ละคร เพลิงนรี 2559 ในเงามืดของมหานคร พริริสา สละมงกุฎแห่งไทรจีส เพื่อสวมบทบาทใหม่ เลขานุการผู้เงียบงัน ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งนั้นคือไฟแค้นที่เผาผลาญ เธอมาเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้มารดาจากตระกูล บูรพเกียรติ ที่เคยเหยียบย่ำ แต่แผนการที่รัดกุมก็ถูกจับจ้องโดยสายตาคมกริบของ สารวัตรธีภพ ตำรวจหนุ่มผู้ไม่เคยเชื่อในความบังเอิญ ทุกการเคลื่อนไหวของ ‘เลขาฯ’ คนนี้เต็มไปด้วยปริศนา สองเส้นทางที่ตัดกันระหว่าง เจ้าหญิงผู้ปลอมตัว กับ นายตำรวจนักสืบ ก่อเกิดเป็นแรงดึงดูดที่อันตราย ท่ามกลางเสียงกระซิบของ กลุ่มกบฏ และภัยคุกคามที่รออยู่ข้างหน้า ความแค้น หรือ ความรัก สิ่งใดจะกำหนดจุดจบของเรื่องนี้

ละคร เพลิงนรี 2559 ละครแนวโรแมนติกดราม่า เรื่องราวเริ่มต้นจากชีวิตวัยเด็กอันทุกข์ทรมานของริสา หรือที่แท้จริงคือเจ้าหญิงพริริสา แห่งประเทศไทรจีส ซึ่งเป็นลูกนอกสมรสของคณิน บูรพเกียรติ นักธุรกิจไทยผู้ร่ำรวย ในอดีต ครอบครัวของคณินได้ทำร้ายและไล่แม่ของเธอออกจากบ้าน จนทั้งสองต้องหนีไปยังประเทศไทรจีส ที่นั่น แม่ของพริริสาได้สมรสกับกษัตริย์ราอิล ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงพริริสา แต่บาดแผลในใจจากความโหดร้ายของครอบครัวบูรพเกียรติยังคงฝังลึก แม้แม่ของเธอจะต้องทนทุกข์จากผลกระทบของเหตุการณ์ในอดีต พริริสาจึงเติบโตมากับไฟแค้นที่ลุกโชน เธอสาบานว่าจะกลับไปประเทศไทยเพื่อแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายเธอและแม่

เมื่อพริริสากลับมาถึงไทย เธอปลอมตัวเป็น “ริสา” พนักงานเลขาคนใหม่ที่บริษัทบูรพเกียรติ เพื่อเข้าแทรกแซงและทำลายครอบครัวนี้จากภายใน ท่ามกลางนั้น เธอได้พบกับธีภพ สารวัตรหนุ่มจากหน่วยพิเศษอรินทราช 26 (S.W.A.T.) ลูกชายของพลตำรวจโทธเนศ ผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยวและยุติธรรม ธีภพถูกมอบหมายให้ช่วยเหลือธุรกิจครอบครัวบูรพเกียรติ และได้ใกล้ชิดกับริสาโดยบังเอิญ เขาเริ่มสงสัยในตัวตนของเธอจากพฤติกรรมที่เกินกว่าเลขาธรรมดา เช่น ความเอาแต่ใจ รสนิยมหรูหรา และความเก่งกล้า แต่พริริสาพยายามปกปิดตัวตนอย่างแนบเนียน แม้จะเคยเจอธีภพที่ไทรจีสมาก่อน

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ค่อยๆ พัฒนาจากความสงสัยและขัดแย้ง สู่ความรักที่ไม่คาดฝัน ธีภพค้นพบความจริงว่าพริริสาคือใครและจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอ เขาพยายามขอร้องให้เธอหยุดแก้แค้น โดยเตือนว่าความแค้นไม่เคยนำพาความสุขมาให้ใคร และสุดท้ายพริริสาจะต้องเจ็บปวดเอง ขณะเดียวกัน มีตัวละครรองอย่างเจ้าชายคามิน เพื่อนสนิทของธีภพที่เดินทางมาประเทศไทย และมิรา เพื่อนของอธิรุธ (ผู้กองและเพื่อนสนิทธีภพ) ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวการต้อนรับราชวงศ์ไทรจีส ทำให้เกิดความซับซ้อนเพิ่มขึ้น รวมถึงภัยคุกคามจากกลุ่มกบฏในไทรจีสที่อาจเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในไทย

สารบัญละคร

เพลิงนรี เป็นการผสมผสานระหว่างการแก้แค้นที่รุนแรง ความลับที่ถูกเปิดเผย และโรแมนติกที่ช่วยเยียวยาบาดแผล โดยพริริสาต้องเลือกระหว่างไฟแค้นที่ลุกโชนกับความรักที่อบอุ่นจากธีภพ ละครเรื่องนี้สะท้อนถึงธีมหลักอย่าง “เพลิง” ที่แทนทั้งความโกรธเกรี้ยวและ passion ในความรัก ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร

ในดินแดนที่ความลับและความแค้นทอผสานกันราวเงามืดแห่งอดีต เพลิงนรี ละครเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของเจ้าหญิงพริริสา ตัวเอกที่ต้องเผชิญหน้ากับบาดแผลในอดีต และสารวัตรธีภพ ชายหนุ่มผู้กลายเป็นแสงสว่างในชีวิตอันมืดมิดของเธอ

เปลวเพลิงแห่งอดีต

ในเงามืดของวัยเด็ก เจ้าหญิงพริริสาแห่งไทรจีส หรือที่รู้จักในนาม “ริสา” (รับบทโดย ดาวิกา โฮร์เน่) เติบโตมาด้วยบาดแผลที่ฝังลึกในใจ เธอคือลูกสาวนอกสมรสของคณิน บูรพเกียรติ มหาเศรษฐีแห่งวงการธุรกิจไทย ผู้เป็นต้นตอของความทุกข์ทรมานของแม่ของเธอ ในอดีต ครอบครัวบูรพเกียรติได้กลั่นแกล้งและขับไล่แม่ของพริริสาออกจากบ้านอย่างโหดร้าย ทำให้ทั้งคู่ต้องหลบหนีไปยังไทรจีส ประเทศสมมติที่มีราชวงศ์อันงดงาม ที่นั่น แม่ของเธอได้สมรสกับกษัตริย์ราอิล ทำให้พริริสากลายเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ แต่ความเจ็บปวดจากอดีตไม่เคยจางหาย ไฟแค้นในใจของเธอลุกโชน และเธอสาบานว่าจะกลับไปประเทศไทยเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับแม่และตัวเอง

เมื่อก้าวสู่วัยสาว พริริสาในคราบ “ริสา” เดินทางกลับสู่ประเทศไทยด้วยแผนการอันแยบยล เธอปลอมตัวเป็นเลขานุการสาวแสนสวย เข้าทำงานในบริษัทบูรพเกียรติ ด้วยเป้าหมายเดียว: ทำลายครอบครัวที่เคยทำร้ายเธอให้ย่อยยับ ด้วยความฉลาด รสนิยมอันสูงส่ง และความสามารถที่เกินหยั่งถึง เธอเริ่มควบคุมเกมจากภายใน เปิดโปงความลับและจุดอ่อนของครอบครัวบูรพเกียรติอย่างช้าๆ แต่รอบคอบ

การเผชิญหน้ากับหัวใจ

ท่ามกลางแผนการแก้แค้น ริสาได้พบกับสารวัตรธีภพ (รับบทโดย เจษฎาภรณ์ ผลดี) นายตำรวจหนุ่มจากหน่วยพิเศษอรินทราช 26 ผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยวและเปี่ยมด้วยความยุติธรรม ลูกชายของพลตำรวจโทธเนศ ธีภพได้รับมอบหมายให้ปกป้องธุรกิจครอบครัวบูรพเกียรติจากภัยคุกคามภายนอก เขาสงสัยในตัวริสาตั้งแต่แรกพบ เพราะพฤติกรรมของเธอไม่เหมือนเลขานุการทั่วไป เธอมีทั้งความมั่นใจเกินตัว ท่าทางราวกับชนชั้นสูง และบางครั้งเผยให้เห็นทักษะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา อดีตของทั้งคู่ยิ่งซับซ้อนเมื่อธีภพตระหนักว่าเขาเคยพบเธอมาก่อนในไทรจีส แต่ริสาพยายามปกปิดตัวตนของตัวเองอย่างแนบเนียน

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นด้วยการปะทะกันราวไฟกับน้ำ ธีภพพยายามสืบหาความจริงเกี่ยวกับตัวตนของริสา ขณะที่เธอต้องระวังทุกย่างก้าวเพื่อไม่ให้แผนการแก้แค้นถูกเปิดเผย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความใกล้ชิดทำให้หัวใจของทั้งสองเริ่มหวั่นไหว ธีภพมองเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของริสา และพยายามดึงเธอออกจากวงจรแห่งความแค้น เขาเตือนเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไฟแค้นไม่เคยนำความสุขมาให้ใคร” และสัญญาว่าจะปกป้องเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เงามืดและพันธมิตร

เรื่องราวยิ่งเข้มข้นเมื่อตัวละครสมทบเข้ามาเติมเต็มปมดราม่า เจ้าชายคามิน (รับบทโดย เกริกพล มัสยวาณิช) เพื่อนสนิทของธีภพจากไทรจีส เดินทางมาประเทศไทยด้วยภารกิจส่วนตัว ขณะที่มิรา (รับบทโดย ซินดี้ เบอร์บริดจ์) เพื่อนของผู้กองอธิรุธ เพื่อนสนิทของธีภพ เข้ามามีบทบาทในการต้อนรับราชวงศ์ไทรจีส ความสัมพันธ์ของตัวละครเหล่านี้เพิ่มความซับซ้อนให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มกบฏจากไทรจีสเริ่มปรากฏตัวเป็นภัยคุกคามที่อาจเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในประเทศไทย

ครอบครัวบูรพเกียรติเริ่มสงสัยในตัวริสา และความลับเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเธอค่อยๆ ถูกเปิดเผย ธีภพที่ค้นพบว่าเธอคือเจ้าหญิงพริริสาแห่งไทรจีส ต้องเผชิญกับความขัดแย้งในใจ เขาต้องเลือกระหว่างหน้าที่ในฐานะตำรวจและความรักที่เริ่มก่อตัว ขณะเดียวกัน ริสาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคจากทั้งครอบครัวบูรพเกียรติและภัยคุกคามจากกลุ่มกบฏที่ตามล่าเธอ

เมื่อเรื่องราวดำเนินถึงจุดสูงสุด ริสาต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากระหว่างการแก้แค้นที่เธอวางแผนมานานหลายปี กับความรักที่เริ่มผลิบานในหัวใจ ธีภพกลายเป็นพลังที่ช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของเธอ เขายืนหยัดเคียงข้างเธอ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายจากทั้งครอบครัวบูรพเกียรติและกลุ่มกบฏจากไทรจีส

เพลิงนรี โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างดราม่าการแก้แค้นและความโรแมนติกที่เข้มข้น การแสดงของดาวิกา โฮร์เน่ ในบทพริริสานั้นน่าประทับใจ โดยเฉพาะการถ่ายทอดอารมณ์ที่ซับซ้อนของตัวละครที่ต้องต่อสู้ระหว่างความแค้นและความรัก ส่วนเจษฎาภรณ์ ผลดีในบทธีภพก็เพิ่มเสน่ห์ด้วยภาพลักษณ์ตำรวจหนุ่มที่ทั้งเข้มแข็งและอบอุ่น ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

การแสดงที่ทรงพลัง ดาวิกา โฮร์เน่ สร้างความประทับใจในบทพริริสา ตัวละครที่มีทั้งความเข้มแข็งและเปราะบาง เธอถ่ายทอดอารมณ์ของหญิงสาวที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความแค้นได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะฉากดราม่าที่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตหรือตัดสินใจเรื่องความรัก เจษฎาภรณ์ ผลดี ในบทธีภพก็ไม่น้อยหน้า ด้วยภาพลักษณ์ตำรวจหนุ่มที่ทั้งเข้มแข็งและอบอุ่น เขาเป็นตัวละครที่ช่วยสมดุลความเข้มข้นของเรื่องราว ตัวละครสมทบอย่างเจ้าชายคามิน (เกริกพล มัสยวาณิช) และมิรา (ซินดี้ เบอร์บริดจ์) ช่วยเพิ่มสีสันและมิติให้กับเรื่องราว

การเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม ละครมีการวางปมที่ชาญฉลาด โดยเฉพาะการค่อยๆ เผยความลับเกี่ยวกับชาติกำเนิดของพริริสาและความขัดแย้งในครอบครัวบูรพเกียรติ การสลับฉากระหว่างประเทศไทยและไทรจีส รวมถึงการนำเสนอภัยคุกคามจากกลุ่มกบฏ ทำให้เรื่องราวมีทั้งความลุ้นระทึกและดราม่าในครอบครัว

งานภาพและโปรดักชัน เพลิงนรี มีงานภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะฉากที่ถ่ายทอดบรรยากาศของราชวงศ์ไทรจีส ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเทพนิยายสมัยใหม่ เครื่องแต่งกายของตัวละคร โดยเฉพาะชุดของพริริสาในฐานะเจ้าหญิง สะท้อนถึงรสนิยมและสถานะของตัวละครได้อย่างดี

คะแนน 8/10 (แนะนำสำหรับผู้ที่รักละครดราม่าเข้มข้นและอยากเห็นการเดินทางของตัวละครที่ต้องเลือกระหว่างไฟแห่งความแค้นและแสงสว่างแห่งความรัก)

เพลิงนรี เป็นละครที่ครบรส ทั้งดราม่าที่เข้มข้น ความรักที่หวานซึ้ง และการต่อสู้ที่ลุ้นระทึก การแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงนำ ผสานกับพล็อตที่ชวนติดตาม ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำของช่อง 3 ในปี 2559 แม้ว่าจะมีจุดด้อยในเรื่องจังหวะการเล่าเรื่องและการใช้ตัวละครสมทบ แต่จุดเด่นในด้านการแสดงและธีมที่ลึกซึ้งทำให้ เพลิงนรี เป็นละครที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวการแก้แค้นที่มาพร้อมกับการเยียวยาใจ

เมื่อเริ่มดู เพลิงนรี ความรู้สึกแรกที่พุ่งเข้ามาคือความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็น พล็อตเรื่องที่เปิดตัวด้วยปมความแค้นของพริริสา หญิงสาวที่ถูกทำร้ายในอดีตและกลับมาในฐานะเลขานุการสาวเพื่อล้างแค้นครอบครัวบูรพเกียรติ ทำให้ใจเต้นรัวตั้งแต่ตอนแรก การที่พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) ต้องปลอมตัวและวางแผนอย่างแยบยลให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังสายลับผสมดราม่า การแสดงของดาวิกานั้นทรงพลัง เธอถ่ายทอดความโกรธที่ฝังลึกในดวงตาและท่าทางได้อย่างน่าติดตาม ทำให้รู้สึกทั้งสงสารและลุ้นให้เธอประสบความสำเร็จในการแก้แค้น

ฉากที่พริริสาเผชิญหน้ากับสมาชิกครอบครัวบูรพเกียรติ โดยเฉพาะในช่วงที่เธอต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริง กระตุ้นความรู้สึกตื่นเต้นราวกับกำลังเล่นเกมแมวไล่จับหนู มีหลายครั้งที่ต้องลุ้นว่าเธอจะถูกจับได้หรือไม่ และการวางแผนของเธอจะพาไปสู่จุดจบอย่างไร ความรู้สึกนี้เหมือนถูกดึงเข้าไปในโลกของตัวละครที่เต็มไปด้วยความลับและการพลิกผัน

เมื่อสารวัตรธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เข้ามาในเรื่อง ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนจากความตื่นเต้นเป็นความซับซ้อนทางอารมณ์ ธีภพในฐานะตำรวจหนุ่มที่ทั้งเข้มแข็งและอบอุ่น นำมาซึ่งความรู้สึกชื่นชมในความยุติธรรมและความมุ่งมั่นของเขา การปะทะคารมระหว่างเขากับพริริสาในช่วงแรกให้ความรู้สึกสนุกและตื่นเต้น เหมือนได้ดูคู่ปรับที่พยายามเอาชนะกัน แต่เมื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆ พัฒนา ความรู้สึกหวานซึ้งและอบอุ่นใจก็เริ่มก่อตัว

เคมีระหว่างดาวิกาและเจษฎาภรณ์เป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้หัวใจเต้นแรง ฉากที่ธีภพเริ่มสงสัยในตัวตนของพริริสา แต่เลือกที่จะปกป้องและเข้าใจเธอ ทำให้รู้สึกถึงความรักที่ลึกซึ้งและการเสียสละ มีหลายช่วงที่รู้สึกน้ำตาคลอ โดยเฉพาะเมื่อพริริสาต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกระหว่างการแก้แค้นที่เธอวางแผนมานานกับความรักที่เริ่มผลิบานในใจ ความขัดแย้งในใจของเธอถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเอาใจช่วยเพื่อนสนิทให้ผ่านพ้นความเจ็บปวด

ฉากหลังของราชวงศ์สมมติอย่างไทรจีสและการผสมผสานโลกของธุรกิจในประเทศไทยให้ความรู้สึกแปลกใหม่และน่าหลงใหล การได้เห็นชุดราตรีและฉากงานเลี้ยงของราชวงศ์ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในเทพนิยายสมัยใหม่ ส่วนตัวละครสมทบอย่างเจ้าชายคามินและมิราเพิ่มความรู้สึกสนุกและลุ้นระทึกในบางช่วง โดยเฉพาะฉากที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มกบฏจากไทรจีส ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูภาพยนตร์แอ็กชันผสมดราม่า

ละคร เพลิงนรี เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความตื่นเต้นในตอนแรกที่ได้เห็นแผนการแก้แค้นของพริริสา ความหวานซึ้งเมื่อความรักของเธอกับธีภพเริ่มผลิบาน ไปจนถึงความโล่งใจในตอนจบที่ทุกอย่างลงตัว การแสดงของดาวิกาและเจษฎาภรณ์เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รู้สึกผูกพันกับตัวละคร ส่วนงานภาพและดนตรีประกอบช่วยขับเน้นอารมณ์ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น



ละคร เพลิงนรี 2559

ละคร เพลิงนรี 2559

ละคร เพลิงนรี 2559 EP.1-18CH3+

ไปไม่ถึงใจเธอ Ost.เพลิงนรี | หนึ่ง อภิวัฒน์ | Official MV


ละคร เพลิงนรี 2559

เมื่อโชคชะตาพาให้ เจ้าหญิงพริริสา แห่งประเทศไทรจีส นำพาความแค้นกลับมาที่ประเทศไทย เพื่อหวังทำลายคนที่เคยใจร้ายกับเธอ และแม่ในอดีต แต่กลับกลายทำให้เธอมาพบกับความรักที่ไม่คาดฝันจาก ธีภพ สารวัตรหนุ่มหัวใจเด็ดเดี่ยว ผู้พยายามเปิดโปงว่าเธอเป็นใคร แต่การจับผิดกลายเป็นความรักที่จับเข้ามาในหัวใจ ทิฐิมานะที่พริริสามีหรือจะสู้รักแท้ของธีภพ เธอจึงต้องพ่ายแพ้ให้แก่หัวใจของเขา

จุดเริ่มต้น ไฟแค้นของเจ้าหญิง

เรื่องนี้เริ่มด้วย พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) สาวสวยสุดแซ่บที่แท้จริงคือ เจ้าหญิงแห่งไทรจีส ประเทศสมมติสุดหรูที่มีราชวงศ์ แต่ชีวิตวัยเด็กของเธอไม่ได้สวยงามเลย เธอเป็นลูกสาวนอกสมรสของ คณิน บูรพเกียรติ (สันติสุข พรหมศิริ) เจ้าของบริษัทส่งออกเพชรชื่อดัง แต่ว่าแม่ของเธอ พีรดา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ถูก กานดา (ซินดี้ สิรินยา บิชอฟ) และ คุณหญิงจินตนา (ดวงตา ตุงคะมณี) กลั่นแกล้ง ข่มขู่ และขับไล่ออกจากบ้านอย่างโหดร้ายจนต้องหนีไปไทรจีส ที่นั่น พีรดาแต่งงานใหม่กับ กษัตริย์ราอิล ทำให้พริริสากลายเป็นเจ้าหญิง แต่แผลในใจจากอดีตยังฝังลึก เธอสาบานว่าจะกลับมาแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติให้สาสม

พริริสากลับมาเมืองไทยในคราบ ริสา พนักงานเลขาคนใหม่ของบริษัทบูรพเกียรติ ด้วยแผนการสุดแยบยล เธอฉลาด เก่ง และสวยจนทุกคนต้องตะลึง! แต่เป้าหมายของเธอคือทำลายครอบครัวนี้จากภายใน ทุกคนพร้อมลุ้นมั้ยว่าเธอจะทำสำเร็จหรือเปล่า?

สารวัตรธีภพ หนุ่มหล่อที่เปลี่ยนเกม

ตัดภาพมาที่ พันตำรวจตรีธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) สุดยอดตำรวจจากหน่วยพิเศษ อรินทราช 26 ที่เก่งทั้งการใช้อาวุธและยุทธวิธีต่อสู้กับอาชญากรรมและการก่อการร้าย เขาคือลูกชายของ พลตำรวจโทธเนศ (ทูน หิรัญทรัพย์) อดีตตำรวจที่เคยไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพที่ไทรจีสเมื่อ 17 ปีก่อน ตอนนี้ธเนศผันตัวมาดูแลธุรกิจและเป็นหุ้นส่วนของบริษัทบูรพเกียรติ แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจากโรคหัวใจ ทำให้ วิวรรณ (รัชนี ศิระเลิศ) แม่ของธีภพ ขอร้องให้ลูกชายลาออกจากตำรวจเพื่อมาช่วยงานธุรกิจ

ธีภพจำใจลาออกและถูกพ่อส่งไปแก้ปัญหาวิกฤตที่บริษัทบูรพเกียรติกำลังขาดทุนหนัก เขาต้องเดินทางไป ไทรจีส เพื่อหานักลงทุนและช่องทางขยายธุรกิจ ที่นี่เองที่เขาได้เจอกับพริริสาครั้งแรก! เธอขี่ม้าเตลิดหนีไปเพราะระบายอารมณ์จากความแค้น ธีภพเข้าไปช่วยแต่ถูกเธอต่อว่าแซ่บๆ ว่า “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!” พร้อมขบวนรถที่มารับตัวเธอกลับวัง ทำเอาเขางงว่า สาวสวยพูดไทยชัดเจนคนนี้คือใครกันแน่? แค่ฉากนี้ก็รู้แล้วว่าเคมีของทั้งคู่ต้องปังแน่นอน

ปะทะไฟแค้น ความรักที่เริ่มก่อตัว

กลับมาเมืองไทย ธีภพเข้ามาทำงานเป็นกรรมการผู้จัดการที่บูรพเกียรติ และได้เจอกับ ริสา ผู้ช่วยเลขาคนใหม่ของคณิน ซึ่งเขาจำได้ทันทีว่าเคยเจอเธอที่ไทรจีส! แต่พริริสาแกล้งทำไม่รู้เรื่อง ปิดบังตัวตนสุดเนียน เธอสนิทกับเพื่อนร่วมงานอย่าง ชนิดา (อนุสรา วันทองทักษ์) สาวประชาสัมพันธ์สุดเปรี้ยว, บุษกร (วรินดา เขียวสลับ) พนักงานบัญชีสุดเชย และ ไพโรจน์ (จักรพันธ์ ตัณฑะสุวรรณะ) พนักงานการเงินสุดเม้าท์ ที่ช่วยให้เธอรู้ข้อมูลวงในของบริษัท

แต่ธีภพไม่ใช่คนโง่ เขาสงสัยในตัวพริริสาตั้งแต่แรก เพราะเธอมีรสนิยมและความสามารถเกินพนักงานธรรมดา เขาจึงจับตาดูเธอแบบใกล้ชิด ทำเอาพริริสาต้องระวังตัวสุดๆ ขณะเดียวกัน คณิน และ ดร.กฤษ (สมภพ เบญจาธิกุล) ปู่ของเขา เริ่มเอ็นดูพริริสาโดยไม่รู้ว่าเธอคือลูกสาวที่ถูกลืม แต่ กานดา และ คุณหญิงจินตนา กลับไม่ถูกชะตากับเธอตั้งแต่แรกเห็น ส่วน กรนันท์ (รวีวรรณ บุญประชม) ลูกสาวของคณินและกานดา หึงหวงธีภพที่สนใจพริริสา จนถึงขั้นลงไม้ลงมือและพยายามให้พ่อไล่เธอออก แต่ธีภพกลับเสนอให้พริริสามาเป็นเลขาของเขา เพื่อจับตาดูเธอต่อ

ไทรจีสและภัยคุกคาม ปมเริ่มซับซ้อน

เรื่องยิ่งเข้มข้นเมื่อ เจ้าชายคามิน (เกริกพล มัสยวาณิช) รัชทายาทแห่งไทรจีสและเพื่อนสนิทของพริริสา รู้ว่าเธอหนีมาทำภารกิจแก้แค้นที่ไทย เขาส่ง ไคชัจ (ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์) มาคอยดูแลเธอ ขณะที่ไทรจีสเริ่มมีปัญหาจากกลุ่มกบฏที่นำโดย ราห์มาน (บิลลี่ โอแกน) ซึ่งเคยก่อกบฏเมื่อ 17 ปีก่อนและตอนนี้กลับมาอีกครั้ง ธีภพที่ทำงานในบริษัทบูรพเกียรติเริ่มเห็นปัญหาการเงินที่ย่ำแย่ เขาเสนอให้หานักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากไทรจีสที่มีเหมืองเพชรขนาดใหญ่ ทำเอาคณินลังเลเพราะกลัวบริษัทจะตกเป็นของต่างชาติ แต่สุดท้ายต้องยอมเพราะหนี้สินท่วมหัว

ธีภพพาพริริสาไปไทรจีสเพื่อเจรจากับนักลงทุน ที่นั่นเขาเห็นพริริสาเจอกับคามินและเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกัน เกิดความหึงหวงจนต้องประชดประชัน แต่แล้วกลุ่มกบฏก็โจมตีคามินและพริริสา ธีภพช่วยทั้งคู่ไว้ได้ แต่เริ่มสงสัยว่าทำไมคนร้ายถึงจ้องเล่นงานพริริสาด้วย กษัตริย์ราอิล กังวลเรื่องความปลอดภัยของทั้งคู่และสถานการณ์ในไทรจีส คามินจึงเสนอให้ลงทุนกับบูรพเกียรติเพื่อแสดงความสัมพันธ์อันดีกับไทย และป้องกันกลุ่มกบฏจากการเคลื่อนไหวผลีผลาม

รักต้องห้ามและการเปิดเผยตัวตน

กลับมาเมืองไทย ธีภพถูก กรนันท์ และครอบครัวกดดันเรื่องงานหมั้น ทำเอาพริริสาใจสลาย เธอพยายามถอยห่าง แต่ธีภพไม่ยอมปล่อยให้เธอไปไหน ยืนยันว่าเขาไม่ได้เต็มใจหมั้นและคนที่เขาสนใจคือเธอ! กรนันท์เห็นคามินมาเยือนเมืองไทยก็ตื่นเต้น คิดฝันว่าจะได้เป็นเจ้าหญิง แต่เมื่อเห็นคามินสนิทกับพริริสาก็หึงจัด จ้างคนมาฉุดพริริสาเพื่อกำจัดเสี้ยนหนาม แต่กลับเจอกลุ่มกบฏที่สวมรอยมาเล่นงานเธอ ธีภพตามไปช่วยและเริ่มสงสัยว่าเธอไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดา

ธีภพพาพริริสาหนีไปหลบที่บ้านพักตากอากาศ หวังคาดคั้นความจริง เขาแกล้งกลั่นแกล้งสารพัด แต่พริริสาไม่ยอมปริปากจนป่วยหนัก ธีภพที่เห็นเธออ่อนแอเริ่มรู้สึกผิดและดูแลเธอด้วยความอ่อนโยน ช่วงเวลานี้ทั้งคู่เริ่มหวั่นไหวต่อกัน แต่ มิรา (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) และ ไคชัจ ที่ตามหาพริริสาอยู่ รู้ว่าเธอถูกกักตัวก็แจ้งคามินทันที คามินโกรธจัดที่ธีภพกล้ากักขังเจ้าหญิงแห่งไทรจีส และสั่งให้ไคชัจจัดการเขา แต่พริริสาเอาตัวปกป้องธีภพ ประกาศว่าถ้าเขาตาย เธอก็จะตายด้วย! ทำให้คามินรู้ว่าเธอรักธีภพเข้าแล้ว

จุดจบของไฟแค้น

เมื่อธีภพรู้ความจริงว่าพริริสาคือเจ้าหญิงและมีแผนแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติ เขาขอร้องให้เธอหยุด เพราะความแค้นจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดเท่านั้น แต่พริริสายังมุ่งมั่นในภารกิจ ธีภพจึงอาสากลับไปทำงานกับ ผู้การเอกสิทธิ์ เพื่อปกป้องเธอจากกลุ่มกบฏที่ตามล่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มห่างเหินจากความไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อคามินพยายามกรอกหูว่าธีภพไม่คู่ควรกับเจ้าหญิง เรื่องราวดำเนินไปท่ามกลางความขัดแย้ง ความรัก และภัยคุกคามจากกลุ่มกบฏที่รุนแรงขึ้น

เพลิงนรี คือละครที่ครบรสสุดๆ มีทั้งดราม่าเข้มข้น การแก้แค้นสุดแซ่บ ความรักที่หวานจนใจละลาย และแอ็กชันจากกลุ่มกบฏที่ทำให้ลุ้นจนตัวโก่ง การแสดงของใหม่ ดาวิกา และติ๊ก เจษฎาภรณ์คือจุดเด่นที่ทำให้เราอินสุดๆ ฉากหลังของไทรจีสและราชวงศ์ก็เพิ่มความแปลกใหม่ให้ละครไทย ถ้าคุณรักละครที่ทั้งลุ้น ทั้งรัก ทั้งดราม่า ต้องไปหาดู เพลิงนรี เลย

เบื้องหลังละคร เพลิงนรี 2559 ถ้าพูดถึงละครดราม่าแซ่บๆ ที่มีทั้งการแก้แค้น ความรักสุดพีค และราชวงศ์สมมติ เรื่องนี้คือตัวแม่เลย แต่กว่าจะมาเป็นละครที่เราดูกันจนน้ำตาไหล ทีมงานเบื้องหลังเขาคือใคร? มาดูกันว่าคนเก่งๆ ที่อยู่หลังกล้องมีส่วนทำให้ เพลิงนรี ปังขนาดนี้ได้ยังไง

บทประพันธ์โดย อินตรา  ต้นกำเนิดความดราม่า
เริ่มที่หัวใจของเรื่องนี้เลย นั่นคือ อินตรา ผู้เขียนบทประพันธ์ของ เพลิงนรี  อินตราคือคนที่จุดไฟให้เรื่องนี้ลุกโชนตั้งแต่แรก ด้วยเรื่องราวของเจ้าหญิงพริริสาที่ต้องแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติแบบสุดแซ่บ บทประพันธ์ของเขาคือเหมือนนิยายชั้นดีที่ผสมดราม่า ความรัก และการพลิกผันจนเราต้องลุ้นทุกตอน ถ้าไม่มีอินตราเนี่ย เราคงไม่ได้เห็นพริริสากับธีภพมาเจอกันในโลกนี้เลย ขอบคุณมากที่สร้างเรื่องราวสุดปังให้เราได้ฟิน

บทโทรทัศน์โดย ญาลิล คนแปลงนิยายให้เป็นละคร
ต่อมาเลย ต้องยกนิ้วให้ ญาลิล ผู้เขียนบทโทรทัศน์ ทุกคนรู้มั้ยว่า การเอานิยายมาแปลงเป็นละครมันไม่ง่ายเลย ญาลิลคือคนที่หยิบเรื่องราวของอินตรามาใส่ชีวิตให้มันโลดแล่นบนจอ ใส่บทพูดสุดคม ใส่ดราม่าที่ทำให้เรานั่งไม่ติด ฉากที่พริริสาปะทะกับธีภพ หรือฉากที่เธอต้องแกล้งเนียนเป็นเลขา ทั้งหมดนี้ญาลิลคือคนที่ทำให้มันมีชีวิต! ทุกคำพูด ทุกอารมณ์ ต้องเป๊ะถึงจะดึงใจคนดูได้ และญาลิลทำได้แบบสุดยอดมาก! ปรบมือรัวๆ ให้เลย

กำกับการแสดงโดย น้องนุช ชวาลา ผู้กำกับสายแซ่บ

j63ZJ 5c
น้องนุช ชวาลา

เอาล่ะ มาถึงตัวแม่แห่งการกำกับ น้องนุช ชวาลา ผู้กำกับคนนี้คือคนที่ทำให้ทุกฉากใน เพลิงนรี ออกมาปังสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากดราม่าที่น้ำตาแตก หรือฉากแอ็กชันที่ลุ้นจนตัวโก่ง น้องนุชคือคนที่คุมทุกอย่างให้เป๊ะ ลองนึกภาพฉากที่พริริสาขี่ม้าเตลิดในไทรจีส หรือฉากที่ธีภพช่วยเธอจากกลุ่มกบฏ ถ้าไม่มีน้องนุชมาจัดมุมกล้อง คุมอารมณ์นักแสดง มันจะออกมาสวยขนาดนี้ได้ยังไง น้องนุชคือคนที่ทำให้เราอินไปกับทุกโมเมนต์ ขนลุกทุกครั้งที่ดูเลย

ควบคุมการผลิตโดย พอฤทัย ณรงค์เดช และ ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี เจ้าแม่โปรดิวเซอร์

161648842344
พอฤทัย ณรงค์เดช

ต่อมาเลย ต้องพูดถึงสองโปรดิวเซอร์ตัวท็อป พอฤทัย ณรงค์เดช และ ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี สองคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ เพลิงนรี ออกมาเป๊ะทุกองศา การควบคุมการผลิตมันคือการดูแลทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ การคัดเลือกนักแสดง การจัดฉาก ไปจนถึงการทำให้ทุกอย่างลงตัว

ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี

โปรดิวเซอร์คือเหมือนแม่ทัพที่คอยสั่งการให้กองทัพเดินหน้า และสองคนนี้คือทำให้ เพลิงนรี มีทั้งความอลังการของราชวงศ์ไทรจีส และความสมจริงของโลกธุรกิจในเมืองไทย งานภาพสวยๆ ชุดปังๆ นี่ต้องยกให้ทีมโปรดิวเซอร์เลย

ผลิตโดย บริษัท กัทส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด  โรงงานผลิตความปัง
บริษัท กัทส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด คือทีมที่นำทุกอย่างมารวมกัน ค่ายนี้คือคนที่ลงทุน ลงแรง ลงใจ เพื่อให้ เพลิงนรี ออกมาเป็นละครที่ครบรส ทั้งดราม่า แอ็กชัน โรแมนติก และปมลับสุดพีค การที่ค่ายกล้าเลือกเรื่องราวที่ผสมทั้งราชวงศ์สมมติและการแก้แค้นแบบนี้ แถมยังดึงนักแสดงระดับท็อปอย่างใหม่ ดาวิกา และติ๊ก เจษฎาภรณ์ มาร่วมงาน บอกเลยว่าเค้ามีวิสัยทัศน์สุดๆ ต้องขอบคุณกัทส์ที่ทำให้เราได้ดูละครที่ทั้งสนุกและอินขนาดนี้

 เพลิงนรี ไม่ได้ปังแค่เพราะนักแสดงหรือเรื่องราวเท่านั้น แต่ทีมงานเบื้องหลังนี่แหละคือฮีโร่ตัวจริง ตั้งแต่อินตราที่เขียนเรื่องราวสุดเข้มข้น ญาลิลที่แปลงนิยายให้เป็นบทละครสุดแซ่บ น้องนุชที่กำกับให้ทุกฉากเป๊ะปัง และโปรดิวเซอร์อย่างพอฤทัยกับม.ล.ปิยาภัสร์ที่คุมทุกอย่างให้ลงตัว ไปจนถึงกัทส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่ทุ่มสุดตัว ทุกคนคือส่วนสำคัญที่ทำให้ เพลิงนรี เป็นละครที่เรายังพูดถึงจนถึงทุกวันนี้

นักแสดง

→ เจษฎาภรณ์ ผลดี รับบท ธีภพ

เจษฎาภรณ์ ผลดี

ธีภพคือ พันตำรวจตรี จากหน่วยพิเศษ อรินทราช 26 หนุ่มหล่อสุดเข้มที่เก่งทั้งการใช้อาวุธและยุทธวิธีต่อสู้กับอาชญากรรมและการก่อการร้าย เขาคือลูกชายของ พลตำรวจโทธเนศ และ วิวรรณ ที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะและมีอิทธิพลในวงการธุรกิจเพชร ธีภพเป็นคนเด็ดเดี่ยว ยึดมั่นในความยุติธรรม และมีหัวใจที่อบอุ่น แม้จะดูแข็งแกร่งแต่ก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับ พริริสา สาวที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเขา

ในเรื่อง ธีภพต้องจำใจลาออกจากตำรวจเพราะแม่กังวลเรื่องความปลอดภัยและปัญหาสุขภาพของพ่อ เขาถูกส่งไปช่วยแก้ปัญหาวิกฤตที่บริษัทบูรพเกียรติที่กำลังขาดทุน ที่นั่นเขาได้เจอกับพริริสาในคราบเลขาสาวปริศนา และเริ่มสงสัยในตัวตนของเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มจากความขัดแย้ง แต่ค่อยๆ พัฒนาเป็นความรักที่ลึกซึ้ง ธีภพคือคนที่พยายามดึงพริริสาออกจากวงจรความแค้น ด้วยการปกป้องและแสดงให้เห็นว่าความรักและความยุติธรรมสำคัญกว่าการแก้แค้น เขายังต้องรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่มกบฏไทรจีส และปมหมั้นหมายกับ กรนันท์ ที่เขาไม่ได้เต็มใจ เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่ทั้งแกร่งและมีมิติสุดๆ

ฉายา อัศวินแห่งความยุติธรรม
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นธีภพได้ ก็ต้องเป็น อัศวินแห่งความยุติธรรม เพราะเขาคือคนที่ยึดมั่นในความถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นในฐานะตำรวจหรือตอนที่ต้องปกป้องคนที่เขารัก ธีภพเหมือนอัศวินที่พร้อมสู้เพื่อความจริงและปกป้องพริริสาจากอันตราย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกบฏหรือความแค้นในใจของเธอเอง

ข้อคิด ความรักสามารถเยียวยาความเจ็บปวด
ข้อคิดที่ได้จากธีภพคือ ความรักและความเข้าใจสามารถเยียวยาความเจ็บปวดได้ เขาสอนเราว่าการยึดติดกับความแค้นไม่ได้นำมาซึ่งความสุข แต่การให้โอกาสและความรักต่างหากที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ อย่างที่เขาไม่เคยยอมแพ้ในการช่วยพริริสาให้หลุดพ้นจากไฟแค้น ทำให้เราเห็นว่าความรักที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้างกันในทุกสถานการณ์

→ ดาวิกา โฮร์เน่ รับบท ริสา/เจ้าหญิงพริริสา

hq720
ดาวิกา โฮร์เน่

พริริสาคือ เจ้าหญิงแห่งไทรจีส ประเทศสมมติที่มีราชวงศ์สุดอลังการ แต่ชีวิตของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอเป็นลูกสาวนอกสมรสของ คณิน บูรพเกียรติ เจ้าของบริษัทส่งออกเพชรชื่อดัง และ พีรดา ผู้เป็นแม่ที่ถูก กานดา และ คุณหญิงจินตนา กลั่นแกล้ง ข่มขู่ และขับไล่ออกจากบ้านอย่างโหดร้ายในอดีต ทำให้พีรดาต้องพาพริริสาหนีไปไทรจีส ที่นั่นพีรดาแต่งงานใหม่กับ กษัตริย์ราอิล ทำให้พริริสากลายเป็นเจ้าหญิงตอนอายุ 22 ปี แต่บาดแผลจากอดีตและความเจ็บป่วยของแม่ทำให้เธอเต็มไปด้วยไฟแค้น เธอสาบานว่าจะกลับมาแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติให้ย่อยยับ

ในเมืองไทย พริริสาปลอมตัวเป็น ริสา เลขานุการสาวสุดเนียน เข้าทำงานในบริษัทบูรพเกียรติเพื่อทำลายครอบครัวนี้จากภายใน เธอฉลาด เก่ง และมีรสนิยมสุดหรูที่ทำให้ทุกคนต้องมอง แต่ก็ต้องระวังตัวสุดๆ เพราะ ธีภพ ตำรวจหนุ่มสุดเฉียบเริ่มสงสัยในตัวตนของเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มจากความขัดแย้ง ปะทะคารมกันไฟแล่บ แต่ค่อยๆ กลายเป็นความรักที่ทำให้พริริสาต้องเผชิญทางเลือกยากๆ ระหว่างไฟแค้นที่ลุกโชนกับความรักที่เริ่มผลิบาน เธอยังต้องรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่มกบฏไทรจีส และความหึงหวงจาก กรนันท์ ลูกสาวของคณินที่อยากกำจัดเธอ พริริสาคือตัวละครที่มีทั้งความแข็งแกร่งและความเปราะบาง ทำให้เราลุ้นและอินไปกับทุกการตัดสินใจของเธอ

ฉายา นางพญาแห่งไฟแค้น
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นพริริสาได้ ก็ต้องเป็น นางพญาแห่งไฟแค้น เพราะเธอคือสาวแกร่งที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความแค้นอันร้อนแรง เธอทั้งสง่างามเหมือนเจ้าหญิงและดุดันเหมือนนักรบที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อทวงความยุติธรรมให้แม่และตัวเอง แต่ในความแข็งแกร่งนั้นก็มีความอ่อนไหวที่ทำให้เรารักเธอ

ข้อคิด การให้อภัยคือทางออกของความเจ็บปวด
ข้อคิดที่ได้จากพริริสาคือ การให้อภัยคือทางออกที่แท้จริงของความเจ็บปวด การเดินทางของเธอสอนเราว่าความแค้นอาจให้ความรู้สึกสะใจชั่วครู่ แต่การปล่อยวางและเลือกความรักกับการเริ่มต้นใหม่ต่างหากที่ทำให้ใจสงบ อย่างที่พริริสาค่อยๆ เรียนรู้ผ่านความรักของธีภพ เธอทำให้เราเห็นว่าการให้อภัยไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือพลังที่ยิ่งใหญ่

→ เกริกพล มัสยวาณิช รับบท คามิน

hq720
เกริกพล มัสยวาณิช

คามินคือ องค์รัชทายาทแห่งไทรจีส ประเทศสมมติที่มีราชวงศ์สุดอลังการ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของ กษัตริย์ราอิล และเตรียมขึ้นเป็นกษัตริย์คนต่อไป คามินเป็นหนุ่มหล่อ มีเสน่ห์ และมีความรับผิดชอบสูงต่อหน้าที่ในราชวงศ์ แต่ที่เด่นสุดคือความผูกพันลึกซึ้งกับ เจ้าหญิงพริริสา น้องสาวบุญธรรมที่เขาเติบโตมาด้วยกัน เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอดีตอันเจ็บปวดของพริริสาและความแค้นที่เธอมีต่อครอบครัวบูรพเกียรติ ทำให้เขาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้พิทักษ์ที่คอยห่วงใยเธอ

ในเรื่อง คามินรู้ว่าพริริสาหนีไปเมืองไทยเพื่อแก้แค้น เขาจึงส่ง ไคชัจ มาคอยดูแล แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตามไปเองเพราะเป็นห่วงสุดๆ คามินยังต้องรับมือกับปัญหาในไทรจีส เมื่อกลุ่มกบฏที่นำโดย ราห์มาน กลับมาสร้างความวุ่นวาย เขาเสนอให้ลงทุนกับบริษัทบูรพเกียรติเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและยับยั้งกลุ่มกบฏ แต่เมื่อเห็นพริริสาเริ่มหวั่นไหวกับ ธีภพ คามินก็มีโมเมนต์ที่แสดงความหึงหวงเล็กๆ เพราะความผูกพันที่ลึกซึ้ง คามินคือตัวละครที่ผสมทั้งความเป็นผู้นำ ความภักดี และความเปราะบางทางอารมณ์ ทำให้เขาเป็นมากกว่าองค์ชายธรรมดา

ฉายา ผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นคามินได้ ก็ต้องเป็น ผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์ เพราะเขาคือองค์ชายที่ทุ่มเทปกป้องทั้งไทรจีสและพริริสา ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับกลุ่มกบฏหรือการดูแลน้องสาวบุญธรรม เขาคือคนที่ยืนหยัดเคียงข้างคนที่เขารักและหน้าที่ของตัวเองเสมอ

ข้อคิด ความภักดีคือพลังที่ยิ่งใหญ่
ข้อคิดที่ได้จากคามินคือ ความภักดีต่อคนที่รักและหน้าที่คือพลังที่ยิ่งใหญ่ การที่เขาคอยปกป้องพริริสาและรับผิดชอบต่อไทรจีส แม้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความรู้สึกส่วนตัว สอนเราว่าการยึดมั่นในความรับผิดชอบและความห่วงใยต่อคนอื่นสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ คามินทำให้เราเห็นว่าความภักดีไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือการลงมือทำ

→ ซินดี้ เบอร์บริดจ์ รับบท กานดา

hq720
ซินดี้ เบอร์บริดจ์

กานดาคือตัวร้ายตัวแม่ของ เพลิงนรี เธอเป็นภรรยาของ คณิน บูรพเกียรติ (สันติสุข พรหมศิริ) เจ้าของบริษัทส่งออกเพชรชื่อดัง และเป็นแม่ของ กรนันท์ (รวีวรรณ บุญประชม) กานดาคือสาวสวยที่มีทั้งความทะเยอทะยานและความโหดร้าย เธอเป็นหนึ่งในคนที่อยู่เบื้องหลังการกลั่นแกล้งและขับไล่ พีรดา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) แม่ของพริริสา ออกจากบ้านเมื่อ 17 ปีก่อน ทำให้พีรดาและพริริสาต้องหนีไปไทรจีส กานดาคือตัวละครที่ไม่ยอมให้ใครมาแย่งความสุขของครอบครัวเธอ โดยเฉพาะเมื่อ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) กลับมาในคราบเลขานุการเพื่อแก้แค้น

ในเรื่อง กานดาไม่ถูกชะตากับพริริสาตั้งแต่แรกเห็น เพราะรู้สึกถึงความคุกคามจากความฉลาดและเสน่ห์ของเธอ เธอสนับสนุนลูกสาวกรนันท์ในการกำจัดพริริสาออกจากบริษัทและจากชีวิตของ ธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) ที่กรนันท์หลงรัก กานดาคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและความมุ่งมั่นปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม เธอคือตัวร้ายที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่ก็มีความเป็นมนุษย์ที่ทำให้เราเข้าใจมุมมองของเธอบ้าง

ฉายา ราชินีแห่งความเย่อหยิ่ง
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นกานดาได้ ก็ต้องเป็น ราชินีแห่งความเย่อหยิ่ง เพราะเธอคือสาวมั่นที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าใคร เธอปกป้องครอบครัวและสถานะของตัวเองด้วยทุกวิถีทาง แม้จะหมายถึงการทำร้ายคนอื่นก็ตาม ความเย่อหยิ่งของเธอคือทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่ทำให้ตัวละครนี้เด่นสุดๆ

ข้อคิด ความเห็นแก่ตัวนำไปสู่ความพัง
ข้อคิดที่ได้จากกานดาคือ ความเห็นแก่ตัวและการยึดติดกับอำนาจอาจนำไปสู่ความพัง การกระทำของกานดาที่กลั่นแกล้งพีรดาและพยายามกำจัดพริริสาแสดงให้เห็นว่าการมุ่งแต่ปกป้องผลประโยชน์ตัวเองโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของผู้อื่น สุดท้ายอาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง เธอสอนเราว่าการรู้จักเห็นใจและยอมรับความผิดพลาดคือหนทางที่ดีกว่าการยึดติดกับความเย่อหยิ่ง

→ รวิวรรณ บุญประชม รับบท กรนันท์/เกรซ

รวิวรรณ บุญประชม

กรนันท์ หรือที่ทุกคนเรียกว่า เกรซ คือลูกสาวสุดรักของ คณิน บูรพเกียรติ (สันติสุข พรหมศิริ) และ กานดา (ซินดี้ เบอร์บริดจ์) เธอเป็นสาวสวย มั่นใจ และเติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย มีชีวิตแบบไฮโซ แต่เกรซมีนิสัยเอาแต่ใจและหวงของของตัวเองสุดๆ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง ธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) หนุ่มหล่อที่เธอหลงรักและถูกแม่ทาบทามให้เป็นคู่หมั้น เธอมองธีภพเป็นสมบัติส่วนตัว และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามาครอบครอง

เมื่อ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) เข้ามาในบริษัทบูรพเกียรติในฐานะเลขาคนใหม่ เกรซรู้สึกถึงภัยคุกคามทันที เพราะพริริสาทั้งสวย ฉลาด และดึงดูดความสนใจจากธีภพ เกรซเลยกลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของพริริสา เธอลงไม้ลงมือและวางแผนสารพัดเพื่อกำจัดพริริสาออกจากชีวิตของธีภพ รวมถึงจ้างคนมาฉุดพริริสาเพื่อตัดปัญหา ความหึงหวงและความเย่อหยิ่งของเกรซทำให้เธอกลายเป็นตัวละครที่เพิ่มสีสันและความขัดแย้งให้กับเรื่องราว แต่ก็มีความเปราะบางที่ทำให้เราเห็นว่าเธอแค่กลัวจะสูญเสียสิ่งที่รัก

ฉายา เจ้าหญิงแห่งความหึงหวง
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นเกรซได้ ก็ต้องเป็น เจ้าหญิงแห่งความหึงหวง เพราะเธอคือสาวที่หวงธีภพแบบสุดโต่ง ทุกการกระทำของเธอถูกขับเคลื่อนด้วยความหึงและความต้องการครอบครอง ไม่ว่าจะต้องลงมือร้ายแค่ไหน เธอก็พร้อมสู้เพื่อรักษาสถานะและความรักของตัวเอง

ข้อคิด ความหึงหวงอาจทำลายสิ่งที่เรารัก
ข้อคิดที่ได้จากเกรซคือ ความหึงหวงและการยึดติดอาจทำลายสิ่งที่เรารัก การที่เกรซพยายามกำจัดพริริสาด้วยวิธีร้ายๆ และกดดันธีภพด้วยความหมั้นหมาย สอนเราว่าการพยายามควบคุมคนอื่นด้วยความหึงหรือความเห็นแก่ตัวอาจทำให้สูญเสียทั้งความรักและความเคารพ การปล่อยวางและเคารพความรู้สึกของคนอื่นคือทางที่ดีกว่า

→ ธนกฤต พานิชวิทย์ รับบท ผู้กองอธิรุธ

ธนกฤต พานิชวิทย์

ผู้กองอธิรุธคือ นายตำรวจหนุ่ม จากหน่วยพิเศษ อรินทราช 26 เพื่อนสนิทของ พันตำรวจตรีธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เขาเป็นตำรวจที่เก่ง ฉลาด และมีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ แถมยังมีมุมขี้เล่นที่ทำให้คนดูต้องยิ้มตาม อธิรุธคือคนที่คอยสนับสนุนธีภพในทุกภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสืบเรื่องราวลึกลับของ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) ที่ปลอมตัวเป็นเลขานุการ หรือการรับมือภัยคุกคามจากกลุ่มกบฏไทรจีส เขามักถูกธีภพลากเข้าไปพัวพันกับปมต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องสืบหาความจริงเกี่ยวกับตัวตนของพริริสา

ในเรื่อง อธิรุธเจออุปสรรคสุดปวดหัวเมื่อ มิรา (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) พระสหายของพริริสา มาคอยป่วนและกลบเกลื่อนหลักฐานทุกครั้งที่เขาจะได้เบาะแส เรียกได้ว่าเป็นคู่ปรับสุดฮาที่ทำให้เรื่องมีโมเมนต์เบาสมองท่ามกลางดราม่า อธิรุธคือตัวละครที่ทั้งน่าเชื่อถือและเพิ่มความสนุกให้กับเรื่อง ด้วยความเป็นเพื่อนที่ดีและตำรวจที่ไม่ยอมแพ้ต่อปริศนา

ฉายา เพื่อนซี้สายสืบ
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นอธิรุธได้ ก็ต้องเป็น เพื่อนซี้สายสืบ เพราะเขาเป็นทั้งเพื่อนแท้ที่คอยอยู่เคียงข้างธีภพ และนักสืบสุดเก่งที่พยายามแกะรอยความลับของพริริสา แม้ว่าจะเจออุปสรรคจากมิราที่ป่วนจนหัวหมุนก็ตาม ความทุ่มเทและความสนุกของเขาทำให้เป็นตัวละครที่ขาดไม่ได้

ข้อคิด มิตรภาพที่แท้จริงคือการสนับสนุนเสมอ
ข้อคิดที่ได้จากอธิรุธคือ มิตรภาพที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้างและสนับสนุนเพื่อนในทุกสถานการณ์ การที่เขาคอยช่วยธีภพสืบหาความจริงและรับมือกับปัญหาต่างๆ แม้จะเจอความวุ่นวายจากมิรา สอนเราว่าเพื่อนที่ดีคือคนที่พร้อมลุยไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่ทิ้งกัน

→ มณีรัตน์ ศรีจรูญ รับบท มิรา

1438588919 1012274 o
มณีรัตน์ ศรีจรูญ

มิราคือ พระสหาย หรือเพื่อนสนิทของ เจ้าหญิงพริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) จากราชวงศ์ไทรจีส ประเทศสมมติที่เต็มไปด้วยความอลังการ เธอเป็นสาวสวย มีชีวิตชีวา และมีนิสัยขี้เล่นปนความแสบเล็กๆ แต่ที่เด่นสุดคือความจงรักภักดีต่อพริริสา เธอเติบโตมากับพริริสาและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอดีตอันเจ็บปวดของเพื่อนสาว รวมถึงแผนการแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติที่พริริสาวางไว้ เมื่อพริริสาหนีไปเมืองไทยเพื่อปลอมตัวเป็นเลขา มิราก็ตามไปด้วยเพื่อคอยปกป้องและช่วยเหลือ

ในเรื่อง มิรามักจะเป็นตัวป่วนสุดน่ารัก โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับ ผู้กองอธิรุธ (ธนกฤต พานิชวิทย์) เพื่อนสนิทของ ธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) ที่พยายามสืบหาความจริงเกี่ยวกับตัวตนของพริริสา มิราจะคอยกลบเกลื่อนหลักฐาน ปั่นหัวอธิรุธด้วยวิธีแสบๆ เช่น ทำให้เกิดเหตุวุ่นวายอย่างไฟไหม้หรืออุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้เขาได้เบาะแส เธอคือตัวละครที่เพิ่มความสนุกและความคอมเมดี้ให้กับละครท่ามกลางดราม่าเข้มข้น แต่ก็มีความจริงจังเมื่อต้องปกป้องพริริสาจากภัยคุกคามของกลุ่มกบฏไทรจีส มิราเป็นตัวละครที่ผสมทั้งความซน ความฉลาด และความภักดี ทำให้คนดูต้องหลงรัก

ฉายา สายลับแห่งความแสบ
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นมิราได้ ก็ต้องเป็น สายลับแห่งความแสบ เพราะเธอคือเพื่อนสาวที่ทั้งฉลาดและแสบสุดๆ คอยปกป้องความลับของพริริสาด้วยวิธีเจ้าเล่ห์ ไม่ว่าจะปั่นหัวอธิรุธหรือจัดการสถานการณ์วุ่นๆ เธอทำได้เนียนราวกับสายลับตัวจริง

ข้อคิด เพื่อนแท้คือคนที่คอยปกป้อง
ข้อคิดที่ได้จากมิราคือ เพื่อนแท้คือคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่รัก ความทุ่มเทของมิราในการช่วยพริริสา แม้จะต้องเสี่ยงหรือใช้เล่ห์เหลี่ยม สอนเราว่ามิตรภาพที่แท้จริงคือการยืนหยัดเคียงข้างกัน ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร เธอทำให้เราเห็นว่าการปกป้องเพื่อนด้วยใจคือสิ่งที่สวยงาม

→ สันติสุข พรหมศิริ รับบท คณิน

สันติสุข พรหมศิริ

คณินคือ เจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง บูรพเกียรติ เขาคือพ่อของ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) และ กรนันท์ (รวิวรรณ บุญประชม) แต่เป็นพ่อที่ไม่รู้ว่าพริริสาคือลูกสาวแท้ๆ เพราะในอดีต พีรดา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) แม่ของพริริสาถูก กานดา (ซินดี้ เบอร์บริดจ์) ภรรยาปัจจุบัน และ คุณหญิงจินตนา (ดวงตา ตุงคะมณี) แม่ของเขา กลั่นแกล้งและขับไล่ออกไป คณินเลือกยอมจำนนต่อครอบครัวและไม่ตามหาพีรดากับลูก ทำให้กลายเป็นปมใหญ่ที่จุดไฟแค้นให้พริริสา

ในเรื่อง คณินเป็นนักธุรกิจที่ดูน่าเกรงขามแต่ก็มีมุมอ่อนแอ เขารักครอบครัว โดยเฉพาะกรนันท์ ลูกสาวที่เติบโตมากับกานดา และพยายามปกป้องบริษัทที่กำลังเผชิญวิกฤตขาดทุนหนัก เขาต้องรับมือกับข้อเสนอของ ธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) ที่อยากให้หานักลงทุนต่างชาติจากไทรจีส ซึ่งทำให้เขาลังเลเพราะกลัวเสียอำนาจ เมื่อพริริสาเข้ามาทำงานในบริษัทในฐานะเลขา คณินรู้สึกเอ็นดูเธอโดยไม่รู้ว่าเป็นลูกสาว เพราะเธอมีใบหน้าคล้ายพีรดา ความรู้สึกผิดในอดีตและความกดดันจากครอบครัวทำให้คณินเป็นตัวละครที่มีทั้งความน่าสงสารและน่าหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน

ฉายา นักธุรกิจผู้หลงทาง
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นคณินได้ ก็ต้องเป็น นักธุรกิจผู้หลงทาง เพราะเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแต่หลงทางในเรื่องครอบครัว การตัดสินใจในอดีตที่ยอมทิ้งพีรดาและพริริสาทำให้เขาต้องเผชิญผลกระทบจากความผิดพลาดนั้นในปัจจุบัน

ข้อคิด ความผิดพลาดในอดีตสอนให้เราแก้ไข
ข้อคิดที่ได้จากคณินคือ ความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียนที่ให้โอกาสเราแก้ไข การที่คณินเลือกยอมจำนนต่อครอบครัวและไม่ปกป้องพีรดาทำให้เกิดโศกนาฏกรรม แต่ความรู้สึกเอ็นดูพริริสาและความพยายามรักษาครอบครัวในปัจจุบันสอนเราว่า การยอมรับและพยายามแก้ไขอดีตสามารถนำไปสู่การเยียวยาได้

→ ดวงตา ตุงคะมณี รับบท คุณหญิงจินตนา

ดวงตา ตุงคะมณี

คุณหญิงจินตนาคือ ย่าของพริริสา และแม่ของ คณิน บูรพเกียรติ (สันติสุข พรหมศิริ) เจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง เธอเป็นหญิงชั้นสูงที่มีอำนาจและความเย่อหยิ่ง ด้วยความที่เป็นผู้นำครอบครัวบูรพเกียรติ คุณหญิงจินตนามีทัศนคติที่เข้มงวดและปกป้องผลประโยชน์ของครอบครัวอย่างสุดตัว ในอดีต เธอมีส่วนสำคัญในการกลั่นแกล้งและขับไล่ พีรดา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) แม่ของพริริสา ออกจากชีวิตของคณิน เพราะไม่เห็นด้วยกับความรักของทั้งคู่ ส่งผลให้พีรดาและพริริสาต้องหนีไปไทรจีส และกลายเป็นปมแค้นที่พริริสากลับมาทวงคืน

ในเรื่อง คุณหญิงจินตนาไม่ถูกชะตากับ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) ตั้งแต่แรกที่เธอเข้ามาทำงานในบริษัทในฐานะเลขานุการ เธอรู้สึกถึงภัยคุกคามจากความฉลาดและเสน่ห์ของพริริสา และมักสนับสนุน กานดา (ซินดี้ เบอร์บริดจ์) ภรรยาของคณิน ในการกำจัดพริริสาออกไป คุณหญิงจินตนาคือตัวละครที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าหงุดหงิด ด้วยความยึดติดกับเกียรติยศและสถานะของครอบครัว เธอพร้อมทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจ แม้ว่าจะต้องทำร้ายผู้อื่นก็ตาม

ฉายา ผู้พิทักษ์เกียรติยศ
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นคุณหญิงจินตนาได้ ก็ต้องเป็น ผู้พิทักษ์เกียรติยศ เพราะเธอคือสตรีเหล็กที่ยึดมั่นในเกียรติและสถานะของครอบครัวบูรพเกียรติ ทุกการกระทำของเธอ ไม่ว่าจะร้ายแค่ไหน ล้วนเพื่อปกป้องชื่อเสียงและอำนาจของตระกูล

ข้อคิด ความยึดติดอาจนำไปสู่ความเสียหาย
ข้อคิดที่ได้จากคุณหญิงจินตนาคือ ความยึดติดกับเกียรติยศและอำนาจอาจนำไปสู่ความเสียหาย การที่เธอกลั่นแกล้งพีรดาและต่อต้านพริริสาโดยไม่ยอมรับความจริง สอนเราว่าการยึดติดกับสิ่งที่เป็นเพียงภาพลักษณ์อาจทำร้ายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง การรู้จักยอมรับและเปิดใจคือหนทางที่ดีกว่า

→ สมภพ เบญจาทิกุล รับบท ดร.กฤษ

สมภพ เบญจาทิกุล

ดร.กฤษคือ ปู่ของพริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) และพ่อของ คณิน บูรพเกียรติ (สันติสุข พรหมศิริ) เจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง เขาเป็นนักวิชาการและที่ปรึกษาของบริษัทบูรพเกียรติ มีความรู้ลึกซึ้งและเป็นคนที่ดูน่าเกรงขามแต่ก็มีความอบอุ่นในแบบของปู่ ในอดีต ดร.กฤษรู้เห็นการที่ คุณหญิงจินตนา (ดวงตา ตุงคะมณี) และ กานดา (ซินดี้ เบอร์บริดจ์) กลั่นแกล้ง พีรดา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) จนต้องหนีไปไทรจีส แต่เขาเลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่ได้ปกป้องพีรดา ทำให้เกิดความรู้สึกผิดฝังใจ

ในเรื่อง เมื่อ พริริสา เข้ามาทำงานในบริษัทในฐานะเลขานุการ ดร.กฤษรู้สึกถูกชะตากับเธอทันที โดยไม่รู้ว่าเธอคือหลานสาวแท้ๆ ความฉลาดและความกล้าของพริริสาทำให้เขานึกถึงพีรดา และเริ่มรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เขาคอยสนับสนุนพริริสาในที่ทำงาน และพยายามช่วยคณินแก้ปัญหาวิกฤตของบริษัท โดยเฉพาะเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องนักลงทุนจากไทรจีส ดร.กฤษคือตัวละครที่มีทั้งความน่าเคารพและความเปราะบางจากความผิดพลาดในอดีต ทำให้เขาเป็นตัวละครที่มีมิติและน่าสนใจ

ฉายา ปราชญ์ผู้สำนึกผิด
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นดร.กฤษได้ ก็ต้องเป็น ปราชญ์ผู้สำนึกผิด เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้และความน่าเกรงขาม แต่ก็แบกรับความรู้สึกผิดจากอดีตที่ไม่ได้ปกป้องพีรดา การที่เขาเริ่มเห็นคุณค่าของพริริสาแสดงถึงการสำนึกและพยายามแก้ไขสิ่งที่เคยผิดพลาด

ข้อคิด การยอมรับความผิดคือก้าวแรกของการแก้ไข
ข้อคิดที่ได้จากดร.กฤษคือ การยอมรับความผิดในอดีตคือก้าวแรกของการแก้ไข ความรู้สึกผิดที่เขามีต่อพีรดาและการที่เขาเริ่มเอ็นดูพริริสาสอนเราว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่การยอมรับและพยายามชดเชยความผิดพลาดสามารถนำไปสู่การเยียวยาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้

→ เพ็ญพักตร์ ศิริกุล รับบท พีรดา

เพ็ญพักตร์ ศิริกุล

พีรดาคือ แม่ของเจ้าหญิงพริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) และอดีตคนรักของ คณิน บูรพเกียรติ (สันติสุข พรหมศิริ) เจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง เธอเป็นสาวสวยที่มีหัวใจเข้มแข็งแต่ต้องเผชิญโศกนาฏกรรมในอดีต เมื่อ 17 ปีก่อน เธอถูก กานดา (ซินดี้ เบอร์บริดจ์) และ คุณหญิงจินตนา (ดวงตา ตุงคะมณี) กลั่นแกล้ง ข่มขู่ และขับไล่ออกจากชีวิตของคณินขณะตั้งท้องพริริสา ทำให้เธอต้องหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไทรจีส ประเทศสมมติที่มีราชวงศ์สุดอลังการ ที่นั่น เธอแต่งงานใหม่กับ กษัตริย์ราอิล (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) และกลายเป็นพระมเหสี แต่ความเจ็บปวดจากอดีตและสุขภาพที่ย่ำแย่จากเหตุการณ์ในอดีตยังตามหลอกหลอนเธอ

ในเรื่อง พีรดาคือแม่ที่รักและปกป้องพริริสาอย่างสุดหัวใจ เธอพยายามสอนให้ลูกสาวปล่อยวางความแค้นต่อครอบครัวบูรพเกียรติ เพราะกลัวว่าพริริสาจะจมอยู่ในความเจ็บปวดเหมือนที่เธอเคยเจอ แต่เมื่อพริริสาหนีไปเมืองไทยเพื่อแก้แค้น พีรดาก็ได้แต่กังวลและหวังว่าลูกจะเลือกทางที่ถูกต้อง พีรดาคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความรัก ความเสียสละ และความเจ็บปวด ทำให้เราเห็นทั้งความแข็งแกร่งและความเปราะบางของผู้หญิงที่ผ่านมรสุมชีวิต

ฉายา แม่ผู้เสียสละ
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นพีรดาได้ ก็ต้องเป็น แม่ผู้เสียสละ เพราะเธอยอมทนทุกข์และเริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่อปกป้องพริริสา แม้จะต้องแบกรับความเจ็บปวดจากอดีต เธอคือตัวอย่างของแม่ที่รักลูกมากกว่าตัวเองและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข

ข้อคิด ความรักของแม่คือพลังที่ยิ่งใหญ่
ข้อคิดที่ได้จากพีรดาคือ ความรักของแม่คือพลังที่ยิ่งใหญ่และไม่มีเงื่อนไข การที่เธอยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องพริริสาและพยายามสอนให้ลูกเลือกทางที่ถูกต้อง สอนเราว่าความรักของแม่สามารถเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวผ่านความยากลำบากได้ แม้ในวันที่ตัวเองต้องเจ็บปวด

→ ทูน หิรัญทรัพย์ รับบท ธเนศ

hq720
ทูน หิรัญทรัพย์

ธเนศคือ พลตำรวจโท อดีตผู้บัญชาการหน่วยพิเศษที่เคยร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพในไทรจีสเมื่อ 17 ปีก่อน เขาคือพ่อของ พันตำรวจตรีธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) และสามีของ วิวรรณ (รัชนี ศิระเลิศ) หลังจากเกษียณ ธเนศผันตัวมาเป็นนักธุรกิจและเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทบูรพเกียรติ บริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง เขาเป็นคนเข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ และเป็นแบบอย่างให้ธีภพในฐานะตำรวจ แต่สุขภาพที่ย่ำแย่จากโรคหัวใจทำให้เขาเริ่มถอยจากงานหนัก และมอบหมายให้ธีภพมาช่วยบริหารบริษัทเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตขาดทุน

ในเรื่อง ธเนศคือพ่อที่ทั้งรักและคาดหวังสูงในตัวลูกชาย เขาสนับสนุนให้ธีภพไปไทรจีสเพื่อหานักลงทุนใหม่ และคอยเป็นที่ปรึกษาให้ลูกจากระยะไกล แม้ว่าจะรู้ว่าวิวรรณกังวลเรื่องงานเสี่ยงของธีภพ ธเนศยังมีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวบูรพเกียรติ ทำให้เขามีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงตัวละครต่างๆ เขาคือตัวละครที่ผสมทั้งความน่าเกรงขามของผู้นำและความอบอุ่นของพ่อที่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ

ฉายา นายพลแห่งความหวัง
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นธเนศได้ ก็ต้องเป็น นายพลแห่งความหวัง เพราะเขาเป็นทั้งอดีตนายตำรวจที่แข็งแกร่งและพ่อที่วางความหวังไว้กับลูกชายในการสานต่อทั้งธุรกิจและความยุติธรรม ความมุ่งมั่นของเขาในการผลักดันธีภพทำให้ครอบครัวและบริษัทมีแสงสว่างท่ามกลางวิกฤต

ข้อคิด ความหวังในครอบครัวคือแรงผลักดัน
ข้อคิดที่ได้จากธเนศคือ ความหวังและการสนับสนุนในครอบครัวคือแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ การที่เขาคอยผลักดันและเชื่อมั่นในตัวธีภพ แม้จะมีปัญหาสุขภาพและความกังวลของภรรยา สอนเราว่าการให้กำลังใจและความไว้วางใจในคนที่เรารักสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้

→ รัชนี ศิระเลิศ รับบท วิวรรณ

EU6PeCEUwAAJHpC?format=jpg
รัชนี ศิระเลิศ

วิวรรณคือ ภรรยาของพลตำรวจโทธเนศ (ทูน หิรัญทรัพย์) และ แม่ของพันตำรวจตรีธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เธอเป็นผู้หญิงที่อบอุ่น อ่อนโยน และรักครอบครัวสุดหัวใจ แต่ก็เต็มไปด้วยความกังวล เพราะทั้งสามีและลูกชายทำงานเสี่ยงอันตรายในหน่วยพิเศษตำรวจ วิวรรณกลัวว่าธีภพจะเจอภัยเหมือนที่ธเนศเคยเจอในอดีต โดยเฉพาะเมื่อธเนศเริ่มมีปัญหาสุขภาพจากโรคหัวใจ เธอเลยขอร้องให้ธีภพลาออกจากงานตำรวจเพื่อมาช่วยบริหารบริษัทบูรพเกียรติ บริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรที่ครอบครัวมีหุ้นอยู่

ในเรื่อง วิวรรณคือตัวแทนของความเป็นแม่ที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก เธอยังมีบทบาทในการทาบทาม กรนันท์ (รวิวรรณ บุญประชม) ลูกสาวของครอบครัวบูรพเกียรติให้เป็นคู่หมั้นของธีภพ เพราะหวังให้ลูกมีชีวิตที่มั่นคงและปลอดภัย ถึงจะดูเหมือนเจ้ากี้เจ้าการ แต่ทุกอย่างมาจากความรักและความห่วงใย วิวรรณคือตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว และเพิ่มมิติให้กับเรื่องราวท่ามกลางดราม่าและความแค้นของตัวละครอื่นๆ

ฉายา แม่แห่งความห่วงใย
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นวิวรรณได้ ก็ต้องเป็น แม่แห่งความห่วงใย เพราะเธอคือแม่ที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อความปลอดภัยและความสุขของลูกชาย การกระทำของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการขอให้ธีภพลาออกหรือการจับคู่กับกรนันท์ ล้วนมาจากความรักและความห่วงใยที่ลึกซึ้ง

ข้อคิด ความรักของแม่คือแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่
ข้อคิดที่ได้จากวิวรรณคือ ความรักของแม่คือแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ การที่เธอพยายามปกป้องธีภพจากอันตรายและวางแผนอนาคตให้ลูก สอนเราว่าความรักของแม่มักมากับความเสียสละและความหวังดี แม้ว่าบางครั้งอาจดูเหมือนกดดัน แต่ทั้งหมดคือเพื่อให้คนที่รักมีชีวิตที่ดี

→ ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์ รับบท ไคซัจ

cc4a2290 ad21 11ed b614 5f8312cbf4cb webp original
ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์

ไคซัจคือ ผู้ช่วยคนสนิทของเจ้าชายคามิน (เกริกพล มัสยวาณิช) รัชทายาทแห่งไทรจีส ประเทศสมมติที่มีราชวงศ์สุดอลังการ เขาเป็นหนุ่มมาดนิ่ง ฉลาด และมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องหรือปฏิบัติภารกิจลับ ไคซัจถูกส่งโดยคามินให้ไปเมืองไทยเพื่อคอยดูแลและปกป้อง เจ้าหญิงพริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) ที่หนีไปวางแผนแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติ เขาคอยตามติดพริริสาเพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยจากทั้งศัตรูในบริษัทและภัยคุกคามจากกลุ่มกบฏไทรจีสที่นำโดย ราห์มาน (บิลลี่ โอแกน)

ในเรื่อง ไคซัจมักทำงานร่วมกับ มิรา (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) พระสหายของพริริสา เพื่อกลบเกลื่อนความลับของเจ้าหญิงและขัดขวาง ผู้กองอธิรุธ (ธนกฤต พานิชวิทย์) ที่พยายามสืบตัวตนของพริริสา เขาคือคนที่ทั้งเด็ดขาดและวางใจได้ ทุกครั้งที่มีสถานการณ์คับขัน เช่น การลอบโจมตีจากกลุ่มกบฏ ไคซัจจะเป็นคนที่ลงมือจัดการอย่างรวดเร็ว ตัวละครนี้ผสมทั้งความเท่ ความภักดี และความลึกลับ ทำให้เขาเป็นตัวละครที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับเรื่องราว

ฉายา อัศวินเงาของราชวงศ์
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นไคซัจได้ ก็ต้องเป็น อัศวินเงาของราชวงศ์ เพราะเขาเป็นผู้ช่วยที่ทำงานในเงามืด คอยปกป้องพริริสาและรับใช้คามินด้วยความภักดี แม้จะไม่ได้เป็นตัวละครหลัก แต่การกระทำของเขาคือหัวใจสำคัญที่ช่วยรักษาความปลอดภัยของราชวงศ์ไทรจีส

ข้อคิด ความภักดีคือการเสียสละอย่างเงียบๆ
ข้อคิดที่ได้จากไคซัจคือ ความภักดีคือการเสียสละอย่างเงียบๆ เพื่อคนที่เรารับใช้ การที่เขาเต็มใจเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องพริริสาและปฏิบัติตามคำสั่งของคามินโดยไม่หวังชื่อเสียง สอนเราว่าการทำหน้าที่ด้วยความจริงใจและไม่ต้องการการยกย่องคือคุณค่าที่แท้จริง

→ เกรียงไกร อุณหะนันทน์ รับบท กษัตริย์ราอิล

kd85ah88a7bd6fgf9f8i6
เกรียงไกร อุณหะนันทน์

กษัตริย์ราอิลคือ ผู้ปกครองแห่งไทรจีส ประเทศสมมติที่มีราชวงศ์สุดอลังการ เขาเป็นพ่อของ เจ้าชายคามิน (เกริกพล มัสยวาณิช) รัชทายาท และพ่อเลี้ยงของ เจ้าหญิงพริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) หลังจากสูญเสียพระชายาคนแรก ราอิลแต่งงานใหม่กับ พีรดา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) แม่ของพริริสาเมื่อ 17 ปีก่อน ทำให้พริริสากลายเป็นพระราชกุมารี เขาเป็นกษัตริย์ที่ทั้งน่าเกรงขามและเปี่ยมด้วยความรักต่อครอบครัว โดยเฉพาะกับคามินและพริริสา ที่เขาถือเป็นลูกแท้ๆ

ในเรื่อง ราอิลต้องรับมือกับปัญหาการเมืองในไทรจีส เมื่อกลุ่มกบฏที่นำโดย ราห์มาน (บิลลี่ โอแกน) กลับมาสร้างความวุ่นวาย เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของคามินและพริริสา โดยเฉพาะเมื่อพริริสาหนีไปเมืองไทยเพื่อแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติ ราอิลสนับสนุนข้อเสนอของคามินในการลงทุนกับบริษัทบูรพเกียรติเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับไทยและยับยั้งกลุ่มกบฏ เขาคือผู้นำที่ฉลาดและรักประชาชน แต่ก็มีความอ่อนโยนในฐานะพ่อที่ห่วงใยลูกๆ ตัวละครนี้ผสมทั้งความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์และความอบอุ่นของพ่อเลี้ยง

ฉายา ราชาผู้เปี่ยมเมตตา
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นกษัตริย์ราอิลได้ ก็ต้องเป็น ราชาผู้เปี่ยมเมตตา เพราะเขาเป็นผู้นำที่ปกครองด้วยความยุติธรรมและความรัก ไม่เพียงต่อประชาชน แต่ยังรวมถึงครอบครัว โดยเฉพาะการยอมรับและรักพริริสาเหมือนลูกแท้ๆ แม้จะไม่ใช่สายเลือด

ข้อคิด ความเป็นผู้นำต้องมากับความเมตตา
ข้อคิดที่ได้จากกษัตริย์ราอิลคือ ความเป็นผู้นำที่แท้จริงต้องมากับความเมตตาและความรับผิดชอบ การที่เขาคอยปกป้องครอบครัวและแผ่นดิน แม้ต้องเผชิญความท้าทายจากกลุ่มกบฏ สอนเราว่าการเป็นผู้นำที่ดีคือการตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของทุกคน และแสดงความรักต่อคนรอบข้างอย่างจริงใจ

→ บิลลี่ โอแกน รับบท ราห์มาน

1414124892 billy o
บิลลี่ โอแกน

ราห์มานคือ ผู้นำกลุ่มกบฏแห่งไทรจีส ประเทศสมมติที่มีราชวงศ์สุดอลังการ เขาเป็นตัวร้ายที่ทั้งโหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ มีเป้าหมายโค่นล้มราชวงศ์ไทรจีส โดยเฉพาะ กษัตริย์ราอิล (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) และ เจ้าชายคามิน (เกริกพล มัสยวาณิช) เมื่อ 17 ปีก่อน ราห์มานเคยก่อกบฏครั้งใหญ่แต่ล้มเหลว และตอนนี้เขากลับมาพร้อมแผนการที่ร้ายกาจกว่าเดิม เขาจ้องเล่นงาน เจ้าหญิงพริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) เพราะเห็นว่าเธอเป็นจุดอ่อนของราชวงศ์ และหวังใช้ความวุ่นวายในไทรจีสเพื่อยึดอำนาจ

ในเรื่อง ราห์มานคือตัวละครที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับละคร ด้วยแผนการลอบโจมตีและการวางกลยุทธ์ที่ซับซ้อน เขาสร้างความปั่นป่วนทั้งในไทรจีสและเมืองไทย โดยเฉพาะเมื่อพริริสาหนีไปแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติ ราห์มานพยายามฉวยโอกาสนี้เพื่อกำจัดเธอและขัดขวางการลงทุนระหว่างไทรจีสกับบริษัทบูรพเกียรติ เขาคือตัวร้ายที่ทั้งฉลาดและน่ากลัว ทำให้ ธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) และคามินต้องทำงานหนักเพื่อปกป้องพริริสา ราห์มานคือตัวละครที่ผสมความร้ายกาจและความมุ่งมั่น ทำให้เรื่องนี้เต็มไปด้วยความลุ้นระทึก

ฉายา จอมวายร้ายแห่งไทรจีส
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นราห์มานได้ ก็ต้องเป็น จอมวายร้ายแห่งไทรจีส เพราะเขาเป็นผู้นำกบฏที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความโหดร้าย ทุกการเคลื่อนไหวของเขาคือการท้าทายราชวงศ์และสร้างความโกลาหล ทำให้เขาเป็นตัวร้ายที่คนดูต้องจับตา

ข้อคิด ความทะเยอทะยานที่ไร้ศีลธรรมนำไปสู่หายนะ
ข้อคิดที่ได้จากราห์มานคือ ความทะเยอทะยานที่ไร้ศีลธรรมและไม่สนใจผลกระทบต่อผู้อื่นอาจนำไปสู่หายนะ แผนการร้ายกาจของเขาในการโค่นราชวงศ์และทำร้ายพริริสาสอนเราว่า การมุ่งเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องมักจบลงด้วยความล้มเหลวและความเสียหาย

→ จักรพันธ์ ตัณฑะสุวรรณะ รับบท ไพโรจน์/โรซี่

1601 54192
จักรพันธ์ ตัณฑะสุวรรณะ

ไพโรจน์ หรือที่ทุกคนเรียกว่า โรซี่ คือพนักงานฝ่ายการเงินของบริษัทบูรพเกียรติ บริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง เขาเป็นหนุ่มที่มีสไตล์จัดจ้าน มั่นใจ และปากเปรี้ยวสุดๆ เป็นตัวละครที่นำความคอมเมดี้และความสนุกมาสู่เรื่อง ด้วยนิสัยช่างเม้าท์และความเป็นกันเอง โรซี่กลายเป็นเพื่อนสนิทของ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) เมื่อเธอเข้ามาทำงานในบริษัทในฐานะเลขานุการ โดยที่เขาไม่รู้ว่าเธอคือเจ้าหญิงแห่งไทรจีสที่ปลอมตัวมา

ในเรื่อง โรซี่มักจะเป็นคนที่ช่วยพริริสาได้ข้อมูลวงในของบริษัท เพราะความช่างเม้าท์และการรู้ทุกเรื่องของทุกคนในที่ทำงาน เขาคอยให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจให้พริริสาในแบบที่เป็นเพื่อนแท้ แม้ว่าจะไม่รู้ถึงแผนการแก้แค้นของเธอก็ตาม โรซี่คือตัวละครที่เพิ่มความเบาสมองให้กับละครท่ามกลางดราม่าและความขัดแย้ง ด้วยมุกตลกและความเปรี้ยวที่ทำให้คนดูต้องรักเขา

ฉายา ราชาแห่งการเม้าท์
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นโรซี่ได้ ก็ต้องเป็น ราชาแห่งการเม้าท์ เพราะเขาคือตัวละครที่รู้ทุกซอกทุกมุมของบริษัท และใช้ความช่างพูดช่างเม้าท์ช่วยพริริสาในภารกิจของเธอ ความเปรี้ยวและความสนุกของเขาคือจุดเด่นที่ทำให้ทุกฉากที่เขาอยู่ต้องมีรอยยิ้ม

ข้อคิด เพื่อนที่ดีคือคนที่เพิ่มสีสันให้ชีวิต
ข้อคิดที่ได้จากโรซี่คือ เพื่อนที่ดีคือคนที่คอยเพิ่มสีสันและกำลังใจให้ชีวิต การที่โรซี่เป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือและทำให้พริริสามีความสุขในวันที่ต้องเผชิญภารกิจหนักๆ สอนเราว่ามิตรภาพที่เต็มไปด้วยความสนุกและความจริงใจสามารถเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปได้

→ อนุสรา วันทองทักษ์ รับบท ชนิตา

preiaw11
อนุสรา วันทองทักษ์

ชนิตาคือ พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของบริษัทบูรพเกียรติ บริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง เธอเป็นสาวสวย มั่นใจ และมีสไตล์สุดเปรี้ยวที่ทำให้ทุกคนต้องหันมอง ด้วยนิสัยร่าเริง ช่างพูด และปากแซ่บ ชนิตาคือตัวละครที่นำความคอมเมดี้และความสดใสมาสู่เรื่อง เธอกลายเป็นเพื่อนสนิทของ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) เมื่อพริริสาเข้ามาทำงานในบริษัทในฐานะเลขานุการ โดยที่ไม่รู้ว่าเธอคือเจ้าหญิงแห่งไทรจีสที่ปลอมตัวมา

ในเรื่อง ชนิตาคอยช่วยพริริสาด้วยการให้ข้อมูลวงในของบริษัท ร่วมกับ ไพโรจน์/โรซี่ (จักรพันธ์ ตัณฑะสุวรรณะ) และ บุษกร (วรินดา ดำรงผล) เธอมักจะโยนมุกแซวหรือเล่าข่าวซุบซิบในที่ทำงาน ทำให้พริริสาได้เปรียบในการวางแผนแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติ ถึงจะดูเป็นสาวปากร้าย แต่ชนิตามีหัวใจที่อบอุ่นและเป็นเพื่อนที่จริงใจ เธอคือตัวละครที่เพิ่มความเบาสมองและทำให้คนดูต้องยิ้มตาม

ฉายา สาวแซ่บแห่งประชาสัมพันธ์
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นชนิตาได้ ก็ต้องเป็น สาวแซ่บแห่งประชาสัมพันธ์ เพราะเธอคือพนักงานที่ทั้งสวย มั่น และปากเปรี้ยว การพูดจาแซ่บๆ และสไตล์ที่โดดเด่นของเธอทำให้ทุกฉากที่เธอปรากฏต้องมีชีวิตชีวา

ข้อคิด ความร่าเริงสร้างมิตรภาพที่แข็งแกร่ง
ข้อคิดที่ได้จากชนิตาคือ ความร่าเริงและความจริงใจสามารถสร้างมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การที่เธอเป็นเพื่อนที่คอยทำให้พริริสามีรอยยิ้มและให้ข้อมูลสำคัญ สอนเราว่าการมีทัศนคติบวกและความเป็นกันเองสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยเหลือผู้อื่นได้ในยามที่ต้องการ

→ วรินดา ดํารงผล รับบท บุษกร

00 A5B2251425C2E1280
วรินดา ดํารงผล

บุษกรคือ พนักงานฝ่ายบัญชี ของบริษัทบูรพเกียรติ บริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง เธอเป็นสาวเรียบร้อย มีสไตล์ที่ดูเชยๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจและความขยัน นิสัยของเธอคือคนที่เงียบๆ ไม่ค่อยโดดเด่นในหมู่เพื่อนร่วมงาน แต่หัวใจของเธอเต็มเปี่ยมด้วยความเป็นมิตร เมื่อ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) เข้ามาทำงานในบริษัทในฐานะเลขานุการ บุษกรกลายเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของเธอ ร่วมกับ ชนิตา (อนุสรา วันทองทักษ์) และ ไพโรจน์/โรซี่ (จักรพันธ์ ตัณฑะสุวรรณะ)

ในเรื่อง บุษกรมักจะคอยช่วยพริริสาด้วยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท โดยเฉพาะเรื่องบัญชีที่เธอถนัด เธออาจจะไม่รู้ถึงแผนการแก้แค้นของพริริสา แต่ความจริงใจและการเป็นเพื่อนที่ดีของเธอช่วยให้พริริสามีที่พึ่งในที่ทำงาน บุษกรคือตัวละครที่เพิ่มความสมดุลให้กับเรื่อง ด้วยความน่ารักและความเป็นธรรมชาติ เธอเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างในวันที่พริริสาต้องเผชิญกับความกดดัน ทำให้คนดูรู้สึกถึงความอบอุ่นท่ามกลางดราม่าของเรื่อง

ฉายา เพื่อนสาวใจดีแห่งห้องบัญชี
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นบุษกรได้ ก็ต้องเป็น เพื่อนสาวใจดีแห่งห้องบัญชี เพราะเธอคือสาวเรียบร้อยที่ทำงานในฝ่ายบัญชี แต่มีหัวใจที่อบอุ่นและพร้อมช่วยเหลือเพื่อนอย่างพริริสา ความน่ารักและความจริงใจของเธอคือจุดเด่นที่ทำให้ทุกคนรัก

ข้อคิด ความจริงใจสร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน
ข้อคิดที่ได้จากบุษกรคือ ความจริงใจและความเรียบง่ายสามารถสร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน การที่เธอเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือพริริสาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้จะดูไม่โดดเด่น สอนเราว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องหวือหวา แค่ความจริงใจก็เพียงพอที่จะสร้างความผูกพันที่แข็งแกร่ง

→ วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ รับบท ศจี

Jubjang 11
วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ

ศจีคือ เลขานุการส่วนตัวของคณิน บูรพเกียรติ (สันติสุข พรหมศิริ) เจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องประดับเพชรชื่อดัง เธอเป็นสาวฉลาด มืออาชีพ และทำงานเก่งสุดๆ คอยจัดการทุกอย่างในบริษัทให้ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานหรือดูแลตารางของคณิน ศจีคือคนที่รู้ทุกความเคลื่อนไหวในบริษัทบูรพเกียรติ และเป็นคนที่แนะนำให้ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) เข้ามาทำงานในฐานะผู้ช่วยเลขา โดยไม่รู้ว่าเธอคือเจ้าหญิงแห่งไทรจีสที่ปลอมตัวมาเพื่อแก้แค้น

ในเรื่อง ศจีมีบทบาทเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยความเป็นมืออาชีพ เธอทำงานใกล้ชิดกับคณินและ ธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) ทำให้เธอเป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างตัวละครหลัก ถึงจะไม่ได้มีส่วนในดราม่าหลัก แต่ความสามารถและความน่าเชื่อถือของเธอช่วยให้พริริสาได้เปรียบในการวางแผน ศจีคือตัวละครที่ผสมทั้งความเก่งและความน่ารัก เป็นสาวทำงานที่ทุกคนในบริษัทต้องพึ่งพา

ฉายา เลขาแห่งความเป๊ะ
ถ้าจะให้ฉายาเดียวที่สรุปความเป็นศจีได้ ก็ต้องเป็น เลขาแห่งความเป๊ะ เพราะเธอคือเลขานุการที่จัดการทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งงานและความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ความเป็นมืออาชีพและความน่าเชื่อถือของเธอทำให้ทุกคนต้องยกนิ้วให้

ข้อคิด ความเป็นมืออาชีพสร้างความไว้วางใจ
ข้อคิดที่ได้จากศจีคือ ความเป็นมืออาชีพและความทุ่มเทในงานสามารถสร้างความไว้วางใจ การที่เธอทำงานเก่งและเป็นที่พึ่งของทั้งคณินและพริริสา สอนเราว่าการตั้งใจทำงานและทำหน้าที่ให้ดีที่สุดสามารถทำให้เราเป็นที่ยอมรับและมีบทบาทสำคัญในทุกสถานการณ์


ข้อคิด จากละคร เพลิงนรี ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยดราม่า ความแค้น ความรัก และการต่อสู้ที่ทำให้เราลุ้นจนตัวโก่ง แต่เบื้องหลังความสนุกคือข้อคิดดีๆ ที่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ มาดูกันว่า เพลิงนรี สอนอะไรเราบ้าง

การให้อภัยคือทางออกของความเจ็บปวด
เรื่องนี้หมุนรอบความแค้นของ พริริสา ที่ต้องการแก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติ แต่ผ่านการเดินทางของเธอ โดยเฉพาะความรักจาก ธีภพ และคำแนะนำจาก พีรดา แม่ของเธอ ทำให้เราเห็นว่าการยึดติดกับความแค้นไม่ได้นำไปสู่ความสุข การให้อภัยและปล่อยวางคือวิธีเยียวยาหัวใจที่ดีที่สุด

ความรักที่แท้จริงคือการสนับสนุนและเข้าใจ
ความสัมพันธ์ระหว่างพริริสาและธีภพแสดงให้เห็นว่าความรักไม่ใช่แค่ความรู้สึกหวานแหวว แต่คือการยืนเคียงข้างกันในยามยาก อย่างที่ธีภพพยายามดึงพริริสาออกจากวงจรความแค้น และตัวละครอย่าง มิรา หรือ ไคซัจ ที่คอยปกป้องคนที่รัก สอนเราว่าความรักคือการเสียสละและเข้าใจกัน

ความภักดีคือพลังที่ยิ่งใหญ่
จากตัวละครอย่าง คามิน และ ไคซัจ ที่ทุ่มเทเพื่อราชวงศ์ไทรจีส หรือ มิรา ที่ปกป้องพริริสา เราเรียนรู้ว่าความภักดีต่อครอบครัว เพื่อน หรือหน้าที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ แม้จะต้องเผชิญความเสี่ยงก็ตาม

ความเห็นแก่ตัวนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เจ็บปวด
ตัวร้ายอย่าง กานดา คุณหญิงจินตนา หรือ ราห์มาน แสดงให้เห็นว่าการยึดติดกับผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ เกียรติยศ หรือความแค้น มักนำไปสู่ความล้มเหลวและความเสียหาย สอนเราว่าการเห็นแก่ผู้อื่นและทำเพื่อส่วนรวมสำคัญกว่า

ครอบครัวคือที่พึ่งสุดท้าย
ไม่ว่าจะเป็นความรักของ พีรดา และ วิวรรณ ในฐานะแม่ หรือการที่ ดร.กฤษ และ ธเนศ คอยสนับสนุนลูกหลาน ละครเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าครอบครัวคือรากฐานที่ช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก การให้กำลังใจและความรักจากครอบครัวคือสิ่งที่ทำให้เราเข้มแข็ง

ความจริงใจสร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน
เพื่อนอย่าง โรซี่ ชนิตา และ บุษกร ที่คอยช่วยพริริสาด้วยความจริงใจ แม้จะไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ สอนเราว่ามิตรภาพที่บริสุทธิ์และการเป็นเพื่อนที่ดีสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและมีความหมาย

บอกเลยว่า เพลิงนรี ไม่ได้มีดีแค่ความแซ่บของดราม่าและความรัก แต่ยังอัดแน่นไปด้วยข้อคิดที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้อภัย ความรัก ความภักดี หรือความสำคัญของครอบครัวและเพื่อน ละครเรื่องนี้สอนให้เราเลือกทางที่ทำให้ใจสงบและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย


เพลิงนรี ภาค 2 ละครที่ต่อยอดจาก เพลิงนรี 2559 เรื่องราวในภาคแรกเต็มไปด้วยความแค้น ความรัก และดราม่าของ พริริสา กับ ธีภพ รวมถึงปมราชวงศ์ไทรจีสและครอบครัวบูรพเกียรติ แต่ถ้ามีภาค 2 ล่ะ เรื่องราวจะไปต่อยังไง มาดู

หลังจากภาคแรกที่ พริริสา (ดาวิกา โฮร์เน่) ได้แก้แค้นครอบครัวบูรพเกียรติและเลือกความรักกับ ธีภพ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เธอตัดสินใจปล่อยวางอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะเจ้าหญิงแห่งไทรจีส โดยมีธีภพเคียงข้างในฐานะคู่รักและที่ปรึกษา บริษัทบูรพเกียรติฟื้นตัวจากการลงทุนของไทรจีส แต่ กานดา (ซินดี้ เบอร์บริดจ์) และ กรนันท์ (รวิวรรณ บุญประชม) ยังคงแค้นใจและวางแผนคัมแบ็ก ขณะที่ กษัตริย์ราอิล (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) เริ่มป่วยหนัก ทำให้ เจ้าชายคามิน (เกริกพล มัสยวาณิช) ต้องเตรียมขึ้นครองราชย์ ท่ามกลางภัยคุกคามใหม่จากกลุ่มกบฏที่รอดชีวิตจากเงื้อมมือของ ราห์มาน (บิลลี่ โอแกน)

ในภาค 2 เรื่องราวเริ่มต้น 3 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก พริริสาและธีภพแต่งงานกันและย้ายไปอยู่ที่ไทรจีส โดยพริริสาดูแลมูลนิธิเพื่อเด็กกำพร้าในฐานะเจ้าหญิง ขณะที่ธีภพช่วยฝึกกองกำลังพิเศษของไทรจีส แต่ความสงบสุขถูกทำลายเมื่อ กลุ่มกบฏเงามืด นำโดย ลีลาวดี ลูกสาวของราห์มาน ปรากฏตัวขึ้น เธอสืบทอดความแค้นจากพ่อและวางแผนโค่นราชวงศ์ไทรจีส โดยร่วมมือกับกานดาและกรนันท์ที่หนีไปตั้งหลักในต่างประเทศ

ปมหลัก

การแก้แค้นรอบใหม่
ลีลาวดี (นักแสดงหน้าใหม่) เป็นสาวฉลาดและโหดร้าย เธอปลอมตัวเป็นนักลงทุนสาวชาวต่างชาติเพื่อแทรกซึมเข้าสู่บริษัทบูรพเกียรติที่ตอนนี้บริหารโดย คณิน (สันติสุข พรหมศิริ) และธีภพ เธอร่วมมือกับกานดาและกรนันท์เพื่อทำลายทั้งราชวงศ์และบริษัท โดยใช้ข้อมูลลับที่ขโมยมาจาก มิรา (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน

ความขัดแย้งในราชวงศ์
เมื่อกษัตริย์ราอิลป่วย คามินต้องรับบทผู้นำ แต่เขากลับถูกกดดันจากสภาขุนนางที่ไม่ยอมรับพริริสาในฐานะเจ้าหญิง เพราะสถานะลูกนอกสมรส พีรดา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) พยายามปกป้องลูกสาว แต่สุขภาพของเธอก็ย่ำแย่ลง ทำให้พริริสาต้องเผชิญทั้งภัยจากกบฏและการเมืองภายใน

ความรักที่ถูกทดสอบ
ความสัมพันธ์ของพริริสาและธีภพถูกทดสอบเมื่อกรนันท์พยายามหวนคืนเพื่อแย่งชิงธีภพกลับมา โดยใช้ความลับในอดีตของครอบครัวบูรพเกียรติที่เกี่ยวข้องกับ ดร.กฤษ (สมภพ เบญจาทิกุล) ขณะเดียวกัน ธีภพต้องรับมือกับภารกิจเสี่ยงเพื่อปกป้องพริริสาจากลีลาวดี ทำให้ทั้งคู่ต้องหาทางรักษาความรักท่ามกลางวิกฤต

มิตรภาพและการค้นพบตัวเอง
โรซี่ (จักรพันธ์ ตัณฑะสุวรรณะ), ชนิตา (อนุสรา วันทองทักษ์), และ บุษกร (วรินดา ดำรงผล) กลับมาร่วมทีมกับพริริสาในภารกิจสืบหาความจริงเกี่ยวกับลีลาวดี โดยมี ผู้กองอธิรุธ (ธนกฤต พานิชวิทย์) และ ไคซัจ (ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์) คอยช่วยเหลือ ระหว่างทาง มิราต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวกับอธิรุธ ทำให้เกิดโมเมนต์โรแมนติกสุดน่ารัก

จุดพีคของเรื่อง

ลีลาวดีเผยว่าเธอมีสายสัมพันธ์ลับกับราชวงศ์ไทรจีส ซึ่งทำให้คามินและพริริสาต้องเผชิญความจริงที่เปลี่ยนทุกอย่าง การต่อสู้ครั้งใหญ่ ธีภพและไคซัจนำกองกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏในป่าลึกของไทรจีส ขณะที่พริริสาและมิราพยายามช่วยมิราที่ถูกจับตัวไป การตัดสินใจครั้งสำคัญ พริริสาต้องเลือกว่าจะยอมสละตำแหน่งเจ้าหญิงเพื่อปกป้องไทรจีส หรือต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความชอบธรรมของตัวเอง ขณะที่คามินต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เพื่อรักษาแผ่นดิน

ในตอนจบ พริริสาและธีภพสามารถหยุดยั้งแผนการของลีลาวดีได้ แต่ต้องเสียสละบางสิ่งที่สำคัญ คามินขึ้นเป็นกษัตริย์และเริ่มปฏิรูประบบเพื่อความเท่าเทียมในไทรจีส ครอบครัวบูรพเกียรติ โดยเฉพาะ คุณหญิงจินตนา (ดวงตา ตุงคะมณี) และคณิน เริ่มยอมรับอดีตและสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับพริริสา เรื่องราวจบลงด้วยฉากที่พริริสาและธีภพยืนมองพระอาทิตย์ตกที่ชายหาดไทรจีส พร้อมสัญญาว่าจะสร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วยกัน


เรื่องลึกลับสุดหลอนที่เกิดขึ้นในเบื้องหลังกองถ่ายละคร เพลิงนรี ที่เต็มไปด้วยความระทึก ถึงเหตุการณ์ลึกลับที่ทำให้ทุกคนในกองถ่ายถึงกับขนลุกมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นในกองถ่ายนี้

ละคร เพลิงนรี เป็นละครที่เต็มไปด้วยดราม่า ความรัก และความแค้น แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังการถ่ายทำที่ดูวุ่นวายและมืออาชีพนั้น มีเรื่องลึกลับซ่อนอยู่ ทีมงานกองถ่าย ตั้งแต่ผู้กำกับ ทีมกล้อง ทีมแสง ไปจนถึงสต๊าฟจัดการสถานที่ ต่างเจอกับเหตุการณ์ที่หาคำตอบไม่ได้ ซึ่งทำให้กองถ่ายนี้กลายเป็นที่เล่าขานในวงการถึงความหลอนที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน

กองถ่าย เพลิงนรี ใช้สตูดิโอเก่าในกรุงเทพฯ เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากในบริษัทบูรพเกียรติ ซึ่งทีมงานเล่าว่ามีประวัติเป็นตึกเก่าที่เคยเป็นโรงงานเครื่องประดับมาก่อน หลังจากถ่ายทำฉากสำคัญในช่วงกลางคืน ตั้ม ทีมตัดต่อวิดีโอคนหนึ่ง ต้องอยู่คนเดียวในห้องตัดต่อเพื่อรีบตัดคลิปส่งให้ผู้กำกับเช็ค ทุกอย่างเงียบสงบ จนกระทั่งตั้มสังเกตเห็นเงาดำขนาดเท่าคนยืนนิ่งอยู่ในมุมห้องบนจอมอนิเตอร์ที่กำลังรันฟุตเทจ เขาคิดว่าเป็นเงาของตัวเอง แต่เมื่อหันไปดู กลับไม่มีอะไรอยู่เลย สิ่งที่ทำให้ตั้มถึงกับช็อกคือ เมื่อย้อนดูฟุตเทจซ้ำ เงานั้นปรากฏในทุกช็อตที่ถ่ายในฉากสำนักงานตอนกลางคืน แม้ทีมงานยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในฉากนั้นนอกจากตัวละครหลัก ตั้มตัดสินใจบอก พี่เอก ผู้กำกับ แต่พี่เอกบอกให้เก็บเงียบ เพราะกลัวทีมงานจะแตกตื่น สุดท้าย ทีมตัดต่อต้องเพิ่มแสงในฉากเพื่อกลบเงานั้น แต่ทุกครั้งที่ตั้มนั่งตัดต่อคนเดียว เขาจะรู้สึกเหมือนมีสายตาคอยจ้องจากมุมห้อง

ทีมกล้องของ เพลิงนรี นำโดย ลุงโจ หัวหน้าทีมกล้องที่มีประสบการณ์ในวงการมากว่า 20 ปี เจอเรื่องประหลาดที่ทำให้แม้แต่คนเก๋าอย่างลุงโจยังต้องสะดุ้ง ระหว่างถ่ายทำฉากในคฤหาสน์ของครอบครัวบูรพเกียรติ ซึ่งใช้บ้านเก่าสไตล์โคโลเนียลในจังหวัดอยุธยาเป็นโลเคชัน กล้องหลักที่ตั้งบนขาตั้งกล้องเริ่มหมุนเองช้าๆ โดยไม่มีใครไปแตะ ลุงโจและทีมงานคิดว่าเป็นเพราะพื้นไม่เรียบ แต่เมื่อเช็คแล้วทุกอย่างปกติ สิ่งที่หลอนกว่าคือ กล้องหมุนไปหยุดที่มุมหนึ่งของห้องที่ไม่มีตัวละครหรือทีมงานอยู่ และเมื่อดูฟุตเทจจากกล้องนั้น ภาพที่บันทึกได้แสดงถึงเงาตะคุ่มของผู้หญิงในชุดยาวที่ยืนอยู่ตรงมุมนั้น ทีมงานพยายามหาเหตุผล เช่น อาจเป็นเงาของม่านหรือแสงไฟ แต่ไม่มีอะไรในห้องนั้นที่ตรงกับเงาดังกล่าว น้องมิว ผู้ช่วยกล้องถึงกับขอหยุดงานวันนั้นเพราะกลัว แต่ลุงโจตัดสินใจใช้กล้องตัวอื่นถ่ายต่อ และไม่มีใครกล้าแตะกล้องตัวนั้นจนกว่าจะย้ายโลเคชัน

ทีมเมคอัพและคอสตูม นำโดย พี่แหม่ม หัวหน้าทีมเมคอัพ เจอเหตุการณ์แปลกๆ ในห้องแต่งหน้าที่ตั้งอยู่ในสตูดิโอหลัก ขณะที่พี่แหม่มและ น้องแอน ผู้ช่วยเมคอัพกำลังจัดอุปกรณ์ตอนดึกหลังถ่ายทำเสร็จ ประตูห้องแต่งหน้าที่เปิดทิ้งไว้กลับปิดลงเองและล็อกแน่น ทั้งที่ไม่มีลมและไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น พี่แหม่มพยายามเปิดประตูแต่ไม่สำเร็จ จนต้องเรียก พี่หนุ่ม สต๊าฟดูแลสถานที่มาช่วยงัดประตู สิ่งที่ทำให้ทุกคนขนลุกคือ เมื่อประตูเปิดออก กระจกในห้องแต่งหน้าเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือขนาดเล็กๆ คล้ายของเด็ก ทั้งที่ไม่มีเด็กอยู่ในกองถ่าย และทีมเมคอัพยืนยันว่ากระจกสะอาดก่อนหน้านั้น พี่แหม่มตัดสินใจย้ายอุปกรณ์ไปใช้ห้องอื่น และทีมงานเริ่มจุดธูปขอขมาก่อนถ่ายทำทุกวันเพื่อความสบายใจ

ทีมแสง นำโดย พี่เล็ก หัวหน้าทีมแสง เจอเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนในกองถ่ายต้องหยุดชะงัก ขณะถ่ายทำฉากสำคัญในโกดังร้างที่ใช้เป็นสถานที่ซ่อนตัวของกลุ่มกบฏไทรจีส สปอตไลต์ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้อย่างแน่นหนากลับดับลงพร้อมกันทั้งหมดในเวลาเที่ยงคืนเป๊ะ ทั้งที่ไฟฟ้าในกองถ่ายไม่มีปัญหา และทีมงานตรวจเช็คสายไฟแล้วทุกอย่างปกติ สิ่งที่หลอนกว่าคือ หลังจากดับไป 5 นาที ไฟทุกดวงกลับติดขึ้นเองพร้อมกัน และแสงสว่างจ้าผิดปกติจนกล้องจับภาพได้เป็นแสงสีขาวแปลกๆ น้องต๋อง ผู้ช่วยทีมแสงเล่าว่าเขารู้สึกหนาวเย็นวูบหนึ่งก่อนไฟดับ และเมื่อไฟติดขึ้น เขาเห็นเงาคล้ายคนยืนอยู่ตรงโกดังมืดๆ แต่เมื่อวิ่งไปดูกลับไม่พบอะไร พี่เล็กสั่งให้ทีมงานหยุดถ่ายฉากนั้นและย้ายไปถ่ายที่อื่นในวันรุ่งขึ้น เพราะกลัวจะเกิดอันตราย

น้องพลอย สคริปต์ซูเปอร์ไวเซอร์ที่คอยจดบันทึกความต่อเนื่องของฉาก เจอเหตุการณ์ที่ทำให้เธอถึงกับตั้งคำถามถึงสติตัวเอง เธอมีสมุดจดบันทึกเล่มพิเศษที่ใช้บันทึกทุกอย่างเกี่ยวกับการถ่ายทำ ตั้งแต่ตำแหน่งกล้องไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ วันหนึ่ง สมุดเล่มนั้นหายไปจากโต๊ะในกองถ่าย ทั้งที่เธอมั่นใจว่าไม่ได้เอาไปไหน ทีมงานช่วยกันตามหาทั่วสตูดิโอแต่ไม่เจอ จนกระทั่งสองวันต่อมา สมุดเล่มนั้นปรากฏขึ้นในตู้เก็บของเก่าที่ไม่มีใครเปิดมานาน และที่หลอนสุดคือ หน้าสุดท้ายของสมุดมีลายมือแปลกๆ เขียนว่า “ระวังหลัง” ซึ่งไม่ใช่ลายมือของน้องพลอยหรือทีมงานคนใดเลย น้องพลอยตัดสินใจถ่ายเอกสารสมุดและเก็บต้นฉบับไว้ที่บ้าน เพราะกลัวจะเจออะไรแปลกๆ อีก

เหตุการณ์ลึกลับเหล่านี้กลายเป็นที่เล่าขานในหมู่ทีมงานกองถ่าย เพลิงนรี บางคนเชื่อว่าเป็นเพราะสถานที่ถ่ายทำที่มีประวัติเก่าแก่ เช่น สตูดิโอที่เคยเป็นโรงงานเครื่องประดับ หรือบ้านโคโลเนียลในอยุธยา บางคนคิดว่าเป็นเพราะละครเรื่องนี้มีฉากที่เกี่ยวข้องกับความแค้นและการต่อสู้ ทำให้เกิดพลังงานบางอย่างในกองถ่าย แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ทีมงานอย่าง พี่เอก ผู้กำกับ, ลุงโจ ทีมกล้อง, พี่แหม่ม ทีมเมคอัพ, พี่เล็ก ทีมแสง, และ น้องพลอย สคริปต์ซูเปอร์ไวเซอร์ ต่างยอมรับว่าการถ่ายทำ เพลิงนรี เป็นประสบการณ์ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและน่าสะพรึงกลัว ทุกคนพยายามรักษาความเป็นมืออาชีพ และบางครั้งก็ต้องพึ่งพิธีขอขมาเพื่อให้การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดี