเรื่อง นกมีบทบาทสำคัญเมื่อ หมออุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์ที่กำลังสืบปมฝันร้ายของ ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาที่เห็นภาพหลอนของดารารายในร่างที่ถูกหั่น แมวดำแปลก ๆ และทารกในครรภ์ ไปถามนกเกี่ยวกับดาราราย

นกคือคนที่รู้ข้อมูลมากพอที่จะช่วยคลายปม แต่การที่เธอเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรมของสุธีที่วางยาและหั่นร่างดารารายในห้องลับ ทำให้เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอันตราย นกอาจไม่ใช่ตัวเอก แต่เธอช่วยเชื่อมโยงปริศนาให้ชัดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคนที่ถามเรื่องดารารายมักเจอชะตาร้ายอย่างผู้ช่วยสอนที่ตายด้วยลวดหนามหรือหมอจิ๊บที่ละลายในถังกรด การแสดงของกนกวรรณทำให้เห็นนกในฐานะผู้ช่วยที่ทั้งซื่อสัตย์แต่ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว ทำให้ตัวละครนี้ดูเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ติดอยู่ในเรื่องมืดมน

ฉายา ผู้ช่วยในเงาลึกลับ
ฉายานี้เหมาะกับนกสุด ๆ เพราะเธอคือผู้ช่วยที่ทำงานในเงาของดารารายผู้ลึกลับ การแสดงของกนกวรรณถ่ายทอดความเป็นผู้ช่วยที่ทั้งช่วยเหลือและไม่รู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในอันตรายจากปริศนาการหายตัวไปของเจ้านาย นกคือคนที่หมออุษาไปถามข้อมูล ซึ่งช่วยให้เรื่องดำเนินไป แต่ก็ทำให้เธอเสี่ยงต่อการถูกดึงเข้าไปในวงจรฆาตกรรมของสุธี ฉายานี้สะท้อนบทบาทของนกที่เป็นเหมือนเงาที่คอยสนับสนุนดาราราย แต่ในขณะเดียวกันก็ซ่อนความเสี่ยงที่มาจากความลับที่เธอรู้โดยไม่ตั้งใจ

ข้อคิด การทำงานใกล้ชิดกับความลับอาจทำให้เราตกอยู่ในอันตรายโดยไม่รู้ตัว
นกสอนเราว่าการทำงานหรืออยู่ใกล้ชิดกับคนที่มีความลับมืดมิดอาจนำพาเราไปสู่ความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ในเรื่อง นกแค่ทำหน้าที่ผู้ช่วยของดาราราย แต่เมื่อหมออุษามาถามข้อมูล เธอก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของปริศนาที่เชื่อมโยงกับการฆาตกรรมและผีที่แก้แค้น ข้อคิดนี้ชวนให้เราคิดถึงการตัดสินใจในชีวิตจริงว่าบางครั้งการรู้มากเกินไปหรืออยู่ใกล้คนที่มีด้านมืดอาจทำให้เราต้องจ่ายราคาแพง และควรระวังตัวเมื่อเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ชัดเจน

→ สุธาสินี พุทธินันทน์ รับบท นักร้องงานคอนเสิร์ต

00 A5B1564961C3E480
สุธาสินี พุทธินันทน์

นักร้องงานคอนเสิร์ตคือตัวละครประกอบที่ปรากฏในฉากที่ ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักศึกษาวิศวะที่ถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้าย ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในงานคอนเสิร์ตโดยจำไม่ได้ว่าไปถึงที่นั่นได้ยังไง ฉากนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสับสนที่ชลต้องเจอ เมื่อเขาถูกภาพหลอนของ ดาราราย (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ถูกฆาตกรรม รวมถึงภาพร่างที่ถูกหั่น แมวดำแปลก ๆ และทารกในครรภ์ ตามหลอกจนเสียสติ นักร้องคนนี้ปรากฏตัวในช่วงที่ชลรู้สึกว่าโลกความจริงกับฝันร้ายเริ่มผสมกัน ซึ่งช่วยขับเน้นความวุ่นวายในจิตใจของเขา

ถึงบทของนักร้องจะสั้นและไม่มีชื่อเฉพาะ แต่การที่สุธาสินีแสดงในฉากคอนเสิร์ตช่วยสร้างบรรยากาศที่ทั้งครึกครื้นและชวนให้รู้สึกผิดปกติ เพราะชลไม่รู้ตัวว่ามาทำอะไรที่นี่ การปรากฏตัวของเธอในฐานะนักร้องที่ร้องเพลงท่ามกลางฝูงชนทำให้ฉากนี้กลายเป็นภาพจำที่ตอกย้ำความหลอนของเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อมันเชื่อมโยงกับการที่ชล (ที่จริงคือ หมอสุธี ซึ่งป่วยเป็นโรคบุคลิกภาพหลายอย่าง) เริ่มสูญเสียการควบคุมตัวเอง การแสดงของสุธาสินีอาจไม่เด่นในแง่บทพูด แต่ช่วยเติมเต็มความรู้สึกแปลกประหลาดของฉากได้ดี

ฉายา เสียงสะท้อนในฝันร้าย
ฉายานี้เหมาะกับนักร้องงานคอนเสิร์ตสุด ๆ เพราะเธอเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของฝันร้ายที่ชลต้องเผชิญ การแสดงของสุธาสินีในฉากคอนเสิร์ตทำให้เราเห็นภาพของความครึกครื้นที่ตัดกับความสับสนของชล เสียงเพลงและบรรยากาศของคอนเสิร์ตกลายเป็นเหมือนฉากหลังที่สะท้อนความโกลาหลในจิตใจของเขา ฉายานี้บ่งบอกถึงบทบาทของเธอที่เป็นเหมือนเงาในฝันร้ายของชล ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกว่าโลกของเขากำลังแตกสลาย โดยเฉพาะเมื่อเรารู้ในตอนท้ายว่าชลคือบุคลิกหนึ่งของสุธีที่ถูกผีดารารายควบคุม

ข้อคิด สิ่งที่เห็นอาจเป็นเพียงภาพลวงในจิตใจที่สับสน
นักร้องงานคอนเสิร์ตสอนเราว่าสิ่งที่เราเห็นหรือสัมผัสอาจไม่ใช่ความจริง แต่เป็นภาพสะท้อนของความสับสนในใจ ฉากที่ชลพบตัวเองในคอนเสิร์ตโดยไม่รู้ว่าไปถึงที่นั่นได้ยังไงแสดงให้เห็นว่าเขากำลังสูญเสียการแยกแยะระหว่างความจริงกับภาพหลอน การปรากฏตัวของนักร้องในฉากนี้ช่วยตอกย้ำว่าบางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นจริงอาจเป็นแค่ภาพลวงที่จิตใจสร้างขึ้น ข้อคิดนี้ชวนให้เราตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัวในชีวิตจริง ว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ชัดเจน หรือแค่หลงอยู่ในความสับสนของตัวเองเหมือนชล


ดถึงสิ่งที่แฟน ๆ บอดี้..ศพ19 (2550) คงฝันถึง นั่นคือ ภาคต่อ ของหนังสยองขวัญไทยสุดปั่นประสาทจากค่ายจีทีเอช หนังภาคแรกทิ้งความหลอนและการหักมุมแบบช็อกโลกไว้ กับเรื่องราวของ ชล ที่จริง ๆ คือ หมอสุธี ผู้ป่วยจิตเภทที่ถูกผี ดาราราย แก้แค้นจนจบชีวิตอย่างน่าสยดสยอง ถ้าจะมี บอดี้..ศพ19 ภาค 2 ล่ะ เรื่องราวจะไปต่อยังไง

สิบแปดปีหลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญใน บอดี้..ศพ#19 ห้องดับจิตหมายเลข 19 กลายเป็นตำนานสยองขวัญของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เรื่องราวของ หมอสุธี ที่ป่วยจิตและเชื่อว่าตัวเองคือ ชล รวมถึงการแก้แค้นของผี ดาราราย ที่สะกดจิตเขาจนตายอย่างทรมาน ยังคงถูกเล่าขานในหมู่นักศึกษาแพทย์ แต่ความจริงที่ถูกฝังไว้ในห้องลับและลิ้นชักศพหมายเลข 19 ดูเหมือนจะยังไม่จบ เงามืดของดารารายไม่ได้หายไป และพลังสะกดจิตของเธอกำลังจะปลุกฝันร้ายครั้งใหม่ คราวนี้เป้าหมายคือคนที่รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งแรก และคนรุ่นใหม่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังก้าวเข้าสู่เงามืด

เรื่องราวเริ่มต้นในปี 2568 น้องเมย์ (ด.ญ.เกวลิน คุรุธรรม ในภาคแรก) ที่ตอนนี้โตเป็นสาววัย 25 ปี รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ที่เปี่ยมพลัง เธอชื่อ เมย์ พัฒนพงศ์ และกำลังฝึกงานเป็นจิตแพทย์เหมือนแม่ของเธอ หมออุษา ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในภาคแรก แต่เมย์มีบาดแผลในใจจากเหตุการณ์ที่เห็นพ่อของตัวเอง (หมอสุธี) บ้าคลั่งและแทงแม่ต่อหน้าเธอในวัยเด็ก เธอพยายามใช้ชีวิตปกติ แต่เริ่มมีฝันร้ายที่คล้ายกับที่ชลเคยเจอ เห็นภาพผู้หญิงที่เหมือนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเย็บต่อใหม่ และได้ยินเสียงกระซิบว่า “หาฉันให้เจอ… อีกครั้ง”

เมย์ตัดสินใจกลับไปที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเพื่อฝึกงาน และที่นั่นเธอได้พบกับ นที นักศึกษาแพทย์หนุ่มที่หลงใหลในตำนานศพหมายเลข 19 เขาค้นพบบันทึกเก่าของหมออุษาที่เขียนถึง ดาราราย และเริ่มสงสัยว่าพลังสะกดจิตของดารารายอาจไม่ได้จบลงเมื่อสุธีตาย แต่ถูกฝังไว้ในสถานที่หรือวัตถุบางอย่างในโรงพยาบาล เมย์และนทีเริ่มสืบเรื่องราว โดยมี หมออุษา (ที่ตอนนี้เกษียณและมีอาการหวาดระแวงจากเหตุการณ์ในอดีต) คอยให้คำแนะนำ แต่เตือนเมย์ว่า “อย่าขุดคุ้ยสิ่งที่ควรถูกฝัง”

เมื่อทั้งสองสืบลึกเข้าไป พวกเขาเจอ กล่องปริศนา ในห้องเก็บของเก่าของโรงพยาบาล ซึ่งมีของใช้ส่วนตัวของดาราราย รวมถึงกระจกโบราณที่ดูเหมือนจะมีพลังบางอย่าง เมย์เริ่มเห็นภาพหลอนในกระจก เห็นร่างของดารารายที่กระซิบว่า “ฉันยังไม่เสร็จ” และภาพของตัวเองที่เหมือนถูกหั่นเหมือนในฝันของชล นทีเองก็เริ่มมีอาการแปลก ๆ เห็นตัวเองในสถานที่ที่จำไม่ได้ เช่น ห้องผ่าตัดร้างหรือโกดังร้าง โดยมีแมวดำตาประหลาดคอยตามเขา

ความจริงค่อย ๆ เผยว่า พลังสะกดจิตของดารารายไม่ได้หายไป แต่ถูกถ่ายโอนไปยังกระจก ซึ่งกลายเป็นตัวกลางในการควบคุมจิตใจคนที่เข้าใกล้ ผีดารารายต้องการแก้แค้นต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของสุธี รวมถึงเมย์ที่เป็นลูกสาวของเขา และขยายไปถึงคนที่พยายามสืบเรื่องราวของเธออย่างนที ทีมนักศึกษาแพทย์ที่เข้ามาช่วยเมย์และนทีเริ่มตายทีละคนในเหตุการณ์สยอง เช่น ถูกเครื่องมือผ่าตัดเสียบ หรือจมน้ำในถังเก็บศพ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ มีรอยยิ้มของดารารายปรากฏในเงากระจก

เมย์และนทีค้นพบว่า วิธีหยุดดารารายคือต้องทำลายกระจก แต่การทำลายมันต้องเผชิญหน้ากับพลังสะกดจิตที่ทำให้ทั้งคู่เห็นภาพหลอนของกันและกันในฐานะฆาตกร เมย์เห็นนทีเป็นสุธีที่กำลังจะแทงเธอ ขณะที่นทีเห็นเมย์เป็นดารารายที่ถือมีด ฉากไคลแมกซ์เกิดขึ้นในห้องดับจิตหมายเลข 19 เดิม ที่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่ร้าง พวกเขาต้องต่อสู้กับภาพหลอนและพลังของดารารายเพื่อทำลายกระจก โดยมีหมออุษาที่ตัดสินใจกลับมาช่วยลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย

ในตอนจบ เมย์และนทีทำลายกระจกได้ แต่ต้องแลกด้วยการเสียสละครั้งใหญ่ หมออุษายอมให้ตัวเองถูกพลังของดารารายครอบงำเพื่อปกป้องเมย์ ทำให้เธอตายในห้องดับจิต เมย์รอดมาได้ แต่เริ่มสงสัยว่าเธออาจยังถูกพลังของดารารายบางส่วนตามหลอกต่อ ฉากสุดท้ายจบด้วยเมย์ที่มองตัวเองในกระจกแตก และเห็นเงาของดารารายยิ้มอยู่ข้างหลัง