ละคร แหวนทองเหลือง 2558 (EP.1-7 ตอนจบ) END ดวงใจหญิงสาวชาวชนบทที่รักและศรัทธาในความรัก เธอพบรักกับ กฤษดา ชายหนุ่มจากเมืองกรุง ทั้งคู่ตกลงแต่งงานกัน แต่แล้วกฤษดากลับหายตัวไปอย่างลึกลับ ดวงใจเสียใจมาก เธอจึงออกตามหากฤษดา ระหว่างทาง ดวงใจต้องเผชิญกับความยากลำบากนานัปการ เธอต้องต่อสู้กับอุปสรรคมากมาย ทั้งจากครอบครัวของกฤษดา รวมไปถึงคนรักใหม่ของกฤษดาเอง ในที่สุด ดวงใจก็พบกับกฤษดาอีกครั้ง แต่แล้วความทรงจำของกฤษดากลับเลือนหายไป เขาจำดวงใจไม่ได้

พระยาดำรงพิรมย์หรือที่ทุกคนเรียกตามยศตำแหน่งท่านว่าท่านเจ้าคุณเทศา (นาถ ภูวนัย) ได้ช่วยเหลือเสือปาน (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ให้รอดพ้นจากการถูกจับกุม และกลับตัวเป็นคนดี ซึ่งในสมัยนั้นโจรปล้นฆ่าจะต้องถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่เพราะเสือปานไม่ได้มีจิตใจโหดเหี้ยมแต่ด้วยความลำบากอย่างถึงที่สุดจึงจำเป็นต้องมาเป็นโจร



ละคร แหวนทองเหลือง 2558


ละคร แหวนทองเหลือง 2558

เจ้าคุณเทศาได้ซื้อที่ปลูกบ้านที่แม่ริม ด้วยหวังว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณในดินแดนที่ผูกพันรักใคร่กับคนในท้องถิ่นอย่างแน่นแฟ้น ปานที่กลับตัวเป็นคนดี และรักใคร่สำนึกในบุญคุณของเจ้าคุณเทศารับอาสาดูแลบ้านให้อย่างดี และยังดูแลถึงชาวบ้านรอบ ๆ จึงได้เป็นกำนัน แต่เจ้าคุณเทศากลับไม่ได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เชียงใหม่อย่างที่ต้องการ เพราะสุขภาพที่ป่วยรักษาไม่หายขาด ทำให้ต้องอยู่บ้านที่ทุ่งมหาเมฆ โดยมีสมร (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) เมียบ่าวที่คอยหาแต่ประโยชน์ให้ตัวเองคอยดูแล ทำให้กำนันปานและชาวบ้านที่เชียงใหม่ต่างพากันรอคอยเจ้าคุณเทศาและลูกชายที่พวกเขารักใคร่เทิดทูนอยู่เสมอ

เจ้าคุณเทศามีลูกชายคนเดียว ชื่อร้อยเอกกฤษดา ดำรงธรรม (พันโทวันชนะ สวัสดี) นายทหารหนุ่มที่จบมาจากเวสต์พอยต์ กฤษดาเป็นนายทหารหนุ่มที่มีอุดมคติรักชาติบ้านเกิด โดยได้เห็นตัวอย่างจากบิดาที่รับราชการด้วยความสุจริตจริงใจ พระยาดำรงจึงส่งกฤษดาไปเชียงใหม่ เพราะที่นั่นมีแสงธรรม (น.ท.จงเจตน์ วัชระนันท์) ลูกชายชองพระยาสุริยัน ซึ่งเคยเป็นเพื่อนของกฤษดา ตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นสายของเสรีไทยอยู่ที่นั้น

พระยาดำรงส่งโทรเลขให้ปานรู้ว่ากฤษดา และเพื่อน ๆ จะมาเชียงใหม่ให้ปานคอยดูแลด้วย บ้านกำนันปานจึงตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะนายน้อยที่หายหน้าไปร่วมสิบปีจะกลับมา คนที่ตื่นเต้นมากที่สุดคือ ดวงใจ (สาวิกา ไชยเดช) ลูกสาวกำนันปาน ดวงใจเคยพบกฤษดาก่อนที่เขาจะเดินทางไปเมืองนอก ความสุภาพแสนดีของกฤษดาที่มีต่อเธอ ทำให้ดวงใจรักและเทอดทูนกฤษดาอย่างฝังใจ แต่ดวงใจก็ต้องผิดหวังอย่างมากเมื่อมีป่านแก้ว (ปกฉัตร เทียมชัย) คู่อาฆาตไม้เบื่อไม้เมาตั้งแต่เด็กร่วมคณะมาด้วย และที่แย่กว่านั้นคือดวงใจสังเกตได้ว่า ป่านแก้วหลงรัก กฤษดา

กฤษดาได้พบกับดวงใจในงานเลี้ยงต้อนรับที่ดวงใจเป็นเจ้ากี้เจ้าการจัดให้เขา ดวงใจโตเป็นสาวสวยอ่อนหวานละมุนละไมเหมือนดอกเอื้อง ดอกไม้แสนรักของเธอ ความน่ารักสดใสไม่ยอมแพ้ใครของดวงใจประทับใจกฤษดาจนกลายเป็นความรัก สำหรับดวงใจแล้ว กฤษดาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ ทั้งสองจึงแอบได้เสียกัน กฤษดาได้มอบล็อคเก็ตประจำตระกูลที่เขาห้อยติดตัวตั้งแต่เด็กให้ดวงใจ เพื่อให้ดวงใจมั่นใจในความรักของเขา

ดวงใจไม่มีอะไรจะให้กฤษดา นอกจากแหวนทองเหลืองที่พ่อเคยให้แม่ มอบให้กับกฤษดา เพื่อยืนยันหัวใจรักที่เธอมอบให้เขาคนเดียว กฤษดาหายตัวไปเฉย ๆ จากดวงใจ ดวงใจเสียใจแทบเป็นบ้าเพราะคิดว่ากฤษดาทิ้งเธอ แต่ด้วยคำมั่นสัญญาที่เคยให้ต่อกันทำให้ดวงใจเชื่อมั่นว่าต้องเกิดเรื่องกับกฤษดา ทำให้ดวงใจคิดจะมาตามหากฤษดาที่กรุงเทพฯ แต่ดวงใจมารู้ว่าตัวเองท้องและแพ้ท้องอย่างหนัก พอกำนันปานรู้เรื่องจึงยัดเยียดให้ดวงใจแต่งงานกับหนานอุย (กีรติ เทพธัญ) ที่หลงรักดวงใจมานานแล้ว

ดวงใจเดินไปตามทางรถไฟ เพื่อมุ่งมั่นที่จะมาให้ถึงกรุงเทพฯ ระหว่างทางพบหมอเมตตา (ภาณุ สุวรรณโณ) หมอของการทางรถไฟ หมอเมตตาทำคลอดให้ดวงใจ และพามาอยู่ด้วยที่บ้าน ดวงใจสำนึกบุญคุณที่หมอดีกับตัว จึงช่วยงานบ้านทุกอย่าง ถึงจะใช้เวลาแสนนานค้นหากฤษดาแต่ดวงใจก็ไม่ยอมสิ้นหวัง หมอเมตตาจึงพยายามหว่านล้อมให้ลืมกฤษดา แต่ดวงใจไม่ยอม ในวันหนึ่งหมอเมตตาเมาและพยายามปลุกปล้ำดวงใจ ดวงใจขัดขืนและตบหน้าหมอเมตตาจนรู้สึกตัว หมอเมตตาเสียใจต่อการกระทำของตัวเองมาก พยายามจะขอโทษดวงใจ แต่ก็พบว่าดวงใจหนีไปกับลูกแล้ว

เสาวรส (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) เป็นลูกคนจีนฐานะปานกลางพ่อมีเมียหลายคน แม่ของเสาวรสตายจึงโดนแม่เลี้ยงทารุณกลั่นแกล้ง เสาวรสทนไม่ไหวทำร้ายแม่เลี้ยงบาดเจ็บเลยโดนพ่อไล่ออกจากบ้าน เสาวรสจึงมาอยู่กับประคอง (ฉันทนา กิติยพันธ์) แม่ค้าข้างแกงปากร้าย ดวงใจช่วยประคองกับเสาวรสขายข้าวแกงจนขายดิบขายดี ช้อยเจ้าแม่เล้าเห็นดวงใจอยากได้มาเป็นผู้หญิงขายตัวในซ่องของตัวเอง จึงให้แมงดาไปดักฉุดไปข่มขืน ดวงใจเสียใจหมดอาลัยตายอยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นหญิงชั่วไปแล้ว จึงเอาลูกไปทิ้งไว้ที่บ้านหมอเมตตา โดยเอาล็อคเก็ตที่กฤษดาให้ไว้ ห้อยคอลูกไปด้วยดวงใจเสียใจมากแต่คิดว่าถ้าลูกได้อยู่กับเมตตาจะสุขสบายกว่าอยู่กับเธอ

ช้อยให้แมงดามาข่มขู่ประคองเพราะต้องการให้ดวงใจไปขายตัว ดวงใจไม่อยากให้เสาวรสกับประคองโดนทำร้ายจึงตัดสินใจไปหาช้อยที่ซ่อง แต่ในคืนนั้นซ่องของช้อยก็โดนระเบิดลง ดวงใจวิ่งหนีโดนไฟลวกบาดเจ็บ โตชิโร่ (จิระ ด่านบวรเกียรติ) ซึ่งเคยแอบดูดวงใจมานานแล้วได้ช่วยดวงใจไว้ และพาไปรักษาที่บ้านพักของเขา โตชิโร่ยื่นข้อเสนอให้ดวงใจโดยขอให้ดวงใจมาทำงานเป็นแม่บ้านของเขา ดวงใจไม่อยากทำแต่ไม่มีทางเลือก โตชิโร่เป็นทหารที่ดี ช่วยเหลือคนไทยจนเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยอย่างดี โตชิโร่หลงรักดวงใจและเอาใจเธอทุกอย่าง มอบเงินและเสื้อผ้าข้าวของให้มากมาย แต่ดวงใจก็ยังไม่ไว้ใจโตชิโร่อยู่ดี

กฤษดารีบเดินทางกลับไปหาดวงใจที่เชียงใหม่ทันทีที่สงครามยุติ แต่ต้องพบกับความผิดหวังเศร้าโศกอย่างมาก เมื่อกำนันปานบอกว่าดวงใจตายแล้ว กฤษดาเสียใจแทบเป็นบ้าเพราะตลอดเวลาที่เขาเฝ้าอดทนอดกลั้น ก็เพื่อรอเวลาที่จะได้กลับมาเห็นหน้าดวงใจ

ลูกสาวของดวงใจที่หมอเมตตาเลี้ยงดูมาอย่างดี เติบโตเป็นสาว เรียนจบปริญญาตรี หมอเมตตาตั้งชื่อให้ลูกของดวงใจว่า นาตยา (อริสรา บัวปรางค์) หมอเมตตารักและตามใจนาตยามาก และบอกนาตยาว่าแม่ตายไปแล้วความรักฝังใจที่มีต่อดวงใจ ทำให้หมอเมตตาไม่ยอมแต่งงานกับใครอีกเลย

กฤษดามาสมัครงานเป็นยามที่บริษัทของดวงใจ วันหนึ่งรถที่ดวงใจนั่งมาขับชนยามที่กำลังจะปิดประตูโรงงาน ดวงใจจำได้ว่าเป็นกฤษดา แต่กฤษดาไม่แน่ใจว่าหทัยทิพย์คือ ดวงใจ ดวงใจแต่งตั้งกฤษดา เป็นผู้จัดการแผนกสำคัญในบริษัท โดยมีนาตยาที่มาสมัครงานบริษัทของดวงใจเป็นเลขา ดวงใจยังไม่รู้ว่านาตยาเป็นลูกตัวเอง แต่เริ่มสังเกตุว่ากฤษดาสนิทสนมกับนาตยาทำให้ยิ่งทุกข์ใจ

นาตยาเริ่มคบเพื่อนไม่ดีจนเริ่มติดยา กฤษดากับนิทัศน์ (วราภัทร เพชรสถิตย์) เริ่มสังเกตได้ว่า นาตยาคบเพื่อนที่ชื่อทอม เป็นเอเย่นยาเสพติดมี่พ่อเป็นคู่แข่งการค้าของบริษัทหทัยทิพย์ จึงวางแผนกันพานาตยาไปอดยา และหาทางจับกุมทอม กับแก๊งค้ายาให้ถึงต้นตอ นิทัศน์หลงรักนาตยาจึงพยายามดูแลเอาใจใส่นาตยาอย่างดี ทำให้นาตยาเริ่มเห็นใจนิทัศน์ ที่สารภาพว่าหลงรักนาตยามานานแล้ว

หทัยทิพย์เห็นล็อคเก็ตที่นาตยาห้อยคอทำให้รุ้ว่า นาตยาคือลูกสาวของเธอกับกฤษดา แต่หทัยทิพย์ก็อายอดีตตัวเองไม่กล้าบอกกับนาตยาว่าตัวเองเป็นแม่ ท่ามกลางความสับสนซึ่งอันที่จริงหทัยทิพย์ควรจะมีความสุขกับคนที่ตัวเองรักได้แล้ว หทัยทิพย์กลับหนีทุกคนไปเชียงใหม่ โดยทิ้งหลักฐานบอกความจริงทุกอย่างให้ทุกคนรู้พร้อมคำขอโทษ และคำลา หมอเมตตาได้เล่าเรื่องของดวงใจที่พยายามตามหาเขาจนตัวเองลำบากแค่ไหนก็ยอมทนให้กฤษดารู้ และบอกนาตยาถึงความจำเป็นที่ดวงใจต้องฝากลูกไว้กับเขา และขอโทษที่ต้องปิดบัง

ดวงใจกลับไปใช้ชีวิตเงียบเหงาที่บ้านของเธอที่เชียงใหม่ ซี่งบัดนี้ทุกคนที่นั่นยังรอคอยเธอ ถึงจะสงบสุขแต่ก็เศร้าโศกถึงคนที่รักจนจิตใจย่ำแย่ เฝ้าแต่โทษตัวเองที่ต้องเป็นหญิงชั่วมากชายเพราะชะตากรรม แต่กฤษดาเข้าใจเขามาตามหาดวงใจ และยืนยันในรักแท้ที่มีต่อเธอ ในที่สุดดวงใจก็ได้พบความสุขที่แท้จริงของชีวิต กับ สามี และ ลูกที่เธอรักและรอคอยมาตลอดชีวิต ติดตามชม ละครแหวนทองเหลือง

บทโทรทัศน์โดย : นิติกร
กำกับการแสดงโดย : จีระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผลิตโดย : บริษัท อาร์เอส จำกัด

นักแสดง
พันโทวันชนะ สวัสดี รับบท ร้อยเอกกฤษดา 
สาวิกา ไชยเดช รับบม ดวงใจ 
จิระ ด่านบวรเกียรติ รับบท โตชิโร่ 
อริสรา บัวปรางค์ รับบท นาตยา
ภาณุ สุวรรณโณ รับบท หมอเมตตา 
ปกฉัตร เทียมชัย รับบท ป่านแก้ว 
น.ท.จงเจตน์ วัชระนันท์ รับบท แสงธรรม 
ปิยา พงศ์กุลภา รับบท มณี 
วราภัทร์ เพชรสถิต รับบท นิทัศน์ 
สุเชาว์ พงษ์วิไล รับบท เสือปาน 
นาถ ภูวนัย รับบท ท่านเจ้าคุณเทศา 
ปนัดดา วงศ์ผู้ดี รับบท สมร
พิมลรัตน์ พิศลยบุตร รับบท เสาวรส 
ฉันทนา กิติยพันธ์ รับบท ประคอง 
กีรติ เทพธัญ รับบท หนานอุย

แหวนทองเหลือง เป็นพระนิพนธ์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์แล้วอีก 4 ครั้ง

โดยครั้งแรกในรูปแบบภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2516 สร้างโดย ละโว้ภาพยนตร์ โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงกำกับการแสดง นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน, นัยนา ชีวานันท์, เยาวเรศ นิสากร, อดุลย์ ดุลยรัตน์, เชาว์ แคล่วคล่อง ใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปีเศษและนำออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2516 ที่โรงหนังเฉลิมเขตร์

และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นละครครั้งแรกในปี พ.ศ. 2529 ทางช่อง 7 ผลิตโดย ดาราวิดีโอ นำแสดงโดย อภิชาติ หาลำเจียก, นาท ภูวนัย, อัศวิน รัตนประชา, นาถยา แดงบุหงา, เยาวเรศ นิสากร, เกษศริน พูลลาภ, คมสัน สุริยา ออกอากาศทุกวันศุกร์-เสาร์ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2529 – 4 มกราคม 2530 โดยทางช่อง 7 มีการปรับผังใหม่เป็น ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เริ่มวันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม 2530 เสนอเป็นตอนอวสานพอดี

ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2538 ทางช่อง UTV ผลิตโดย ณัฐเดช เอนเตอร์เทนเม้นท์ นำแสดงโดย ไพโรจน์ สังวริบุตร, อภิรดี ภวภูตานนท์, ภานุเดช วัฒนสุชาติ, ตฤณ เศรษฐโชค, รัญญา ศิยานนท์, ไมเคิล พูพาร์ท

ครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2547 ทางช่อง 7 ผลิตโดย ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น นำแสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, กมลชนก โกมลฐิติ, เขตต์ ฐานทัพ และ จีรนันท์ มะโนแจ่ม ออกอากาศทุกวัน เวลา 18.30 – 19.25 น. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2547 – 23 เมษายน พ.ศ. 2547

และครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ. 2558 ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ผลิตโดย บริษัท ศรีคำรุ้ง โปรดักชั่น จำกัด กำกับการแสดงโดย จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา บทโทรทัศน์โดย นิติกร นำแสดงโดย วันชนะ สวัสดี, สาวิกา ไชยเดช, จิระ ด่านบวรเกียรติ และ อริสรา บัวปรางค์ ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 08.00 – 09.00 น. และออกอากาศรีรันให้ชมอีกครั้งในเวลา 12.30 – 13.30 น. , 19.50 – 20.50 น. , เวลา 01.15 – 02.15 น. เริ่มตอนแรกวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558