อาทิจ(ณเดชณ์) บัณฑิตวิทยาลัยเกษตร บุตรชายคนโตของครอบครัวข้าราชการชั้นผู้น้อย ฐานะยากจน เขาใฝ่ฝันที่จะมีที่ดินสักแปลง และใช้วิชาความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์ พ่อของเขาจึงตัดสินใจส่งตัว อาทิจ กลับไปหา ย่าแดง(ตุ๊ก ดวงตา) เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ตน ผู้เป็นลูกชายคนโต ขโมยเงินแม่และหนีออกจาก บ้านเพียงแค่ไม่ต้องการทำงานหนักในไร่ ย่าแดงได้ให้เงินสนับสนุนการศึกษาแก่น้องๆ ของอาทิจ เพื่อแลกกับการที่อาทิจมาทำงานในไร่ โดยไม่ได้ รับค่าตอบแทน อาทิจรับปาก เพราะระลึกอยู่เสมอว่าเป็นการทำงานชดใช้หนี้แทนพ่อที่เคยทิ้งย่าแดงไป และเพื่อ ตอบแทนที่ย่าแดงให้ทุนการศึกษาแก่น้องๆ ของตน ด้วยความมุมานะและความมักน้อยของ อาทิจ ทำให้ ย่าแดงไว้ใจ จึงมอบที่ดินให้กับอาทิจจำนวนหนึ่ง ย่าแดงสั่งสอนให้อาทิจรัก ศรัทธา และกตัญญูต่อแผ่นดินซึ่งเป็น ที่อยู่ ที่นอน ที่ทำกิน เมื่อไปอยู่ที่ไหนก็จะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ดรุณี(ญาญ่า อุรัสยา) น้องสาวคนสุดท้อง ของย่าแดง ปักหลักเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอาทิจ เพราะความกลัวโดนแย่งความรักทั้งหมดจาก ย่าแดงไป
ละคร ธรณีนี่นี้ใครครอง 2555
ละคร ธรณีนี่นี้ใครครอง 2555
เมื่อ อาทิจ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) เรียนจบวิทยาลัยเกษตร เขาตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เรียนบ้าง หลังจากที่น้อง ๆ ได้เสียสละหยุดเรียนเพื่อให้เขาได้เรียนมาแล้ว อาทิจเป็นลูกชายคนโตในครอบครัวของ ประวิทย์ ปลัดอำเภอผู้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และ พูนทรัพย์ แม่ค้าและแม่บ้านที่แสนจะขยันขันแข็ง อาทิจมีน้องเก้าคน เขาจึงมีความจำเป็นต้องหางานทำให้เร็วที่สุด เพื่อจะนำเงินมาส่งเสียน้อง ๆ ช่วยพ่อแม่อีกทาง
อาทิจไม่คิดที่จะทำงานราชการอย่างพ่อ เขาใฝ่ฝันที่จะมีที่ดินเป็นของตัวเองสักแปลงเพราะต้องการใช้วิชาความรู้ที่ได้เรียนมาให้เกิดประโยชน์ พ่อตัดสินใจส่งตัวเขากลับไปหา ย่าแดง (ดวงตา ตุงคะมณี) เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ในอดีตพ่อซึ่งเป็นลูกชายคนโต ได้ขโมยเงินย่าแดงหนีออกจากบ้าน เพราะไม่ต้องการทำงานหนักในไร่
ย่าแดงยินดีต้อนรับอาทิจเพราะในจำนวนลูกหลานทั้งหมด ต่างก็เป็นหลักเป็นฐานไปหมดแล้ว ไม่มีใครรับช่วงงานในไร่ซึ่งมีมหาศาลทำต่อ อาทิจรับเงื่อนไขของย่าคือต้องทำงานที่สวนโดยไม่ได้รับเงินเดือน แลกกับการที่ย่าจะส่งเสียน้อง ๆ เรียนต่ออย่างเต็มใจ เพราะนอกจากจะได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้ว น้อง ๆ ยังได้เรียนต่อและที่สำคัญที่สุดคือ เขาต้องการไถ่โทษให้พ่อสำหรับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา
อาทิจทำงานที่สวนอย่างขยันขันแข็ง ย่าแดงเห็นว่าอาทิจมีความมุมานะและตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง จึงมอบที่ดินที่ยังไม่ได้บุกเบิกให้อาทิจ 1 ไร่ เพื่อใช้ปลูกผักตามที่อาทิจต้องการ นั่นทำให้ ดรุณี (อุรัสยา เสปอร์บันด์) น้องสาวคนสุดท้องของย่าแดง ซึ่งไม่ถูกชะตาและเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอาทิจตลอดเวลาอยู่แล้ว เหม็นขี้หน้าอาทิจหนักขึ้นไปอีก
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะดรุณีมีปมในใจกลัวว่าอาทิจจะมาแย่งความรักจากย่าแดงไป เธอรู้ความจริงว่าเธอเป็นเพียงลูกที่เกิดจากเมียคนสุดท้ายของพ่อย่าแดง และพ่อของย่าแดงก็ไม่ใช่พ่อเธอ เธอจึงไม่ได้มีสายเลือดผูกพันกับย่าแดงเลยแม้แต่น้อย ย่าแดงเอาเธอมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะเพียงเพราะสงสาร ซึ่งต่างจากอาทิจที่เป็นสายเลือดของคุณย่าโดยตรง ดรุณีจึงคอยหาเรื่องอาทิจ ในขณะที่อาทิจเองก็ไม่ยอมลงให้ดรุณี เพราะเห็นว่าดรุณีไม่มีเหตุผล แถมยังเอาแต่ใจตัวเองและชอบทำตัวเป็นเด็ก ทั้งคู่ทะเลาะตอบโต้กันทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้ย่าแดงปวดหัวไม่น้อยที่หลานรักทั้งสองไม่ลงรอยกัน
อาทิจตั้งใจทำงานพัฒนาสวน และอยากทดลองปลูกผักผลไม้หลายๆอย่างตามประสาเด็กหนุ่มไฟแรงแต่ความที่เป็นคนต่างถิ่นและไม่คุ้นเคยกับพืชพันธุ์บางอย่างทำให้อาทิจไปขุดเอาหน่อกล้วยป่ามาปลูกในไร่ที่บุกเบิกใหม่ ดรุณีและไพฑูร (เบญจพล เชยอรุณ) ซึ่งเป็นหลานห่าง ๆ ของย่าแดงรู้เรื่องนี้อยู่เต็มอก แต่ไม่มีใครทักท้วงอาทิจแถมยังสั่งห้ามคนงานในไร่บอกความจริงอาทิจ เพราะหวังจะให้อาทิจเสียหน้า
อาทิจมารู้ความจริงว่า ตัวเองเอากล้วยป่าซึ่งนำไปขายไม่ได้เลยมาปลูก ก็เมื่อเขาปลูกมันเสร็จเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มรู้สึกผิดหวัง เสียหน้าและเจ็บใจเหมือนตัวเองผลัดหลงเข้ามาอยู่ในที่ที่มีแต่คนแปลกหน้าจึงหันไประบายกับเหล้า หวังจะให้เหล้าช่วยทำให้ลืมความเจ็บปวดในใจได้บ้าง แต่ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นไปอีก เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองเสียท่าทองประศรี ลูกสาวเจ้าของร้านขายของชำทองประศรีโวยวายว่าอาทิจข่มเหงเธอ และขอให้อาทิจรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น
อาทิจป่วยหนัก ย่าแดงจึงลงโทษดรุณีให้หญิงสาวดูแลอาทิจเป็นการตอบแทน ด้วยการเช็ดตัว จัดยา ทำกับข้าว กวาดถูบ้านหรือแม้แต่ซักผ้า ดรุณีจำต้องกัดฟันทำทุกอย่างให้ชายหนุ่ม เพราะลึก ๆ ในใจ หญิงสาวก็รู้สึกผิดที่ทำให้อาทิจต้องป่วยหนัก
เมื่ออาทิจอาการดีขึ้น ความเก่าก็รุกเข้ามารุมเร้าเขาเมื่อ สิงห์ทอง (ศานติ สันติเวชกุล) และ คำมา (ศิรินุช เพชรอุไร)พ่อแม่ของทองประศรีพาหญิงสาวมาเอาเรื่องอาทิจ และบังคับให้อาทิจรับลูกสาวเป็นเมีย อาทิจต้องฝืนใจแต่งงานกับทองประศรีเพราะ วิไลลักษณ์ (รุ้งทอง ร่วมทอง) ที่เป็นภรรยาของ ประเวทย์ (เวนย์ ฟอลโคเนอร์) ซึ่งเป็นผู้ว่าฯและมีศักดิ์เป็นอาของอาทิจ มาเกลี่ยกล่อมให้อาทิจเห็นแก่ย่าแดงและหน้าที่การงานของญาติ ๆ ทุกคน ย่าแดงจัดการแต่งงานให้อาทิจกับทองประศรีตามสมควรแก่ฐานะ เข้าทางวิไลลักษณ์ที่ต้องการกำจัดอาทิจออกไปให้พ้นทาง เวทางค์ (วิวิศน์ บวรกีรติขจร) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เพราะต้องการให้ลูกชายลงเอยกับดรุณีเพื่อหวังมรดกก้อนโตของย่าแดง
ย่าแดงเสียใจเรื่องอาทิจอย่างที่สุด เพราะเคยหวังไว้ว่าหากอาทิจกับดรุณีรักและลงเอยกันได้ ก็จะมีคนสืบทอดอาชีพเกษตรกร และมีคนทำกินบนผืนดินที่ตนเองรักสืบไป แต่เมื่อเรื่องมันไม่เป็นอย่างที่ฝันไว้ ย่าแดงจึงได้แต่ทำใจ ในขณะที่ดรุณีเองก็รู้สึกผิด หญิงสาวรู้ว่าความยุ่งยากทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเธอคนเดียวแท้ ๆ ที่เป็นต้นเหตุ
ทองประศรีย้ายมาอยู่ที่บ้านพักของอาทิจ อาทิจตัดปัญหาด้วยการย้ายออกมาอยู่ที่บ้านพักคนงานและตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งานโดยบุกเบิกทำไร่ข้าวโพดและกะหล่ำปลี โดยมีย่าแดงสนับสนุนในเรื่องทุนและลงมาช่วยดูแลอย่างเต็มที่ รวมทั้งดรุณีที่ลงมาช่วยปลูกผักช่วยรดน้ำด้วยตัวเอง
อาทิจและดรุณีเริ่มพูดกันดีๆมากขึ้น แต่ก็ยังมีทองประศรีและเวทางค์คอยเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งดรุณีสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้และต้องแยกไปเรียนที่กรุงเทพฯ กับเวทางค์ และวิยะดา น้องสาวเวทางค์ ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะแน่นแฟ้นขึ้นก็มีอันต้องห่างหายกันไป แต่ก็ไม่ถึงกลับขาดจากกันซะทีเดียวเพราะย่าแดงจะใช้ให้อาทิจคอยเขียนจดหมายและตอบจดหมายดรุณีที่มีมาเสมอ
ถึงเวลาปิดเทอม ดรุณีขึ้นมาที่สวนคุณย่า ก็พบว่าทองประศรีคลอดลูกแล้ว แต่ทุกคนก็รู้กันว่า ไม่น่าจะใช่ลูกอาทิจ เพราะเด็กคลอดตามอายุครรภ์ปกติ 9 เดือน ในขณะที่อาทิจและทองประศรีเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึง 7 เดือน ดรุณีรู้ความจริงเรื่องนี้ก็ได้แต่สงสารอาทิจ ยิ่งอาทิจไม่พูด ดรุณียิ่งสงสาร หญิงสาวจึงพยายามทำดี พูดดีกับอาทิจเพื่อเป็นการไถ่โทษ การช่วยกันทำงาน การใส่ใจดูแลในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของดรุณี ทำให้อาทิจรู้สึกประทับใจโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ต้องตัดความรู้สึกดี ๆ ออกไปจากใจทุกครั้ง เมื่อ เวทางค์ ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างดรุณี
อาทิจขอย่าแดงปลูกข้าว ปีแรกล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเพราะพายุโหมกระหน่ำฝนตกหนักน้ำพัดเข้านาจนนาล่ม อาทิจถึงกับท้อ แต่คนที่ทำให้เขามีกำลังใจสู้ขึ้นมาอีกครั้งก็คือ ย่าแดงย่าหลานช่วยกันสานต่อความฝันเรื่องนาข้าวร่วมกันอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ขึ้นอย่างงดงามสมใจ ในวันที่ข้าวออกรวงงดงาม อาทิจเข้าไปบอกข่าวย่าด้วยความดีใจ ย่าแดงปลื้มใจจนน้ำตาไหลและจากไปด้วยรอยยิ้ม อาทิจรู้สึกเหมือนฟ้าฟาดลงมากลางใจที่จากนี้ไป ไม่มีร่มโพธิ์ร่มไทรอยู่กับเขาแล้ว
อาทิจให้ น้าแก้ว (ดารณีนุช โพธิปิติ) คนสนิทของย่าแดง ส่งข่าวให้ดรุณีรู้ ดรุณีรีบกลับมาที่สวนคุณย่า หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญอย่างคนหัวใจสลาย เมื่อรู้ว่าคนที่เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งย่าจากไปโดยไม่มีโอกาสได้ร่ำลา อาทิจอยากเข้าไปปลอบดรุณี แต่ก็ไม่มีโอกาสเพราะเวทางค์ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว
ทนายความเข้ามาเปิดพินัยกรรมฉบับแรก ย่าแดงสั่งเสียให้อาทิจเป็นผู้ปกครองดูแลดรุณีจนกว่าจะเรียนจบ แล้วจึงจะให้เปิดพินัยกรรมฉบับที่สอง อาทิจอยู่ที่สวนย่าแดงอย่างเจียมตัวเพราะเข้าใจว่าเมื่อดรุณีเรียนจบ คุณย่าคงยกทุกอย่างให้ดรุณี ในขณะที่ดรุณีก็คิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าคุณย่าต้องยกทุกอย่างให้อาทิจ
คำสั่งในพินัยกรรมทำให้อาทิจเข้ามาดูแลดรุณีใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งคู่เกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกันมากมาย แต่ก็ต้องเก็บไว้ในใจเพราะคำว่า “ผู้ปกครอง” กับ “เด็กในความปกครอง” และยิ่งวิไลลักษณ์มาคอยเป่าหูว่า ย่าแดงหมายมั่นจะให้เวทางค์กับดรุณีแต่งงานกันเพื่อดูแลสวนคุณย่าร่วมกัน ยิ่งทำให้อาทิจรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกหนักขึ้นไป
ดรุณีแนะนำให้อาทิจรู้จักเพื่อนสนิทคือตุ่นหรือตุลยานี (สาวิตรี สุทธิชานนท์) ตุ่นดีใจมากมายเพราะเธอเคยเห็นอาทิจหลายครั้งและเรียกอาทิจว่าผู้ชายในฝัน โดยไม่รู้ว่าอาทิจเป็นคนคนเดียวกับพี่ชายที่ดรุณีคอยเชียร์ให้เธออยู่ตลอดเวลา ตุ่นหลงรักอาทิจอย่างหัวปักหัวปำ หญิงสาวขึ้นมาเที่ยวที่สวนคุณย่าเมื่อเรียนจบตามที่ดรุณีชวน ดรุณีเปิดโอกาสให้ตุ่นใช้เวลาอยู่กับอาทิจอย่างเต็มที่
อาทิจเขินสุด ๆ ที่มีผู้หญิงซึ่งเป็นถึงดาวของมหาวิทยาลัยมาคอยเดินตามและเอาอกเอาใจสารพัด แรก ๆ ชายหนุ่มก็ห่วงความรู้สึกของดรุณี แต่เมื่อดรุณีทำเหมือนอยากอยู่กับเวทางค์ และกันเขาออกไปกับตุ่น อาทิจจึงต้องตัดใจ เพราะคิดว่าดรุณีคงชอบเวทางค์จริง ๆ ดรุณีเองก็รู้สึกแปลกใจทุกครั้งที่เห็นอาทิจออกไปเที่ยวกับตุ่น ทำไมหัวใจตัวเองถึงได้ร้อนวูบวาบนัก แต่ก็พยายามย้ำบอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเธอจะต้องแก้ไขเรื่องในอดีตที่ผ่านมาให้ได้เธอเคยทำให้อาทิจต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แต่ครั้งนี้เธอจะทำให้เขาสมหวังกับคนที่เขารักและรักเขาให้ได้
ความสัมพันธ์ที่ผิดฝาผิดตัวของทั้งสองคู่ทำให้น้าแก้วอดรนทนไม่ไหว เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าย่าแดงต้องการให้อาทิจกับดรุณีลงเอยกัน น้าแก้วจึงไปขอร้องทองประศรีซึ่งถูกอาทิจจับได้ว่ามีชู้และถูกไล่ออกไปจากบ้านให้กลับมาช่วย ในวันที่อาทิจจะพาตุ่นไปซื้อแหวนหมั้น ทองประศรีก็อุ้มลูกเข้ามาประกาศต่อหน้าตุ่นว่า ตัวเองเป็นเมียของอาทิจและมีลูกด้วยกันแล้ว ขอให้ตุ่นเห็นใจผู้หญิงด้วยกันและเด็กตาดำ ๆ อย่าพรากพ่อพรากลูกจากกันเลย
ตุ่นเสียใจหนักเพราะความรักครั้งแรกมีอันต้องพังทลายลง หญิงสาวจึงหนีกลับกรุงเทพฯ โดยไม่เปิดโอกาสให้อาทิจชี้แจงเรื่องทองประศรี อาทิจเองก็เสียใจไม่แพ้กันที่ตัวเองผิดหวังเรื่องความรักครั้งแล้วครั้งเล่า ดรุณีอาสาเป็นกาวใจให้อาทิจกับตุ่น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองรู้ซึ้งแก่ใจแล้วว่า รักอาทิจมากมายเพียงใด ดรุณีมาหาตุ่นที่กรุงเทพฯ อธิบายให้ตุ่นเข้าใจเรื่องอาทิจกับทองประศรี ตุ่นเองก็ยังรักและตัดใจจากอาทิจไม่ได้ จึงเปิดโอกาสให้อาทิจมาง้อ
ดรุณีกลับมาบอกข่าวดีกับอาทิจ ทั้งคู่เตรียมจะลงไปหาตุ่น แต่แล้วอาทิจก็โดนงูกัดและล้มป่วยลงซะก่อน ดรุณีโทรศัพท์บอกตุ่น ตุ่นเป็นห่วงอาทิจจะตามขึ้นไปดูแล แต่ก็ถูกเวทางค์ขับรถเฉี่ยวจึงไม่ได้ไป ดรุณีจึงต้องดูแลอาทิจแทน อาทิจซาบซึ้งใจที่ดรุณีช่วยชีวิตเขาด้วยการดูดพิษงูให้ และตลอดเวลาที่เขาป่วย หญิงสาวก็ทำงานแทนเขา ดูแลและเอาใจใส่เขา เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
ฟากตุ่นก็หงุดหงิดหนักที่ไม่ได้ขึ้นมาดูแลอาทิจ จึงใส่อารมณ์กับคนที่ทำให้เธอนอนเดี้ยงอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งก็คือเวทางค์ไม่ว่างเว้น วิยะดาแปลกใจที่เวทางค์ทนรับอารมณ์ของตุ่นได้ ดรุณีลงมาเยี่ยมตุ่น พยายามจะนัดวันที่อาทิจจะลงมาหาตุ่นให้ได้ ตุ่นบอกไม่ต้องลงมาเพราะเธอจะขึ้นไปขอคำตอบจากเขาเอง เรื่องที่เคยฝันไว้ด้วยกัน เรื่องที่อาทิจได้ทุนไปเรียนต่อที่เมืองนอกและเธอก็จะตามเขาไปเรียนด้วยเช่นกัน ถ้าอาทิจตกลง เธอจะลืมเรื่องในอดีตทั้งหมดและแต่งงานกับเขาทันที
ดรุณีแสดงความยินดีกับอาทิจล่วงหน้า และขอบคุณสำหรับสิ่งดี ๆ ที่อาทิจสร้างไว้ที่สวนคุณย่า ดรุณีจะสานต่องานทั้งหมดที่อาทิจทำไว้ พร้อมกับอวยพรให้อาทิจมีความสุขกับความรักและครอบครัวอันอบอุ่นกับตุ่น อาทิจรู้สึกหนักใจที่สุดในชีวิตแต่..ชายหนุ่มก็มีคำตอบให้กับชีวิตแล้วเช่นกัน สุดท้ายเรื่องราวความรัก ของอาทิจกับดรุณีจะลงเอยกันอย่างไรนั้น ต้องติดตามกันต่อใน ละครธรณีนี่นี้ใครครอง
บทประพันธ์โดย : กาญจนา นาคนันทน์
บทโทรทัศน์โดย : ปารดา กันตพัฒนกุล
กำกับการแสดงโดย : ยุทธนา ล.พันธ์ไพบูลย์
ผลิตโดย : บริษัท โนพรอบเล็ม จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : ธิติมา สังขพิทักษ์
นักแสดง
ณเดชน์ คูกิมิยะ รับบท อาทิจ
อุรัสยา เสปอร์บันด์ รับบท ดรุณี
สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย รับบท วิยะดา
สาวิตรี สุทธิชานนท์ รับบท ตุลยานี
วิวิศน์ บวรกีรติขจร รับบท เวทางค์
เฉลิมพล ทิฆัมพรธีระวงศ์ รับบท อึ่ง
ดวงตา ตุงคะมณี รับบท ย่าแดง
ดารณีนุช โพธิปิติ รับบท น้าแก้ว
รุ้งทอง ร่วมทอง รับบท วิไลลักษณ์
เวนย์ ฟอลโคเนอร์ รับบท ประเวทย์
เบญจพล เชยอรุณ รับบท ไพฑูร
กนกพงศ์ อนุรักษ์จรรยง รับบท พัน
เอ เชิญยิ้ม รับบท ต๊อด
ตี๋ ดอกสะเดา รับบท เกร็ง
ศิรินุช รับบท เพชรอุไร รับบท คำมา
ศานติ สันติเวชกุล รับบท สิงห์ทอง
จาตุรงค์ โกลิมาศ รับบท ทองใบ
วีรชัย หัตถโกวิทย์ รับบท ยรรยง
ขวัญชีวา เอี่ยมสะอาด รับบท จิ๋วแจ๋ว
ตัวละคร
อาทิจ หนุ่มนักเรียนเกษตรจากอินเดีย อายุราว 20 ปี หน้าตาหล่อมาก คนเข้ม หุ่นงามสมชาย อุดมการณ์ชัดเจน ซื่อ จริงใจ มีศักดิ์ศรีในตัวเอง กตัญญู อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากับทุกคนได้ดี ถ้าใครดีด้วยก็ดีตอบ ถ้าใครร้ายมาก็ร้ายตอบ เวลางอนหรือน้อยใจแล้วน่าหยิกมาก มีความรู้ความสามารถเรื่องเกษตรกรรมเป็นอย่างดี เข้ามาทำงานในสวนย่าแดง เพื่อเป็นการไถ่โทษแทนประวิทย์ผู้เป็นพ่อ
ดรุณี หลานสาวคนสุดท้องของย่าแดง อายุราว 17 ปี น่ารัก เป็นที่รักของทุกคน ถือว่าตัวเองเป็นรองจากย่าแดง ไม่ยอมลงให้ใครถ้าใครจะมาแซงหน้า หวานเป็นหญิงไทย แต่ขณะเดียวกันก็ทระนง พร้อมที่จะมีชีวิต เป็นตัวของตัวเองมากๆนะ
ย่าแดง จิตสะอาด อายุราว 70 ปี ใจดี มีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก มองโลกในแง่ดี มีความคิดที่ไม่เหมือนใคร มองคนทะลุปรุโปร่ง มีระเบียบแบบแผน ที่ตั้งอยู่บนความเรียบง่าย เป็นที่รักของทุกคน มีอำนาจในตัวเองที่ทุกคนต้องเกรงใจ
น้าแก้ว แม่บ้านคนสนิทของคุณย่าอายุราว 60 ปี เป็นญาติห่างๆ ปลายแถวของคุณย่าเหมือนคนใช้ก็เหมือน เหมือนญาติก็ใช่ อยากรู้อยากเห็นในทางสร้างสรรค์ ปากคอเลาะร้ายแต่จริงใจ
ตุลยานี หรือ “ตุ่น” เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของดรุณี สวยทันสมัย น่ารัก พูดจาอ่อนหวาน ช่างคิดช่างฝัน เป็นที่สะดุดตาของบรรดาหนุ่ม ๆ ในมหาวิทยาลัย ทุกคนที่ได้มีโอกาสคุยกับเธอก็มักตกหลุมรัก ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย มีคุณสมบัติครบถ้วนของการเป็น “ดาวมหาวิทยาลัย”
เวทางค์ ลูกพี่ลูกน้องของอาทิจ เรียนรัฐศาสตร์ ความที่เป็นลูกผู้ว่าฯ ใช้ชีวิตหรูหรา ถือตัว ฟุ่มเฟือย วางอำนาจ ชอบโอ้อวด ทั้งที่แต่ละเดือนเงินแทบจะไม่พอใช้ ต้องคอยขอพ่อแม่เสมอ ไม่ค่อยชอบหน้าอาทิจ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ชอบดรุณีอย่างจริงจัง แต่จีบดรุณีเพราะหวังสมบัติจากคุณย่า เชื่อว่าคุณย่าต้องยกทุกอย่างให้ดรุณี
วิยะดา น้องสาวของเวทางค์ รุ่นราวคราวเดียวกับดรุณี นิสัยพื้นฐานไม่ต่างจากเวทางค์ เรียนไม่ค่อยเก่ง เป็นคนเกียจคร้านการงาน พูดมากถือตัว ฟุ่มเฟือย แต่งตัวใช้จ่ายซื้อของตามกระแสนิยม นำสมัย จับจรด แต่ลึก ๆ แล้วมีจิตใจที่ดี
ประวิทย์ พ่อของอาทิจ อายุราว 50 เป็นปลัดอำเภอเพราะความประจบประแจงไม่เป็น เป็นคนซื่อ ภูมิใจในความเป็นอยู่ของตัวเอง มักน้อย ต่อสู้กับความจนของตัวเองมานาน มองโลกในแง่ดี แต่ก็มีบาปในใจอยู่ตลอดเวลา ที่ขโมยเงินของแม่ออกมาสร้างขีวิตใหม่ให้ตัวเอง
พูนทรัพย์ แม่ของอาทิจ อายุราว 45 ปี เป็นเมียข้าราชการที่เจียมตัว ขยัน เห็นคุณค่าของทุกอย่างรอบตัว ไม่ทะเยอทะยาน มองโลกแง่ดี ไม่เห็นความลำเค็ญคืออุปสรรคในการดำเนินชีวิต เป็นเมียที่ดี ไม่มีคราบคุณนายเมียปลัด ช่วยประวิทย์สุดกำลัง ในการเลี้ยงลูกหาเงินจุนเจือครอบครัว
ศรีวะพร สาวชาวบ้าน ใฝ่สูง ทะเยอทะยาน อยากมีสามีหล่อ ไม่มีการศึกษา ยั่วยวน วัน ๆ ไม่ยอมทำอะไร แต่งตัวสวยอย่างเดียว หลงรักอาทิจตั้งแต่แรกพบ ยิ่งรู้ว่าอาทิจเป็นหลานคุณย่า ยิ่งอยากได้เป็นสามี อารมณ์รุนแรง ปากจัด
ธรณีนี่นี้ใครครอง เป็นละครโทรทัศน์ไทย จากบทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ (นงไฉน ปริญญาธวัช) ซึ่งได้รับรางวัลประเภทนวนิยายดีเด่นสะท้อนชีวิตในสังคมไทย จากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2518 ออกอากาศในปี พ.ศ. 2555 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
อาทิจและดรุณี คือตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่รับสืบทอดภาระและหน้าที่ที่มีต่อแผ่นดิน หรือ “ธรณี” มาจากคุณย่า ผู้หญิงตัวคนเดียวที่ใช้ทั้งความแข็งแกร่งและความอ่อนโยน หว่านพืชปลูกพันธุ์จนเติบโตงอกงาม และสามารถโอบอุ้มทุกชีวิตไว้บนแผ่นดิน แต่กว่าจะถึงวันนั้นได้ อุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทางมากมาย ดังชีวิตจริงของเราทุกคน ที่มีทั้งความสนุกสนาน หวามหวาน ทดท้อ และบางครั้งก็มีน้ำตา แต่สุดท้ายแล้ว ความสุขกับความสำเร็จ ก็ย่อมเป็นรางวัลที่ผู้มีความเพียรพึงจะได้รับ
การสร้างเป็นละครโทรทัศน์
ธรณีนี่นี้ใครครอง ถูกสร้างครั้งแรกในรูปแบบละครโทรทัศน์ เมื่อปี พ.ศ. 2541 โดยธิติมา สังขพิทักษ์ นักแสดงนำของเรื่องคือ แอนดริว เกร้กสัน, ปิยธิดา วรมุสิก ธิติมาได้นำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งโดยให้สัมภาษณ์กับทางเดลินิวส์ว่าเหตุผลคือ “เป็นบทประพันธ์ที่สนุก เนื้อเรื่องน่าที่จะกลับเอามาทำใหม่ ละครรีเมคคือละครที่ประสบความสำเร็จแล้วครั้งนั้น การที่แหม่มหรือผู้จัดหลายคนที่นำละครรีเมคกลับมาทำใหม่ แหม่มเชื่อว่าไม่ได้เป็นแฟชั่นหรืออะไรหรอก” เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการเกษตร ให้แง่คิดจากการเอาพระราชดำริของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ โดยจะมีอาทิจกับดรุณีเป็นตัวแทนของเกษตรกรคนรุ่นใหม่ ซึ่งธิติมาได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าเคยมีคนเรียกร้องให้ทำหลายครั้ง แต่ยังหานักแสดงที่คิดว่าตรงกับบทประพันธ์ไม่ได้ก็เลยไม่ได้ทำ
คัดเลือกนักแสดง
ธิติมา ผู้ผลิตธรณีนี่นี้ใครครอง ทั้งในปี พ.ศ. 2541 และ พ.ศ. 2555 กล่าวถึงการวางตัวเลือก ณเดชน์มาแสดงนำในบทอาทิจ และอุรัสยาในบทดรุณีว่า หลังจากที่เคยเห็นสองคนนี้แสดงร่วมกันใน ดวงใจอัคนี ระหว่างนั้นธิติมาได้อ่านนวนิยายเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง แล้วรู้สึกว่าตัวละครในนิยายมีความคล้ายคลึงกับทั้งสองคน โดยมียุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้กำกับละครได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนไว้ว่า “อาทิจเหมือนณเดชน์ตรงที่เป็นคนที่มาจากต่างจังหวัด มุ่งมั่น ซื่อ มีน้ำใจ และมีอารมณ์ขันนิดหน่อย” แต่ในส่วนของบทดรุณี ยุทธนามองว่าไม่ค่อยตรงกับอุรัสยาเท่าไหร่นัก แต่ก็กล่าวว่ามั่นใจในการแสดงดังนี้ “เชื่อว่าญาญ่าจะเล่นเป็นดรุณีที่เหวี่ยงวีน ขี้อิจฉาได้ดีแน่นอน ที่สำคัญวัยของญาญ่าตรงกับดรุณีในนิยายพอดี” จนในที่สุดธิติมาได้ตัดสินใจเลือกณเดชน์ และอุรัสยาเข้ามาแสดงละครเรื่องนี้ในฉบับปี พ.ศ. 2555
สถานที่ถ่ายทำ
การถ่ายทำของละครเรื่องนี้ของปี 2554-2555 ได้ใช้สถานที่มากมายและอยู่ไกลจากกรุงเทพ โดยส่วนใหญ่จะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ อาทิเช่น แม่กลางหลวง ดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง ฉากที่ใช้สำหรับเป็นไร่ส้มจะอยู่ที่ฝาง ไร่สตอเบอรี่อยู่ดอยอ่างขาง ระหว่างทางที่มีดอกนางพญาเสือโคร่งอยู่ดอยปุย ตัวบ้านอยู่สันกำแพง ส่วนไร่กะหล่ำปลีอยู่ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ ทางเดินและโรงเก็บรถแทรกเตอร์อยู่ที่ปากช่อง นาข้าว ถ่ายทำที่หุบเมย จังหวัดนครนายก เหตุที่ใช้สถานที่เยอะยุทธนาให้เหตุผลว่า “ละครเรื่องหนึ่งจะสมบูรณ์ได้ไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องหรือนักแสดง โลเกชั่นก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ในนิยายได้อธิบายไว้” ไปจนถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากละครไทยได้รับความนิยมในประเทศจีนด้วย
คำวิจารณ์
ในช่วงแรกที่ธรณีนี่นี้ใครครอง ฉบับ พ.ศ. 2555 ออกอากาศทางคมชัดลึก ได้วิจารณ์ว่าดูขาด ๆ เกิน ๆ การเปิดตัวสะดุดและติดขัดไปบ้าง นักแสดงยังรับส่งอารมณ์กันได้ไม่ลื่นไหลเพียงพอที่จะให้คนดูคล้อยตามรวมถึงบทสนทนาที่ดูเหมือนจงใจยัดเยียดคำพูดของย่าแดง ที่เป็นคติแง่คิดต่าง ๆ นานา ที่พยายามจะให้ลึกซึ้งกินใจมากเกินไปในบางครั้ง ทำให้ขาดความเป็นธรรมชาติ แต่กลับลำทันได้บ้างในช่วงกลางและท้ายเรื่อง จนละครไปแล้วอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับคนดูที่คาดหวังกับเรื่องนี้ ส่วนปิยนุช รัตนานุกูล จากกรุงเทพธุรกิจ วิจารณ์ละครเรื่องนี้ในฉบับเดียวกันไว้ว่า “ละครเรื่องนี้เติมความสดให้กับคุณค่าวิถีไทย มีทั้งวัตถุดิบทางภูมิปัญญา คุณภาพนักแสดง ปริบททางวัฒนธรรมและภูมิทัศน์อันงดงามของประเทศที่น่าจะเผยแพร่ให้ชาวโลกรับรู้
ผลการสำรวจความนิยม (พ.ศ. 2555)
เอแบคโพล ได้รายงานผลการวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง สุดยอดของความบันเทิง แห่งปี 2555 โดยธรณีนี่นี้ใครครอง ได้อันดับที่ 2 ประเภท ละครไทย ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในปี 2555 (ร้อยละ 7.0) รองจากแรงเงา ส่วนกรุงเทพโพลล์ เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง ที่สุดของความคิดสร้างสรรค์แห่งปี 2555 ได้ในอันดับที่ 4 (ร้อยละ 4.5) ละครทีวีของไทยที่สร้างสรรค์มากที่สุดในรอบปี 2555
รางวัลชนะ
ทีวีสาม แฟนคลับ อวอร์ด 2012
นักแสดงชายยอดนิยม (ณเดชน์ คูกิมิยะ)
นักแสดงหญิงยอดนิยม (อุรัสยา เสปอร์บันด์)
ละครยอดนิยม
สีสันบันเทิง อวอร์ด 2012
แม่พระแห่งปี (ดวงตา ตุงคะมณี)
ท็อปอวอร์ด 2012
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (ณเดชน์ คูกิมิยะ)
คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 10
นักแสดงนำหญิงยอดนิยม (อุรัสยา เสปอร์บันด์)
ละครยอดนิยม
Daradaily The Great Awards 2012
นักแสดงนำชาย สาขาละครที่สุดแห่งปี 2012 (ณเดชน์ คูกิมิยะ)
รางวัลเมขลา ครั้งที่ 25
ดารานำชายเมขลามหานิยมแห่งปี (ณเดชน์ คูกิมิยะ)
ดารานำหญิงเมขลามหานิยมแห่งปี (อุรัสยา เสปอร์บันด์)
รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 4
นักแสดงชายยอดเยี่ยม (ณเดชน์ คูกิมิยะ)