ซีรีส์ Happiness (เวอร์ชั่นไทย) 2568 ซีรีส์แนวซอมบี้ระทึกขวัญ แต่ผสมดราม่ามนุษย์แบบเข้มข้น ซีรีส์เรื่องนี้รีเมคมาจากเวอร์ชั่นเกาหลี แต่ปรับให้เข้ากับสไตล์ไทยๆ หน่อย เรื่องราวเกิดในโลกหลังโควิด-19 ที่โรคใหม่โผล่มาทำให้คนคลั่งราวกับซอมบี้ มันไม่ใช่แค่หนีตายอย่างเดียว แต่ยังตีแผ่ด้านมืดของมนุษย์แบบถึงพริกถึงขิง เรื่องเริ่มต้นในโลกที่เพิ่งฟื้นจากโควิด-19 แต่แล้วโรคปริศนาใหม่ที่เรียกว่า “โรคคนคลั่ง” ก็ระบาดหนัก สาเหตุมาจากยาอันตรายชื่อ “Next” ที่ทำให้คนกลายร่างเป็นมนุษย์คลั่ง บ้าคลั่งกัดกันเองแบบซอมบี้เลยล่ะ ตัวเอกหลักคือ “ปราชญ์” ตำรวจสืบสวนฝีมือดีที่กำลังสอบสวนคดีฆาตกรรมธรรมดาๆ แต่ยิ่งขุดลึก ยิ่งเจอเบาะแสเชื่อมโยงกับยา Next และคดีตายปริศนาอีกเพียบ เหยื่อส่วนใหญ่มีรอยกัดลึกที่คอซะด้วย สงสัยกันใหญ่เลย
ขณะเดียวกัน “รัน” ตำรวจหน่วยพิเศษก็เจอเหตุสะเทือนขวัญ เมื่อพี่สาวคนรู้จักกลายเป็นคนคลั่งกัดสามีตัวเองต่อหน้าต่อตา รันโดนกัดด้วยเลยถูกกักตัวในสถานกักกัน ที่นั่นมี “ยุทธศักดิ์” ผู้บัญชาการลึกลับคอยคุมสถานการณ์ แต่ดูเหมือนเขาซ่อนอะไรไว้เยอะ รันสูญเสีย “ท็อป” คนที่เหมือนพี่ชายไปในเหตุการณ์นั้น ทำให้เธอไฟลุกอยากสืบหาความจริง รันเลยขอความช่วยเหลือจากปราชญ์ เพื่อแลกกับการช่วยเธอมีบ้านเป็นของตัวเองตามฝัน
ทั้งคู่ถูกดึงเข้าสู่เกมอันตราย สืบหาต้นตอโรคในคอนโดหรูชื่อ “The Breathe” ที่ถูกปิดตายเพราะสงสัยว่ามีคนปล่อยยา Next อยู่ข้างใน ลูกบ้านแต่ละคนน่าสงสัยหมด ไม่ว่าจะหมอบีม (เพชร เผ่าเพชร) ผู้เชี่ยวชาญเคมี, จี้ (พีเจ มหิดล) คอนเทนต์ครีเอเตอร์ชอบถ่ายทุกอย่าง, ทัตเทพ (หน่อง ธนา) ทนายความ, โศภิดา (เพลง กวิตา) เจ้าคลินิกความงาม, หรือแม้แต่ลุงเต๋า (ทุเรียน สุพจน์) ร่างทรงแฟนป้าหน่อย (เพียว ดวงใจ) นิติบุคคลคอนโด
เรื่องยิ่งเข้มข้นเมื่อโรคแพร่กระจาย ลูกบ้านทะเลาะกันเรื่องเสบียงอาหาร ยุทธศักดิ์สั่งปิดคอนโด ตัดไฟ ตัดน้ำ ตัดสัญญาณโทรศัพท์และเน็ต เพื่อบีบให้คนร้ายโผล่หัวมา ปราชญ์กับรันอาสาออกไปหาอาหารจากมินิมาร์ท แต่เจอคนคลั่งเพียบ ระหว่างสืบ มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น เช่น ลุงเต๋าตายแบบไร้ร่องรอย ทำให้ปราชญ์กับรันตกเป็นผู้ต้องสงสัย โยชิ (ต้อง สมิตพงศ์) วางแผนอะไรแต่โดนหักหลัง การหายตัวของโยชิกับรังรอง (น้ำใส พิชญาภา) นำไปสู่ตัวกลางปล่อยยา และหลักฐานว่าคนร้ายอยู่ในคอนโดจริงๆ
จุดไคลแม็กคือปราชญ์กับยาหยี (มินนา วณิชน์ญา) ติดเชื้อ รันต้องเลือกช่วยใครคนนึง ยุทธศักดิ์สั่งช่วยลูกบ้านออกจากคอนโด แต่หมอบีมยังติดค้าง ปราชญ์กับรันเลยอาสากลับเข้าไปช่วย แล้วก็ค้นพบความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับต้นตอโรคและเบื้องหลังของยุทธศักดิ์
Happiness เวอร์ชั่นไทยนี่มันลุ้นระทึกทุกตอนเลยนะ ผสมผสานการสืบสวน หนีตาย และดราม่ามนุษย์ได้กลมกล่อม ไม่ใช่แค่ซอมบี้ธรรมดา แต่ทำให้เราคิดถึงสังคมจริงๆ ด้วย ถ้าชอบแนวนี้ ไปดูใน TrueID เลย รับรองติดหนึบ
เริ่มจากจุดแข็งเลย บทดีมาก ดำเนินเรื่องรวดเร็วแต่ไม่มั่ว ทุกปมมีที่มาที่ไปชัดเจน เปิดมาด้วยโลกหลังโควิดที่คุ้นเคย แล้วค่อยๆ พาเข้าสู่โรคคลั่งจากยา Next มันไม่ใช่ซอมบี้แบบเดินช้าๆ นะ แต่คลั่งเร็ว ดุร้าย ลุ้นตัวเกร็ง การตีแผ่ด้านมืดมนุษย์อย่างเห็นแก่ตัว ความเหลื่อมล้ำ ในคอนโดปิดตายนี่สุดยอด เหมือนดูสังคมจริงๆ ที่วิกฤตทำให้คนเผยธาตุแท้ ทุกตัวละครมีมิติ ไม่ใช่แค่ดีหรือร้ายล้วนๆ
นักแสดงเล่นดีหมด เซ้นต์เป็นปราชญ์ ตำรวจสืบสวนเท่ๆ แต่มีหัวใจ อรเป็นรัน สาวแกร่งแต่เปราะบาง ดอมเป็นยุทธศักดิ์ ลึกลับน่าค้นหา ลูกบ้านอย่างเพชร (หมอบีม), หน่อง (ทัตเทพ), พีเจ (จี้) ก็สร้างสีสัน ความวุ่นวายในคอนโดนี่ฮาแต่จริงจัง ฉากแอ็กชันดี ไล่ล่าคนคลั่งในมินิมาร์ท ลุ้นหายใจไม่ทั่วท้อง งานภาพ เสียง บรรยากาศอึดอัดแบบตั้งใจ ดูแล้วรู้สึก “คลั่ง” ตาม
ซีรีส์ Happiness (เวอร์ชั่นไทย) 2568
ซีรีส์ Happiness (เวอร์ชั่นไทย) 2568
เรื่องเกิดในโลกหลังโควิด-19 ที่ทุกคนคิดว่าปกติแล้ว แต่ไม่ใช่ โรคปริศนาใหม่ชื่อ “โรคคนคลั่ง” แพร่ระบาดเร็วมาก สาเหตุมาจากยาอันตรายชื่อ “Next” ที่ทำให้คนกลายเป็นมนุษย์คลั่ง บ้าคลั่งกัดกันเองแบบซอมบี้เลย ตัวเอกหลักคือ “ปราชญ์” (เซ้นต์ ศุภพงษ์) ตำรวจสืบสวนสุดเก่ง กำลังสอบสวนคดีฆาตกรรมที่ดูเหมือนทะเลาะวิวาทธรรมดา แต่ยิ่งขุด ยิ่งเจอเบาะแสเชื่อมโยงกับยา Next และคดีตายปริศนาอีกเพียบ เหยื่อมีรอยกัดลึกที่คอซะด้วย บอกเลยตอนนี้ปราชญ์เริ่มสงสัยใหญ่เลย
ส่วนอีกฝั่ง “รัน” (อร พัศชนันท์) ตำรวจหน่วยพิเศษสาวแกร่ง เธอเจอเหตุช็อกโลก เมื่อพี่สาวคนรู้จักกลายร่างเป็นคนคลั่ง กัดสามีตายคาตาเลย รันโดนกัดด้วย ทำให้ถูกกักตัวในสถานกักกัน ที่นั่นมี “ยุทธศักดิ์” (ดอม เหตระกูล) ผู้บัญชาการลึกลับสุดๆ คอยคุมเกม แต่ดูเหมือนเขาซ่อนอะไรไว้เยอะ รันเสียใจมากเพราะสูญเสีย “ท็อป” ที่เหมือนพี่ชายบุญธรรมไปในเหตุการณ์นั้น เธอเลยขอความช่วยเหลือจากปราชญ์ เพื่อแลกกับการช่วยเธอมีบ้านเป็นของตัวเองตามฝันที่เธอใฝ่มาตลอด บอกเลยเคมีคู่นี้ดีมาก ลุ้นโรแมนติกนิดๆ ท่ามกลางความโกลาหล
ทั้งคู่โดนดึงเข้าสู่เกมอันตราย สืบหาต้นตอโรคกันสุดตัว ภารกิจหลักคือเข้าไปในคอนโดหรู “The Breathe” ที่สงสัยว่ามีคนปล่อยยา Next อยู่ข้างใน ลูกบ้านแต่ละคนน่าสงสัยหมดเลยนะ เช่น หมอบีม (เพชร เผ่าเพชร) นักเคมีลึกลับ, จี้ (พีเจ มหิดล) คอนเทนต์ครีเอเตอร์ชอบถ่ายคลิปทุกอย่าง, ทัตเทพ (หน่อง ธนา) ทนายเจ้าเล่ห์, โศภิดา (เพลง กวิตา) สาวสวยเจ้าคลินิกความงาม, ลุงเต๋า (ทุเรียน สุพจน์) ร่างทรงแฟนป้าหน่อย (เพียว ดวงใจ) นิติบุคคลคอนโด, โยชิ (ต้อง สมิตพงศ์) เด็กหนุ่มที่โศภิดาเลี้ยงดู, รังรอง (น้ำใส พิชญาภา) เลขาทัตเทพ, และอีกเพียบอย่างยาหยี (มินนา วณิชน์ญา), เนตร (มิ้งค์ ยูมิโกะ), ตาชาญ (ปพนจิรหิตะภัทร), ยายจินตนา (แม่ต๋อย นฤมล), ป้อ (แจ็ค ไรเดอร์), จือ (พลัสเตอร์ ภัทร์นิธิ), ฟา (น้ำเพชร อิสรีย์), พี่จุ๊ (เกตุ ธัญญา), เอม (เสี่ยวหลิง กนลรัตน์) แต่ละคนมี backstory ของตัวเอง ทำให้เรื่องสนุกมาก
เรื่องยิ่งเข้มเมื่อโรคแพร่ ลูกบ้านทะเลาะกันเรื่องคนคลั่งจริงหรือหลอก ยุทธศักดิ์สั่งปิดคอนโด ตัดการส่งยาออกไป ทำให้ทุกคนใช้ชีวิตยากลำบาก เสบียงหมด ลูกบ้านแตกแยก ปราชญ์กับรันอาสาออกไปหาอาหารจากมินิมาร์ท แต่เจอคนคลั่งไล่กัด ลุ้นตัวเกร็งเลย ระหว่างสืบ หมอบีมโดนคนลึกลับทำร้าย ยุทธศักดิ์ยกระดับ ตัดไฟ ตัดน้ำ ตัดโทรศัพท์ ตัดเน็ตหมด เพื่อบีบคนร้าย มีฆาตกรรมเพิ่ม เช่น คนร้ายฆ่าแฮคยังไม่เจอ แต่มีศพอำพรางอีก ลูกบ้านโดนกัดเพิ่ม ปราชญ์กับรันสืบสุดชีวิต
จุดพีค ลุงเต๋าโดนฆ่าไร้ร่องรอย ปราชญ์กับรันตกเป็นผู้ต้องสงสัย โยชิวางแผนแต่โดนหักหลัง การหายตัวของโยชิกับรังรอง นำไปสู่ตัวกลางปล่อยยา Next และหลักฐานว่าคนร้ายอยู่ในคอนโด แล้วปราชญ์กับยาหยีติดเชื้อ รันต้องเลือกช่วยใคร ยุทธศักดิ์สั่งอพยพลูกบ้าน แต่หมอบีมยังติดค้าง ปราชญ์กับรันอาสากลับเข้าไปช่วย แล้วค้นพบความจริงช็อกทั้งหมด บอกเลยตอนจบสะใจมาก
เบื้องหลังซีรีส์ซอมบี้สุดระทึกจาก TrueID ปี 2568 นี่ผลิตโดย True CJ Creationsบอกเลยว่าทำถึงมาก รีเมคจากเกาหลีแต่เพิ่มกลิ่นอายไทยเข้าไป
ผู้ผลิต True CJ Creations เป็นบริษัทที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง True ของไทยกับ CJ ENM จากเกาหลีใต้ พวกเขาชอบรีเมคซีรีส์เกาหลีมาให้เข้ากับคนไทย เช่น Happiness นี่แหละ ออกปี 2025 (หรือ 2568 ในไทย) มี 12 ตอน ทาง TrueID ทีมงานบอกว่าตั้งใจทำถึงสุดๆ เพื่อให้คนไทยได้ดูซีรีส์คุณภาพ ไม่แพ้ต้นฉบับเกาหลีที่นำแสดงโดยฮันฮโยจูกับพัคฮยองชิก แต่เวอร์ชั่นไทยนี่เซ้นต์กับอรเล่นดีมาก
มาที่นักแสดงกันบ้าง นำทัพโดยเซ้นต์ ศุภพงษ์ รับบทปราชญ์ สารวัตรสืบสวนสุดเท่ เซ้นต์เล่นบทนี้ได้หล่อ ลึกลับ แถมแอ็กชันดี อร พัศชนันท์ เป็นรัน หน่วยปราบปรามพิเศษ สาวแกร่งแต่มีหัวใจ เธอเล่นดราม่าได้ซึ้งมาก ดอม เหตระกูล เป็นยุทธศักดิ์ ผู้อำนวยการหน่วยควบคุมพิเศษ ลึกลับน่ากลัว นุ้ย เกศริน เป็นอลิสรา เจ้าหน้าที่หน่วยเดียวกัน
ส่วนแก๊งลูกบ้านคอนโด The Breathe นี่แหละที่สร้างสีสัน
เพชร เผ่าเพชร เป็นหมอบีม ผู้เชี่ยวชาญเคมี ลึกลับสุด
พีเจ มหิดล เป็นจี้ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ตัวจี๊ด ถ่ายคลิปทุกอย่าง
หน่อง ธนา เป็นทัตเทพ ทนายความเจ้าเล่ห์
เพลง ภตภร เป็นโศภิดา เจ้าคลินิกเสริมความงาม สวยแต่แสบ
มินนา วณิชน์ญา เป็นยาหยี
เพียว ดวงใจ เป็นป้าหน่อย นิติบุคคลคอนโด
ทุเรียน สุพจน์ เป็นลุงเต๋า ร่างทรงแฟนป้าหน่อย
น้ำใส พิชญาภา เป็นรังรอง เลขาทัตเทพ
มิ้งค์ ยูมิโกะ เป็นเนตร ภรรยาทัตเทพ
ปพนจิรหิตะภัทร เป็นตาชาญ ข้าราชการเกษียณ ตาของจี้
แม่ต๋อย นฤมล เป็นยายจินตนา ยายของจี้
แจ็ค ไรเดอร์ เป็นป้อ คนขับรถส่งของ
พลัสเตอร์ ภัทร์นิธิ เป็นจือ
น้ำเพชร อิสรีย์ เป็นฟา แม่ค้าออนไลน์
เกตุ ธัญญา เป็นพี่จุ๊ แม่บ้านคอนโด
เสี่ยวหลิง กนลรัตน์ เป็นเอม แคชเชียร์มินิมาร์ท
ต้อง สมิตพงศ์ เป็นโยชิ เด็กหนุ่มที่โศภิดาเลี้ยงดู
และเชา ชวลิต เป็นพี่ท็อป บอกเลยนักแสดงคับคั่ง ทุกคนเล่นมีมิติมาก ไม่ใช่แค่ประกอบฉาก
การดำเนินเรื่องรวดเร็วแต่กระชับ เข้าใจง่าย ทุกอย่างมีที่มาที่ไปชัดเจน เริ่มจากชีวิตประจำวันของปราชญ์กับรัน ค่อยๆ เจอเรื่องผิดปกติ แล้วพัวพันโรคระบาด สืบหาความจริงทีละนิด จนถึงต้นตอว่าใครแพร่โรค การต่อสู้ไม่ใช่แค่ซอมบี้ แต่กับด้านมืดในใจมนุษย์ด้วย บทเขียนดี ผสมแอ็กชัน ดราม่า ปมปริศนา เผยออกมาทีละนิด ลุ้นทุกตอน
จุดแข็งคือความเข้มข้นทุกตอน ตีแผ่ด้านมืดมนุษย์ ความเห็นแก่ตัว การเอาตัวรอดในวิกฤตสิ้นหวัง ความเหลื่อมล้ำสังคม มันจริงมาก เหมือนสะท้อนสังคมไทยหลังโควิด ตัวละครทุกคนมีมิติลึกซึ้ง บอกเลยไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่ามนุษย์ด้วยกันเอง
Happiness เวอร์ชั่นไทยนี่ทำถึงจริงๆ นะทุกคน True CJ สุดยอด นักแสดงเล่นดี จุดแข็งเพียบ
นักแสดงนำ
→ เซ้นต์ ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา รับบทเป็น ปราชญ์

ตำรวจสืบสวนหนุ่มอายุน้อยที่สุดในรุ่น ด้วยความฉลาดหลักแหลมและความตงฉินที่ไม่ยอมโกงหรือยอมแพ้ต่อความอยุติธรรม ทำให้เขาเป็นตัวเอกที่ขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมด ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด ปราชญ์เริ่มต้นจากคดีฆาตกรรมธรรมดาที่ดูเหมือนวิวาททั่วไป แต่ด้วยสัญชาตญาณนักสืบ เขาขุดลึกจนพบเบาะแสเชื่อมโยงกับยาอันตรายและการตายปริศนาหลายคดี รอยกัดลึกที่คอเหยื่อกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยอันตราย เขาไม่ใช่แค่ฉลาดแต่ยังกล้าหาญ อาสาเข้าไปในคอนโด The Breathe ที่ถูกปิดตายเพื่อสืบหาคนปล่อยยา เผชิญหน้ากับลูกบ้านน่าสงสัยมากมายอย่างหมอบีม โศภิดา หรือโยชิ
ท่ามกลางความแตกแยกเรื่องเสบียงและการทะเลาะวิวาท ปราชญ์ร่วมมือกับรัน ตำรวจสาวหน่วยพิเศษที่เขาแอบมีใจให้ ทำให้บทบาทนี้ผสมทั้งแอ็กชันและโรแมนติกเบาๆ เขาไม่ยอมแพ้แม้ถูกสงสัยเป็นฆาตกรหลังลุงเต๋าตายไร้ร่องรอย หรือแม้แต่ตอนติดเชื้อคนคลั่ง เขายังดิ้นรนค้นหาความจริงเบื้องหลังยุทธศักดิ์และต้นตอโรค เซ้นต์ถ่ายทอดความมุ่งมั่นนี้ผ่านสายตาและการแสดงที่เข้มข้น ทำให้ปราชญ์กลายเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมในสังคมวิกฤต ที่มนุษย์เห็นแก่ตัวยิ่งกว่าคนคลั่ง ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความซื่อตรงที่ไม่เคยสั่นคลอน แม้เผชิญวิกฤตใหญ่หลวง
ฉายา “สารวัตรหนุ่มตงฉิน”
สำหรับปราชญ์ เพราะเขาคือตำรวจรุ่นใหม่ที่ยึดมั่นในความถูกต้องเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ยอมก้มหัวให้อำนาจมืดหรือความสะดวกสบายส่วนตัว ฉายานี้มาจากบุคลิกที่เซ้นต์ถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เขาสืบคดีด้วยหลักฐานและเหตุผลชัดเจน ไม่เคยใช้วิธีสกปรกแม้สถานการณ์กดดัน เช่นตอนปิดคอนโดและตัดทุกสัญญาณ เขายังคงยืนหยัดหาความจริงแทนที่จะหนีเอาตัวรอดคนเดียว ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต่อสู้กับระบบเก่าแก่ในสังคมไทย ที่ความเหลื่อมล้ำและการคอร์รัปชันแฝงตัวเหมือนยา Next ทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางตัวละครอื่นที่เห็นแก่ตัว ปราชญ์เล่นบทนี้ด้วยท่าทางนิ่งสงบแต่เด็ดเดี่ยว ทำให้ฉายานี้ติดตัวเขาไปตลอดเรื่อง แม้แต่ตอนติดเชื้อ เขายังคงตงฉินไม่ทรยศเพื่อนร่วมทีม สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความซื่อตรงสามารถเปลี่ยนแปลงโลกวิกฤตได้
ข้อคิด “ความมุ่งมั่นนำทางสู่ความจริง”
จากบทปราชญ์ เพราะในซีรีส์เขาสอนว่าการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคคือกุญแจในการเปิดโปงความลับ ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ ปราชญ์เริ่มจากคดีเล็กแต่ด้วยความมุ่งมั่น เขาค่อยๆ เผยต้นตอใหญ่หลวง ทำให้เห็นว่าความจริงไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความเสี่ยงชีวิต ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยการปกปิด เช่นการคอร์รัปชันหรือวิกฤตสาธารณสุข เซ้นต์ถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความเหนื่อยล้าแต่ไม่เคยถอดใจ แม้ถูกสงสัยหรือเผชิญคนคลั่ง เขายังเดินหน้าสืบต่อ ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการยืนหยัดต่อสู้กับปัญหาสังคมแทนที่จะยอมแพ้ สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความมุ่งมั่นไม่เพียงช่วยตัวเองแต่ยังช่วยคนอื่นให้รอดพ้นวิกฤต ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่บันเทิงแต่ยังให้แง่คิดลึกซึ้ง
→ อร พัศชนันท์ เจียจิรโชติ รับบทเป็น รัน

ตำรวจหญิงหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และปฏิบัติภารกิจเสี่ยงภัย ด้วยบุคลิกแกร่งกล้าแต่ซ่อนความเปราะบางไว้ภายใน ทำให้เธอเป็นตัวเอกหญิงที่ขับเคลื่อนเรื่องราวเคียงคู่ปราชญ์ ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด รันเริ่มต้นด้วยเหตุสะเทือนขวัญสุดๆ เมื่อพี่สาวคนสนิทกลายร่างเป็นคนคลั่งกัดสามีตายต่อหน้าต่อตา เธอได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นั้นจนถูกกักตัวในสถานกักกัน ภายใต้การควบคุมของยุทธศักดิ์ผู้ลึกลับที่ซ่อนเบื้องหลังไว้มากมาย ความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างท็อปผู้เปรียบเสมือนพี่ชายบุญธรรม ทำให้รันไฟแค้นลุกโชนและมุ่งมั่นสืบหาความจริง เธอขอความช่วยเหลือจากปราชญ์ตำรวจสืบสวน เพื่อแลกกับการช่วยเธอมีบ้านเป็นของตัวเองตามความฝันที่เก็บไว้มาตลอดชีวิต
บทบาทนี้ผสมทั้งแอ็กชันดุเดือดและดราม่าอารมณ์ลึกซึ้ง รันเข้าไปในคอนโด The Breathe ที่ถูกปิดตายเพื่อสืบหาคนปล่อยยา เผชิญลูกบ้านน่าสงสัยอย่างหมอบีม โศภิดา โยชิ หรือลุงเต๋า ท่ามกลางความแตกแยกเรื่องเสบียงอาหารและการทะเลาะวิวาทเพราะโรคแพร่กระจาย เธออาสาออกหาอาหารจากมินิมาร์ทแต่เจอคนคลั่งไล่ล่า ลุ้นระทึกมาก อรถ่ายทอดความกล้าหาญนี้ผ่านการแสดงที่ดุดันแต่มีเสน่ห์ ทำให้รันกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในสังคมวิกฤต เธอไม่ยอมแพ้แม้ถูกสงสัยหรือตอนต้องตัดสินใจช่วยชีวิตปราชญ์กับยาหยีที่ติดเชื้อ สุดท้ายเธออาสากลับเข้าไปช่วยหมอบีมแล้วค้นพบความจริงทั้งหมด ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความฝันเรียบง่ายแต่ถูกพรากไปจากวิกฤตใหญ่หลวง
ฉายา “นักรบสาวใฝ่บ้านอบอุ่น”
สำหรับรัน เพราะเธอคือตำรวจหญิงที่ดุเดือดในสนามรบแต่ซ่อนความฝันเรียบง่ายอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ฉายานี้มาจากบุคลิกที่อรถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เธอต่อสู้กับคนคลั่งและด้านมืดมนุษย์อย่างไม่กลัว แต่ลึกๆ แล้วเธอแค่ต้องการชีวิตสงบสุขหลังจากสูญเสียท็อปและเผชิญเหตุพี่สาวคลั่ง ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เธอเป็นคนรุ่นใหม่ที่แบกรับหน้าที่หนักหน่วงในสังคมไทย ที่ความฝันส่วนตัวถูกกลบมิดจากวิกฤตโรคระบาด อรเล่นบทนี้ด้วยท่าทางเข้มแข็งแต่มีแววตาเศร้าที่ทำให้ฉายานี้ติดตัวเธอไปตลอดเรื่อง แม้แต่ตอนปิดคอนโดและตัดทุกสัญญาณ เธอยังคงยืนหยัดเพื่อปกป้องคนอื่น สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความเข้มแข็งสามารถอยู่คู่กับความอ่อนโยนได้
ข้อคิด “ความสูญเสียจุดประกายความกล้า”
จากบทรัน เพราะในซีรีส์เธอสอนว่าการเผชิญความสูญเสียคือจุดเริ่มต้นของการลุกขึ้นสู้ ไม่ว่าจะคนใกล้ชิดหรือความฝัน รันเริ่มจากเหตุสะเทือนขวัญที่พี่สาวคลั่งแล้วสูญเสียท็อป แต่ด้วยความกล้านี้ เธอค่อยๆ เผยต้นตอโรคและช่วยเหลือคนอื่น ทำให้เห็นว่าความกล้าไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยวิกฤต เช่นโรคระบาดหรือความไม่แน่นอน อรถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความเศร้าแต่ไม่เคยยอมแพ้ แม้ถูกกักกันหรือเผชิญคนคลั่ง เธอยังเดินหน้าสืบต่อ ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการยืนหยัดหลังสูญเสียแทนที่จะยอมแพ้ สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความสูญเสียไม่เพียงทำลายแต่ยังสร้างคนที่แข็งแกร่งขึ้น
→ ดอม เหตระกูล รับบทเป็น ยุทธศักดิ์

ผู้บัญชาการหน่วยควบคุมพิเศษสุวรรณสิริ ผู้รับผิดชอบสถานการณ์โรคคนคลั่งระบาดจากยา Next ด้วยบุคลิกนิ่งเฉยแต่เด็ดขาด ทำให้เขาเป็นตัวละครรองที่ขับเคลื่อนพล็อตใหญ่หลวง ในโลกหลังโควิดที่โรคปริศนาแพร่กระจาย ยุทธศักดิ์ปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะผู้คุมสถานกักกันที่รันถูกนำตัวไปหลังได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนคลั่งกัดกัน เขาซ่อนเบื้องหลังมากมายเกี่ยวกับต้นตอโรคและยา Next ทำให้ผู้ชมสงสัยตลอดเรื่องว่าความลับของเขาคืออะไร บทบาทนี้ผสมทั้งอำนาจและความมืดมิด ยุทธศักดิ์สั่งมาตรการเข้มงวดอย่างปิดคอนโด The Breathe เพื่อคุมสถานการณ์และป้องกันยาแพร่ออกไป ตัดสัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า และน้ำประปา เพื่อบีบให้คนร้ายที่ปล่อยยาโผล่ตัว ทำให้ลูกบ้านแตกแยกและเกิดฆาตกรรมอำพรางเพิ่มขึ้น เช่นกรณีลุงเต๋าตายไร้ร่องรอยหรือโยชิหายตัวไป
เขาควบคุมทุกอย่างจากภายนอกแต่แอบปิดบังข้อมูลสำคัญจากปราชญ์กับรันที่สืบภายในคอนโด ดอมถ่ายทอดความลึกลับนี้ผ่านการแสดงที่นิ่งสงบแต่มีแววตาคมกริบ ทำให้ยุทธศักดิ์กลายเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจรัฐในวิกฤตที่อาจไม่บริสุทธิ์ เขาไม่ใช่ตัวร้ายล้วนๆ แต่มีเหตุผลซับซ้อนที่เผยในตอนจบ เมื่อสั่งอพยพลูกบ้านแต่ทิ้งหมอบีมไว้ ทำให้ปราชญ์กับรันกลับเข้าไปแล้วค้นพบความจริงทั้งหมด ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยอำนาจที่ใช้เพื่อคุมแต่ซ่อนความจริงเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
ฉายา “ผู้บัญชาการเงามืด”
สำหรับยุทธศักดิ์ เพราะเขาคือผู้นำหน่วยที่ซ่อนตัวในเงามืด ควบคุมทุกอย่างโดยไม่เปิดเผยตัว ฉายานี้มาจากบุคลิกที่ดอมถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เขาสั่งมาตรการเด็ดขาดอย่างตัดทุกสัญญาณในคอนโดเพื่อบีบคนร้าย แต่ไม่เคยโผล่หน้าตรงๆ ทำให้เกิดความสงสัยและตึงเครียด ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เขาเป็นตัวแทนอำนาจรัฐในสังคมไทย ที่มักปกปิดข้อมูลเพื่อรักษาความสงบแต่กลับสร้างความไม่ไว้วางใจ ดอมเล่นบทนี้ด้วยท่าทางเย็นชาแต่คำสั่งหนักแน่น ทำให้ฉายานี้ติดตัวเขาไปตลอดเรื่อง แม้แต่ตอนอพยพและเผยความจริง เขายังคงอยู่ในเงา สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าอำนาจที่ซ่อนเร้นอาจนำไปสู่ความขัดแย้งใหญ่หลวง
ข้อคิด “อำนาจต้องโปร่งใสเพื่อความไว้วางใจ”
จากบทยุทธศักดิ์ เพราะในซีรีส์เขาสอนว่าการใช้อำนาจโดยซ่อนข้อมูลนำไปสู่ความแตกแยก ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือสังคมวิกฤต ยุทธศักดิ์เริ่มจากคุมสถานการณ์ด้วยมาตรการเข้มแต่ปิดบังเบื้องหลัง ทำให้เกิดความไม่เชื่อใจจากลูกบ้านและตัวเอก แต่ด้วยความโปร่งใสในตอนจบ เขาช่วยเปิดโปงความจริง ทำให้เห็นว่าอำนาจที่ดีต้องเปิดเผยเพื่อสร้างความสามัคคี ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยการปกปิด เช่นวิกฤตสาธารณสุขหรือการเมือง ดอมถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความขัดแย้งภายในแต่เด็ดเดี่ยว แม้สั่งตัดทุกอย่าง เขายังมีเหตุผล ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการเรียกร้องความโปร่งใสจากผู้นำแทนที่จะยอมรับความลึกลับ สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าอำนาจที่โปร่งใสเท่านั้นถึงจะนำพาสังคมรอดพ้นวิกฤต
→ เพชร เผ่าเพชร เจริญสุข รับบทเป็น หมอบีม

หมอผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ผู้อยู่อาศัยในห้องเพนต์เฮาส์ของคอนโด The Breathe ด้วยบุคลิกสุขุมอ่อนโยนแต่ซ่อนความลึกลับไว้ ทำให้เขาเป็นตัวละครรองที่สำคัญในการขับเคลื่อนพล็อต ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด หมอบีมปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะรุ่นพี่มัธยมของรันตำรวจสาวหน่วยพิเศษที่เขารู้จักมานาน เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายในคอนโดหรูแต่เต็มไปด้วยความรู้ด้านเคมีที่อาจเชื่อมโยงกับยาอันตราย บทบาทนี้ผสมทั้งความอ่อนโยนและความน่าสงสัย หมอบีมช่วยเหลือลูกบ้านอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความแตกแยกเรื่องเสบียงอาหารและการทะเลาะวิวาทเพราะโรคแพร่กระจาย
แต่แล้วเขากลายเป็นเหยื่อถูกคนลึกลับทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เกิดปริศนาเพิ่มขึ้นในคอนโดที่ถูกปิดตายภายใต้คำสั่งยุทธศักดิ์ เพชรถ่ายทอดความสุขุมนี้ผ่านการแสดงที่นิ่งสงบแต่มีแววตาอบอุ่น ทำให้หมอบีมกลายเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญกับรันที่เห็นเขาเป็นเหมือนรุ่นพี่ที่น่าเคารพ เขาไม่ใช่ตัวร้ายแต่มี backstory ที่ซับซ้อนเกี่ยวกับความรู้เคมีที่อาจเกี่ยวข้องกับต้นตอโรค เมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ ลูกบ้านถูกอพยพออกหมดแต่หมอบีมยังติดค้างข้างในเพราะบาดเจ็บ ทำให้ปราชญ์กับรันอาสากลับเข้าไปช่วยแล้วค้นพบความจริงทั้งหมดผ่านเขา ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความอ่อนโยนที่ถูกทดสอบในวิกฤตใหญ่หลวงแต่ยังคงยืนหยัดช่วยเหลือคนอื่น
ฉายา “หมออ่อนโยนแห่งเพนต์เฮาส์”
สำหรับหมอบีม เพราะเขาคือหมอสุขุมที่อาศัยในห้องหรูหราแต่ซ่อนความอ่อนโยนไว้ลึกๆ ฉายานี้มาจากบุคลิกที่เพชรถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เขาเป็นรุ่นพี่รันที่ช่วยเหลืออย่างเงียบๆ ท่ามกลางโรคคลั่งแพร่ แต่ไม่เคยโอ้อวดอำนาจจากตำแหน่ง ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เขาเป็นคนรุ่นใหม่ในสังคมไทย ที่ความรู้เคมีถูกใช้ในทางสร้างสรรค์แต่ถูกทดสอบจากวิกฤต เพชรเล่นบทนี้ด้วยท่าทางอ่อนโยนแต่เด็ดเดี่ยว ทำให้ฉายานี้ติดตัวเขาไปตลอดเรื่อง แม้ถูกทำร้ายหรือติดค้างในคอนโด เขายังคงอ่อนโยนไม่ทรยศใคร สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความอ่อนโยนสามารถอยู่รอดในโลกโหดร้ายได้
ข้อคิด “ความรู้ช่วยเหลือในยามวิกฤต”
จากบทหมอบีม เพราะในซีรีส์เขาสอนว่าความเชี่ยวชาญด้านเคมีคือเครื่องมือช่วยชีวิตผู้อื่น ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ หมอบีมเริ่มจากชีวิตสุขุมแต่ด้วยความรู้ เขาค่อยๆ เผยข้อมูลสำคัญที่ช่วยเปิดโปงต้นตอโรค ทำให้เห็นว่าความรู้ไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความเสี่ยงเช่นถูกทำร้าย ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยวิกฤต เช่นโรคระบาดหรือวิทยาศาสตร์ถูกนำไปใช้ผิด เพชรถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความอดทนแต่ฉลาด แม้ติดค้างในคอนโด เขายังใช้ความรู้ช่วยปราชญ์กับรัน ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการเรียนรู้เพื่อช่วยสังคมแทนที่จะเก็บไว้คนเดียว สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความรู้ไม่เพียงช่วยตัวเองแต่ยังนำพาคนอื่นรอดพ้นวิกฤต
→ หน่อง ธนา ฉัตรบริรักษ์ รับบทเป็น ทัตเทพ

ทนายความผู้อยู่อาศัยในคอนโด The Breathe ด้วยบุคลิกฉลาดแกมโกงและเห็นแก่ตัวสูง ทำให้เขาเป็นตัวละครรองที่สร้างความขัดแย้งหลักในเรื่อง ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด ทัตเทพปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะลูกบ้านผู้มีอิทธิพล ใช้ความรู้กฎหมายเพื่อควบคุมสถานการณ์ในคอนโดที่ถูกปิดตายภายใต้คำสั่งยุทธศักดิ์ เขามีภรรยาเนตรและเลขารังรองที่ช่วยเหลือในแผนการต่างๆ แต่ลึกๆ แล้วเขาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ท่ามกลางความแตกแยกเรื่องเสบียงอาหารและการทะเลาะวิวาทเพราะโรคแพร่กระจาย บทบาทนี้ผสมทั้งความเจ้าเล่ห์และความเห็นแก่ตัว ทัตเทพพยายามใช้กฎหมายเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว เช่นตอนถกเถียงกับลูกบ้านอื่นอย่างหมอบีม โศภิดา หรือจี้ เกี่ยวกับคนคลั่งจริงหรือหลอก
เขามีส่วนในเหตุการณ์ฆาตกรรมอำพรางและการหายตัวไปของโยชิกับรังรองที่นำไปสู่ตัวกลางปล่อยยา Next หน่องถ่ายทอดความฉลาดนี้ผ่านการแสดงที่ยิ้มแย้มแต่มีเล่ห์เหลี่ยม ทำให้ทัตเทพกลายเป็นสัญลักษณ์ของมนุษย์ด้านมืดในวิกฤตที่เห็นแก่ตัวยิ่งกว่าคนคลั่ง เขาไม่ใช่ตัวร้ายล้วนๆ แต่มีเหตุผลจากครอบครัวที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจ เมื่อถึงจุดจุดไคลแม็กซ์ เขาถูกเปิดโปงแผนการแล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของการอพยพ แต่สุดท้ายต้องเผชิญผลจากการกระทำ ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความทะเยอทะยานที่นำไปสู่ความแตกแยกในชุมชนเล็กๆ อย่างคอนโด
ฉายา “ทนายเจ้าเล่ห์แห่งคอนโด”
สำหรับทัตเทพ เพราะเขาคือทนายที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ตัวเองในคอนโดปิดตาย ฉายานี้มาจากบุคลิกที่หน่องถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เขาพยายามควบคุมลูกบ้านด้วยคำพูดฉลาดแต่เห็นแก่ตัว เช่นตอนทะเลาะเรื่องเสบียงหรือสงสัยปราชญ์กับรัน ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เขาเป็นตัวแทนคนฉลาดในสังคมไทย ที่ใช้กฎหมายบิดเบือนเพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤตโรคระบาด หน่องเล่นบทนี้ด้วยท่าทางยิ้มแย้มแต่มีแววตาเจ้าเล่ห์ ทำให้ฉายานี้ติดตัวเขาไปตลอดเรื่อง แม้มีภรรยาและเลขาช่วยเหลือ เขายังคงเล่ห์เหลี่ยมไม่เปลี่ยน สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าเล่ห์เหลี่ยมอาจนำไปสู่ความพินาศในสังคมวิกฤต
ข้อคิด “การเห็นแก่ตัวทำลายความสามัคคี”
จากบททัตเทพ เพราะในซีรีส์เขาสอนว่าความเห็นแก่ตัวนำไปสู่ความแตกแยกในชุมชน ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือสังคมวิกฤต ทัตเทพเริ่มจากใช้กฎหมายปกป้องตัวเองแต่กลับสร้างความไม่ไว้วางใจจากลูกบ้าน ทำให้เกิดฆาตกรรมและโรคแพร่ แต่ด้วยการเปิดโปงในตอนจบ เขาช่วยเน้นว่าความสามัคคีสำคัญกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว เช่นวิกฤตสาธารณสุขหรือชุมชน หน่องถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความทะเยอทะยานแต่สุดท้ายพังทลาย แม้ควบคุมทุกอย่าง เขายังต้องเผชิญผล ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการร่วมมือแทนเห็นแก่ตัวในกลุ่ม สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความเห็นแก่ตัวไม่เพียงทำลายตัวเองแต่ยังทำลายสังคมทั้งหมด
→ พีเจ มหิดล พิบูลสงคราม รับบทเป็น จี้

content creator ผู้อยู่อาศัยในคอนโด The Breathe ด้วยบุคลิกสดใสร่าเริงและชอบถ่ายคลิปทุกอย่าง ทำให้เขาเป็นตัวละครรองที่สร้างสีสันและความวุ่นวายหลักในเรื่อง ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด จี้ปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะลูกบ้านหนุ่มที่อาศัยกับตาชาญและยายจินตนา ข้าราชการเกษียณผู้เป็นตายายแท้ๆ เขาใช้ชีวิตบันทึกคอนเทนต์ทุกโมเมนต์ ไม่ว่าจะเหตุการณ์ปกติหรือวิกฤต ท่ามกลางความแตกแยกเรื่องเสบียงอาหารและการทะเลาะวิวาทเพราะโรคแพร่กระจาย บทบาทนี้ผสมทั้งความสนุกและความน่ารำคาญ จี้ถ่ายคลิปคนคลั่งจริงหรือหลอก ถกเถียงกับลูกบ้านอื่นอย่างหมอบีม โศภิดา หรือทัตเทพ ทำให้เกิดดราม่าเพิ่มขึ้นในคอนโดที่ถูกปิดตายภายใต้คำสั่งยุทธศักดิ์
เขามีส่วนในเหตุการณ์ฆาตกรรมอำพรางและการหายตัวไปของโยชิกับรังรองที่นำไปสู่ตัวกลางปล่อยยา Next แต่ด้วยความสดใส เขาช่วยบันทึกหลักฐานสำคัญโดยไม่ตั้งใจ พีเจถ่ายทอดความร่าเริงนี้ผ่านการแสดงที่กระฉับกระเฉงแต่มีเสน่ห์ ทำให้จี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ในวิกฤตที่ใช้โซเชียลมีเดียบันทึกความจริง เขาไม่ใช่ฮีโร่แต่มี backstory กับตายายที่ทำให้ผู้ชมเอ็นดู เมื่อถึงจุดจุดไคลแม็กซ์ เขาถูกอพยพออกพร้อมลูกบ้านแต่คลิปของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดโปงความจริง ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่นำไปสู่ทั้งประโยชน์และอันตรายในชุมชนเล็กๆ อย่างคอนโด
ฉายา “คอนเทนต์ครีเอเตอร์ตัวจี๊ด”
สำหรับจี้ เพราะเขาคือหนุ่มร่าเริงที่ถ่ายคลิปทุกอย่างแบบไม่ยั้งมือในคอนโดปิดตาย ฉายานี้มาจากบุคลิกที่พีเจถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เขาบันทึกเหตุการณ์โรคคลั่งแพร่ ทำให้เกิดวุ่นวายแต่ก็ช่วยเก็บหลักฐาน ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เขาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในสังคมไทย ที่ใช้โซเชียลมีเดียบันทึกชีวิตแต่ถูกทดสอบจากวิกฤต พีเจเล่นบทนี้ด้วยท่าทางกระตือรือร้นแต่ไร้เดียงสา ทำให้ฉายานี้ติดตัวเขาไปตลอดเรื่อง แม้อาศัยกับตายายและทะเลาะกับลูกบ้าน เขายังคงจี๊ดจ๊าดไม่เปลี่ยน สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าคอนเทนต์สามารถเป็นเครื่องมือเปิดโปงความจริงในโลกโหดร้ายได้
ข้อคิด “การบันทึกนำมาซึ่งความจริง”
จากบทจี้ เพราะในซีรีส์เขาสอนว่าการถ่ายคลิปทุกโมเมนต์คือวิธีเก็บหลักฐานในวิกฤต ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ จี้เริ่มจากบันทึกเล่นๆ แต่ด้วยคลิปเหล่านั้น เขาค่อยๆ เผยข้อมูลสำคัญที่ช่วยเปิดโปงต้นตอโรค ทำให้เห็นว่าการบันทึกไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความเสี่ยงเช่นถูกสงสัย ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยโซเชียลมีเดีย เช่นวิกฤตสาธารณสุขหรือเหตุการณ์สังคม พีเจถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความอยากรู้แต่สุดท้ายมีประโยชน์ แม้ทะเลาะกับลูกบ้าน เขายังใช้คลิปช่วย ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการบันทึกเพื่อปกป้องความจริงแทนที่จะปล่อยผ่าน สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าการบันทึกไม่เพียงสนุกแต่ยังนำพาสังคมสู่ความกระจ่างแจ้ง
→ น้ำเพชร อิสรีย์ ธรากูพิพัฒน์ รับบทเป็น ฟา

แม่ค้าออนไลน์ผู้อยู่อาศัยในคอนโด The Breathe ด้วยบุคลิกขยันขันแข็งและตรงไปตรงมา ทำให้เธอเป็นตัวละครรองที่สร้างความวุ่นวายและสีสันในเรื่อง ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด ฟาปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะลูกบ้านสาวที่ขายของออนไลน์เพื่อหาเลี้ยงชีพ เธอใช้ชีวิตประจำวันไลฟ์ขายสินค้าท่ามกลางความปกติ แต่เมื่อคอนโดถูกปิดตายภายใต้คำสั่งยุทธศักดิ์ เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของความแตกแยกเรื่องเสบียงอาหารและการทะเลาะวิวาทเพราะโรคแพร่กระจาย บทบาทนี้ผสมทั้งความขยันและความดื้อรั้น ฟาพยายามหาทางเอาตัวรอดโดยใช้ทักษะขายของเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของกับลูกบ้านอื่นอย่างหมอบีม โศภิดา หรือจี้ แต่ความตรงไปตรงมาของเธอทำให้เกิดดราม่า เช่นตอนถกเถียงกับทัตเทพทนายเจ้าเล่ห์เกี่ยวกับคนคลั่งจริงหรือหลอก
เธอมีส่วนในเหตุการณ์ฆาตกรรมอำพรางและการหายตัวไปของโยชิกับรังรองที่นำไปสู่ตัวกลางปล่อยยา Next แต่ด้วยความขยัน เธอช่วยหาเสบียงเพิ่มเติมแม้เสี่ยงออกไปมินิมาร์ท น้ำเพชรถ่ายทอดความไฟแรงนี้ผ่านการแสดงที่กระตือรือร้นแต่จริงใจ ทำให้ฟากลายเป็นสัญลักษณ์ของคนธรรมดาในวิกฤตที่ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด เธอไม่ใช่ฮีโร่แต่มี backstory การดิ้นรนจากชีวิตจริงที่นางงามอย่างเธอเคยเผชิญ ทำให้ผู้ชมเอ็นดู เมื่อถึงจุดจุดไคลแม็กซ์ เธอถูกอพยพออกพร้อมลูกบ้านแต่ความขยันของเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดโปงความจริง ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความทะเยอทะยานเล็กๆ ที่นำไปสู่ทั้งประโยชน์และความขัดแย้งในชุมชนเล็กๆ อย่างคอนโด
ฉายา “แม่ค้าออนไลน์ไฟแรง”
สำหรับฟา เพราะเธอคือสาวขยันที่ไลฟ์ขายของออนไลน์แบบไม่ยอมแพ้แม้ในวิกฤตโรคคลั่ง ฉายานี้มาจากบุคลิกที่น้ำเพชรถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เธอใช้ทักษะขายของเพื่อเอาตัวรอดและแลกเปลี่ยนเสบียง ทำให้เกิดวุ่นวายแต่ก็ช่วยกลุ่ม ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เธอเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในสังคมไทย ที่ใช้โซเชียลมีเดียหาเลี้ยงชีพแต่ถูกทดสอบจากวิกฤต น้ำเพชรเล่นบทนี้ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงแต่ตรงไปตรงมา ทำให้ฉายานี้ติดตัวเธอไปตลอดเรื่อง แม้ทะเลาะกับลูกบ้านหรือเสี่ยงชีวิต เธอยังคงไฟแรงไม่ดับ สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความขยันสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้
ข้อคิด “ความขยันนำทางสู่การเอาตัวรอด”
จากบทฟา เพราะในซีรีส์เธอสอนว่าการขยันทำงานคือกุญแจในการรอดพ้นวิกฤต ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ ฟาเริ่มจากขายของออนไลน์แต่ด้วยความขยัน เธอค่อยๆ หาเสบียงและช่วยเปิดโปงต้นตอโรค ทำให้เห็นว่าความขยันไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความเสี่ยงเช่นทะเลาะกับลูกบ้าน ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยการดิ้นรน เช่นวิกฤตเศรษฐกิจหรือโรคระบาด น้ำเพชรถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความมุ่งมั่นแต่จริงใจ แม้คอนโดถูกปิด เธอยังใช้ทักษะช่วย ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการขยันทำงานเพื่อเอาชนะอุปสรรคแทนที่จะยอมแพ้ สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความขยันไม่เพียงช่วยตัวเองแต่ยังนำพาชุมชนรอดพ้นวิกฤต
→ เกศริน เอกธวัชกุล รับบทเป็น อริสรา

เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมพิเศษ ผู้ช่วยยุทธศักดิ์ในภารกิจคุมโรคคนคลั่งระบาดจากยา Next ด้วยบุคลิกเข้มแข็งมืออาชีพและซื่อตรง ทำให้เธอเป็นตัวละครรองที่สนับสนุนพล็อตหลักอย่างเงียบๆ ในโลกหลังโควิดที่โรคปริศนาแพร่กระจาย อริสราเริ่มต้นด้วยการช่วยคุมสถานกักกันที่รันถูกนำตัวไปหลังได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนคลั่งกัดกัน เธอทำงานใกล้ชิดกับยุทธศักดิ์ผู้บัญชาการลึกลับที่ซ่อนเบื้องหลังไว้มากมาย ทำให้ผู้ชมเห็นมุมมองจากฝั่งรัฐบาล บทบาทนี้ผสมทั้งความเด็ดขาดและความเห็นอกเห็นใจ อริสราช่วยประสานงานมาตรการเข้มงวดอย่างปิดคอนโด The Breathe เพื่อป้องกันยาแพร่ออกไป ตัดสัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า และน้ำประปา เพื่อบีบให้คนร้ายโผล่ตัว ทำให้ลูกบ้านแตกแยกและเกิดฆาตกรรมอำพรางเพิ่มขึ้น เช่นกรณีลุงเต๋าตายไร้ร่องรอยหรือโยชิหายตัวไป
เธอมีส่วนช่วยปราชญ์กับรันทางอ้อมผ่านข้อมูลที่รั่วไหล เกศรินถ่ายทอดความเข้มแข็งนี้ผ่านการแสดงที่นิ่งสงบแต่มีอารมณ์ลึกซึ้ง ทำให้อริสรากลายเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐในวิกฤตที่พยายามรักษาความสงบ เธอไม่ใช่ตัวร้ายแต่มีเหตุผลซับซ้อนที่เผยในตอนจบ เมื่อสั่งอพยพลูกบ้านแต่ทิ้งหมอบีมไว้ ทำให้ปราชญ์กับรันกลับเข้าไปแล้วค้นพบความจริงทั้งหมด ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความรับผิดชอบที่ถูกทดสอบจากอำนาจและความลับใหญ่หลวง
ฉายา “เจ้าหน้าที่สาวเด็ดขาด”
สำหรับอริสรา เพราะเธอคือหญิงแกร่งที่สั่งการเด็ดขาดในหน่วยควบคุมพิเศษ ฉายานี้มาจากบุคลิกที่เกศรินถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เธอช่วยยุทธศักดิ์คุมสถานการณ์ด้วยมาตรการเข้มแต่ยุติธรรม ทำให้เกิดความตึงเครียดแต่ก็ช่วยป้องกันโรคแพร่ ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เธอเป็นตัวแทนผู้หญิงในสังคมไทย ที่รับบทบาทผู้นำในวิกฤตแต่ถูกทดสอบจากความลับ เกศรินเล่นบทนี้ด้วยท่าทางมั่นใจแต่มีแววตาเห็นอกเห็นใจ ทำให้ฉายานี้ติดตัวเธอไปตลอดเรื่อง แม้ประสานงานตัดทุกสัญญาณในคอนโด เธอยังคงเด็ดขาดไม่สั่นคลอน สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความเด็ดขาดสามารถนำพาสังคมผ่านวิกฤตได้
ข้อคิด “ความซื่อตรงนำทางสู่ความยุติธรรม”
จากบทอริสรา เพราะในซีรีส์เธอสอนว่าการยึดมั่นความถูกต้องคือกุญแจในการแก้ไขวิกฤต ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ อริสราเริ่มจากช่วยคุมสถานการณ์แต่ด้วยความซื่อตรง เธอค่อยๆ เผยข้อมูลสำคัญที่ช่วยเปิดโปงต้นตอโรค ทำให้เห็นว่าความซื่อตรงไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความเสี่ยงเช่นขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชา ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยการปกปิด เช่นวิกฤตสาธารณสุขหรือการเมือง เกศรินถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความขัดแย้งภายในแต่มุ่งมั่น แม้สั่งมาตรการเข้ม เธอยังมีเหตุผล ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการยืนหยัดความถูกต้องแทนที่จะยอมตามอำนาจ สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความซื่อตรงไม่เพียงช่วยตัวเองแต่ยังนำพาสังคมสู่ความยุติธรรม
→ เพลง กวิตา รอดเกิด รับบทเป็น โศภิดา

เจ้าของคลินิกเสริมความงามผู้อยู่อาศัยในคอนโด The Breathe ด้วยบุคลิกสวยงามแต่เห็นแก่ตัวและเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอเป็นตัวละครรองที่สร้างความขัดแย้งและวุ่นวายหลักในเรื่อง ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด โศภิดาปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะลูกบ้านสาวสวยที่เลี้ยงดูโยชิเด็กหนุ่มเหมือนลูกบุญธรรม เธอใช้ชีวิตหรูหราแต่เต็มไปด้วยแผนการแสวงหาผลประโยชน์ ท่ามกลางความแตกแยกเรื่องเสบียงอาหารและการทะเลาะวิวาทเพราะโรคแพร่กระจาย บทบาทนี้ผสมทั้งความเย่อหยิ่งและความเห็นแก่ตัว โศภิดาพยายามใช้เสน่ห์และคลินิกเพื่อควบคุมลูกบ้านอื่นอย่างหมอบีม ทัตเทพ หรือจี้ เช่นตอนถกเถียงเกี่ยวกับคนคลั่งจริงหรือหลอกเพื่อปกป้องตัวเอง
เธอมีส่วนในเหตุการณ์ฆาตกรรมอำพรางและการหายตัวไปของโยชิกับรังรองที่นำไปสู่ตัวกลางปล่อยยา Next แต่ด้วยความสวยแสบ เธอพยายามหาทางเอาตัวรอดแม้เสี่ยง เพลงถ่ายทอดความเย่อหยิ่งนี้ผ่านการแสดงที่สง่างามแต่มีแววตาเจ้าเล่ห์ ทำให้โศภิดากลายเป็นสัญลักษณ์ของมนุษย์ด้านมืดในวิกฤตที่ใช้รูปลักษณ์ปกปิดความเห็นแก่ตัว เธอไม่ใช่ตัวร้ายล้วนๆ แต่มี backstory การเลี้ยงโยชิที่ทำให้ผู้ชมเห็นมิติ เมื่อถึงจุดไคลแม็กซ์ เธอถูกเปิดโปงแผนการแล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของการอพยพ แต่สุดท้ายต้องเผชิญผลจากการกระทำ ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความทะเยอทะยานที่นำไปสู่ความแตกแยกในชุมชนเล็กๆ อย่างคอนโด
ฉายา “สาวสวยเจ้าคลินิกแสบ”
สำหรับโศภิดา เพราะเธอคือหญิงสวยที่ใช้คลินิกเสริมความงามเป็นฉากหน้าแต่ซ่อนความแสบซ่าไว้ลึกๆ ฉายานี้มาจากบุคลิกที่เพลงถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เธอเลี้ยงโยชิแต่ใช้เสน่ห์ควบคุมลูกบ้านเพื่อผลประโยชน์ ทำให้เกิดวุ่นวายแต่ก็สร้างสีสัน ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เธอเป็นตัวแทนผู้หญิงในสังคมไทย ที่รูปลักษณ์สวยงามถูกใช้เป็นอาวุธในวิกฤตแต่ถูกทดสอบจากด้านมืด เพลงเล่นบทนี้ด้วยท่าทางสง่างามแต่มีแววตาแสบ ทำให้ฉายานี้ติดตัวเธอไปตลอดเรื่อง แม้ทะเลาะกับลูกบ้านหรือวางแผนกับโยชิ เธอยังคงแสบไม่เปลี่ยน สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความสวยภายนอกอาจปกปิดความเห็นแก่ตัวที่นำไปสู่ปัญหา
ข้อคิด “รูปลักษณ์ไม่ใช่ทุกอย่างในวิกฤต”
จากบทโศภิดา เพราะในซีรีส์เธอสอนว่าความสวยภายนอกไร้ค่าหากจิตใจเห็นแก่ตัว ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ โศภิดาเริ่มจากใช้เสน่ห์เอาตัวรอดแต่ด้วยความเห็นแก่ตัว เธอค่อยๆ สร้างความแตกแยกจนถูกเปิดโปง ทำให้เห็นว่ารูปลักษณ์ไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความจริงใจ ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยภาพลักษณ์ เช่นวิกฤตสังคมหรือความงาม เพลงถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความเย่อหยิ่งแต่สุดท้ายพังทลาย แม้ควบคุมทุกอย่าง เธอยังต้องเผชิญผล ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการให้ความสำคัญจิตใจแทนรูปลักษณ์ สุดท้ายมันพิสูจน์ว่ารูปลักษณ์ไม่เพียงพอแต่ต้องมีคุณธรรมถึงจะรอดพ้นวิกฤต
→ ทุเรียน สุพจน์ พงษ์พรรณเจริญ รับบทเป็น ลุงเต๋า
ร่างทรงผู้อยู่อาศัยในคอนโด The Breathe ด้วยบุคลิกเชื่อเรื่องไสยศาสตร์และลึกลับ ทำให้เขาเป็นตัวละครรองที่สร้างบรรยากาศขนลุกและความสงสัยหลักในเรื่อง ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด ลุงเต๋าปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะแฟนป้าหน่อยนิติบุคคลคอนโด เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องผีสางและร่างทรง ท่ามกลางความแตกแยกเรื่องเสบียงอาหารและการทะเลาะวิวาทเพราะโรคแพร่กระจาย บทบาทนี้ผสมทั้งความน่ากลัวและความน่าสงสาร ลุงเต๋าพยายามใช้ความรู้ไสยศาสตร์เพื่ออธิบายคนคลั่งจริงหรือหลอก ถกเถียงกับลูกบ้านอื่นอย่างหมอบีม ทัตเทพ หรือโศภิดา ทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้นในคอนโดที่ถูกปิดตายภายใต้คำสั่งยุทธศักดิ์
เขามีส่วนในเหตุการณ์ฆาตกรรมอำพรางและการหายตัวไปของโยชิกับรังรองที่นำไปสู่ตัวกลางปล่อยยา Next แต่ด้วยความเชื่อ เขากลายเป็นเหยื่อถูกฆ่าแบบไร้ร่องรอยคนร้าย ทุเรียนถ่ายทอดความลึกลับนี้ผ่านการแสดงที่นิ่งขรึมแต่มีแววตาขนลุก ทำให้ลุงเต๋ากลายเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อโบราณในวิกฤตสมัยใหม่ที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ เขาไม่ใช่ตัวร้ายแต่มี backstory กับป้าหน่อยที่ทำให้ผู้ชมเห็นมิติอบอุ่น เมื่อถึงจุดสำคัญ การตายของเขาทำให้ปราชญ์กับรันตกเป็นผู้ต้องสงสัยและเร่งสืบต่อ ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความเชื่อที่ถูกทดสอบจากวิกฤตใหญ่หลวงแต่สุดท้ายกลายเป็นจุดเปลี่ยนพล็อต
ฉายา “ร่างทรงลึกลับแห่งคอนโด”
สำหรับลุงเต๋า เพราะเขาคือชายชราที่เชื่อไสยศาสตร์และทำพิธีร่างทรงแบบไม่เปิดเผยในคอนโดปิดตาย ฉายานี้มาจากบุคลิกที่ทุเรียนถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เขาอธิบายคนคลั่งด้วยเรื่องผีทำให้เกิดความสงสัยและขนลุก ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เขาเป็นตัวแทนความเชื่อเก่าแก่ในสังคมไทย ที่ถูกทดสอบจากวิกฤตโรคระบาดสมัยใหม่ ทุเรียนเล่นบทนี้ด้วยท่าทางนิ่งขรึมแต่มีเสน่ห์ลึกลับ ทำให้ฉายานี้ติดตัวเขาไปตลอดเรื่อง แม้ทะเลาะกับลูกบ้านหรือทำพิธี เขายังคงลึกลับไม่เปลี่ยน สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความเชื่ออาจนำไปสู่ทั้งความกลัวและจุดเปลี่ยนในเรื่อง
ข้อคิด “ความเชื่อต้องเผชิญความจริง”
จากบทลุงเต๋า เพราะในซีรีส์เขาสอนว่าความเชื่อไสยศาสตร์ไร้ค่าหากไม่ยอมรับความจริงวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ ลุงเต๋าเริ่มจากใช้ร่างทรงอธิบายคนคลั่งแต่ด้วยความเชื่อล้วนๆ เขาค่อยๆ กลายเป็นเหยื่อจนตายไร้ร่องรอย ทำให้เห็นว่าความเชื่อไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยการเปิดใจ ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยความเชื่อเก่าแก่ เช่นวิกฤตสาธารณสุขหรือไสยศาสตร์ ทุเรียนถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความมั่นใจแต่สุดท้ายพังทลาย แม้ทำพิธีทุกอย่าง เขายังต้องเผชิญผล ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการผสมผสานความเชื่อกับเหตุผลแทนที่จะยึดติดด้านเดียว สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความเชื่อที่ไม่เผชิญจริงอาจนำไปสู่หายนะ
→ เชา ชวลิต ชิตตนันท์ รับบทเป็น พี่ท็อป

พี่ชายบุญธรรมของรัน ตำรวจหน่วยพิเศษ ด้วยบุคลิกอบอุ่นใจดีและปกป้องน้องสาวสุดชีวิต ทำให้เขาเป็นตัวละคร guest ที่สร้างความสะเทือนใจตั้งแต่ต้นเรื่อง ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next เริ่มระบาด พี่ท็อปปรากฏตัวในตอนต้นๆ เป็นคนใกล้ชิดที่คอยดูแลรันเหมือนน้องแท้ๆ เขาเป็นคนธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความรักครอบครัว ท่ามกลางเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่พี่สาวคนรู้จักของรันกลายร่างเป็นคนคลั่งกัดสามีต่อหน้า พี่ท็อปพยายามช่วยเหลือแต่สุดท้ายกลายเป็นส่วนหนึ่งของความสูญเสียที่จุดไฟแค้นให้รัน
บทบาทนี้ผสมทั้งความอบอุ่นและความเศร้า เชาถ่ายทอดความเป็นพี่ชายที่น่าเชื่อถือผ่านการแสดงที่จริงใจและอารมณ์ลึก ทำให้พี่ท็อปกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสืบสวนอันตรายของรันกับปราชญ์ เขาไม่ใช่ตัวเอกแต่มีบทสำคัญในการกระตุ้นแรงจูงใจของรันที่สูญเสียคนที่รักที่สุดเพื่อแลกกับการมีบ้านตามฝัน การตายของเขาตอนต้นเรื่องสร้างความช็อกและทำให้รันเข้มแข็งขึ้นเพื่อสู้กับโรคระบาดในคอนโด The Breathe ที่ถูกปิดตาย ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยความสูญเสียที่เกิดจากวิกฤตใหญ่หลวงแต่กลายเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอกต่อสู้เพื่อความจริงและความยุติธรรม
ฉายา “พี่ชายอบอุ่นผู้เสียสละ”
สำหรับพี่ท็อป เพราะเขาคือคนที่คอยปกป้องรันเหมือนน้องแท้ๆ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตในวิกฤตโรคคลั่ง ฉายานี้มาจากบุคลิกที่เชาถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เขาช่วยเหลือในเหตุการณ์สะเทือนขวัญแต่สุดท้ายเสียสละเพื่อคนอื่น ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เขาเป็นตัวแทนความรักครอบครัวในสังคมไทย ที่ถูกทดสอบจากโรคระบาด เชาเล่นบทนี้ด้วยท่าทางใจดีแต่เด็ดเดี่ยว ทำให้ฉายานี้ติดตัวเขาไปตลอดตอนที่ปรากฏ แม้มีบทน้อย เขายังคงอบอุ่นไม่เปลี่ยน สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความเสียสละสามารถจุดประกายความเข้มแข็งให้คนที่รัก
ข้อคิด “ความสูญเสียสร้างความเข้มแข็ง”
จากบทพี่ท็อป เพราะในซีรีส์เขาสอนว่าการจากไปของคนใกล้ชิดคือจุดเริ่มต้นของการลุกขึ้นสู้ ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ พี่ท็อปเริ่มจากปกป้องรันแต่ด้วยการเสียสละ เขาค่อยๆ กลายเป็นแรงผลักดันให้รันสืบหาความจริง ทำให้เห็นว่าความสูญเสียไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความกล้า ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยวิกฤต เช่นโรคระบาดหรือการสูญเสียคนรัก เชาถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความอบอุ่นแต่สุดท้ายสะเทือนใจ แม้ตายตอนต้น เขายังมีผลต่อพล็อตทั้งเรื่อง ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการเปลี่ยนความเศร้ามาเป็นพลังแทนที่จะยอมแพ้ สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความสูญเสียไม่เพียงทำลายแต่ยังสร้างคนที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อคนอื่น
→ แจ๊ค ไรเดอร์ รับบทเป็น ป้อ

คนขับรถส่งของพัสดุและอาหาร ผู้เข้ามาเกี่ยวข้องกับคอนโด The Breathe ด้วยบุคลิกเรียบง่ายใจดีและชอบช่วยเหลือ ทำให้เขาเป็นตัวละครรองที่สร้างความอบอุ่นและความเชื่อมโยงกับโลกภายนอก ในโลกหลังโควิดที่โรคคนคลั่งจากยา Next ระบาด ป้อปรากฏตัวในฐานะ delivery guy ที่ส่งของให้ลูกบ้านคอนโดหรูแห่งนี้เป็นประจำ เขารู้จักเส้นทางและคนในคอนโดดีเพราะส่งของบ่อย ท่ามกลางความแตกแยกเรื่องเสบียงอาหารและการทะเลาะวิวาทเพราะโรคแพร่กระจาย บทบาทนี้ผสมทั้งความเสี่ยงและความกล้าหาญ ป้อกลายเป็นช่องทางสำคัญที่นำข่าวสารหรือของจำเป็นจากภายนอกเข้ามาในคอนโดที่ถูกปิดตายภายใต้คำสั่งยุทธศักดิ์ เช่นตอนเสบียงหมด เขาอาจเสี่ยงส่งของเพิ่มหรือช่วยสื่อสารกับปราชญ์กับรันที่สืบภายใน
แจ๊คถ่ายทอดความเป็นคนธรรมดานี้ผ่านการแสดงที่ยิ้มแย้มและจริงใจ ทำให้ป้อกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนข้างนอกที่ยังคงช่วยเหลือแม้เสี่ยงติดเชื้อ เขาไม่ใช่ฮีโร่ใหญ่แต่มีส่วนในเหตุการณ์ฆาตกรรมอำพรางและการหายตัวไปของโยชิกับรังรองโดยทางอ้อมผ่านการส่งของที่น่าสงสัย เมื่อถึงจุดจุดไคลแม็กซ์ เขาอาจช่วยอพยพหรือนำข้อมูลสำคัญออกไป ตัวละครนี้สะท้อนด้านมืดสังคมไทยได้ดี ด้วยคนงานส่งของที่ถูกมองข้ามแต่กลายเป็น lifeline ในวิกฤตใหญ่หลวงที่ทุกคนติดอยู่ในคอนโด
ฉายา “ไรเดอร์ใจดีแห่งคอนโด”
สำหรับป้อ เพราะเขาคือคนส่งของที่เสี่ยงชีวิตนำพัสดุและเสบียงเข้าไปในคอนโดปิดตาย ฉายานี้มาจากบุคลิกที่แจ๊คถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในซีรีส์เขาช่วยลูกบ้านด้วยการส่งของจำเป็นแม้โรคคลั่งแพร่ ทำให้เกิดความหวังแต่ก็เสี่ยง ฉายานี้ยังสะท้อนถึงการที่เขาเป็นตัวแทนคนงาน delivery ในสังคมไทย ที่ถูกทดสอบจากวิกฤตแต่ยังใจดีไม่ทิ้งลูกค้า แจ๊คเล่นบทนี้ด้วยท่าทางยิ้มแย้มแต่เด็ดเดี่ยว ทำให้ฉายานี้ติดตัวเขาไปตลอดเรื่อง แม้เจอคนคลั่งหรือคอนโดตัดทุกอย่าง เขายังคงส่งของช่วย สุดท้ายฉายานี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเห็นว่าความใจดีเล็กๆ สามารถช่วยชีวิตคนในวิกฤตได้
ข้อคิด “ความช่วยเหลือเล็กๆ สร้างความหวังใหญ่”
จากบทป้อ เพราะในซีรีส์เขาสอนว่าการส่งของหรือช่วยเหลือธรรมดาคือสิ่งที่รักษาชีวิตในวิกฤต ไม่ว่าจะโรคระบาดหรือด้านมืดมนุษย์ ป้อเริ่มจากส่งพัสดุแต่ด้วยความใจดี เขาค่อยๆ กลายเป็นช่องทางนำเสบียงและข่าวสาร ทำให้เห็นว่าความช่วยเหลือไม่ได้มาง่ายๆ แต่ต้องแลกด้วยความเสี่ยงชีวิต ข้อคิดนี้สะท้อนสังคมจริงที่เต็มไปด้วยคนงานส่งของ เช่นวิกฤตโรคระบาดหรือ lockdown แจ๊คถ่ายทอดผ่านการแสดงที่แสดงถึงความเรียบง่ายแต่มีคุณค่า แม้คอนโดถูกปิด เขายังหาทางช่วย ข้อคิดนี้กระตุ้นให้ผู้ชมนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการช่วยเหลือคนรอบตัวแทนที่จะมองข้าม สุดท้ายมันพิสูจน์ว่าความใจดีไม่เพียงช่วยคนอื่นแต่ยังสร้างความหวังให้สังคมทั้งหมด
ซีรีส์ Happiness เวอร์ชั่นไทย ปี 2568 จบลงด้วยการเปิดโปงต้นตอ ยา Next และการช่วยเหลือลูกบ้านคอนโด The Breathe ให้รอดพ้นวิกฤตโรคคนคลั่ง แต่ด้วยฉากโบนัสตอนจบที่คลุมเครือและคล้ายต้นฉบับเกาหลี แฟนๆ หลายคนต่างรู้สึกว่าความจริงยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากมีภาค 2 จริงๆ มันจะเป็นยังไง ต้องเข้มข้นกว่าเดิมแน่นอน เพราะโลกหลังโรคระบาดยังคงเปราะบาง และภัยใหม่กำลังก่อตัว
หลังจากเหตุการณ์ในคอนโด The Breathe สิ้นสุดลง 6 เดือน ปราชญ์ (เซ้นต์ ศุภพงษ์) และรัน (อร พัศชนันท์) ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่กันอย่างสงบสุขในบ้านที่รันใฝ่ฝันมานาน ทั้งคู่ยังคงทำงานในหน่วยตำรวจพิเศษ แต่เลือกปฏิเสธภารกิจเสี่ยงภัยเพื่อรักษาความสุขที่เพิ่งได้มา อย่างไรก็ตาม ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีรายงานโรคคนคลั่งระบาดซ้ำในหลายจังหวัดทั่วประเทศ คราวนี้ไม่ใช่แค่ในคอนโดหรู แต่ลามไปถึงชุมชนแออัดและต่างจังหวัด ทำให้รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ
ปราชญ์และรันถูกเรียกตัวกลับเข้าหน่วยโดยยุทธศักดิ์ (ดอม เหตระกูล) ผู้บัญชาการที่รอดชีวิตมาแต่บาดเจ็บสาหัสจากภาคแรก เขาเปิดเผยข้อมูลลับว่ายา Next เวอร์ชั่นใหม่ที่เรียกว่า “Next Evolution” ถูกพัฒนาขึ้นโดยกลุ่มทุนลึกลับที่ต้องการใช้โรคนี้ควบคุมประชากรและผลกำไรจากยารักษา หมอบีม (เพชร เผ่าเพชร) ที่รอดชีวิตมาแต่ติดเชื้อบางส่วน กลายเป็นกุญแจสำคัญเพราะเขาค้นพบวิธีชะลออาการคลั่งด้วยความรู้เคมีของตัวเอง ทำให้เขาถูกตามล่าเพื่อนำไปทดลอง
ภาคนี้ขยายสเกลไปทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ลูกบ้านที่รอดจากภาคแรกบางคนกลับมา เช่น จี้ (พีเจ มหิดล) ที่กลายเป็น influencer เผยแพร่ข่าวโรคระบาดแต่ถูกกล่าวหาว่าปล่อยข่าวปลอม ฟา (น้ำเพชร อิสรีย์) แม่ค้าออนไลน์ที่ใช้เครือข่ายขายของช่วยส่งเสบียงให้ผู้รอดชีวิต หรืออริสรา (นุ้ย เกศริน) เจ้าหน้าที่ที่ขัดแย้งกับยุทธศักดิ์เรื่องการปกปิดข้อมูล
ปราชญ์และรันต้องนำทีมบุกเข้าไปในโรงงานลับที่ผลิตยา Next Evolution เผชิญคนคลั่งฝูงใหญ่และการทรยศจากคนในหน่วยเอง เรื่องราวเน้นหนักไปที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ถูกทดสอบจากความกลัวการสูญเสียอีกครั้ง การตีแผ่ความเหลื่อมล้ำที่คนจนในชุมชนแออัดกลายเป็นเหยื่อแรก และคำถามว่ามนุษย์จะเรียนรู้จากวิกฤตครั้งก่อนหรือไม่ จบด้วยการเปิดโปงกลุ่มทุนใหญ่ แต่ทิ้ง hint ว่ายา Next อาจแพร่ไปต่างประเทศ เปิดทางภาค 3

