ละคร ไทรโศก 2553 ละครแนวดราม่าพีเรียด ที่เล่าถึงโศกนาฏกรรมแห่งความโลภและกิเลสที่ครอบงำครอบครัวและผู้คนรอบบ้านไทรโศก ส่งผลให้เกิดโชคชะตาอันน่าสลดข้ามสามรุ่น
เรื่องราวเริ่มต้นที่ “พระยาธีระรัตน์” เจ้าของบ้านไทรโศก ผู้มั่งคั่งจากที่ดินสองพันไร่ที่ได้มาจาก “เยื้อน” เพื่อนรักที่ฆ่าตัวตายหลังมอบลูกสาวชื่อ “บานเย็น” และโฉนดที่ดินให้พระยาธีระรัตน์ดูแล โดยขอให้เลี้ยงดูบานเย็นอย่างดี พระยาธีระรัตน์รับปาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความโลภทำให้เขากลายเป็นคนละคน ต่อมาเขาป่วยเป็นอัมพาตและต้องกลับมาอยู่ที่ไทรโศกพร้อมครอบครัว
“กิติ” ลูกชายคนเดียวของพระยาธีระรัตน์ เป็นชายหนุ่มที่เรียนไม่จบจากเมืองนอก ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา และทำให้ “อุษา” หญิงสาวที่เขาคบหาท้อง พระยาธีระรัตน์จึงสั่งให้ บานเย็น จดทะเบียนสมรสกับกิติเพื่อรักษามรดกตามพินัยกรรม แต่ คุณหญิงธีระรัตน์ ผู้เป็นแม่ของกิติ วางแผนให้ “ใบ้” ชายหนุ่มกำพร้าที่แอบรักบานเย็น เข้ามานอนกับบานเย็นแทนกิติในคืนเข้าหอ โดยหลอกว่าบานเย็นป่วยเป็นโรคเรื้อนเพื่อป้องกันไม่ให้กิติเข้าใกล้
บานเย็นตั้งท้องและคลอดลูกชายชื่อ “ยิ่งยง” (หรือ อู๊ด) ซึ่งเกิดจากใบ้ ขณะที่อุษาคลอด “เกียรติกร” (หรือ อ๊อด) ลูกของกิติ คุณหญิงพายิ่งยงไปเลี้ยงที่พระนครในฐานะน้องของอ๊อด โดยตัดขาดจากบานเย็น ทิ้งให้บานเย็นอยู่ที่ไทรโศกกับใบ้และคนอื่นๆ ความสัมพันธ์ของบานเย็นกับใบ้เต็มไปด้วยความหมางเมิน แม้ใบ้จะรักเธออย่างสุดหัวใจ
เวลาผ่านไป รุ่นที่สามอย่างยิ่งยงเติบโตขึ้นโดยไม่รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง เขากลายเป็นเป้าของการแย่งชิงมรดกจากคนรอบข้าง รวมถึงอ๊อดที่หึงหวงและวางแผนกำจัดเขา ความลับของตระกูลค่อยๆ เปิดเผย เมื่อ เจ้าคุณยงยศฤงคาร ปู่ของยิ่งยง ตามหาหลานที่หายไป และพบว่า ไทรงาม หญิงสาวที่อ๊อดพยายามข่มขืน เป็นลูกสาวของฉัตรพงศ์ ลูกชายของเจ้าคุณที่หนีไปกับสาวใช้เมื่อ 24 ปีก่อน
ในตอนท้าย ความโลภและการทรยศนำไปสู่จุดจบอันน่าเศร้า อุษาและ ทนต์ สามีเก่าของเธอ ร่วมมือกันวางยาพิษกิติและคุณหญิงให้เป็นอัมพาตเพื่อครอบครองมรดก แต่แผนล้มเหลวเมื่อความจริงถูกเปิดเผย บานเย็นที่ทนทุกข์มานานตัดสินใจจบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอใต้ต้นไทรใหญ่ ใบ้พยายามช่วยแต่ไม่ทันการณ์ ส่วนยิ่งยงต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาของตัวเองท่ามกลางความสูญเสีย
ธีมหลักของละครไทรโศก 2553
“ไทรโศก” นำเสนอเรื่องราวของมรดกเลือดที่เกิดจากความมักมากในทรัพย์สินและกามารมณ์ สะท้อนผลกระทบของความโลภที่ทำลายครอบครัวและชีวิตผู้คนข้ามรุ่น ตัวละครแต่ละตัวต้องเผชิญกับโชคชะตาที่ถูกกำหนดโดยการกระทำของรุ่นก่อนหน้า นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมจากความเข้มข้นของแฟนละคร และการแสดงที่ทรงพลังของนักแสดงนำอย่าง พัชฏะ นามปาน, จิตตาภา แจ่มปฐม, กมลชนก เขมะโยธิน, และ ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ละคร “ไทรโศก” (2553) เป็นละครดราม่าเข้มข้นที่เต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคม ความลับ และโศกนาฏกรรมข้ามรุ่น ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องแบบละเอียด
รุ่นที่ 1 จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม
เรื่องเริ่มจาก พระยาธีระรัตน์ เจ้าของบ้านไทรโศก ผู้ร่ำรวยจากที่ดินสองพันไร่ที่ได้มาจาก เยื้อน เพื่อนรักที่ฆ่าตัวตาย โดยฝากลูกสาว บานเย็น และโฉนดที่ดินให้พระยาดูแล พระยาสัญญาว่าจะเลี้ยงบานเย็นอย่างดี แต่เมื่อเขาป่วยเป็นอัมพาตและย้ายกลับมาอยู่ไทรโศก ความโลภเริ่มครอบงำครอบครัว
กิติ ลูกชายของพระยาและ คุณหญิงธีระรัตน์ เป็นคนไม่เอาไหน ทำ อุษา หญิงสาวที่คบหากันท้อง พระยาจึงบังคับให้กิติแต่งงานกับบานเย็นเพื่อรักษามรดกตามพินัยกรรม แต่คุณหญิงไม่ยอมรับบานเย็น จึงวางแผนให้ ใบ้ ชายหนุ่มกำพร้าที่แอบรักบานเย็น เข้ามานอนกับบานเย็นในคืนเข้าหอ โดยหลอกกิติว่าบานเย็นเป็นโรคเรื้อน ทำให้กิติไม่กล้าแตะต้องเธอ
บานเย็นตั้งท้องจากใบ้และคลอด ยิ่งยง (อู๊ด) ขณะที่อุษาคลอด เกียรติกร (อ๊อด) ลูกของกิติ คุณหญิงพายิ่งยงไปเลี้ยงที่พระนครในฐานะน้องของอ๊อด โดยตัดขาดจากบานเย็น บานเย็นจึงต้องอยู่ที่ไทรโศกกับใบ้ ซึ่งรักเธอสุดใจแต่เธอไม่เคยรักตอบ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เต็มไปด้วยความขมขื่น
รุ่นที่ 2 ความลับเริ่มคลายปม
เมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งยง เติบโตขึ้นโดยไม่รู้ว่าใบ้และบานเย็นคือพ่อแม่แท้ๆ เขาถูกเลี้ยงดูโดยคุณหญิงและกิติ ขณะที่ อ๊อด ลูกชายแท้ๆ ของกิติและอุษา เติบโตมาด้วยความหึงหวงยิ่งยง คิดว่ายิ่งยงมาแย่งความรักและมรดก อุษาเองก็เริ่มโลภ อยากครอบครองทรัพย์สมบัติของตระกูล จึงร่วมมือกับ ทนต์ สามีเก่าของเธอ วางแผนกำจัดคนในครอบครัวทีละคน
ในขณะเดียวกัน เจ้าคุณยงยศฤงคาร ปู่ของยิ่งยง เริ่มตามหาหลานที่หายไป เขาค้นพบว่า ไทรงาม หญิงสาวที่อ๊อดพยายามข่มขืน เป็นลูกสาวของ ฉัตรพงศ์ ลูกชายของเขาที่หนีไปกับสาวใช้เมื่อ 24 ปีก่อน ความลับของตระกูลเริ่มถูกเปิดเผยทีละชั้น
รุ่นที่ 3 จุดจบแห่งโศกนาฏกรรม
อ๊อดวางแผนกำจัดยิ่งยงหลายครั้งแต่ล้มเหลว ขณะที่อุษาและทนต์วางยาพิษกิติและคุณหญิงให้กลายเป็นอัมพาตเพื่อฮุบมรดก แต่แผนของทั้งคู่ถูกจับได้ ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของยิ่งยงเปิดเผยว่าเขาไม่ใช่ลูกของกิติ แต่เป็นลูกของใบ้และบานเย็น ทำให้อ๊อดยิ่งแค้นและพยายามฆ่ายิ่งยงอีกครั้ง
บานเย็น ผู้แบกรับความทุกข์มานานหลายสิบปี ทนไม่ไหวกับโชคชะตาอันโหดร้าย เธอตัดสินใจจบชีวิตด้วยการแขวนคอใต้ต้นไทรใหญ่หน้าบ้าน ใบ้ พยายามช่วยแต่ไม่ทัน เขากอดร่างของบานเย็นร้องไห้ด้วยความเสียใจสุดขีด ส่วนยิ่งยงที่รู้ความจริงทั้งหมดต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียแม่แท้ๆ และความแตกสลายของครอบครัว
สุดท้าย อุษาและทนต์ถูกจับได้และรับโทษตามกฎหมาย อ๊อดพยายามหนีแต่สุดท้ายถูกยิ่งยงเผชิญหน้าและลงโทษด้วยตัวเอง (ไม่ถึงตายแต่บาดเจ็บหนัก) ยิ่งยงตัดสินใจทิ้งบ้านไทรโศก เดินทางออกไปเริ่มชีวิตใหม่พร้อม ไทรงาม ที่กลายมาเป็นคนรักของเขา ทิ้งบ้านไทรโศกให้กลายเป็นเพียงความทรงจำอันขมขื่น
“ไทรโศก” ปิดฉากด้วยโศกนาฏกรรมที่เกิดจากความโลภ ความริษยา และการทรยศในครอบครัว ตัวละครหลักเกือบทั้งหมดต้องจ่ายราคาจากบาปที่รุ่นก่อนทิ้งไว้ บ้านไทรโศกกลายเป็นสัญลักษณ์ของคำสาปที่ไม่อาจหลุดพ้น ละครเน้นย้ำว่าไม่มีใครหนีพ้นผลกรรมได้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่รุ่นก็ตาม
ด้วยความเข้มข้นของละครและการแสดงที่ทรงพลัง ละครเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมจากผู้ชมในยุคนั้น และยังคงถูกพูดถึงในฐานะละครน้ำดีที่สะท้อนความซับซ้อนของมนุษย์
บทละครที่เข้มข้นและซับซ้อน
บทโทรทัศน์โดย ปารดา กันตพัฒนกุล ถือเป็นหัวใจของเรื่อง ด้วยการเล่าเรื่องที่ครอบคลุมสามรุ่นเต็มไปด้วยปมปริศนา การทรยศ และโศกนาฏกรรม เนื้อหาสะท้อนถึงความโลภ กิเลส และผลกรรมที่ตามมาได้อย่างลึกซึ้ง ตัวละครแต่ละตัวมีมิติ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีหรือร้าย ทำให้คนดูทั้งรักทั้งเกลียดได้ในเวลาเดียวกัน
การแสดงระดับท็อป
พัชฏะ นามปาน ถ่ายทอดความเป็นลูกชายเจ้าสำราญที่ทั้งน่าสงสารและน่าหงุดหงิดได้ดี
จิตตาภา แจ่มปฐม สะกดคนดูด้วยการแสดงสายตาและอารมณ์ที่แสดงถึงความทุกข์ทรมานของผู้หญิงที่ถูกชะตากรรมเล่นตลก
กมลชนก เขมะโยธิน รับบทแม่ผัวจอมวางแผนได้อย่างน่าขนลุก
ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ แม้พูดไม่ได้ แต่ใช้สีหน้าและแววตาถ่ายทอดความรักและความเจ็บปวดได้ถึงใจ
นักแสดงรุ่นเล็กอย่าง ปวีณา ชารีฟสกุล และดาวรุ่งในตอนนั้นก็เสริมทัพได้ดีเยี่ยม
งานสร้างและบรรยากาศ
ฉากบ้านไทรโศกถูกถ่ายทอดให้ดูเก่าแก่ ขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยความลึกลับ ประกอบกับต้นไทรใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรื่อง ช่วยสร้างอารมณ์กดดันและน่าสะพรึงกลัว การแต่งกายและชุดย้อนยุคก็ทำได้สมจริง ช่วยพาคนดูย้อนไปในสมัยนั้นได้อย่างน่าเชื่อถือ
เพลงประกอบที่ตราตรึง
เพลง “ใต้ต้นไทร” ขับร้องโดย ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ มีเนื้อหาเศร้าและลึกซึ้ง เข้ากับโทนของละครได้อย่างลงตัว กลายเป็นเพลงที่แฟนๆ จำได้จนถึงทุกวันนี้
แต่ละครยังมีจุดด้อยอยู่บางจุด!
จังหวะบางช่วงยืดเยื้อ
ด้วยความที่เป็นละครยาวและมีตัวละครเยอะ บางช่วงโดยเฉพาะรุ่นที่สอง (ตอนกลางเรื่อง) มีการเล่าที่เนิบช้าเกินไป ทำให้คนดูอาจรู้สึกเบื่อ โดยเฉพาะฉากดราม่าที่วนซ้ำ เช่น การทะเลาะกันของอุษากับกิติ หรือการร้องไห้ของบานเย็น
ตัวละครรุ่นสามไม่เด่นเท่ารุ่นก่อน
เมื่อถึงรุ่นที่สาม (ยิ่งยงและอ๊อด) ความเข้มข้นของละครลดลงบ้าง ตัวละครอย่างยิ่งยงดูจะเป็น “พระเอกจำเป็น” ที่ไม่ได้มีพัฒนาการมากนัก ส่วนอ๊อดก็ถูกวางให้ร้ายแบบสุดโต่งจนขาดมิติไปบ้าง ทำให้คนดูอาจไม่ผูกพันเท่ากับรุ่นแรก
ตอนจบอาจไม่ถูกใจทุกคน
การตายของบานเย็นและการที่ยิ่งยงเลือกทิ้งทุกอย่างไปเริ่มใหม่ อาจทำให้คนดูรู้สึกค้างคา หรืออยากเห็นการแก้แค้นที่เด็ดขาดกว่านี้ แทนที่จะปล่อยให้ตัวร้ายบางคนรอดไป
“ไทรโศก” เป็นละครที่เหมาะกับคนชอบดราม่าเข้มๆ แบบพีเรียด มีกลิ่นอายของโศกนาฏกรรมแบบไทยแท้ เรื่องนี้ไม่ใช่ละครน้ำเน่าแบบทั่วไป เพราะเน้นไปที่ผลกระทบของการกระทำที่ส่งต่อกันข้ามรุ่น มากกว่ารักหวานแหววหรือตลกเบาสมอง การแสดงของนักแสดงนำ โดยเฉพาะจิตตาภาและชาตโยดม ถือเป็นจุดขายที่ทำให้ละครน่าจดจำ
คะแนน 8.5/10(จาก sence9.com)
แนะนำสำหรับคนที่ชอบละครดราม่าหนักๆ มีปมเยอะ และไม่กลัวความสะเทือนใจ อาจไม่เหมาะกับคนที่ชอบเรื่องเบาๆ หรือแฮปปี้เอนดิ้ง
มุมมองทั่วไปและบริบทของละคร
อึดอัดและสะเทือนใจ
ตั้งแต่ต้นเรื่อง ความรู้สึกแรกที่เด่นชัดคือความอึดอัดจากโชคชะตาของตัวละคร โดยเฉพาะ บานเย็น ที่เหมือนถูกทุกคนรอบตัวใช้เป็นเครื่องมือ เธอต้องทนกับการถูกบังคับแต่งงาน ถูกหลอกให้เสียตัว และสูญเสียลูกไปโดยไม่มีปากเสียง ความทุกข์ของเธอที่สะสมมาทั้งชีวิตจนถึงฉากจบที่แขวนคอตายใต้ต้นไทร ทำให้รู้สึกหน่วงและสะเทือนใจมาก เหมือนเห็นชีวิตที่ไม่มีทางเลือกและเต็มไปด้วยความอยุติธรรม
โกรธและหมั่นไส้ตัวร้าย
ตัวละครอย่าง คุณหญิงธีระรัตน์, อุษา, และ อ๊อด นั้นชวนให้รู้สึกโกรธสุดขีด คุณหญิงกับความเห็นแก่ตัวที่ทำลายชีวิตบานเย็นและใบ้ อุษากับความโลภที่ไม่รู้จักพอ และอ๊อดที่ร้ายแบบไม่มีเยื่อใย บางฉากที่พวกเขาวางแผนทำร้ายคนอื่นเพื่อมรดก ทำให้อยากเข้าไปตบหรือสาปแช่งแทนตัวละครฝ่ายดี ความรู้สึกหมั่นไส้นี้ถูกปลุกเร้าตลอดเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าความชั่วของพวกเขาดูจะได้เปรียบอยู่นาน
สงสารและเห็นใจตัวละครที่ถูกชะตากรรมกลั่นแกล้ง
นอกจากบานเย็นแล้ว ใบ้ ก็เป็นอีกตัวละครที่ชวนให้รู้สึกสงสาร เขารักบานเย็นอย่างบริสุทธิ์แต่ไม่เคยสมหวัง แถมยังต้องแบกความเจ็บปวดจากการถูกมองเป็นคนต่ำต้อย ฉากที่ใบ้พยายามช่วยบานเย็นตอนเธอแขวนคอแต่ไม่ทันนั้น เป็นจุดพีคที่ทำให้รู้สึกจุกอกและน้ำตาไหลตาม เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนดีๆ ต้องเจออะไรแบบนี้
ตื่นเต้นกับการคลายปม
ความรู้สึกตื่นเต้นเกิดขึ้นเมื่อปมต่างๆ เริ่มคลายออก เช่น การเปิดเผยชาติกำเนิดของ ยิ่งยง ว่าเขาไม่ใช่ลูกของกิติ หรือการที่ ไทรงาม กลายเป็นลูกสาวของฉัตรพงศ์ที่เชื่อมโยงกับเจ้าคุณยงยศฤงคาร ช่วงที่ความลับถูกเฉลยทีละชั้นนั้นชวนให้ลุ้นและติดตามว่าเรื่องจะไปจบยังไง แม้ว่าบางปมอาจเดาได้ แต่การเล่าเรื่องก็ยังทำให้รู้สึกอยากดูต่อ
หดหู่แต่ได้ข้อคิด
ตอนจบของ “ไทรโศก” ไม่ได้ให้ความรู้สึกแฮปปี้หรือสะใจเต็มที่ การตายของบานเย็นและการที่ยิ่งยงเลือกเดินจากไป ปล่อยให้บ้านไทรโศกกลายเป็นอดีต ทำให้รู้สึกหดหู่และค้างคา แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ข้อคิดเกี่ยวกับผลของความโลภและการกระทำที่ส่งต่อกันข้ามรุ่น มันเหมือนเตือนสติว่ากิเลสของมนุษย์สามารถทำลายทุกอย่างได้จริงๆ
“ละคร ไทรโศก” อารมณ์มีทั้งความโกรธ ความสงสาร ความลุ้น และความเศร้า เป็นละครที่ไม่ใช่แค่ดูเพื่อความบันเทิง แต่เหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความเจ็บปวดของตัวละคร สำหรับคนที่ชอบดราม่าเข้มๆ อาจรู้สึกสะใจและประทับใจ แต่ถ้าไม่ถนัดเรื่องหนักๆ อาจรู้สึกอึนและท้อกับความโหดร้ายของละคร
ส่วนตัว(sence9.com) ถ้าให้บอกความรู้สึกคงเป็นคำว่า “หน่วงแต่ทรงพลัง” เพราะละครเรื่องนี้ฝากรอยไว้ในใจได้นานจริงๆ
ละคร ไทรโศก 2553
ละคร ไทรโศก 2553
ผืนดินสองพันไร่กลายเป็นมรดกเลือดที่ต้องสาบผู้คนแห่งบ้านไทรโศกถึงสามรุ่น เพราะความมักมากในทรัพย์สินและกามารมณ์ จาก พระยาธีระรัตน์ ผู้เป็นเจ้าบ้านจนกลายเป็นอัมพาต กิติ ทายาทผู้เดียวที่เป็นใบ้เพราะถูกวางยาพิษ จนถึง ยิ่งยง หนุ่มอาภัพผู้เติบโตมาโดยไม่รู้กระทั่งชาติกำเนิดของตน และตกเป็นเป้าสังหารของบรรดาผู้คนที่หมายปองมรดกแห่งไทรโศก
เหนือคุ้งน้ำแห่งไทรโศกบ้านของ พระยาธีระรัตน์ (ดิลก ทองวัฒนา) ได้รับการขนานนามจากชาวบ้านว่า ไทรโศก พระยาธีระรัตน์มีบุตรชายหนึ่งคนชื่อ กิติ (วรวุฒิ นิยมทรัพย์) ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ เยื้อน (สันติสุข พรหมศิริ) เพื่อนร่วมสาบานของพระยาธีระรัตน์ พาลูกสาวมาที่บ้านไทรโศก ด้วยคดีฆ่าเมียและชู้ตาย โดยให้พระยาธีระรัตน์รับเลี้ยง บานเย็น (กมลชนก เขมะโยธิน) พร้อมทั้งโอนโฉนดที่ดินสองพันกว่าไร่ให้กับพระยาธีระรัตน์ โดยให้สาบานว่าจะส่งเสียเลี้ยงดูบานเย็นเป็นอย่างดี และมอบที่ดินบางส่วนให้บานเย็นหลังจากที่บานเย็นโตจนออกเรือนแล้ว หลังจากพระยาธีระรัตน์รับปาก เยื้อนก็ฆ่าตัวตาย
พระยาธีระรัตน์ขึ้นมาอยู่ที่พระนครและได้ส่งลูกชายไปเรียนเมืองนอก บานเย็นจบแค่มัธยมต้นก็ออกจากโรงเรียนมาเป็นคนรับใช้พระยาธีระรัตน์ เพราะคุณหญิงชังว่าบานเย็นคือลูกสาวเยื้อนที่เคยเป็นคนรักเก่าของตนที่ถอนหมั้นไปแต่งกับแม่ของบานเย็น
พระยาธีระรัตน์เสวยสุขได้ไม่นานก็ป่วยเป็นอัมพาตจึงกลับไปที่ไทรโศก โดยมีบานเย็น เพิ่ม (รอน บรรจงสร้าง) ลูกเลี้ยง รวมทั้ง หวิน (ปวันรัตน์ นาคสุริยะ) แม่ครัวและลูกชายชื่อ ดำ (ภูริ หิรัญญพฤกษ์) กิติกลับจากเมืองนอกโดยที่เรียนไม่จบอะไรเลย และยังทำตัวเป็นหนุ่มสังคม เที่ยวเตร่สุดท้ายก็ทำ อุษา (สุวัจนี ไชยมุสิก) ท้อง พระยาธีระรัตน์จึงเรียก เจน (ภานุเดช วัฒนสุชาติ) ทนายความประจำตระกูลจัดการพินัยกรรมโดยสั่งให้บานเย็นจดทะเบียนสมรสกับกิติและมีทายาทด้วยกัน จึงจะยกนาสองพันไร่ให้ ส่วนดอกผลจากไร่นาให้คุณหญิงแต่พอเลี้ยงครอบครัวแต่ละเดือน
คุณหญิงจัดงานแต่งให้บานเย็นและกิติ โดยคุณหญิงวางอุบายให้อุษามอมเหล้า ใบ้ (ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ) หนุ่มกำพร้าที่ ยายอ่อน (พิสมัย วิไลศักดิ์) หมอตำแยนำมาเลี้ยงแต่เล็กและมาเข้าหอแทนกิติ บานเย็นตั้งท้องและคลอดลูกเป็นผู้ชายพร้อมกันกับอุษาซึ่งเป็นผู้ชายชื่อ อ๊อดหรือเกียรติกร (พิเชษฐไชย ผลดี) คุณหญิงพา ท่านเจ้าคุณยงยศฤงคาร (เกรียงไกร อุณหนันท์) มาตามหาลูกที่ไทรโศกเห็นลูกบานเย็นจึงตั้งชื่อว่า อู๊ด หรือ ยิ่งยง (พัชฎะ นามปาน) และพาไปที่พระนครทันที โดยไม่ให้บานเย็นไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด เพราะจะไปในฐานะน้องของอ๊อด
บานเย็นบังเอิญได้พบทารกกำพร้าจึงรับเลี้ยงและตั้งชื่อว่า ไทรงาม (จิตตาภา แจ่มปฐม) ผ่านไป 20 ปี อู๊ดจบวิศวะจุฬา ไปงานรับปริญญา เด่นดาว (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) หลานเจ้าคุณยงยศศฤงคาร แต่ถูกไทรงามซึ่งเรียนจบแพทย์ศาสตร์มาดึงตัวไปรู้จักกับเพื่อน ๆ โดยคิดว่าเป็น ดำ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) ดำก็ทักเด่นดาวผิดเพราะเข้าใจว่าเป็นไทรงาม จึงทำให้ทั้งคู่รู้จักกันโดยบังเอิญ
อ๊อดหลงรักเด่นดาวแต่แรกเห็นจึงเร่งรัดพ่อแม่ให้ไปขอเด่นดาว เจ้าคุณยงยศฯ เข้าใจว่าทุกคนมาขอหลานสาวให้อู๊ด แต่เมื่อรู้ว่าเป็นอ๊อด เด่นดาวจึงปฏิเสธและได้พาเด่นดาวไปอยู่บ้านไทรโศก ทั้งหมดจึงยกโขยงตามอู๊ดไปที่ไทรโศก รวมทั้ง ทนต์ (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) นักโทษเพิ่งพ้นโทษมาจากคุก ก็ตามไปแก้แค้นเจ้าคุณยงยศฯ ที่ไทรโศกด้วย อ๊อดมาเจอไทรงามก็หลงรักไทรงามอีก แต่จริงจังกว่าเด่นดาว ทำให้ อัมพริกา (พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์) ลูกสาว เสี่ยโอ (ศานติ สันติเวชกุล) เหน็บเจ็บ ๆ หลายครั้ง
เจ้าคุณฯ ตั้งแต่เจอไทรงามก็สงสัยเฝ้าถามคนที่อยู่ไทรโศกอย่าง เฟื้อ คนสนิท จนพบความจริงจากเจนว่าไทรงามคือหลานสาวที่เกิดจาก ฉัตรพงศ์ ลูกชายคนเดียวกับสาวใช้ที่พากันหนีออกจากบ้านเมื่อ 24 ปีก่อน อุษาได้เจอกับทนต์สามีเก่าจึงร่วมมือกันใช้สมุนไพรพิษต้มให้คุณหญิงกับกิติดื่มเพื่อให้เป็นอัมพาต อ๊อดหึงอู๊ดกระทั่งวางแผนกับอุษาและทนต์ฉุดไทรงามมาเป็นเมียแต่เรื่องกลับเป็นว่าอ๊อดข่มขืนอัมพริกาแทน อุษารู้ว่าแผนแตกจึงมาบอกทนต์ กิติเห็นทั้งคู่เป็นชู้กัน ทนต์จึงทำร้ายกิติแล้วกรอกยาทำให้เป็นอัมพาตพูดไม่ได้ทันที
เพราะความริษยาอุษาจึงแสร้งบีบน้ำตาขอร้องไทรงามให้เลิกคบกับอู๊ดเพราะแท้จริงแล้วไทรงามกับอู๊ดเป็นแม่ลูกเดียวกัน พร้อมกับขอให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้อู๊ดเสียใจ ไทรงามจะแต่งงานกับอ๊อดและขอให้บานเย็นสบายใจว่าเธอทำด้วยความเต็มใจ อู๊ดบอกกับเด่นดาวว่าเขารักเธอแบบพี่ชาย ทำให้เธอกระโดดน้ำคิดฆ่าตัวตายแต่ดำช่วยไว้ทันและมีสร้อยขาดติดมือดำมา เจ้าคุณฯ เข้ามาประกาศกลางงานแต่งงานของอ๊อดกับไทรงามว่าไทรงามคือหลานสาวตระกูลยงยศศฤงคาร โดยมีหลักฐานคือสร้อย 3 เส้น อยู่กับเจ้าคุณฯ เด่นดาวและไทรงาม
คุณหญิงเจอจดหมายที่กิติเขียนว่าที่ตนเองมีสภาพแบบนี้เพราะโดนอุษาและชู้ทำร้าย คุณหญิงจึงไล่อุษาออกจากบ้าน เธอโกรธจัดจึงผลักคุณหญิงหัวฟาดพื้นหมดสติ กิติเห็นแต่ทำอะไรไม่ได้จึงช็อกตายคาเตียง อุษาจับคุณหญิงกรอกยาเหมือนที่เคยทำกับกิติ ทนต์ อ๊อด เสี่ยโอ รวมหัวกันวางแผนล้างแค้นตระกูลธีระรัตน์และยงยศศฤงคาร ด้วยการปล้นบ้านของทั้งสองตระกูลในวันสงกรานต์ ทนต์กับอุษาปล้นบ้านคุณหญิงเสร็จจะเผาบ้าน แต่ก็ต้องตะลึงเมื่อคุณหญิงลุกขึ้นสู้ แล้วบอกอุษาว่าสมุนไพรพิษที่แท้แล้วคือน้ำชาธรรมดา อู๊ดเข้ามาช่วยคุณหญิงและบอกความจริงว่าพ่อแม่ที่แท้จริงคือใคร ก่อนจะหมดลมหายใจคาตักอู๊ด ขณะที่อุษาก็ตายคากองเพลิงไป
ทนต์ซ้อมเจ้าคุณฯ ที่ทำให้ตระกูลตนล่มจม พร้อมทั้งลวนลามเด่นดาวเพื่อทรมานเจ้าคุณฯ เล่น เจ้าคุณฯ ทนไม่ไหวจึงบอกทนต์ว่ากล้าข่มขืนลูกตนเองเชียวหรือ เจ้าคุณฯ โพล่งต่อว่าผู้หญิงที่ทนต์รักคือแม่ของเด่นดาวที่ไม่เคยมีอะไรกับ ฉัตรพงษ์ จังหวะนั้นเองอู๊ดยกพวกบุกเข้ามา เสี่ยโอ อ๊อด ทนต์ยิงใส่พวกอู๊ด เสี่ยโอกับอ๊อดหนีไปได้ ขณะที่ทนต์โดนใบ้ยิงสาหัส ทนต์เสียใจหนักเมื่อรู้ความจริงจากเฟื้อน้าแท้ ๆ ว่าเจ้าคุณฯ ไม่ได้เป็นคนทำตระกูลล่มจม แต่คนที่ทำคือพ่อของทนต์ที่ติดพนันจนล้มละลาย
เด่นดาวเข้ามากราบเท้าเรียกทนต์ว่าพ่อ ทนต์ละอายใจจึงฆ่าตัวตาย เจนเปิดพินัยกรรมคุณหญิงที่ฝากไว้โดยบอกว่าขอยกมรดกทั้งหมดของตนให้กับอู๊ด อ๊อดโผล่มากลางงานประกาศว่าเมื่อเขาไม่ได้อะไรเลย อู๊ดก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน จึงใช้ปืนยิงอู๊ดไม่ยั้ง เรื่องราววุ่น ๆ จะจบลงอย่างไร ติดตามชมได้ใน ละครไทรโศก
บทประพันธ์โดย : จำลักษณ์
บทโทรทัศน์โดย : ปารดา กันตพัฒนกุล
ผู้กำกับแสดงโดย : ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์
ผู้จัดโดย : วรายุธ มิลินทจินดา / ธิติมา สังขพิทักษ์
ผลิตโดย : บริษัท โนพรอบเล็ม จำกัด
นักแสดง
พัชฎะ นามปาน รับบท ยิ่งยง
จิตตาภา แจ่มปฐม รับบท ไทรงาม
ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ รับบท ใบ้
กมลชนก เขมะโยธิน รับบท บานเย็น
คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ รับบท เด่นดาว
ภูริ หิรัญพฤกษ์ รับบท ดำ
วรวุฒิ นิยมทรัพย์ รับบท กิติ
สุวัจนี ไชยมุสิก รับบท อุษา
พิเชษฐไชย ผลดี รับบท เกียรติกร
พิมพ์อักรษร วินโกมินทร์ รับบท อัมพริกา
ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ รับบท ทนต์
รอน บรรจงสร้าง รับบท เพิ่ม
ปวันรัตน์ นาคสุริยะ รับบท หวิน
ดวงตา ตุงคะมณี รับบท คุณหญิงธีระรัตน์
ภานุเดช วัฒนสุชาติ รับบท ทนายเจน
พิสมัย วิไลศักดิ์ รับบท ยายอ่อน
อรสา พรหมประทาน รับบท อุไร
ศานติ สันติเวชกุล รับบท เสี่ยโอ
ดิลก ทองวัฒนา รับบท พระยาธีระรัตน์
สันติสุข พรหมศิริ รับบท เยื้อน
ดารัณ บุญยศักดิ์ รับบท สมบุญ
เกรียงไกร อุณหนันท์ รับบท เจ้ายงยศ
ไทรโศก เป็นภาพยนตร์ไทย ฟิล์ม 35 มม. จากบทประพันธ์ของ จำลักษณ์ กำกับการแสดงโดย วิจิตร คุณาวุฒิ สร้างโดย แหลมทองภาพยนตร์ นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา, โสภา สถาพร, รักชนก จินดาวรรณ, บุศรา นฤมิตร, อดุลย์ ดุลยรัตน์, บุษกร สาครรัตน์ เข้าฉายเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2510 ฉายครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุง
สร้างใหม่ในปี พ.ศ. 2524 กำกับการแสดงโดย น้อยเศวต สร้างโดย ศรีเศวตภาพยนตร์ นำแสดงโดย เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์, พอเจตน์ แก่นเพชร, ดวงใจ หทัยกาญจน์, นาวี สุวรรณทัพ, ลักษณ์ อภิชาติ, ประจวบ ฤกษ์ยามดี, เมตตา รุ่งรัตน์, สุพรรณี จิตต์เที่ยง เข้าฉายเมื่อ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 ออกอากาศในรายการ แกะกล่องหนังไทย ทาง ทีวีไทย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สร้างเป็นละครโทรทัศน์ ใน ช่อง 7 กำกับการแสดงโดย ภราดร เล็กประเสริฐ นำแสดงโดย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์, เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, ชไมพร จตุรภุช, พิศมัย วิไลศักดิ์, ชุติมา นัยนา, จามิน เหมพิพัฒน์, ดาริน กรสกุล, สมชาย สามิภักดิ์, ปัทมา ปานทอง, ไปรมา รัชตะ, อำนวย ศิริจันทร์, น้ำเงิน บุญหนัก, ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา, ผจญ ดวงขจร, คมสัน พงษ์สุธรรม ปิดกล้องปี พ.ศ. 2534 แต่ไม่ได้ออกอากาศ
และในปี พ.ศ. 2553 ใน ช่อง 3 กำกับการแสดงโดย ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผลิตโดยบริษัท โนพรอบเล็ม จำกัด จัดโดย วรายุธ มิลินทจินดา และ ธิติมา สังขพิทักษ์ บทโทรทัศน์โดย ปารดา กันตพัฒนกุล นำแสดงโดย พัชฏะ นามปาน, จิตตาภา แจ่มปฐม, คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์, ภูริ หิรัญพฤกษ์, พิเชษฐ์ไชย ผลดี, พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์, กมลชนก เขมะโยธิน, ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ, สุวัจนี ไชยมุสิก, วรวุฒิ นิยมทรัพย์, ดวงตา ตุงคะมณี, รอน บรรจงสร้าง, ปวันรัตน์ นาคสุริยะ, เกรียงไกร อุณหะนันท์ ออกอากาศทุกวันพุธ–พฤหัสบดี เวลา 20.30 น