ละคร นางทาส 2559 “เย็น” หญิงสาวผู้ต้องจำยอมเป็นทาสในเรือนของพระยาสีหโยธิน เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว เรื่องราวพาเราไปติดตามการต่อสู้ดิ้นรนของเธอภายใต้แรงกดดันและการกลั่นแกล้งจากบรรดาภรรยาเจ้าคุณ โดยเฉพาะเมื่อเย็นให้กำเนิด คุณหนูแดง ลูกสาวของท่านเจ้าคุณ ชีวิตของเธอกลับยิ่งซับซ้อนและต้องเผชิญกับบททดสอบอันแสนสาหัสที่รอคอยการคลี่คลาย

ละคร นางทาส 2559 ละครแนวพีเรียดดราม่า เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยที่การค้าทาสยังถูกกฎหมายในสยาม “เย็น” เด็กสาววัย 16 ปีจากครอบครัวยากจน ถูกพ่อแม่ขายมาเป็นทาสในบ้านของ “พระยาสีหโยธิน” เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ เย็นเผชิญการกลั่นแกล้งจากทาสคนอื่น แต่ได้รับความช่วยเหลือจาก “ฟัก” ทาสรุ่นพี่ และ “เที่ยง” ทาสหนุ่มที่คอยปกป้อง ฟักสอนงานและช่วยให้เย็นปรับตัวในเรือนทาส ด้วยความงามและผิวพรรณสะสวย เย็นได้รับความสนใจจาก “คุณหญิงแย้ม” ภรรยาเอกของพระยา จึงถูกเรียกไปรับใช้บนเรือน

ความงามและความอ่อนน้อมของเย็นทำให้ พระยาสีหโยธิน สนใจจนยกให้เป็นอนุภรรยา สร้างความริษยาให้ “สาลี่” และ “บุญมี” อนุภรรยาคนอื่น ๆ ทั้งสองวางแผนกลั่นแกล้งเย็นสารพัด รวมถึงใส่ร้ายว่าเย็นมีชู้กับ ยืน พี่ชายแท้ ๆ ของเธอ ทำให้พระยาเข้าใจผิดและลงโทษเย็นอย่างหนัก บุญมีและสาลี่ยังก่อวีรกรรมชั่วร้าย เช่น การยุยง คุณหนูแดง ลูกสาวที่คุณหญิงแย้มเลี้ยง ให้เกลียดเย็น โดยที่ทุกคนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณหนูแดงคือลูกของเย็น

เมื่อเรื่องดำเนินไป ความจริงเริ่มเปิดเผย บุญมี ถูกจับได้ว่าเผาเรือนและคบชู้ สุดท้ายยิงตัวตายหลังถูกตำรวจยิง สาลี่ ร่วมมือกับ พระมหาเทพ ปลอมแปลงเอกสารราชการจนถูกจับติดคุก ยืน พี่ชายของเย็น มาไถ่ตัวเธอให้เป็นไท พระยาสีหโยธินรู้ความจริงว่าเย็นบริสุทธิ์และยืนไม่ใช่ชู้ คุณหญิงแย้มยอมรับว่า คุณหนูแดง เป็นลูกของเย็น แม้จะเป็นอิสระแล้ว เย็นเลือกอยู่ที่เรือนเพื่อดูแลลูก พระยาสีหโยธินยกเย็นเป็นอนุภรรยาอีกครั้ง และทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

สารบัญละคร

จุดเด่นและความแตกต่างจากเวอร์ชั่นเก่า

ละครเวอร์ชัน 2559 ปรับเนื้อหาให้แตกต่างจากเวอร์ชันก่อนหน้า (เช่น ปี 2536 และ 2551) โดยเน้นความดราม่าและความเข้มข้นของตัวละครอย่างบุญมีและสาลี่ มีการเพิ่มบทบาทของบุญมีให้เด่นขึ้น และเน้นความสัมพันธ์ซับซ้อนในเรือนทาส อย่างไรก็ตาม ละครถูกวิจารณ์ว่าตัวละครบางตัว เช่น คุณหญิงแย้มและสาลี่ ไม่ค่อยสมจริงเมื่อเทียบกับเวอร์ชันเก่า และมีการเปรียบเทียบกับเวอร์ชัน 2536 ที่ได้รับการยกย่องว่า “ขึ้นหิ้ง”

นางทาส 2559 เป็นเรื่องราวของความอดทน ความรัก และการต่อสู้ท่ามกลางความอยุติธรรมในระบบทาส ผสมผสานดราม่าครอบครัวและการเมืองในเรือน ตัวละครเย็นเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งที่ผ่านความทุกข์ยากสู่จุดจบที่มีความหวัง ต่อไปนี้คือเนื้อหาหลักของละครแบบครบถ้วน

จุดเริ่มต้น
เย็น เด็กสาววัย 16 จากครอบครัวยากจน ถูกพ่อแม่ขายเป็นทาสในบ้าน พระยาสีหโยธิน ขุนนางใหญ่เพื่อแลกเงิน เธอเข้าสู่เรือนทาสที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความโหดร้าย เย็นถูก สาลี่ และ บุญมี ทาสสาวที่เป็นอนุภรรยาของพระยา กลั่นแกล้งสารพัด เพราะอิจฉาความงามและความอ่อนน้อมของเธอ ฟัก ทาสรุ่นพี่ และ เที่ยง ทาสหนุ่ม คอยช่วยเหลือให้เย็นปรับตัวได้

จุดเปลี่ยน
ด้วยความงาม เย็นถูก คุณหญิงแย้ม ภรรยาเอกของพระยา เรียกไปรับใช้บนเรือนใหญ่ พระยาสีหโยธิน สนใจเย็นและยกเธอเป็นอนุภรรยา ทำให้สาลี่และบุญมียิ่งแค้น การกลั่นแกล้งรุนแรงขึ้น เช่น ใส่ยาพิษในอาหาร หรือใส่ร้ายว่าเย็นขโมยของ ไคลแมกซ์ของความร้ายกาจคือทั้งสองใส่ร้ายว่าเย็นมีชู้กับ ยืน พี่ชายแท้ ๆ ของเธอที่มาหา ทำให้พระยาโกรธและลงโทษเย็นอย่างหนัก เช่น ถูกเฆี่ยนและขัง

ความลับและดราม่า
เย็นตั้งครรภ์กับพระยาและให้กำเนิด คุณหนูแดง แต่ คุณหญิงแย้ม ซึ่งไม่มีลูก อ้างเด็กเป็นของตัวเองเพื่อรักษาศักดิ์ศรี เย็นถูกบังคับให้เงียบและต้องแยกจากลูก สาลี่และบุญมีใช้โอกาสนี้ยุยงให้คุณหนูแดงเกลียดเย็น โดยไม่รู้ว่าเย็นคือแม่แท้ ๆ ขณะเดียวกัน บุญมีแอบคบชู้และวางแผนเผาเรือนเพื่อกำจัดเย็น แต่แผนล้มเหลว เธอถูกจับได้และยิงตัวตายหลังหนีตำรวจ

การเฉลยและจุดจบ
สาลี่ ร่วมมือกับ พระมหาเทพ ปลอมเอกสารราชการเพื่อหักหลังพระยา แต่ถูกจับได้และติดคุก ยืน พี่ชายของเย็น รวบรวมเงินมาไถ่ตัวให้เธอเป็นไท พระยาสีหโยธินรู้ความจริงว่าเย็นบริสุทธิ์และยืนไม่ใช่ชู้ คุณหญิงแย้ม ยอมรับว่าเด็กที่เลี้ยงคือลูกของเย็น เย็นเลือกอยู่ที่เรือนเพื่อดูแลคุณหนูแดงต่อ พระยารับเย็นกลับเป็นอนุภรรยา เรื่องจบด้วยความสมานฉันท์ในครอบครัว แม้จะยังสะท้อนความโหดร้ายของระบบทาส

ประเด็นเด่นของละคร ความดราม่าความรักและการทรยศ ความสัมพันธ์ระหว่างเย็นและพระยาเต็มไปด้วยความเข้าใจผิด ขณะที่สาลี่และบุญมีเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนความขัดแย้งด้วยความอิจฉา ละครสะท้อนความโหดร้ายของการเป็นทาส ทั้งการถูกกลั่นแกล้งและไร้อิสรภาพ แม้จะผ่านความทุกข์ เย็นได้ลูกคืนและสถานะในเรือน ตัวร้ายได้รับผลกรรม ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

การแสดงของนักแสดงนำ
– มทิรา ตันติประสุต ในบท เย็น ถ่ายทอดความอ่อนโยนแต่เข้มแข็งของหญิงสาวทาสได้ดี สีหน้าและอารมณ์ในฉากดราม่าถูกใจผู้ชม โดยเฉพาะฉากถูกกลั่นแกล้งและการพลัดพรากจากลูก

– ณัฐวุฒิ สกิดใจ ในบท พระยาสีหโยธิน สร้างสมดุลระหว่างความเข้มงวดของขุนนางและความอ่อนไหวในฐานะสามีได้น่าเชื่อ

– รวีวรรณ บุญประชม (บุญมี) และ หยาดทิพย์ ราชปาล (สาลี่) โดดเด่นในบทตัวร้าย โดยเฉพาะบุญมีที่ร้ายแบบสุดขั้ว ฉากวางแผนเผาเรือนหรือใส่ร้ายเย็นสร้างความลุ้นและสะใจเมื่อถูกจับได้

โปรดักชันและงานภาพ
ฉากและเครื่องแต่งกายสะท้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ดี บ้านเรือน ผ้าไหม และอุปกรณ์ในครัวเรือนทาสถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน การถ่ายภาพเน้นโทนสีอบอุ่น สร้างบรรยากาศพีเรียดที่สมจริง

เนื้อเรื่องดราม่าเข้มข้น
เรื่องราวเน้นความอยุติธรรมในระบบทาส ความรัก และการทรยศในเรือนใหญ่ ฉากกลั่นแกล้งของสาลี่และบุญมี เช่น การใส่ยาพิษหรือใส่ร้ายว่าเย็นมีชู้กับพี่ชาย สร้างความลุ้นระทึก การเปิดเผยว่าคุณหนูแดงเป็นลูกของเย็นเป็นจุดไคลแมกซ์ที่เรียกน้ำตาได้ดี

คะแนน 7/10 (จาก sence9.com)

นางทาส 2559 เป็นละครพีเรียดที่สนุก เข้มข้นด้วยดราม่าและการแสดงที่แข็งแกร่งของนักแสดงนำ โดยเฉพาะมทิราและรวีวรรณ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวความรักและความแค้นในยุคทาส อย่างไรก็ตาม การถูกเปรียบเทียบกับเวอร์ชัน 2536 และจุดด้อยในบททำให้ไม่ถึงขั้นเป็นตำนาน

แนะนำสำหรับ คนที่ชอบละครดราม่าพีเรียดและไม่ยึดติดกับเวอร์ชันเก่า
ไม่เหมาะกับผู้ที่คาดหวังความสมจริงสูงหรือชื่นชอบเวอร์ชัน 2536 มากเกินไป

ละครให้ความรู้สึกสนุก ลุ้นระทึก และสะเทือนอารมณ์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบดราม่าหนัก ๆ และเรื่องราวพีเรียด การแสดงของนักแสดงนำและโปรดักชันที่สวยงามทำให้เพลิดเพลิน ฉากจบที่เย็นได้อยู่กับลูกและได้รับความยุติธรรมให้ความรู้สึกสมหวัง

สะเทือนใจและเห็นใจตัวละครหลัก (เย็น)
การได้เห็น เย็น (มทิรา ตันติประสุต) ถูกขายเป็นทาสตั้งแต่อายุ 16 และเผชิญการกลั่นแกล้งจาก สาลี่ และ บุญมี ทำให้รู้สึกสงสารและเห็นใจอย่างมาก ฉากที่เย็นถูกใส่ร้ายว่ามีชู้กับพี่ชาย (ยืน) หรือถูกแยกจากลูก (คุณหนูแดง) เรียกน้ำตาได้ดี โดยเฉพาะการแสดงของมทิราที่ถ่ายทอดความเจ็บปวดและความอดทนได้สมจริง

โกรธและลุ้นกับความร้ายกาจของตัวร้าย
บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) และ สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) เป็นตัวร้ายที่สร้างความรู้สึกโกรธแค้นให้ผู้ชม การวางแผนร้าย เช่น การใส่ยาพิษหรือเผาเรือน ทำให้ลุ้นว่าเมื่อไหร่ตัวร้ายจะได้รับผลกรรม ฉากที่บุญมียิงตัวตายและสาลี่ถูกจับเข้าคุกให้ความรู้สึกสะใจและโล่งใจ

ชื่นชมและซึ้งในมิตรภาพและความรัก
ความสัมพันธ์ระหว่างเย็นกับ ฟัก (ทาสรุ่นพี่) และ เที่ยง (ทาสหนุ่ม) สร้างความรู้สึกอบอุ่นใจ เพราะทั้งสองคอยช่วยเหลือเย็นในยามลำบาก ความรักของ พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) ที่ถึงแม้จะเริ่มจากความเข้าใจผิด แต่สุดท้ายก็ยอมรับและให้เกียรติเย็น ทำให้รู้สึกซึ้งในตอนจบที่ครอบครัวสมานฉันท์

อึดอัดกับความอยุติธรรมของระบบทาส
ละครสะท้อนความโหดร้ายของระบบทาสในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ชัดเจน การที่เย็นและทาสอื่น ๆ ไร้อิสรภาพ ถูกกดขี่ และต้องยอมรับชะตากรรม ทำให้รู้สึกหดหู่และตั้งคำถามถึงความอยุติธรรมในสังคมยุคนั้น

ละคร นางทาส 2559 จะให้อารมณ์ ตั้งแต่ความสงสาร โกรธแค้น สะใจ ไปจนถึงความซึ้งใจ ละครสามารถดึงอารมณ์ผู้ชมได้ดีผ่านเรื่องราวของเย็นและความร้ายกาจของตัวร้าย แม้จะไม่สมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับเวอร์ชันเก่า แต่ก็ยังคงเป็นละครที่สนุกและน่าจดจำสำหรับแฟนละครพีเรียด



ละคร นางทาส 2559

ละคร นางทาส 2559

ละคร นางทาส 2559 EP.1-26 ตอนจบCH3+​​​​​​

ทาสรักของเธอ Ost.นางทาส | แนน วาทิยา | Official MV

รักทั้งหมดจากหัวใจ Ost.นางทาส | ลี่ ภานุ | Official MV

ละคร นางทาส 2559

เย็น เด็กสาววัยเพียง 16 ปี ซึ่งเกิดในครอบครัวยากจนข้นแค้น ได้ถูกขายมาเป็นทาสบ้าน พระยาสีหโยธิน เพื่อเอาเงินไปให้พ่อแม่ที่กำลังลำบาก ทันทีที่เข้ามาในบ้าน เย็นก็ต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งของเหล่าทาสที่อยู่มาก่อน ดีที่ได้ ฟัก ทาสสาวรุ่นพี่ กับ เที่ยง ทาสหนุ่มหน้าตาดีช่วยเอาไว้ ฟักพาเย็นมาอยู่เรือนทาสของตนและคอยสอนงานต่าง ๆ ให้ จนเย็นสนิทกับฟักมากกว่าใคร และทำให้เย็นได้รู้ความเป็นไปในเรือนหลังนี้มากขึ้น

พระยาสีหโยธินเจ้าของเรือนเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แต่อายุไม่มากนัก เพราะทำความดีความชอบไว้มาก เลยได้เป็นพระยาตั้งแต่ยังหนุ่ม (ราชทินนามที่มีคำว่า โยธิน ต่อท้าย แสดงว่าเป็นทหาร) โดยท่านเจ้าคุณ เป็นคนหล่อเหลาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม นอกจาก คุณหญิงแย้ม ซึ่งเป็นเอกภรรยาแล้ว ยังมีอนุภรรยา 2 คนคือ สาลี่ กับ บุญมี แต่ท่านเจ้าคุณยังไม่เคยมีลูกกับภรรยาคนไหนทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เย็นไม่รู้ ก็คือการชิงอำนาจกันในหมู่ภรรยาของท่านเจ้าคุณเอง ทำให้ทั้งเรือนเหมือนตกอยู่ในสงครามเย็นไม่มีผิด โดยสาลี่เป็นคนสวยที่สุดในหมู่ภรรยาของท่านเจ้าคุณ แต่ฐานะเดิมยากจนมาก ซึ่งก่อนจะมาเป็นอนุภรรยา สาลี่ได้มีโอกาสเจอกับท่านเจ้าคุณ แต่ครั้งที่ท่านเจ้าคุณยังเป็นคุณหลวงหนุ่ม แต่ด้วยความยากจนและอยู่ในตระกูลต่ำ พ่อแม่ของคุณหลวงจึงรังเกียจ และได้ไปสู่ขอคุณแย้มซึ่งเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลมาเป็นเอกภรรยาแทน ทำให้สาลี่แค้นใจมาตลอด

หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน คุณหลวงก็รับสาลี่มาเป็นอนุภรรยา ทำให้สาลี่คิดชิงดีชิงเด่นกับคุณแย้มมาตลอด โดยมี อีแอบ ทาสคนสนิทคอยเป็นมือเป็นเท้าให้ คุณแย้มโดนสาลี่ท้าทายจนทนไม่ไหว แต่ก็ทำอะไรไม่ถนัด เพราะคุณหลวงคอยออกรับแทน คุณแย้มเลยไปหาอนุภรรยาอีกคนมาให้คุณหลวงชื่อ บุญมี บุญมีเป็นคนสะสวย ทำให้คุณหลวงลุ่มหลงมากในช่วงแรก ๆ แต่ด้วยความที่บุญมีเป็นคนเอาแต่ใจ ไม่อ่อนหวาน ไม่นานนัก คุณหลวงก็กลับไปหาสาลี่เหมือนเดิม

การชิงอำนาจในบ้านยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคุณหลวงได้เลื่อนขั้นตามลำดับจนได้เป็นพระยา และคุณแย้มได้รับการแต่งตั้งเป็น คุณหญิงแย้ม ยิ่งทำให้สาลี่ริษยาหนักขึ้น และยิ่งชิงดีชิงเด่นมากกว่าเดิม จนบางครั้งถึงกับกล้าหักหน้าคุณหญิงแย้มเลยทีเดียว คุณหญิงทนเก็บความไม่พอใจเอาไว้ และรู้ดีว่าวิธีเดียวที่จะทำให้ท่านเจ้าคุณออกห่างจากสาลี่ได้ ก็คือการมีลูกให้ท่านเจ้าคุณ แต่ก็ไม่มีภรรยาคนใดสามารถทำได้มาก่อน

ท่านเจ้าคุณเป็นนายทหารที่ซื่อสัตย์ กล้าหาญ แต่กลับมีเพื่อนเป็นขุนนางทุจริต ชื่อ พระมหาเทพ ซึ่งพยายามจะวิ่งเต้นกับท่านเจ้าคุณอยู่บ่อย ๆ แต่ท่านเจ้าคุณก็ไม่ยอมรับเงินสินบนแม้แต่น้อย ซึ่งสาลี่รู้เรื่องนี้ดี เลยแอบติดต่อกับพระมหาเทพแทน และแอบช่วยเหลือรับเงินสินบนมาโดยที่ท่านเจ้าคุณไม่รู้เรื่อง สาลี่ได้เงินทุจริตมาก็กินใช้อย่างฟุ่มเฟือย ทำตัวเทียมคุณหญิงแย้มมากขึ้นทุกวัน โดยหวังว่าซักวัน ตนจะได้ขึ้นแทนคุณหญิงแย้มได้สำเร็จ

ทางด้านเย็น หลังจากที่ฟักคอยสอนงานบ้านงานเรือนให้ เย็นก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นที่เอ็นดูของฟัก และด้วยความมีน้ำใจ และเป็นคนซื่อ ๆ ทำให้เป็นที่รักใคร่ของคนเกือบทั้งเรือน เว้นแต่แอบบ่าวของสาลี่ และ ม้วน ของบุญมีเท่านั้นที่หมั่นไส้เย็นจนคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอยู่ตลอด แต่ก็ได้ฟักกับเที่ยงคอยช่วยไว้ ทำให้เย็นอยู่รอดปลอดภัยมาได้ โดยที่เย็นไม่รู้เลย ว่าเที่ยงแอบชอบตนอยู่ เที่ยงเป็นทาสที่แปลกกว่าทาสทั่วไป เพราะนอกจากจะตั้งใจทำงานแล้ว ยังมีความตั้งใจที่จะหลุดพ้นจากการเป็นทาส และสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา ด้วยความหล่อเหลาเจ้าคารม ทำให้ทาสสาวน้อยใหญ่ในเรือน ล้วนจ้องเที่ยงตาเป็นมัน แต่เที่ยงก็ไม่สนใจใครนอกจากเย็นเพียงคนเดียว แต่เย็นกลับไม่มีใจให้เที่ยง และคิดเพียงอยากจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายเท่านั้น

จนกระทั่งวันหนึ่ง เย็นได้ช่วยคุณหญิงแย้มเอาไว้จากพวกวิ่งราวทรัพย์ ท่านเจ้าคุณเลยเรียกเย็นไปให้รางวัล และเพียงครั้งแรกที่เย็นได้สบตาท่านเจ้าคุณ ก็รู้สึกหวั่นไหวอย่างประหลาด แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ท่านเจ้าคุณเองก็นึกชอบในความน่ารัก ใสซื่อของเย็นเหมือนกัน แต่ด้วยความที่เย็นเป็นทาส ทำให้ท่านเจ้าคุณกระดากใจ ไม่กล้าแสดงออกมากนัก แต่เรื่องนี้กลับไม่พ้นสายตาแอบไปได้ แอบรีบไปชิงยุสาลี่ให้ยกเย็นขึ้นมาเป็นเมียน้อยท่านเจ้าคุณอีกคน ท่านเจ้าคุณจะได้หลงใหลสาลี่ และทำให้คุณหญิงแย้มตกที่นั่งลำบากไปเรื่อย ๆ แต่สาลี่หึงหวงท่านเจ้าคุณ ไม่ต้องการให้ใครขึ้นมาแข่งกับตน รวมทั้งมั่นใจในความสวยของตัวเองอยู่แล้วเลยไม่สนแผนนี้ แถมยังให้แอบไปแกล้งเย็นจนเย็นล้มป่วย ฟักเห็นเย็นป่วยหนัก เลยไปบอกคุณหญิงแย้ม คุณหญิงเลยพาหมอมารักษาเย็นจนหาย ทำให้เย็นซาบซึ้งในบุญคุณของคุณหญิงมาก คุณหญิงเห็นเย็นเป็นคนสวย ว่านอนสอนง่าย ไม่กระด้างเหมือนบุญมี เลยคิดจะยกเย็นขึ้นมาเป็นเมียน้อยอีกคน คุณหญิงแย้มเลยให้เย็นขึ้นมารับใช้บนเรือน เที่ยงรู้เรื่องนี้ก็เดาแผนคุณหญิงออก เลยยิ่งร้อนใจ เที่ยงเลยไปสารภาพรักกับเย็น แต่เย็นกลับปฏิเสธกลับมา ทำให้เที่ยงอกหักไม่มีชิ้นดี

เย็นอยู่รับใช้บนเรือนก็สุขสบายขึ้น แถมคุณหญิงขัดสีฉวีวรรณจนเย็นสวยขึ้นผิดหูผิดตา ท่านเจ้าคุณเห็นเข้าก็ยิ่งชอบเย็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด ท่านเจ้าคุณก็เอ่ยปากขอรับเย็นเป็นภรรยาอีกคน หลักจากเย็นรู้ว่าตนจะได้เป็นภรรยาท่านเจ้าคุณ ใจนึงเย็นก็ดีใจเพราะตนแอบมีใจให้ท่านเจ้าคุณอยู่แล้ว แต่อีกใจตนก็หวาดหวั่น เพราะเริ่มรู้แล้วว่าการชิงอำนาจในเรือนนั้นน่ากลัวเพียงใด สาลี่ บุญมี รู้เรื่องนี้เข้าก็ไม่พอใจ พยายามขัดขวางไม่ให้ท่านเจ้าคุณรับเย็นขึ้นมา แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะมีคุณหญิงแย้มคอยให้ท้าย เย็นจึงกลายเป็นอนุภรรยาคนล่าสุดของท่านเจ้าคุณ

ท่านเจ้าคุณหลงเย็นมาก ไม่เคยรู้สึกรักผู้หญิงคนไหนมากเท่าเย็นมาก่อน แต่ด้วยวัยที่ต่างกัน เลยทำให้ท่านเจ้าคุณไม่กล้าแสดงออกมากนัก แต่ก็ยังให้สร้อยทองกับเย็นเป็นของขวัญ ซึ่งเย็นก็ใส่ติดตัวไว้ตลอดอย่างมีความสุข สาลี่เจ็บใจเรื่องนี้มาก เพราะตั้งแต่วันนั้นท่านเจ้าคุณก็ไม่ได้มาหาตนที่เรือนอีกเลย แม้ว่าจะพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมมารยาสารพัด แต่ก็ไม่สำเร็จ สาลี่เลยไปจ้างนักเลงคุมบ่อนชื่อ เครา มาดักฉุดเย็น แต่เที่ยงก็ช่วยเอาไว้ได้ ทำให้เครากับพวกต้องหนีกระเซอะกระเซิง แถมสาลี่ยังหมดเงินทองไปไม่น้อย

บุญมีได้โอกาสพยายามยุแยงว่าเที่ยงกับเย็นเป็นชู้กัน ท่านเจ้าคุณหึงหวงเย็น เลยวางแผนจะดักจับ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมทำให้ท่านเจ้าคุณไม่เชื่อบุญมีอีก สาลี่ บุญมีทำอะไรเย็นไม่ได้ก็ยิ่งแค้นใจ แถมต่อมาคุณหญิงแย้มกับเย็นท้องขึ้นมาพร้อมกันอีก ทำให้ท่านเจ้าคุณดีใจสุด ๆ และไม่แวะเวียนไปหาทั้งคู่อีกเลย สร้างความเกลียดชังให้สาลี่ บุญมีหนักขึ้นไปอีก

เย็น รู้ตัวว่าท้องก็ดีใจ ความเป็นแม่ทำให้เย็นเฝ้าประคบประหงมลูกในท้องด้วยความรักทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงด้วยซ้ำ จนกระทั่งวันคลอด คุณหญิงแย้มกับเย็นคลอดลูกพร้อมกัน คุณหญิงคลอดลูกเป็นผู้ชายแต่ตายตั้งแต่คลอด ส่วนเย็นคลอดลูกเป็นผู้หญิง ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง คุณหญิงเสียใจที่ลูกตัวเองตาย และกลัวฐานะของตนเองจะสั่นคลอน เลยให้ฟักไปขอลูกจากเย็นมาเป็นลูกของตน เพราะตอนนี้ท่านเจ้าคุณไม่อยู่ และทาสทั้งเรือนก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เย็นรักลูกมาก ไม่อยากให้ลูกไป แต่ด้วยบุญคุณที่คุณหญิงมี เลยยอมยกลูกให้คุณหญิงไป

ท่านเจ้าคุณกลับมา รู้ว่าลูกของเย็นตายก็เสียใจ และหันไปทุ่มเทความรักให้ลูกของคุณหญิง โดยตั้งชื่อให้ว่า อุ่นเรือน โดยมีชื่อเล่นว่า แดง แม้เย็นไม่อาจให้ใครรู้ได้ว่าตนเป็นแม่ของคุณแดง แต่เย็นก็คอยเลี้ยงดูคุณแดงด้วยความรักทุกวัน ทำให้ท่านเจ้าคุณประทับใจมาก เพราะคิดว่าเย็นรักลูกของตนกับคุณหญิงเหมือนลูกของตน ท่านเจ้าคุณเลยยิ่งรักเย็นมากกว่าเดิม สร้างความริษยาให้สาลี่กับบุญมีมากขึ้นทุกที

จนกระทั่งวันหนึ่ง ยืน พี่ชายของเย็นมาขอพบเย็น เพื่อบอกข่าวว่าพ่อไม่สบายมาก ขอเงินเย็นไปรักษาพ่อ เย็นไม่มีเงิน เลยถอดสร้อยทองที่ท่านเจ้าคุณให้เป็นของขวัญกับพี่ไป บุญมีมาเห็นเข้า เลยรีบไปตามท่านเจ้าคุณมาดูแล้วใส่ร้ายว่าเย็นคบชู้ ยืน ตกใจที่เห็นคนมาเลยรีบกระโดดลงคลองหนีไป เย็นถูกจับมาสอบสวน ท่านเจ้าคุณเห็นคาตา รวมทั้งบุญมียังเก็บเครื่องประดับบางชิ้นได้เป็นหลักฐานว่าเย็นเอาไปให้ชู้ เย็นเล่าความจริงให้ฟังว่าพี่มาขอเงินไปรักษาพ่อ ตนเลยถอดสร้อยให้ไป แต่ก็ฟังไม่ขึ้น ประกอบกับสาลี่ยุแยงซ้ำ ท่านเจ้าคุณเลยโมโหจนขาดสติ เพราะรักเย็นมากก็เลยหึงหวงมากกว่าปกติ ท่านเจ้าคุณเลยสั่งเฆี่ยนเย็นจนเกือบตาย แล้วสั่งไม่ให้เย็นเหยียบขึ้นมาบนเรือนอีก พร้อมกับปลดเย็นลงไปเป็นทาสเหมือนเดิม

เย็นเสียใจสุด ๆ กับเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยเฉพาะกับการที่ต้องจากกับคุณแดง ไม่ได้เลี้ยงดูเลือดในอกของตนอีกต่อไป ฟักเชื่อเย็น แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ นอกจากดูแลเย็นจนหายป่วย แต่เย็นก็ต้องถูกใช้งานหนัก และถูกกลั่นแกล้งโดยแอบและม้วนอีก เที่ยงซึ่งไถ่ตัวออกไปเป็นไทแล้ว รู้เรื่องเข้าก็แค้นใจ เลยพยายามช่วยเย็นออกมาจากเรือน ทำให้ผิดใจกับท่านเจ้าคุณอย่างมาก จนเที่ยงต้องหนีเอาตัวรอดไปพึ่งพาพวกนักเลงเพื่อป้องกันตัวแทน เย็นพยายามจะเห็นหน้าลูกของตนให้ได้ แต่ท่านเจ้าคุณสั่งไว้ไม่ให้เย็นเหยียบขึ้นเรือน แต่เย็นก็พยายามหาทางลอบขึ้นเรือนไปจนได้ แต่ขณะที่เย็นกำลังอุ้มลูกด้วยความดีใจ ท่านเจ้าคุณก็มาเห็นเข้าแล้วสั่งจับเย็นไปขังที่เรือนขังทาสทันที พร้อมกับโบยตีบรรดาทาสที่หละหลวมปล่อยให้เย็นขึ้นมาบนเรือน ทำให้ไม่มีใครกล้าปล่อยเย็นเข้าใกล้เรือนอีก

เที่ยงพยายามกลับมาช่วยเย็นให้ได้ โดยที่เที่ยงไม่เคยรู้เลยว่า คนที่แอบชอบตนมาตลอดคือบุญมีนั่นเอง บุญมีเข้ามาเป็นอนุภรรยาของท่านเจ้าคุณโดยไม่ได้รักท่านเจ้าคุณแม้แต่น้อย และหลังจากได้เจอเที่ยง บุญมีก็แอบหลงรักเที่ยงมาตลอด แต่ด้วยฐานะที่ต่างกัน ทำให้บุญมีไม่กล้าแสดงออก นอกจากหยิบยื่นน้ำใจให้เที่ยงบางครั้งที่มีโอกาส และยิ่งพอรู้ว่าเที่ยงชอบเย็น บุญมีก็ยิ่งหึงหวงจนหาเรื่องทำร้ายใส่ร้ายเย็นมาตลอดนั่นเอง

ท่านเจ้าคุณไปราชการเพื่อรบกับข้าศึก แต่แผนเกิดรั่วทำให้ถูกลอบโจมตี จนท่านเจ้าคุณเกือบตาย แต่ได้ยืนซึ่งเป็นพ่อค้าเร่ช่วยเอาไว้ได้ ยืนพาท่านเจ้าคุณไปรักษา โดยที่ทั้งคู่ต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ท่านเจ้าคุณซึ้งในบุญคุณของยืน เลยให้เงินยืนไว้ทำทุนก่อนจะจากกัน ท่านเจ้าคุณกลับมาอย่างปลอดภัย และพยายามสืบหาคนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ แต่ก็ไม่ร่องรอยแม้แต่น้อย ในขณะที่ สาลี่เริ่มถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ จากที่แค่รับสินบนจากพระมหาเทพ ก็เริ่มคบค้ากับพวกนักเลง ตอนแรกก็เพื่อประโยชน์ในการวิ่งเต้นของตน แต่กลับกลายเป็นสาลี่ที่เข้าบ่อนติดการพนันซะเอง

เย็นถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้คุณแดง แต่เย็นก็คอยเมียง ๆ มอง ๆ อยู่ห่าง ๆ ตลอดเวลา จนได้โอกาสก็เข้าไปกอด หอมคุณแดง ด้วยความรักและคิดถึงเต็มเปี่ยม แต่ก็เกิดเรื่องจนได้ เมื่อกำไลข้อเท้าทองคำของคุณแดงหายไป คุณหญิงแย้มสั่งสอบสวนทุกคน แต่กลับกลายเป็นว่าคนสุดท้ายที่อยู่กับคุณแดงคือเย็นนั่นเอง ท่านเจ้าคุณโกรธมาก คิดว่าเย็นขโมยกำไลทองของคุณแดงไป เลยสั่งเฆี่ยนเย็นเสียปางตาย คุณหญิงเลยรีบเอากำไลทองอันอื่นมาหลอกท่านเจ้าคุณว่าหาเจอแล้ว เย็นเลยรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เย็นเจ็บหนักจนเกือบตาย แต่ก็ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากท่านเจ้าคุณแม้แต่น้อย มีเพียงฟักกับคุณหญิงแย้มเท่านั้นที่คอยดูแลตน แต่เย็นก็อดทนทุกอย่าง เพียงเพราะต้องการอยู่ใกล้ลูกเท่านั้น

ใน ขณะที่บุญมีค่อย ๆ เผยใจให้เที่ยงรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด ทั้งคู่ก็เผลอใจมีความสัมพันธ์กันจนได้ หลังจากมีความสัมพันธ์กัน เที่ยงก็รู้ความจริง ว่าบุญมีเป็นลูกสาวของจีนค้าฝิ่นที่ถูกทัพของท่านเจ้าคุณส่งไปปราบปราม จนพ่อของบุญมีต้องเสียชีวิต บุญมีพกความแค้นไว้ พอรู้ว่าคุณหญิงแย้มจะหาอนุภรรยาให้ท่านเจ้าคุณ ตนก็รีบเสนอตัวทันที เพื่อแฝงตัวเข้ามาทำลายท่านเจ้าคุณกับครอบครัว แต่เพราะความเกลียดชังตนเลยกระด้างกับท่านเจ้าคุณ จนท่านเจ้าคุณไม่โปรดปรานตน ทำให้ตนไม่มีโอกาสแก้แค้นท่านเจ้าคุณเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากการแอบส่งข่าวจนทัพของท่านเจ้าคุณถูกโจมตีในครั้งล่าสุดนั่นเอง เที่ยงแอบเก็บความลับนี้ไว้ เพราะตนก็ต้องการล้างแค้นท่านเจ้าคุณเช่นกัน

ฟักลอบตามบุญมีไป จนรู้ความลับเรื่องนี้เข้า ทำให้ถูกบุญมีทำร้ายจนพิการเป็นอัมพาต เที่ยงเห็นความโหดเหี้ยมของบุญมี ก็เลยต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ในขณะที่เย็นคอยดูแลฟักด้วยความห่วงใย เพราะฟักเป็นคนเดียวที่ดีกับตนจากใจจริง เย็นจึงไม่เคยทิ้งฟัก แม้ว่าจะโดนแอบ ม้วนรังแกยังไง เย็นก็อดทนเพื่อดูแลฟักต่อไป 5-6 ปี ผ่านไป คุณแดงเป็นเด็กกำลังน่ารักซุกซน แต่กลับถูกเสี้ยมสอนจากบุญมีว่าเย็นเป็นคนน่ารังเกียจ นิสัยชั่วช้า ด้วยความเป็นเด็กและพ่อแม่ตามใจมาก คุณแดงเลยแสดงความรังเกียจใส่เย็น ถึงกับไล่เย็นไปให้พ้นหน้า ทำให้เย็นเสียใจมากแต่ตนก็ไม่โกรธ เพราะรู้ว่าคุณแดงทำไปเพราะไม่รู้ว่าตนเป็นแม่แท้ ๆ

ภายใต้การดูแลของเย็นมาหลายปี ทำให้ฟักอาการดีขึ้น แต่ฟักกลัวว่าบุญมีจะรู้แล้วตนกับเย็นจะไม่ปลอดภัย เลยแกล้งนอนเป็นผักนึ่งต่อไป และหาโอกาสที่จะแฉความจริงเรื่องบุญมีออกมาให้ได้ บุญมีท้องกับเที่ยง แต่ท่านเจ้าคุณไม่ยุ่งเกี่ยวกับตนนานแล้ว บุญมีเลยต้องแกล้งทำดีกับท่านเจ้าคุณจนมีความสัมพันธ์กันอีกครั้ง เที่ยงรู้เรื่องเข้าก็ไม่พอใจ แต่ก็ขวางบุญมีไม่ได้ บุญมีแสดงตนว่ามีลูกกับท่านเจ้าคุณเลยเหิมเกริมหนัก ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้นแม้แต่คุณหญิงแย้ม ประกอบกับสาลี่ตกเป็นทาสการพนันอย่างหนักจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ทำให้สาลี่วางแผนลักพาตัวคุณแดง เพื่อแลกกับเงินค่าไถ่มหาศาลจากท่านเจ้าคุณ แต่เย็นเสี่ยงตายไปช่วยคุณแดงออกมาได้ ทำให้สาลี่ถูกจับและเคราเจ้าของบ่อนถูกฆ่าตาย บุญมีเลยก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ในเรือนแทนสาลี่ ซึ่งแม้แต่คุณหญิงแย้มก็ยังต้องเกรง

สาลี่เลยถูกปลดไปเป็นทาส ทำให้ถูกพวกทาสที่ตนเคยออกฤทธิ์ออกเดชไว้ทำร้าย มีเพียงแอบที่ยังจงรักภักดี แต่แอบก็ถูกทำร้ายจนล้มเจ็บ เย็นเข้ามาช่วยดูแล จนสาลี่ซึ้งใจในความดีของเย็น หลังจากที่สาลี่หมดวาสนา ไม่มีใครคอยช่วยพระมหาเทพ ทำให้เรื่องพระมหาเทพทุจริตเริ่มแดงขึ้นมา พระมหาเทพวางแผนใส่ร้ายให้ท่านเจ้าคุณรับผิดแทนตน แต่สาลี่เก็บหลักฐานที่พระมหาเทพทุจริตเอาไว้หมด และพยายามเอาออกมาแฉ แต่ก็ถูกขัดขวางจากพระมหาเทพ พระมหาเทพกลัวสาลี่จะแฉสำเร็จ เลยขู่จะทำร้ายคุณแดงเพื่อบีบให้เย็นเอาหลักฐานไปให้ตน เพราะพระมหาเทพรู้เรื่องจากบุญมีว่าคุณแดงเป็นลูกของเย็น เนื่องจากบุญมีต้องการให้ท่านเจ้าคุณต้องโทษ เลยบอกความลับนี้กับพระมหาเทพ เย็นห่วงลูกเลยขโมยหลักฐานจากสาลี่เพื่อเอาไปให้พระมหาเทพ แต่ฟักซึ่งแกล้งป่วยมาตลอดกลับไปแทน ทำให้ฟักรับเคราะห์ถูกพระมหาเทพฆ่า แต่ก็ช่วยคุณแดงได้สำเร็จ ก่อนตายฟักบอกเย็น เรื่องบุญมีและบอกหนทางเอาผิดบุญมี เย็นทำตามที่ฟักบอก ทำให้สามารถจัดการบุญมีได้สำเร็จ บุญมีไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เลยฆ่าตัวตาย เที่ยงเสียใจกับการตายของบุญมีมาก แต่ไม่อยากให้พยาบาทจองเวรกันต่อไป เลยนำลูกของตนกับบุญมีไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัดเงียบ ๆ

สาลี่เอาหลักฐานไปแฉพระมหาเทพได้สำเร็จ ยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเจ้าคุณ ทำให้ท่านเจ้าคุณพ้นมลทิน และพระมหาเทพถูกจับติดคุกในที่สุด แต่ตัวสาลี่เองก็ต้องรับผิดติดคุกไปเช่นกัน ท่านเจ้าคุณซาบซึ้งในความรักที่สาลี่มีต่อตน และบอกว่าถ้าสาลี่ออกจากคุกเมื่อไหร่ ตนก็พร้อมรับสาลี่ให้กลับมาอยู่ด้วยกัน

ทุกอย่างดูเหมือนจะคลี่คลายไป แต่ยืมก็กลับมาหาเย็นอีกครั้ง โดยยืนได้เงินจากท่านเจ้าคุณไปทำทุนค้าขาย จนชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมมาก เลยรวบรวมเงินมาไถ่ตัวเย็น ความจริงเลยปรากฏเมื่อท่านเจ้าคุณจำยืมได้ และรู้ว่ายืมคือพี่ชายแท้ ๆ ของเย็น ซึ่งเพราะความหึงหวง ตนเลยทำร้ายเย็นมาตลอดเวลา

ท่านเจ้าคุณรู้สึกผิดมาก และยอมตัดใจให้เย็นไปกับพี่ชาย คุณหญิงแย้มทนไม่ไหว ไม่อยากเห็นแก่ตัวต่อไป เลยสารภาพความจริงทั้งหมด ว่าคุณแดงไม่ใช่ลูกตนแต่เป็นลูกของเย็น เย็นทั้งรักและห่วงลูกมาก แม้จะเป็นไทแล้วแต่ก็ไม่ยอมกลับไปกับพี่ เลือกที่อยู่ที่นี่ต่อ ท่านเจ้าคุณดีใจที่เย็นอยู่กับตน และยกเย็นกลับขึ้นมาเป็นอนุภรรยาอีกครั้ง และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ติดตามชม ละครนางทาส

บทประพันธ์โดย : วรรณสิริ
บทโทรทัศน์โดย : บทกร
กำกับการแสดงโดย : กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด

นักแสดง

→ ณัฐวุฒิ สกิดใจ รับบท พระยาสีหโยธิน

ณัฐวุฒิ สกิดใจ

พระยาสีหโยธิน ในบทบาทของณัฐวุฒิ สกิดใจ เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน ทั้งน่าเกรงขามและเปราะบาง เขาเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจในระบบทาสที่มาพร้อมความผิดพลาด แต่ก็สามารถเรียนรู้และแก้ไขได้ การแสดงของณัฐวุฒิช่วยให้ตัวละครนี้มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะในฉากดราม่าที่ต้องแสดงความขัดแย้งภายในใจ ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของละคร นางทาส 2559

บุคลิกและสถานะทางสังคม
พระยาสีหโยธินเป็นขุนนางในสมัยรัชกาลที่ 5 มีสถานะสูงในสังคม เป็นผู้นำครอบครัวที่มีอำนาจเหนือเรือนทาสและภรรยา/อนุภรรยา เขามีบุคลิกเข้มงวด น่าเกรงขาม และมักตัดสินใจเด็ดขาดในฐานะเจ้าบ้าน แต่ก็มีด้านที่อ่อนโยนและเปราะบาง โดยเฉพาะในเรื่องความรักและความสัมพันธ์

บทบาทในเรื่อง
เป็นสามีของ คุณหญิงแย้ม (วิริฒิพา แย้มนาม) และมีอนุภรรยาหลายคน เช่น สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล), บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) และต่อมา เย็น (มทิรา ตันติประสุต) เขาเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนดราม่าผ่านการตัดสินใจที่ส่งผลต่อตัวละครอื่น เช่น การยกเย็นเป็นอนุภรรยา หรือการลงโทษเมื่อเข้าใจผิดว่าเย็นมีชู้

ในตอนท้าย เขายอมรับความผิดพลาดและให้เกียรติเย็นเมื่อรู้ความจริงว่าเธอบริสุทธิ์และ คุณหนูแดง เป็นลูกของเธอ

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น ความรักของเขาต่อเย็นเริ่มจากความหลงใหลในความงาม แต่พัฒนาเป็นความเคารพเมื่อรู้ถึงความบริสุทธิ์และความเสียสละของเธอ

กับคุณหญิงแย้ม ความสัมพันธ์ดูเป็นทางการมากกว่ารักใคร่ เขาให้เกียรติคุณหญิงในฐานะภรรยาเอก แต่ขาดความอบอุ่นในความสัมพันธ์

กับสาลี่และบุญมี เขาไว้ใจทั้งสองในตอนแรก แต่เมื่อรู้ถึงความร้ายกาจ (เช่น การเผาเรือนของบุญมี หรือการปลอมเอกสารของสาลี่) เขาก็จัดการอย่างเด็ดขาด

การแสดงของณัฐวุฒิ สกิดใจ
ณัฐวุฒิถ่ายทอดความน่าเกรงขามและอำนาจของขุนนางได้ดี ผ่านน้ำเสียง ท่าทาง และสีหน้า โดยเฉพาะฉากที่ต้องแสดงความโกรธหรือความขัดแย้งภายในใจ เช่น ฉากเผชิญหน้ากับเย็นเมื่อเข้าใจผิดว่าเธอมีชู้ เขาสามารถแสดงด้านที่อ่อนโยนของพระยาได้น่าเชื่อ เช่น ฉากที่สำนึกผิดและขอโทษเย็น ซึ่งทำให้ตัวละครดูมีมิติมากขึ้น

→ มทิรา ตันติประสุต รับบท เย็น

hq720
มทิรา ตันติประสุต

เย็น ในบทบาทของมทิรา ตันติประสุต เป็นตัวละครที่สะท้อนความเข้มแข็งท่ามกลางความทุกข์ยากของระบบทาส เธอเป็นหญิงสาวที่ทั้งอ่อนโยนและอดทน มีพัฒนาการจากเด็กสาวที่หวาดกลัวสู่หญิงสาวที่ยอมเสียสละเพื่อครอบครัว การแสดงของมทิราทำให้เย็นเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเอาใจช่วย ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของ นางทาส 2559

บุคลิกและที่มา
เย็นเป็นเด็กสาววัย 16 ปีจากครอบครัวยากจน ถูกพ่อแม่ขายให้เป็นทาสในบ้านของ พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ เธอมีบุคลิกอ่อนโยน อ่อนน้อม ถ่อมตน และมีความงามที่โดดเด่นทั้งผิวพรรณและกิริยา ซึ่งทำให้เธอถูกจับตามองตั้งแต่เข้าบ้าน เย็นมีความอดทนสูงและจิตใจเข้มแข็ง แม้จะเผชิญการกลั่นแกล้งและความอยุติธรรม เธอมักเลือกยอมรับมากกว่าต่อสู้ในช่วงแรก

บทบาทในเรื่อง
เย็นเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนเรื่องราวผ่านการต่อสู้กับความโหดร้ายในเรือนทาส เธอถูกกลั่นแกล้งโดย สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) อนุภรรยาของพระยาที่อิจฉาเธอ ด้วยความงามและความดี เธอได้รับความสนใจจาก คุณหญิงแย้ม (วิริฒิพา แย้มนาม) และถูกเรียกไปรับใช้บนเรือน ก่อนที่ พระยาสีหโยธิน จะยกให้เป็นอนุภรรยา

เย็นต้องเผชิญความเจ็บปวดจากการถูกใส่ร้ายว่ามีชู้กับ ยืน (พี่ชาย) และถูกแยกจากลูกสาว (คุณหนูแดง) ที่คุณหญิงแย้มอ้างเป็นลูกของตน ในตอนท้าย เย็นได้รับอิสรภาพจากยืนที่มาไถ่ตัว แต่เลือกอยู่ที่เรือนเพื่อดูแลลูก และได้รับการยอมรับจากพระยาและคุณหญิง

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับพระยาสีหโยธิน: ความสัมพันธ์เริ่มจากความหลงใหลของพระยาในความงามของเย็น แต่พัฒนาเป็นความเคารพเมื่อเขารู้ว่าเธอบริสุทธิ์และเสียสละ

กับคุณหญิงแย้ม: เย็นเคารพคุณหญิงในฐานะนาย แต่ต้องเผชิญความตึงเครียดเมื่อคุณหญิงอ้างลูกของเธอ ท้ายที่สุดทั้งสองสมานฉันท์เมื่อความจริงเปิดเผย

กับสาลี่และบุญมี: ทั้งสองเป็นศัตรูหลักที่กลั่นแกล้งเย็น ทำให้เธอต้องอดทนและหาทางเอาตัวรอด

กับฟักและเที่ยง: ทั้งสองเป็นเหมือนครอบครัวที่ให้การสนับสนุน คอยปกป้องและให้กำลังใจเย็นในยามยาก

การแสดงของมทิรา ตันติประสุต
มทิราถ่ายทอดความอ่อนโยนและความเข้มแข็งของเย็นได้อย่างสมจริง สีหน้าและน้ำตาในฉากดราม่า เช่น ฉากถูกเฆี่ยนหรือแยกจากลูก ทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นใจและอินไปกับตัวละคร เธอแสดงกิริยาของหญิงสาวทาสที่ทั้งถ่อมตนและอดทนได้น่าเชื่อ โดยเฉพาะฉากที่ต้องยอมรับชะตากรรมเพื่อปกป้องลูก ทำให้เย็นเป็นตัวละครที่น่าจดจำ

→ วิริฒิพา แย้มนาม รับบท คุณหญิงแย้ม

ca460280 8a61 11ed 8ae8 47058e2a3fdc webp original
วิริฒิพา ภักดีประสงค์

คุณหญิงแย้ม ในบทบาทของวิริฒิพา แย้มนาม เป็นตัวละครที่สะท้อนความขัดแย้งระหว่างศักดิ์ศรีและความเปราะบางในฐานะภรรยาเอก เธอมีทั้งด้านที่เห็นแก่ตัวและด้านที่เสียสละ แต่บทบาทในเวอร์ชันนี้ค่อนข้างจืดจางเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นและเวอร์ชันก่อนหน้า การแสดงของวิริฒิพาทำได้ดีในแง่ภาพลักษณ์ แต่ขาดความลึกในฉากดราม่า ทำให้คุณหญิงแย้มไม่โดดเด่นเท่าที่ควรใน นางทาส 2559

บุคลิกและสถานะทางสังคม
คุณหญิงแย้มเป็นภรรยาเอกของพระยาสีหโยธิน มีสถานะสูงสุดในเรือนใหญ่ เป็นสตรีที่สง่างาม มีกิริยาน่าเกรงขาม และตระหนักถึงศักดิ์ศรีของตัวเองในฐานะนายหญิง เธอมีบุคลิกที่ดูเย่อหยิ่งในบางครั้ง แต่ซ่อนความเปราะบางไว้ โดยเฉพาะความรู้สึกด้อยค่าจากการไม่มีลูก ทำให้ต้องเผชิญแรงกดดันในบทบาทภรรยาเอก

บทบาทในเรื่อง
คุณหญิงแย้มเป็นผู้ควบคุมเรือนใหญ่ ดูแลทั้งทาสและอนุภรรยาของพระยา รวมถึง สาลี่, บุญมี, และต่อมา เย็น (มทิรา ตันติประสุต) เธอเป็นคนแรกที่เห็นแววในตัวเย็นจากความงามและความอ่อนน้อม จึงเรียกเย็นจากเรือนทาสมารับใช้บนเรือน ซึ่งนำไปสู่การที่เย็นกลายเป็นอนุภรรยาของพระยา

ความลับสำคัญคือ เธออ้าง คุณหนูแดง (ลูกของเย็น) เป็นลูกของตัวเองเพื่อรักษาศักดิ์ศรี สร้างความขัดแย้งทางอารมณ์กับเย็น ในตอนท้าย เธอยอมรับความจริงว่าคุณหนูแดงเป็นลูกของเย็น และยอมให้เย็นมีส่วนในชีวิตของลูก สะท้อนด้านที่ยอมรับและให้อภัย

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับพระยาสีหโยธิน: ความสัมพันธ์เป็นแบบทางการมากกว่ารักใคร่ เธอรักษาบทบาทภรรยาเอก แต่รู้สึกถึงช่องว่างเมื่อพระยาให้ความสนใจอนุภรรยาคนอื่น

กับเย็น: ในตอนแรก เธอเมตตาเย็น แต่เมื่อเย็นกลายเป็นอนุภรรยาและมีลูก เธอแสดงความเย็นชาต่อเย็นเพื่อปกป้องสถานะ ท้ายที่สุดทั้งสองสมานฉันท์เมื่อความจริงเกี่ยวกับคุณหนูแดงถูกเปิดเผย

กับสาลี่และบุญมี: เธอควบคุมทั้งสองในฐานะนายหญิง แต่ไม่รู้ถึงแผนร้ายของทั้งคู่ (เช่น การเผาเรือนของบุญมี หรือการปลอมเอกสารของสาลี่) ทำให้ดูเหมือนขาดการควบคุมในบางครั้ง

การแสดงของวิริฒิพา แย้มนาม
วิริฒิพานำเสนอภาพลักษณ์ของนายหญิงที่สง่างามได้ดี ผ่านกิริยาและการแต่งกายที่เหมาะสมกับยุคสมัย ท่าทางและน้ำเสียงแสดงถึงอำนาจและความเย่อหยิ่งของตัวละครได้ชัดเจน ในฉากที่ต้องแสดงความเปราะบาง เช่น การตัดสินใจอ้างคุณหนูแดงเป็นลูก หรือฉากที่ยอมรับความจริงในตอนท้าย เธอสามารถถ่ายทอดความรู้สึกผิดและความเสียสละได้ดีในระดับหนึ่ง

→ หยาดทิพย์ ราชปาล รับบท สาลี่

หยาดทิพย์ ราชปาล

สาลี่ ในบทบาทของหยาดทิพย์ ราชปาล เป็นตัวละครร้ายที่ขับเคลื่อนความขัดแย้งใน นางทาส 2559 ด้วยความอิจฉาและความทะเยอทะยาน เธอเป็นตัวละครที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกโกรธและลุ้นถึงบทลงโทษ การแสดงของหยาดทิพย์ช่วยให้สาลี่มีชีวิตชีวาในฐานะตัวร้ายที่มีเสน่ห์แต่ชั่วร้าย

อย่างไรก็ตาม บทที่บางครั้งเกินจริงและขาดมิติเมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้าทำให้สาลี่ไม่ถึงขั้นเป็นตัวร้ายในตำนาน คาแร็กเตอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบตัวร้ายที่เจ้าเล่ห์และสร้างดราม่าในละครพีเรียด

บุคลิกและที่มา
สาลี่เป็นทาสที่ได้รับการยกฐานะเป็นอนุภรรยาของพระยาสีหโยธิน เธอมีบุคลิกเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง และมีความทะเยอทะยานสูง ต้องการรักษาตำแหน่งและอำนาจในเรือน เธอมีเสน่ห์และความงามในแบบที่เย่อหยิ่ง แต่ถูกบดบังด้วยความอิจฉาเมื่อ เย็น (มทิรา ตันติประสุต) เข้ามาในเรือนและได้รับความสนใจจากพระยา สาลี่มักแสดงออกด้วยความมั่นใจและความร้ายกาจ ใช้คำพูดและการกระทำที่มุ่งร้ายเพื่อกำจัดคู่แข่ง

บทบาทในเรื่อง
สาลี่เป็นหนึ่งในตัวร้ายหลักของเรื่อง ร่วมมือกับ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) อีกหนึ่งอนุภรรยา เพื่อกลั่นแกล้งเย็นที่เข้ามาใหม่ โดยกลัวว่าเย็นจะแย่งความสนใจจากพระยาและข่มเหงสถานะของเธอ เธอวางแผนร้ายหลายครั้ง เช่น การใส่ยาพิษในอาหารของเย็น หรือการใส่ร้ายว่าเย็นมีชู้กับ ยืน (พี่ชายของเย็น) ซึ่งนำไปสู่การลงโทษเย็นอย่างหนัก

สาลี่ยังร่วมมือกับ พระมหาเทพ ในการปลอมแปลงเอกสารราชการเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและหักหลังพระยา ซึ่งเป็นจุดที่นำไปสู่จุดจบของเธอ ในตอนท้าย สาลี่ถูกจับได้ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีอาญาและถูกส่งตัวเข้าคุก ได้รับผลกรรมจากความร้ายกาจของตัวเอง

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: สาลี่มองเย็นเป็นศัตรูตั้งแต่แรก ใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำร้ายเย็นทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น การใส่ร้ายหรือยุยงให้พระยาเข้าใจผิด

กับบุญมี: ทั้งสองเป็นพันธมิตรในความร้าย โดยสาลี่มักเป็นคนวางแผน และบุญมีเป็นผู้ลงมือในฉากที่รุนแรง เช่น การเผาเรือน ความสัมพันธ์นี้เปราะบางและเต็มไปด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว

กับพระยาสีหโยธิน: สาลี่พยายามรักษาความโปรดปรานจากพระยาด้วยเสน่ห์และการประจบ แต่เมื่อความร้ายถูกเปิดเผย เธอสูญเสียความไว้วางใจจากเขา

กับคุณหญิงแย้ม: สาลี่อยู่ในฐานะที่ต้องเคารพคุณหญิงในฐานะนายหญิง แต่แอบละเมิดอำนาจด้วยการกระทำลับ ๆ

การแสดงของหยาดทิพย์ ราชปาล
หยาดทิพย์ถ่ายทอดความร้ายกาจและความเจ้าเล่ห์ของสาลี่ได้ดีผ่านสีหน้าและน้ำเสียง โดยเฉพาะในฉากที่ต้องแสดงความอิจฉาหรือวางแผนร้าย ท่าทางที่ดูมั่นใจและแววตาที่เจ้าเล่ห์ทำให้สาลี่เป็นตัวร้ายที่น่าจดจำ ฉากที่สาลี่ยุยงหรือแสดงความสะใจเมื่อเย็นถูกลงโทษ ทำให้ผู้ชมรู้สึกโกรธและอยากเห็นเธอได้รับผลกรรม ซึ่งหยาดทิพย์ทำได้ดีในการกระตุ้นอารมณ์ผู้ชม

→ รวีวรรณ บุญประชม รับบท บุญมี

รวีวรรณ บุญประชม

บุญมี ในบทบาทของรวีวรรณ บุญประชม เป็นตัวร้ายที่ทรงพลังและน่าจดจำใน นางทาส 2559 ด้วยความดุดัน บ้าคลั่ง และการกระทำที่รุนแรง เธอเป็นตัวละครที่สร้างความขัดแย้งและความตื่นเต้นให้กับเรื่อง การแสดงของรวีวรรณช่วยให้บุญมีเป็นตัวร้ายที่ผู้ชมทั้งเกลียดและหลงใหล โดยเฉพาะในฉากดราม่าและจุดจบที่สะใจ แม้ว่าบางครั้งบทจะดูเกินจริง แต่บุญมีถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของละครที่ทำให้ผู้ชมจดจำ

บุคลิกและที่มา
บุญมีเป็นทาสที่ได้รับการยกฐานะเป็นอนุภรรยาของพระยาสีหโยธิน เธอมีบุคลิกดุดัน มั่นใจในตัวเอง และเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา โดยเฉพาะเมื่อ เย็น (มทิรา ตันติประสุต) เข้ามาในเรือนและได้รับความสนใจ เธอมีความร้ายกาจแบบตรงไปตรงมา ไม่เน้นการวางแผนละเอียดเหมือน สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) แต่เลือกใช้การกระทำที่รุนแรงและหุนหันพลันแล่น เช่น การใช้ความรุนแรงหรือการลงมือทำลาย บุญมีมีความทะเยอทะยานและหวงตำแหน่งของตัวเองในเรือน มองเย็นเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของเธอ

บทบาทในเรื่อง
บุญมีเป็นหนึ่งในตัวร้ายหลักของเรื่อง ร่วมมือกับสาลี่เพื่อกลั่นแกล้งเย็น ด้วยวิธีการที่รุนแรง เช่น การใส่ยาพิษในอาหาร การใส่ร้ายว่าเย็นมีชู้กับ ยืน (พี่ชายของเย็น) หรือแม้แต่พยายามเผาเรือนเพื่อกำจัดเย็น เธอยังแอบคบชู้ ซึ่งเป็นความลับที่ทำให้ตัวละครนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น และนำไปสู่จุดจบของเธอ

ในตอนท้าย บุญมีถูกจับได้ว่าเป็นผู้วางเพลิงและคบชู้ หลังจากหนีการจับกุม เธอถูกตำรวจยิงบาดเจ็บและเลือกยิงตัวตาย สะท้อนจุดจบที่รุนแรงและสมกับความร้ายกาจของเธอ

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: บุญมีมองเย็นเป็นศัตรูตัวฉกาจและใช้ทุกวิธีเพื่อทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น การใส่ร้ายหรือพยายามฆ่า ความเกลียดชังของเธอต่อเย็นเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตัวละคร

กับสาลี่: ทั้งสองเป็นพันธมิตรในความร้าย โดยสาลี่เป็นฝ่ายวางแผน และบุญมีเป็นฝ่ายลงมือในฉากที่รุนแรง ความสัมพันธ์นี้เต็มไปด้วยผลประโยชน์และความไม่ไว้วางใจ

กับพระยาสีหโยธิน: บุญมีพยายามรักษาความโปรดปรานจากพระยาด้วยเสน่ห์ แต่เมื่อความร้ายและการคบชู้ถูกเปิดเผย เธอสูญเสียความไว้วางใจจากเขา

กับคุณหญิงแย้ม: บุญมีอยู่ในฐานะที่ต้องเคารพคุณหญิง แต่แอบละเมิดอำนาจด้วยการกระทำลับ ๆ และไม่สนใจกฎของเรือน

การแสดงของรวีวรรณ บุญประชม
รวีวรรณถ่ายทอดความร้ายกาจและความบ้าคลั่งของบุญมีได้อย่างยอดเยี่ยม สีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงในฉากที่แสดงความเกลียดชังหรือความหุนหันพลันแล่น เช่น ฉากวางเพลิงหรือเผชิญหน้ากับเย็น ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงพลังของตัวร้ายตัวนี้ฉากที่บุญมียิงตัวตายหลังถูกตำรวจยิงบาดเจ็บเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของละคร รวีวรรณสามารถแสดงความสิ้นหวังและความรุนแรงของตัวละครได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้จุดจบของบุญมีดูสมจริงและสะใจผู้ชม

→ เกียรติกมล ล่าทา รับบท พระมหาเทพ

hq720
เกียรติกมล ล่าทา

พระมหาเทพ ในบทบาทของเกียรติกมล ล่าทา เป็นตัวร้ายที่เพิ่มมิติให้กับ นางทาส 2559 ด้วยการนำเสนอความขัดแย้งในระดับที่ใหญ่กว่าความแค้นส่วนตัวในเรือน เขาเป็นขุนนางที่เจ้าเล่ห์ โลภ และเห็นแก่ตัว ซึ่งการแสดงของเกียรติกมลช่วยให้ตัวละครนี้มีชีวิตชีวาในฉากสำคัญ แม้ว่าบทจะค่อนข้างจำกัดและไม่โดดเด่นเท่าสาลี่หรือบุญมี แต่พระมหาเทพก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นและสะท้อนด้านมืดของอำนาจในยุคนั้น

บุคลิกและสถานะทางสังคม
พระมหาเทพเป็นขุนนางที่มีสถานะสูงในสังคมสมัยรัชกาลที่ 5 มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) ในฐานะผู้ร่วมงานหรือมิตร แต่แอบซ่อนด้านมืดที่เต็มไปด้วยความโลภและความไม่ซื่อสัตย์ เขามีบุคลิกเจ้าเล่ห์ ฉลาดในการวางแผน และมักแสดงออกด้วยความมั่นใจ แต่ซ่อนเจตนาคดโกงไว้เบื้องหลัง พระมหาเทพเป็นตัวละครที่ใช้ตำแหน่งและอำนาจในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่สนใจผลกระทบต่อผู้อื่น

บทบาทในเรื่อง
พระมหาเทพเป็นตัวร้ายที่ขับเคลื่อนความขัดแย้งในระดับที่ใหญ่กว่าการกลั่นแกล้งภายในเรือน โดยเขาเกี่ยวข้องกับการทุจริตในราชการ เช่น การปลอมแปลงเอกสารและการขนของหนีภาษี เขาร่วมมือกับ สาลี่ ในการวางแผนใส่ร้ายพระยาสีหโยธินเรื่องการใช้อำนาจในทางมิชอบ และใช้สาลี่เป็นเครื่องมือในการขโมยข้อมูลทางราชการ

เขายังฉวยโอกาสหนีเอาตัวรอดเมื่อพระยาสีหโยธินถูกโจมตีโดย ขุนปราบ (ธนาวุฒิ เกสโร) และกลุ่มโจรที่หวังปล้นอาวุธ โดยไม่สนใจความเป็นมิตรในอดีต ในตอนท้าย พระมหาเทพถูกจับได้ในข้อหาทุจริตและทรยศ ส่งผลให้เขาต้องรับโทษจำคุก ซึ่งเป็นบทลงโทษที่สมกับความร้ายกาจของเขา

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับพระยาสีหโยธิน: พระมหาเทพแสร้งเป็นมิตรและพันธมิตรในราชการ แต่แอบหักหลังด้วยการวางแผนใส่ร้ายและฉวยโอกาสเมื่อพระยาตกอยู่ในอันตราย

กับสาลี่: เขาใช้สาลี่เป็นเครื่องมือในแผนการทุจริต โดยล่อใจเธอด้วยผลประโยชน์ทางการเงิน แต่ปฏิเสธที่จะช่วยเมื่อสาลี่เดือดร้อน เช่น การขอยืมเงินเพื่อใช้หนี้

กับตัวละครอื่น: พระมหาเทพมีปฏิสัมพันธ์จำกัดกับตัวละครในเรือน เช่น เย็น หรือ คุณหญิงแย้ม โดยบทบาทของเขาจะเน้นไปที่การกระทำในระดับราชการมากกว่าความขัดแย้งภายในเรือน

การแสดงของเกียรติกมล ล่าทา
เกียรติกมลถ่ายทอดความเจ้าเล่ห์และความมักใหญ่ใฝ่สูงของพระมหาเทพได้ดีผ่านสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูน่าเชื่อถือแต่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม โดยเฉพาะในฉากที่ต้องแสดงความเป็นนักวางแผนหรือการทรยศ การแสดงในฉากที่พระมหาเทพหนีเอาตัวรอดขณะที่พระยาสีหโยธินถูกโจมตี แสดงถึงความเห็นแก่ตัวได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความร้ายกาจของตัวละคร

→ ดนัย จารุจินดา รับบท เที่ยง

hq720
ดนัย จารุจินดา

เที่ยง ในบทบาทของดนัย จารุจินดา เป็นตัวละครที่นำเสนอด้านสว่างใน นางทาส 2559 ด้วยความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ และความทุ่มเทต่อเย็น เขาเป็นเหมือนแสงสว่างในความมืดของระบบทาส การแสดงของดนัยทำให้เที่ยงเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำ แม้ว่าบทจะค่อนข้างจำกัดและขาดพัฒนาการที่ลึกซึ้ง เที่ยงเป็นตัวละครที่สร้างความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกำลังใจให้ผู้ชม โดยเฉพาะในฉากที่เขายืนเคียงข้างเย็นท่ามกลางความอยุติธรรม

บุคลิกและที่มา
เที่ยงเป็นทาสหนุ่มในเรือนของพระยาสีหโยธิน มีบุคลิกซื่อสัตย์ จิตใจดี และมีความกล้าหาญ แม้จะอยู่ในสถานะทาสที่ไร้อิสรภาพ เขามีความเมตตาและความจงรักภักดีต่อผู้ที่เขาห่วงใย โดยเฉพาะเย็น ซึ่งเขาเห็นอกเห็นใจในฐานะทาสหน้าใหม่ที่ถูกกลั่นแกล้ง เที่ยงเป็นตัวละครที่แสดงถึงความหวังและความดีในระบบทาสที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย

บทบาทในเรื่อง
เที่ยงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือและปกป้องเย็นจากความร้ายกาจของ สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) ซึ่งพยายามกลั่นแกล้งเย็น เช่น การใส่ยาพิษหรือใส่ร้ายว่าเย็นมีชู้ เขาคอยให้กำลังใจและช่วยเย็นปรับตัวในเรือนทาส ร่วมกับ ฟัก (ขวัญฤดี กลมกล่อม) ทาสรุ่นพี่ที่เป็นเหมือนพี่สาวของเย็น

เที่ยงมีความรู้สึกดี ๆ ต่อเย็นในระดับที่มากกว่ามิตรภาพ แม้ว่าความรักนี้จะไม่สมหวัง เนื่องจากเย็นถูกยกให้เป็นอนุภรรยาของพระยา เขามีบทบาทสำคัญในบางฉากที่ช่วยปกป้องเย็นจากอันตราย เช่น การช่วยขัดขวางแผนร้ายของสาลี่และบุญมี หรือการเป็นพยานในเหตุการณ์ที่เย็นถูกใส่ร้าย

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: เที่ยงเป็นเหมือนเพื่อนและผู้พิทักษ์ของเย็น ความรู้สึกของเขาต่อเย็นมีทั้งความห่วงใยและความรักที่ซ่อนอยู่ แต่เขายอมรับสถานะของตัวเองในฐานะทาสและไม่เคยแสดงออกเกินเลย

กับฟัก: ทั้งสองเป็นพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือเย็น ร่วมกันเป็นเหมือนครอบครัวที่ให้การสนับสนุนในเรือนทาส

กับสาลี่และบุญมี: เที่ยงเป็นศัตรูโดยปริยายของทั้งสอง เนื่องจากเขาคอยขัดขวางแผนร้ายและปกป้องเย็น ทำให้เขามักถูกทั้งสองจับตามอง

กับพระยาสีหโยธิน: เที่ยงเคารพพระยาในฐานะนาย แต่ไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับตัวละครนี้

การแสดงของดนัย จารุจินดา
ดนัยถ่ายทอดความซื่อสัตย์และความกล้าหาญของเที่ยงได้อย่างเป็นธรรมชาติ สีหน้าและท่าทางในฉากที่ปกป้องเย็นหรือแสดงความห่วงใยทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความจริงใจของตัวละคร ฉากที่เที่ยงพยายามช่วยเย็นจากแผนร้ายของสาลี่และบุญมี หรือฉากที่เขาแสดงความรู้สึกห่วงใยต่อเย็นอย่างเงียบ ๆ ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเห็นใจตัวละครนี้

→ ขวัญฤดี กลมกล่อม รับบท ฟัก

ขวัญฤดี กลมกล่อม

ฟัก ในบทบาทของขวัญฤดี กลมกล่อม เป็นตัวละครที่นำความอบอุ่นและความหวังมาสู่ นางทาส 2559 ด้วยความใจดี ความเป็นพี่สาว และการปกป้องเย็นจากความโหดร้ายในเรือนทาส การแสดงของขวัญฤดีทำให้ฟักเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำในฐานะที่พึ่งของตัวเอก แม้ว่าบทจะจำกัดและขาดพัฒนาการที่ลึกซึ้ง ฟักยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มเรื่องราวและสร้างสมดุลให้กับความเข้มข้นของดราม่าในละคร

บุคลิกและที่มา
ฟักเป็นทาสหญิงรุ่นพี่ที่อยู่ในเรือนของพระยาสีหโยธินมานาน มีบุคลิกอบอุ่น ใจดี และมีความเฉลียวฉลาดจากประสบการณ์ในเรือนทาส เธอเป็นคนที่รู้จักยอมรับชะตากรรมของการเป็นทาส แต่ยังคงรักษาความหวังและความเมตตาต่อผู้อื่น โดยเฉพาะทาสหน้าใหม่ ฟักมีลักษณะเป็นผู้ใหญ่ที่คอยให้คำแนะนำและปกป้องผู้อ่อนแอกว่า ทำให้เธอเป็นที่พึ่งของเย็นในยามยาก

บทบาทในเรื่อง
ฟักทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาของเย็นเมื่อเธอเข้ามาในเรือนทาสเป็นครั้งแรก ช่วยสอนงานและแนะนำวิธีเอาตัวรอดจากการกลั่นแกล้งของ สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่คอยปกป้องเย็นจากแผนร้ายของสาลี่และบุญมี เช่น การช่วยเตือนหรือขัดขวางเมื่อเย็นถูกใส่ร้าย

ฟักยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเย็นและ เที่ยง (ดนัย จารุจินดา) ทาสหนุ่มที่คอยช่วยเหลือเย็น ร่วมกันสร้างกลุ่มสนับสนุนที่เหมือนครอบครัวในเรือนทาส แม้จะไม่มีบทบาทเด่นในระดับพล็อตใหญ่ แต่ฟักเป็นตัวละครที่ช่วยรักษาความสมดุลของเรื่องด้วยความดีและความอบอุ่น

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: ฟักเป็นเหมือนพี่สาวและที่พึ่งของเย็น คอยให้คำแนะนำและปกป้องจากความร้ายกาจของสาลี่และบุญมี ความสัมพันธ์นี้เป็นหนึ่งในจุดที่สร้างความรู้สึกอบอุ่นในเรื่อง

กับเที่ยง: ฟักและเที่ยงเป็นพันธมิตรที่ร่วมกันช่วยเหลือเย็น สร้างกลุ่มทาสที่เหมือนครอบครัวในเรือน

กับสาลี่และบุญมี: ฟักอยู่ในตำแหน่งที่ต้องระวังตัวจากทั้งสอง เพราะเธอคอยขัดขวางแผนร้ายของพวกเขา ทำให้บางครั้งถูกจับตามองหรือถูกกลั่นแกล้งไปด้วย

กับพระยาสีหโยธินและคุณหญิงแย้ม: ฟักเคารพทั้งสองในฐานะนายและนายหญิง แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เนื่องจากบทบาทของเธอเน้นการอยู่ในเรือนทาสมากกว่า

การแสดงของขวัญฤดี กลมกล่อม
ขวัญฤดีถ่ายทอดความอบอุ่นและความเป็นผู้ใหญ่ของฟักได้อย่างเป็นธรรมชาติ น้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงความเมตตาทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความจริงใจของตัวละคร ฉากที่ฟักให้คำแนะนำหรือปลอบโยนเย็นในยามที่ถูกกลั่นแกล้ง เช่น ฉากที่ช่วยเย็นรับมือกับการใส่ร้ายของสาลี่และบุญมี ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเห็นฟักเป็นตัวละครที่เหมือน “บ้าน” ในความโหดร้ายของเรือนทาส

→ วิราการต์ เสณีตันติกุล รับบท แอบ

วิราการต์ เสณีตันติกุล

แอบ ในบทบาทของวิราการต์ เสณีตันติกุล เป็นตัวละครประกอบที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของชีวิตทาสใน นางทาส 2559 เธอเป็นตัวแทนของทาสทั่วไปที่ต้องเผชิญความยากลำบากและการกดขี่ โดยไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรม การแสดงของวิราการต์เหมาะสมกับบทบาทที่เรียบง่าย แต่เนื่องจากบทของแอบมีจำกัดและขาดพัฒนาการ เธอจึงไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นในเรื่อง แอบเหมาะกับการเป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์มากขึ้น

บุคลิกและที่มา
แอบเป็นทาสในเรือนของพระยาสีหโยธิน มีบุคลิกเรียบง่าย อ่อนน้อม และอยู่ในสถานะที่ต้องทำงานหนักตามคำสั่งของนายและนายหญิง เธอเป็นตัวละครที่สะท้อนภาพชีวิตของทาสทั่วไปในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งต้องเผชิญความยากลำบากและการกดขี่ โดยไม่มีอำนาจหรืออิสรภาพในการตัดสินใจชีวิตของตัวเอง แอบมีลักษณะที่ค่อนข้างเงียบขรึมและไม่ค่อยแสดงออกมากนัก แต่มีความจงรักภักดีต่อเรือนและตัวละครที่เธอสนิทด้วย

บทบาทในเรื่อง
แอบมีบทบาทเป็นตัวละครประกอบในเรือนทาส ทำงานร่วมกับทาสคนอื่น ๆ เช่น เย็น (มทิรา ตันติประสุต), ฟัก (ขวัญฤดี กลมกล่อม), และ เที่ยง (ดนัย จารุจินดา) เธอมีส่วนในฉากที่แสดงถึงชีวิตประจำวันของทาส เช่น การทำงานในครัว การรับใช้บนเรือน หรือการเผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้งจาก สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม)

แอบไม่ใช่ตัวละครที่มีบทเด่นหรือขับเคลื่อนพล็อตหลัก แต่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเรือนทาส โดยแสดงถึงความยากลำบากและการยอมรับชะตากรรมของทาสทั่วไป เธออาจมีปฏิสัมพันธ์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับเย็นและฟัก เช่น การช่วยงานหรือการพูดคุยในฉากกลุ่ม ซึ่งช่วยให้เห็นมิตรภาพในหมู่ทาส

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: แอบจะมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนทาสด้วยกัน เธออาจช่วยเหลือหรือสนับสนุนเย็นในงานประจำวัน แต่ไม่มีความใกล้ชิดเท่าฟักหรือเที่ยง

กับฟักและเที่ยง: แอบทำงานร่วมกับทั้งสองในเรือนทาส และอาจมีส่วนในฉากที่แสดงถึงความสามัคคีของกลุ่มทาสที่ต่อสู้กับความอยุติธรรม

กับสาลี่และบุญมี: ในฐานะทาส แอบอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับคำสั่งและอาจถูกกลั่นแกล้งจากทั้งสอง แต่ไม่มีบทบาทสำคัญในการเผชิญหน้ากับตัวร้ายโดยตรง

กับพระยาสีหโยธินและคุณหญิงแย้ม: แอบมีปฏิสัมพันธ์จำกัดกับนายและนายหญิง เนื่องจากสถานะที่ต่ำต้อยและบทบาทที่ไม่เด่น

การแสดงของวิราการต์ เสณีตันติกุล
วิราการต์ถ่ายทอดความเรียบง่ายและความสมจริงของแอบในฐานะทาสได้ดี สีหน้าและท่าทางของเธอสะท้อนถึงความยากลำบากและการยอมรับชะตากรรมของตัวละครในระบบทาส ในฉากกลุ่มที่แอบปรากฏตัวร่วมกับทาสคนอื่น ๆ การแสดงของวิราการต์ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของความเป็นชุมชนทาส ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสมจริงของชีวิตในเรือน

→ ธารธารา รุ่งเรือง รับบท ม้วน

ธารธารา รุ่งเรือง

บุคลิกและที่มา
ม้วนเป็นทาสหญิงในเรือนของพระยาสีหโยธิน มีบุคลิกเรียบง่าย อ่อนน้อม และขยันขันแข็ง สะท้อนภาพของทาสทั่วไปในยุครัชกาลที่ 5 ที่ต้องทำงานหนักและยอมรับชะตากรรม เธอไม่มีสถานะเด่นในเรือน และมักปรากฏในฉากกลุ่มที่แสดงถึงชีวิตประจำวันของทาส เช่น การทำงานในครัว การรับใช้ หรือการเผชิญหน้ากับความกดดันจากตัวละครร้าย

ม้วนมีลักษณะที่เงียบขรึมและไม่ค่อยแสดงออกมากนัก คล้ายกับ แอบ (วิราการต์ เสณีตันติกุล) โดยเน้นการทำหน้าที่ของตนในฐานะทาส

บทบาทในเรื่อง
ม้วนเป็นตัวละครประกอบที่ปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับเรือนทาส ร่วมทำงานกับทาสคนอื่น ๆ เช่น เย็น (มทิรา ตันติประสุต), ฟัก (ขวัญฤดี กลมกล่อม), และ เที่ยง (ดนัย จารุจินดา) เธอมีส่วนในฉากที่แสดงถึงความยากลำบากของชีวิตทาส เช่น การถูกสั่งงานหนักหรือการถูก สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) กลั่นแกล้งหรือกดขี่

ม้วนอาจมีปฏิสัมพันธ์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับเย็นหรือฟัก เช่น การช่วยงานหรือการพูดคุยในฉากกลุ่ม แต่ไม่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพล็อตหลักของเรื่อง บทบาทของม้วนช่วยเสริมสร้างความสมจริงให้กับฉากชีวิตในเรือนทาส โดยแสดงถึงความเป็นชุมชนและความสัมพันธ์ของเหล่าทาส

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: ม้วนจะมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนทาสด้วยกัน เธออาจช่วยเหลือเย็นในงานประจำวันหรือแสดงความเห็นอกเห็นใจ แต่ไม่มีความใกล้ชิดเท่าฟักหรือเที่ยง

กับฟักและเที่ยง: ม้วนทำงานร่วมกับทั้งสองในเรือนทาส และอาจปรากฏในฉากที่แสดงถึงความสามัคคีของกลุ่มทาส แต่ไม่มีการเน้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

กับสาลี่และบุญมี: ในฐานะทาส ม้วนอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับคำสั่งและอาจถูกกลั่นแกล้งจากทั้งสอง แต่ไม่มีบทบาทสำคัญในการเผชิญหน้ากับตัวร้ายโดยตรง

กับพระยาสีหโยธินและคุณหญิงแย้ม: ม้วนมีปฏิสัมพันธ์จำกัดกับนายและนายหญิง เนื่องจากสถานะที่ต่ำต้อยและบทบาทที่ไม่เด่น

การแสดงของธารธารา รุ่งเรือง
ธารธารานำเสนอความเรียบง่ายและความสมจริงของม้วนในฐานะทาสได้ดี สีหน้าและท่าทางของเธอสะท้อนถึงความยากลำบากและการยอมรับชะตากรรมของตัวละครในระบบทาส  ในฉากกลุ่มที่ม้วนปรากฏตัวร่วมกับทาสคนอื่น ๆ การแสดงของธารธาราช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของความเป็นชุมชนทาส ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสมจริงของชีวิตในเรือน

→ พิศมัย วิไลศักดิ์ รับบท นมแสง

พิศมัย วิไลศักดิ์

นมแสง ในบทบาทของพิศมัย วิไลศักดิ์ เป็นตัวละครประกอบที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเรือนใหญ่ใน นางทาส 2559 เธอเป็นตัวแทนของทาสอาวุโสที่จงรักภักดีและทุ่มเทให้กับหน้าที่ การแสดงของพิศมัยเหมาะสมกับบทบาทที่เรียบง่ายและน่าเชื่อถือ แต่เนื่องจากบทของนมแสงมีจำกัดและขาดพัฒนาการ เธอจึงไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นในเรื่อง นมแสงเหมาะกับการเป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และสะท้อนถึงชีวิตในยุคทาส

บุคลิกและที่มา
นมแสงเป็นทาสหญิงอาวุโสที่อยู่ในเรือนของพระยาสีหโยธินมานาน มีสถานะเป็นผู้รับใช้ที่ใกล้ชิดกับ คุณหญิงแย้ม (วิริฒิพา แย้มนาม) และมีบทบาทในการดูแลงานในเรือนใหญ่ เธอมีบุคลิกที่อ่อนน้อม จงรักภักดี และมีความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการในเรือน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน ทำให้เธอเป็นที่ไว้วางใจของนายและนายหญิง

นมแสงแสดงถึงความเป็นทาสที่ยอมรับชะตากรรมและทุ่มเทให้กับหน้าที่ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความกดดันจากโครงสร้างอำนาจในเรือน

บทบาทในเรื่อง
นมแสงทำหน้าที่เป็นผู้รับใช้ที่คอยดูแลความเรียบร้อยในเรือนใหญ่ โดยเฉพาะการรับใช้คุณหญิงแย้มและช่วยจัดการงานต่าง ๆ ในครัวเรือน เธอมีส่วนในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรือน เช่น การดูแล คุณหนูแดง (ลูกสาวของเย็นที่คุณหญิงแย้มอ้างเป็นลูก) หรือการปฏิบัติตามคำสั่งของนายและนายหญิง

นมแสงอาจมีปฏิสัมพันธ์เล็กน้อยกับ เย็น (มทิรา ตันติประสุต) เมื่อเย็นถูกเรียกมารับใช้บนเรือนใหญ่ โดยอาจแสดงความเมตตาหรือให้คำแนะนำในฐานะทาสรุ่นพี่ เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับแผนร้ายของ สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) หรือ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) แต่บางครั้งอาจอยู่ในเหตุการณ์ที่เห็นการกลั่นแกล้งเย็น ด้วยสถานะของเธอ เธอเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับคุณหญิงแย้ม: นมแสงเป็นผู้รับใช้ที่ใกล้ชิดและจงรักภักดีต่อคุณหญิงแย้ม เธอปฏิบัติตามคำสั่งและช่วยดูแลความเรียบร้อยในเรือนใหญ่

กับเย็น: นมแสงอาจมีปฏิสัมพันธ์เล็กน้อยกับเย็นเมื่อเย็นถูกเรียกมารับใช้บนเรือน เธออาจแสดงความเมตตาหรือให้คำแนะนำในฐานะรุ่นพี่ แต่ไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

กับสาลี่และบุญมี: นมแสงอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับคำสั่งจากอนุภรรยาทั้งสอง แต่ด้วยสถานะที่สูงกว่าในฐานะทาสอาวุโส เธออาจไม่ถูกกลั่นแกล้งโดยตรง

กับพระยาสีหโยธิน: นมแสงเคารพพระยาในฐานะนาย แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่โดดเด่นกับเขา

การแสดงของพิศมัย วิไลศักดิ์
พิศมัยถ่ายทอดความเป็นทาสอาวุโสที่จงรักภักดีและน่าเชื่อถือได้ดี สีหน้าและท่าทางของเธอสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการทำงานและความเคารพต่อนายและนายหญิง ในฉากที่ต้องแสดงถึงความเป็นผู้รับใช้ที่ไว้ใจได้ เช่น การดูแลคุณหนูแดงหรือการจัดการงานในเรือน พิศมัยทำให้ตัวละครนมแสงดูสมจริงและเหมาะสมกับบทบาท

→ หนูเล็ก ก่อนบ่ายฯ รับบท แรม

hq720
หนูเล็ก ก่อนบ่ายฯ

แรม ในบทบาทของหนูเล็ก ก่อนบ่ายฯ เป็นตัวละครประกอบที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเรือนทาสใน นางทาส 2559 เธอเป็นตัวแทนของทาสทั่วไปที่ต้องเผชิญความยากลำบากและการกดขี่ โดยมีแง่มุมขบขันเล็ก ๆ ที่หนูเล็กนำมาสู่บทบาท การแสดงของหนูเล็กเหมาะสมกับบทที่เรียบง่ายและเพิ่มสีสันให้ฉากกลุ่ม แต่เนื่องจากบทของแรมมีจำกัดและขาดพัฒนาการ เธอจึงไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นในเรื่อง แรมเหมาะกับการเป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และมีชีวิตชีวา

บุคลิกและที่มา
แรมเป็นทาสหญิงในเรือนของพระยาสีหโยธิน มีบุคลิกที่เรียบง่าย อ่อนน้อม และอาจมีแง่มุมที่แสดงถึงความขี้เล่นหรือความเป็นธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของหนูเล็กที่มักนำความตลกและความมีชีวิตชีวามาสู่บทบาท เธอเป็นตัวละครที่สะท้อนชีวิตของทาสทั่วไปในยุครัชกาลที่ 5 ต้องทำงานหนัก รับใช้เจ้านาย และเผชิญกับความกดดันจากโครงสร้างอำนาจในเรือน

แรมอาจมีลักษณะที่แตกต่างจากทาสคนอื่นเล็กน้อย ด้วยความเป็นตัวละครที่รับบทโดยนักแสดงตลก ทำให้บางฉากอาจมีการแสดงออกที่สร้างรอยยิ้มหรือช่วยผ่อนคลายความเข้มข้นของดราม่า

บทบาทในเรื่อง
แรมเป็นตัวละครประกอบที่ปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของทาสในเรือน ร่วมทำงานกับทาสคนอื่น ๆ เช่น เย็น (มทิรา ตันติประสุต), ฟัก (ขวัญฤดี กลมกล่อม), เที่ยง (ดนัย จารุจินดา), แอบ (วิราการต์ เสณีตันติกุล), และ ม้วน (ธารธารา รุ่งเรือง)

เธออาจมีส่วนในฉากที่แสดงถึงการทำงานในครัว การรับใช้บนเรือน หรือการถูกกดขี่จาก สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) ซึ่งเป็นตัวร้ายหลักของเรื่อง แรมไม่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพล็อตหลัก แต่ช่วยเสริมสร้างความสมจริงของชีวิตทาส และอาจมีฉากที่เพิ่มความขบขันเล็กน้อยเพื่อลดความตึงเครียดของละคร

บทของแรมอาจมีปฏิสัมพันธ์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับเย็นหรือฟัก เช่น การพูดคุยหรือช่วยงานในฉากกลุ่ม ซึ่งช่วยแสดงถึงความเป็นชุมชนของเหล่าทาส

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: แรมจะมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนทาสด้วยกัน เธออาจช่วยเหลือเย็นในงานประจำวันหรือแสดงความเห็นอกเห็นใจ แต่ไม่มีความใกล้ชิดเท่าฟักหรือเที่ยง

กับฟักและเที่ยง: แรมทำงานร่วมกับทั้งสองในเรือนทาส และอาจปรากฏในฉากที่แสดงถึงความสามัคคีของกลุ่มทาส แต่ไม่มีการเน้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

กับสาลี่และบุญมี: ในฐานะทาส แรมอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับคำสั่งและอาจถูกกลั่นแกล้งจากทั้งสอง แต่ไม่มีบทบาทสำคัญในการเผชิญหน้ากับตัวร้ายโดยตรง

กับพระยาสีหโยธินและคุณหญิงแย้ม: แรมมีปฏิสัมพันธ์จำกัดกับนายและนายหญิง เนื่องจากสถานะที่ต่ำต้อยและบทบาทที่ไม่เด่น

การแสดงของหนูเล็ก ก่อนบ่ายฯ (ภัทรวดี ปิ่นทอง)
หนูเล็กนำความเป็นธรรมชาติและความขบขันมาสู่บทแรม ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันให้กับฉากที่อาจจะหนักหน่วงด้วยดราม่า การแสดงของเธอสะท้อนความเป็นทาสที่สมจริงแต่มีแง่มุมที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลาย ในฉากกลุ่มที่แรมปรากฏตัว การแสดงของหนูเล็กอาจมีท่าทางหรือคำพูดที่สร้างรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้กับผู้ชม ซึ่งสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของเธอในฐานะนักแสดงตลกที่มีวลีเด็ดอย่าง “ไม่เห็นจะยากเลย ก่าก๊ะ” จากผลงานอื่น ๆ

→ วริษฐ์ ทิพโกมุท รับบท บุญมา

906580823652
วริษฐ์ ทิพโกมุท

บุญมา ในบทบาทของวริษฐ์ ทิพโกมุท เป็นตัวละครประกอบที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเรือนทาสใน นางทาส 2559 เขาเป็นตัวแทนของทาสทั่วไปที่ต้องเผชิญความยากลำบากและการกดขี่ โดยไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรม การแสดงของวริษฐ์เหมาะสมกับบทบาทที่เรียบง่าย

แต่เนื่องจากบทของบุญมามีจำกัดและขาดพัฒนาการ เขาจึงไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นในเรื่อง บุญมาเหมาะกับการเป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และสะท้อนถึงชีวิตในยุคทาส

บุคลิกและที่มา
บุญมาเป็นทาสชายในเรือนของพระยาสีหโยธิน มีบุคลิกเรียบง่าย อ่อนน้อม และขยันทำงาน สะท้อนภาพชีวิตของทาสทั่วไปในยุครัชกาลที่ 5 ที่ต้องใช้ชีวิตภายใต้การกดขี่และไร้อิสรภาพ เขาเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยแสดงออกมากนัก มักอยู่ในบทบาทของผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งและทำงานหนักในเรือน โดยไม่มีสถานะหรืออำนาจใด ๆ

บุญมาจะมีลักษณะที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้านาย แต่อาจมีแง่มุมที่แสดงถึงความอ่อนแอหรือการยอมจำนนต่อระบบทาส

บทบาทในเรื่อง
บุญมาเป็นตัวละครประกอบที่ปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของทาสในเรือน ร่วมทำงานกับทาสคนอื่น ๆ เช่น เย็น (มทิรา ตันติประสุต), ฟัก (ขวัญฤดี กลมกล่อม), เที่ยง (ดนัย จารุจินดา), แอบ (วิราการต์ เสณีตันติกุล), และ ม้วน (ธารธารา รุ่งเรือง)

เขามีส่วนในฉากที่แสดงถึงการทำงานหนักในเรือน เช่น การทำงานในครัว การดูแลเรือน หรือการรับคำสั่งจาก สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) ซึ่งเป็นตัวร้ายหลัก บุญมาไม่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพล็อตหลัก และไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งใหญ่ในเรื่อง เช่น การกลั่นแกล้งเย็นหรือการเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ คุณหนูแดง

บทบาทของเขาช่วยเสริมสร้างความสมจริงของชีวิตทาส โดยแสดงถึงความเป็นชุมชนและความสัมพันธ์ของเหล่าทาสในเรือน

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: บุญมาจะมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนทาสด้วยกัน เขาอาจแสดงความเห็นอกเห็นใจหรือช่วยเหลือเย็นในงานประจำวัน แต่ไม่มีความใกล้ชิดเท่าฟักหรือเที่ยง

กับฟักและเที่ยง: บุญมาทำงานร่วมกับทั้งสองในเรือนทาส และอาจปรากฏในฉากที่แสดงถึงความสามัคคีของกลุ่มทาส แต่ไม่มีการเน้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

กับสาลี่และบุญมี: ในฐานะทาส บุญมาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับคำสั่งและอาจถูกกลั่นแกล้งจากทั้งสอง แต่ไม่มีบทบาทสำคัญในการเผชิญหน้ากับตัวร้ายโดยตรง

กับพระยาสีหโยธินและคุณหญิงแย้ม: บุญมามีปฏิสัมพันธ์จำกัดกับนายและนายหญิง เนื่องจากสถานะที่ต่ำต้อยและบทบาทที่ไม่เด่น

การแสดงของวริษฐ์ ทิพโกมุท
วริษฐ์ถ่ายทอดความเรียบง่ายและความสมจริงของบุญมาในฐานะทาสได้อย่างเหมาะสม สีหน้าและท่าทางของเขาสะท้อนถึงความยากลำบากและการยอมรับชะตากรรมของตัวละครในระบบทาส ในฉากกลุ่มที่บุญมาปรากฏตัว การแสดงของวริษฐ์ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของความเป็นชุมชนทาส ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสมจริงของชีวิตในเรือน

→ นิรุติ สาวสุดชาติ รับบท เครา

bee05701 2d43 4d46 8f74 f4054ff1e8ca
นิรุติ สาวสุดชาติ

เครา ในบทบาทของนิรุติ สาวสุดชาติ เป็นตัวละครร้ายรองใน นางทาส 2559 ที่ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้กับเรื่องราวผ่านบทบาทนักเลงที่ถูกสาลี่ว่าจ้างเพื่อทำร้ายเย็น เขาเป็นตัวแทนของความรุนแรงและอิทธิพลมืดในสังคมยุคนั้น การแสดงของนิรุติเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของนักเลงที่ดุดัน

แต่เนื่องจากบทของเครามีจำกัดและขาดมิติหรือพัฒนาการ เขาจึงไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเมื่อเทียบกับตัวละครหลักหรือตัวร้ายอื่น ๆ เคราทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในแผนร้ายของสาลี่และช่วยเสริมความเข้มข้นให้กับดราม่าในบางฉากของเรื่อง

บุคลิกและที่มา
เคราเป็นนักเลงที่คุมบ่อนการพนัน มีบุคลิกดุดัน หยาบคาย และพร้อมใช้ความรุนแรงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เขาเป็นตัวละครที่อยู่นอกเรือนของ พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) แต่ถูกดึงเข้ามาในเรื่องผ่านการว่าจ้างของสาลี่ เขามีลักษณะที่แสดงถึงความเป็นอันธพาลในยุคสมัยนั้น เน้นการใช้กำลังและข่มขู่ โดยไม่สนใจศีลธรรมหรือความถูกต้อง

เคราเป็นตัวละครที่สะท้อนด้านมืดของสังคมในยุครัชกาลที่ 5 ซึ่งการพนันและอิทธิพลของนักเลงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนอกระบบ

บทบาทในเรื่อง
เคราได้รับการว่าจ้างจากสาลี่ให้ดักฉุด เย็น (มทิรา ตันติประสุต) เพื่อกำจัดเธอออกจากเรือน เนื่องจากสาลี่อิจฉาที่เย็นได้รับความสนใจจากพระยาสีหโยธินและถูกยกให้เป็นอนุภรรยา ในฉากที่เคราและพวกพยายามฉุดเย็น เขาแสดงความรุนแรงและความเป็นนักเลง แต่แผนนี้ล้มเหลวเมื่อ เที่ยง (ดนัย จารุจินดา) เข้ามาช่วยเย็นไว้ ทำให้เคราและพวกต้องหนีไป

บทบาทของเคราในเรื่องมีจำกัดและเน้นการเป็นเครื่องมือของสาลี่ในแผนร้าย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งหลักในเรือนหรือการเมืองระดับสูงอย่าง พระมหาเทพ (เกียรติกมล ล่าทา) หลังจากแผนล้มเหลว เคราไม่มีบทบาทเด่นในตอนต่อ ๆ ไป และอาจจบลงด้วยการหนีไปหรือถูกลงโทษนอกจอ ซึ่งเรื่องไม่ได้เน้นจุดจบของตัวละครนี้

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับสาลี่: เครามีความสัมพันธ์ในฐานะผู้ถูกว่าจ้าง สาลี่จ่ายเงินให้เขาเพื่อฉุดเย็น แต่เมื่อแผนล้มเหลว ความสัมพันธ์นี้สิ้นสุดลง และสาลี่เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

กับเย็น: เครามองเย็นเป็นเป้าหมายของภารกิจ เขาไม่มีปฏิสัมพันธ์ส่วนตัวหรือความผูกพันกับเย็นนอกเหนือจากความพยายามทำร้ายตามคำสั่ง

กับเที่ยง: เที่ยงเป็นตัวละครที่ขัดขวางแผนของเขา ทำให้เคราและพวกต้องหนีไป ซึ่งแสดงถึงความขัดแย้งสั้น ๆ ระหว่างทั้งสอง

กับตัวละครอื่น: เคราไม่มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับตัวละครหลักอื่น ๆ เช่น พระยาสีหโยธิน, คุณหญิงแย้ม, หรือบุญมี เนื่องจากบทบาทของเขาอยู่นอกเรือน

การแสดงของนิรุติ สาวสุดชาติ
นิรุติถ่ายทอดความดุดันและความเป็นนักเลงของเคราได้อย่างสมจริง สีหน้าและน้ำเสียงที่หยาบคายช่วยสร้างภาพลักษณ์ของตัวร้ายที่เหมาะสมกับบทบาทนักเลงคุมบ่อน ในฉากที่เคราและพวกพยายามฉุดเย็น การแสดงของนิรุติช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความรู้สึกอันตรายให้กับฉาก ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงภัยคุกคามที่เย็นต้องเผชิญ

→ ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์ รับบท ยืน

299215 qgarfk 4.n
ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์

ยืน ในบทบาทของชัชวาล เพชรวิศิษฐ์ เป็นตัวละครสนับสนุนที่สำคัญใน นางทาส 2559 ซึ่งนำเสนอความรักในครอบครัวและความเสียสละผ่านการต่อสู้เพื่อช่วยน้องสาวให้เป็นอิสระ การแสดงของชัชวาลช่วยให้ยืนเป็นตัวละครที่น่าสงสารและน่าจดจำ โดยเฉพาะในฉากที่แสดงถึงความทุ่มเทต่อเย็น แม้ว่าบทจะมีจำกัดในบางช่วง แต่ยืนเป็นตัวละครที่สร้างความรู้สึกผูกพันและเพิ่มความเข้มข้นให้กับดราม่าของเรื่อง

บุคลิกและที่มา
ยืนเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเย็น มาจากครอบครัวยากจนในชนบท ซึ่งต้องเผชิญความลำบากจนต้องยอมให้เย็นถูกขายเป็นทาสในเรือนของ พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) เพื่อแลกเงิน เขามีบุคลิกที่ซื่อสัตย์ อ่อนโยน และมีความรักและความรับผิดชอบต่อน้องสาวอย่างมาก แม้ว่าจะต้องเผชิญข้อจำกัดจากความยากจนและสถานะทางสังคม

ยืนเป็นตัวละครที่แสดงถึงความเสียสละและความพยายามในการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อครอบครัว โดยเฉพาะการช่วยเหลือเย็นให้หลุดพ้นจากชีวิตทาส

บทบาทในเรื่อง
ยืนปรากฏตัวในช่วงแรกของเรื่องในฐานะพี่ชายที่ต้องตัดสินใจส่งเย็นไปเป็นทาส ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดสำหรับเขา แสดงถึงความรู้สึกผิดและความทุกข์ใจ เขากลับเข้ามาในเรื่องอีกครั้งเมื่อพยายามรวบรวมเงินเพื่อมาไถ่ตัวเย็นให้เป็นไท กลายเป็นตัวละครที่นำความหวังมาสู่เย็นในช่วงเวลาที่เธอถูกกดขี่และกลั่นแกล้งในเรือน

หนึ่งในจุดสำคัญของยืนคือการถูก สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) ใส่ร้ายว่าเป็นชู้ของเย็น ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจผิดร้ายแรงจากพระยาสีหโยธิน ทำให้เย็นถูกลงโทษอย่างหนัก เช่น การถูกเฆี่ยนและขัง ในตอนท้าย ยืนสามารถไถ่ตัวเย็นให้เป็นอิสระได้สำเร็จ และช่วยเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการใส่ร้าย ส่งผลให้เย็นได้รับความยุติธรรมและกลับมาเป็นอนุภรรยาของพระยา

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: ยืนมีความรักและความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับเย็นในฐานะพี่ชาย เขารู้สึกผิดที่ต้องส่งเธอไปเป็นทาส และทุ่มเทเพื่อช่วยให้เธอเป็นอิสระ ความสัมพันธ์นี้เป็นหนึ่งในจุดที่สร้างความซึ้งใจให้กับผู้ชม

กับสาลี่และบุญมี: ยืนกลายเป็นเป้าหมายของการใส่ร้ายจากทั้งสอง ซึ่งมองเขาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายเย็น การถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้ทำให้เขาต้องเผชิญความอยุติธรรมอย่างรุนแรง

กับพระยาสีหโยธิน: ยืนมีปฏิสัมพันธ์จำกัดกับพระยา แต่การถูกใส่ร้ายทำให้เขาเผชิญความโกรธจากพระยาในช่วงหนึ่ง จนกระทั่งความจริงถูกเปิดเผย

กับตัวละครอื่น: ยืนไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่เด่นชัดกับตัวละครอื่น เช่น คุณหญิงแย้ม (วิริฒิพา แย้มนาม) หรือ ฟัก (ขวัญฤดี กลมกล่อม) เนื่องจากบทบาทของเขามุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือเย็น

การแสดงของชัชวาล เพชรวิศิษฐ์
ชัชวาลถ่ายทอดความรู้สึกผิดและความรักต่อน้องสาวของยืนได้อย่างน่าเชื่อถือ สีหน้าและน้ำเสียงในฉากที่ต้องเผชิญความยากลำบากหรือการถูกใส่ร้ายช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเห็นใจตัวละคร ฉากที่ยืนพยายามช่วยเย็นให้เป็นอิสระ และฉากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับการถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้ แสดงถึงความมุ่งมั่นและความเสียสละของตัวละครได้ดี ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความผูกพันระหว่างพี่น้อง

→ เวนย์ ฟอลโคเนอร์ รับบท พ่อเย็น

เวนย์ ฟอลโคเนอร์

พ่อของเย็น ในบทบาทของเวนย์ ฟอลโคเนอร์ เป็นตัวละครประกอบที่สำคัญในช่วงต้นเรื่องของ นางทาส 2559 โดยเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในชีวิตของเย็น การตัดสินใจขายลูกสาวไปเป็นทาสสะท้อนถึงความยากลำบากและความสิ้นหวังของครอบครัวยากจน การแสดงของเวนย์ช่วยถ่ายทอดความรู้สึกผิดและความทุกข์ใจของตัวละครได้ดี แม้ว่าบทจะมีจำกัดและปรากฏเพียงช่วงสั้น ๆ แต่พ่อของเย็นเป็นตัวละครที่ช่วยจุดประกายเรื่องราวและสร้างความเห็นใจให้กับผู้ชม ทำให้เข้าใจที่มาของความทุกข์ของเย็นในฐานะนางทาส

บุคลิกและที่มา
พ่อของเย็นเป็นชาวบ้านยากจนที่อาศัยอยู่ในชนบท มีชีวิตที่ลำบากข้นแค้นและต้องเลี้ยงดูครอบครัวในสภาวะที่ขาดแคลน เขามีบุคลิกที่สะท้อนถึงความสิ้นหวังและความจำยอมต่อสถานการณ์ที่ยากจน เขาเป็นตัวละครที่แสดงถึงความอ่อนแอของมนุษย์เมื่อเผชิญกับความยากจน โดยต้องตัดสินใจที่เจ็บปวดเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว

แม้จะรักลูก ๆ อย่างเย็นและยืน แต่ความกดดันจากความยากจนทำให้เขาต้องยอมเสียสละลูกสาว ซึ่งสะท้อนถึงความขัดแย้งภายในใจระหว่างความรักและความจำเป็น

บทบาทในเรื่อง
พ่อของเย็นมีบทบาทสำคัญในช่วงต้นเรื่อง เมื่อเขาตัดสินใจขายเย็นให้เป็นทาสในเรือนของ พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) เพื่อนำเงินไปใช้ในการเอาตัวรอดของครอบครัว การตัดสินใจนี้เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในชีวิตของเย็น ซึ่งถูกส่งไปเผชิญชะตากรรมในฐานะทาส

เขาปรากฏตัวในฉากที่แสดงถึงความยากจนของครอบครัว โดยมี แม่ของเย็น (ปริศนา กล่ำพินิจ) ร่วมแสดงถึงความทุกข์ใจในการสูญเสียลูกสาว หลังจากส่งเย็นไปเป็นทาส พ่อของเย็นไม่มีบทบาทเด่นในเรื่องอีกต่อไป เนื่องจากเรื่องราวมุ่งเน้นไปที่ชีวิตของเย็นในเรือนทาสและความขัดแย้งกับ สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม)

บทบาทของเขาเป็นเหมือนตัวเร่งให้เกิดเรื่องราวหลัก โดยการตัดสินใจของเขานำไปสู่การพัฒนาการของตัวละครหลักอย่างเย็น

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: พ่อของเย็นรักลูกสาว แต่ต้องยอมขายเธอไปเป็นทาสเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ความสัมพันธ์นี้แสดงถึงความเจ็บปวดในใจของทั้งสองฝ่าย โดยเย็นเข้าใจความจำเป็นของพ่อและไม่โทษเขา

กับยืน: ในฐานะพ่อของยืน เขาจะมีความผูกพันกับลูกชายเช่นกัน แต่ในเรื่องเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างยืนและเย็นมากกว่า ทำให้ความสัมพันธ์นี้ไม่ถูกสำรวจมากนัก

กับแม่ของเย็น: เขาและภรรยาร่วมกันเผชิญความยากลำบากและตัดสินใจขายเย็น โดยทั้งคู่แสดงถึงความทุกข์ใจในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก

กับตัวละครอื่น: พ่อของเย็นไม่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับตัวละครในเรือน เช่น พระยาสีหโยธิน, คุณหญิงแย้ม, หรือสาลี่ เนื่องจากบทบาทของเขาจำกัดอยู่ในฉากต้นเรื่อง

การแสดงของเวนย์ ฟอลโคเนอร์
เวนย์ ฟอลโคเนอร์ นักแสดงลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่มีประสบการณ์ในบทบาทตัวร้ายหรือตัวละครที่มีสีสัน ถ่ายทอดความสิ้นหวังและความรู้สึกผิดของพ่อเย็นได้อย่างสมจริง สีหน้าและน้ำเสียงของเขาในฉากที่ต้องตัดสินใจขายลูกสาวแสดงถึงความขัดแย้งภายในใจได้ดี

จฉากที่พ่อของเย็นต้องส่งลูกสาวไปเป็นทาสเป็นหนึ่งในฉากที่สร้างความสะเทือนใจให้ผู้ชม โดยเฉพาะเมื่อรวมกับการแสดงของ ปริศนา กล่ำพินิจ ในบทแม่ของเย็น ซึ่งช่วยเน้นความโศกเศร้าของครอบครัว

→ ปริศนา กล่ำพินิจ รับบท แม่เย็น

ae4e6c96 9c51 4685 844b e2da717542a6
ปริศนา กล่ำพินิจ

แม่ของเย็น ในบทบาทของปริศนา กล่ำพินิจ เป็นตัวละครประกอบที่สำคัญในช่วงต้นเรื่องของ นางทาส 2559 โดยเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมในชีวิตของเย็น การตัดสินใจขายลูกสาวไปเป็นทาสสะท้อนถึงความยากลำบากและความสิ้นหวังของครอบครัว

การแสดงของปริศนาช่วยถ่ายทอดความรักและความทุกข์ใจของตัวละครได้อย่างน่าประทับใจ แม้ว่าบทจะมีจำกัดและปรากฏเพียงช่วงสั้น ๆ แม่ของเย็นเป็นตัวละครที่ช่วยจุดประกายเรื่องราวและสร้างความเห็นใจให้กับผู้ชม ทำให้เข้าใจที่มาของการต่อสู้ของเย็นในฐานะนางทาส

บุคลิกและที่มา
แม่ของเย็นเป็นชาวบ้านยากจนที่อาศัยอยู่ในชนบท ร่วมกับสามี (พ่อของเย็น, รับบทโดยเวนย์ ฟอลโคเนอร์) และลูก ๆ เธอมีบุคลิกที่อ่อนโยน รักลูก และเต็มไปด้วยความทุกข์ใจจากความยากจนที่บีบคั้นครอบครัว เธอสะท้อนภาพของแม่ที่ต้องเผชิญความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสาว เนื่องจากความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ทำให้ต้องยอมให้เย็นถูกขายไปเป็นทาส

แม่เย็นเป็นตัวละครที่แสดงถึงความขัดแย้งภายในระหว่างความรักต่อลูกและความจำยอมต่อสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก

บทบาทในเรื่อง
แม่ของเย็นมีบทบาทสำคัญในช่วงต้นเรื่อง เมื่อครอบครัวตัดสินใจขายเย็นให้เป็นทาสในเรือนของ พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) เพื่อแลกเงินเลี้ยงชีพ การตัดสินใจนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่นำเย็นไปสู่ชีวิตทาสและความขัดแย้งในเรือน

เธอปรากฏในฉากที่แสดงถึงความยากจนและความเสียใจของครอบครัว โดยร่วมกับพ่อของเย็นแสดงความทุกข์ใจเมื่อต้องส่งลูกสาวไปเป็นทาส หลังจากฉากต้นเรื่อง แม่ของเย็นไม่มีบทบาทเด่นในเรื่องอีกต่อไป เนื่องจากละครมุ่งเน้นไปที่ชีวิตของเย็นในเรือนทาสและการต่อสู้กับ สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม)

บทบาทของเธอเป็นเหมือนตัวเร่งให้เกิดเรื่องราวหลัก โดยการสูญเสียเย็นเป็นจุดที่กระตุ้นความเห็นใจจากผู้ชมและกำหนดชะตากรรมของตัวละครหลัก

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: แม่ของเย็นรักลูกสาวอย่างสุดหัวใจ การต้องส่งเย็นไปเป็นทาสเป็นความเจ็บปวดที่แสดงถึงความเสียสละเพื่อครอบครัว เย็นเข้าใจความจำเป็นนี้และไม่โทษแม่

กับยืน: ในฐานะแม่ของยืน เธอจะมีความผูกพันกับลูกชายเช่นกัน แต่เรื่องเน้นความสัมพันธ์ระหว่างยืนและเย็นมากกว่า ทำให้ความสัมพันธ์นี้ไม่ถูกสำรวจมากนัก

กับพ่อของเย็น: เธอและสามีร่วมกันเผชิญความยากลำบากและตัดสินใจขายเย็น โดยทั้งคู่แสดงถึงความทุกข์ใจในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก

กับตัวละครอื่น: แม่ของเย็นไม่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับตัวละครในเรือน เช่น พระยาสีหโยธิน, คุณหญิงแย้ม, หรือสาลี่ เนื่องจากบทบาทของเธอจำกัดอยู่ในฉากต้นเรื่อง

การแสดงของปริศนา กล่ำพินิจ
ปริศนา กล่ำพินิจ ถ่ายทอดความทุกข์ใจและความรักของแม่เย็นได้อย่างน่าเชื่อถือ สีหน้าและน้ำเสียงในฉากที่ต้องส่งลูกสาวไปเป็นทาสแสดงถึงความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดได้ดี ทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นใจ ฉากที่แม่ของเย็นต้องร่ำลาเย็นเมื่อถูกส่งไปเป็นทาสเป็นหนึ่งในฉากที่สะเทือนใจ โดยเฉพาะเมื่อรวมกับการแสดงของ เวนย์ ฟอลโคเนอร์ ในบทพ่อของเย็น ซึ่งช่วยเน้นความโศกเศร้าของครอบครัว

→ ปุณยวีร์ ปัจจันตโฆษิต รับบท ขาว

6iImpYCssJpsdhB 1747965587
ปุณยวีร์ ปัจจันตโฆษิต

ขาว ในบทบาทของปุณยวีร์ ปัจจันตโฆษิต เป็นตัวละครประกอบที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเรือนทาสใน นางทาส 2559 เธอเป็นตัวแทนของทาสทั่วไปที่ต้องเผชิญความยากลำบากและการกดขี่ โดยไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรม

การแสดงของปุณยวีร์เหมาะสมกับบทบาทที่เรียบง่าย แต่เนื่องจากบทของขาวมีจำกัดและขาดพัฒนาการ เธอจึงไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นในเรื่อง ขาวเหมาะกับการเป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และสะท้อนถึงชีวิตในยุคทาส

บุคลิกและที่มา
ขาวเป็นทาสในเรือนของพระยาสีหโยธิน มีบุคลิกที่เรียบง่าย อ่อนน้อม และขยันทำงาน สะท้อนภาพของทาสทั่วไปในยุครัชกาลที่ 5 ที่ต้องใช้ชีวิตภายใต้การกดขี่และไร้อิสรภาพ เธอเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยแสดงออกมากนัก มักอยู่ในบทบาทของผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งและทำงานหนักในเรือน โดยไม่มีสถานะหรืออำนาจใด ๆ

ขาวอาจมีลักษณะที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้านาย คล้ายกับตัวละครทาสอื่น ๆ เช่น แอบ (วิราการต์ เสณีตันติกุล) หรือ ม้วน (ธารธารา รุ่งเรือง)

บทบาทในเรื่อง
ขาวเป็นตัวละครประกอบที่ปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของทาสในเรือน ร่วมทำงานกับทาสคนอื่น ๆ เช่น เย็น (มทิรา ตันติประสุต), ฟัก (ขวัญฤดี กลมกล่อม), เที่ยง (ดนัย จารุจินดา), แอบ, ม้วน, แรม (หนูเล็ก ก่อนบ่ายฯ), และ บุญมา (วริษฐ์ ทิพโกมุท)

เธอมีส่วนในฉากที่แสดงถึงการทำงานในครัว การรับใช้บนเรือน หรือการเผชิญหน้ากับการกดขี่จาก สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) ซึ่งเป็นตัวร้ายหลัก ขาวไม่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพล็อตหลัก และไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งใหญ่ในเรื่อง เช่น การกลั่นแกล้งเย็นหรือการเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ คุณหนูแดง

บทบาทของขาวช่วยเสริมสร้างความสมจริงของชีวิตทาส โดยแสดงถึงความเป็นชุมชนและความสัมพันธ์ของเหล่าทาสในเรือน

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: ขาวจะมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนทาสด้วยกัน เธออาจช่วยเหลือเย็นในงานประจำวันหรือแสดงความเห็นอกเห็นใจ แต่ไม่มีความใกล้ชิดเท่าฟักหรือเที่ยง

กับฟักและเที่ยง: ขาวทำงานร่วมกับทั้งสองในเรือนทาส และอาจปรากฏในฉากที่แสดงถึงความสามัคคีของกลุ่มทาส แต่ไม่มีการเน้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

กับสาลี่และบุญมี: ในฐานะทาส ขาวอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับคำสั่งและอาจถูกกลั่นแกล้งจากทั้งสอง แต่ไม่มีบทบาทสำคัญในการเผชิญหน้ากับตัวร้ายโดยตรง

กับพระยาสีหโยธินและคุณหญิงแย้ม: ขาวมีปฏิสัมพันธ์จำกัดกับนายและนายหญิง เนื่องจากสถานะที่ต่ำต้อยและบทบาทที่ไม่เด่น

การแสดงของปุณยวีร์ ปัจจันตโฆษิต
จปุณยวีร์ถ่ายทอดความเรียบง่ายและความสมจริงของขาวในฐานะทาสได้อย่างเหมาะสม สีหน้าและท่าทางของเธอจะสะท้อนถึงความยากลำบากและการยอมรับชะตากรรมของตัวละครในระบบทาส ในฉากกลุ่มที่ขาวปรากฏตัว การแสดงของปุณยวีร์ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของความเป็นชุมชนทาส ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสมจริงของชีวิตในเรือน

→ ธนาวุฒิ เกสโร รับบท ขุนปราบ

ธนาวุฒิ เกสโร

ขุนปราบ ในบทบาทของธนาวุฒิ เกสโร เป็นตัวร้ายรองใน นางทาส 2559 ที่ช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความขัดแย้งนอกเรือนของพระยาสีหโยธิน เขาเป็นตัวแทนของขุนนางที่ฉ้อฉลและใช้อำนาจในทางมิชอบ การแสดงของธนาวุฒิเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของตัวร้ายที่หยิ่งยโสและน่ากลัว

แต่เนื่องจากบทของขุนปราบมีจำกัดและขาดพัฒนาการหรือบทสรุปที่ชัดเจน เขาจึงไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเมื่อเทียบกับตัวละครหลักหรือตัวร้ายในเรือน ขุนปราบทำหน้าที่เป็นตัวเร่งความขัดแย้งในบางฉากและช่วยเสริมความสมจริงของบริบทสังคมในยุคนั้น

บุคลิกและที่มา
ขุนปราบเป็นขุนนางในยุครัชกาลที่ 5 ที่มีนิสัยฉ้อฉลและเห็นแก่ตัว เขาเป็นตัวละครที่แสดงถึงการใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่สนใจศีลธรรมหรือความถูกต้อง เขามีบุคลิกที่หยิ่งยโส มักแสดงความเป็นผู้มีอำนาจ และมีท่าทีที่กดขี่ผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) ซึ่งเป็นตัวละครที่ยึดมั่นในความยุติธรรม ขุนปราบเป็นตัวแทนของความเน่าเฟะในระบบขุนนางในยุคนั้น ซึ่งตัดกันกับความซื่อสัตย์ของพระยาสีหโยธิน

บทบาทในเรื่อง
ขุนปราบมีบทบาทเป็นตัวร้ายรองที่สร้างความขัดแย้งนอกเรือนของพระยาสีหโยธิน โดยเขาพยายามติดสินบนพระยาสีหโยธินเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ถูกปฏิเสธ จากความแค้นที่พระยาสีหโยธินไม่ยอมรับสินบน ขุนปราบจึงวางแผนยกพวกมาดักโจมตีเพื่อหวังฆ่าพระยาสีหโยธินและปล้นอาวุธในกองเสบียง ฉากนี้เป็นหนึ่งในฉากสำคัญที่แสดงถึงความชั่วร้ายของเขา

ในระหว่างการโจมตี พระมหาเทพ (เกียรติกมล ล่าทา) ซึ่งเป็นอีกตัวละครที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ ฉวยโอกาสหนีเอาตัวรอดโดยไม่ช่วยพระยาสีหโยธิน แต่โชคดีที่ ยืน (ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์) พี่ชายของเย็น ผ่านมาและช่วยพระยาสีหโยธินไว้ได้
หลังจากแผนล้มเหลว ขุนปราบไม่มีบทบาทเด่นในเรื่องอีกต่อไป และเรื่องไม่ได้เน้นจุดจบของตัวละครนี้อย่างชัดเจน

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับพระยาสีหโยธิน: ขุนปราบมีความขัดแย้งโดยตรงกับพระยาสีหโยธิน เนื่องจากความแตกต่างในอุดมการณ์ ขุนปราบพยายามติดสินบนและต่อมาโจมตีพระยา แต่ล้มเหลว

กับพระมหาเทพ: ขุนปราบและพระมหาเทพมีความสัมพันธ์ในฐานะผู้ร่วมแผนร้าย โดยพระมหาเทพฉวยโอกาสหนีเมื่อแผนโจมตีล้มเหลว แสดงถึงความเห็นแก่ตัวของทั้งคู่

กับยืน: ยืนเป็นตัวละครที่ขัดขวางแผนของขุนปราบโดยบังเอิญเมื่อช่วยพระยาสีหโยธิน ทำให้ขุนปราบไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้

กับตัวละครอื่น: ขุนปราบไม่มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับตัวละครในเรือน เช่น เย็น, คุณหญิงแย้ม, หรือ สาลี่ เนื่องจากบทบาทของเขาอยู่นอกเรือนและเน้นการขัดแย้งกับพระยาสีหโยธิน

การแสดงของธนาวุฒิ เกสโร
ธนาวุฒิถ่ายทอดความเป็นตัวร้ายของขุนปราบได้อย่างน่าเชื่อถือ สีหน้าและท่าทางที่แสดงถึงความหยิ่งยโสและความฉ้อฉลช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่ากลัวและน่ารังเกียจ ในฉากที่ขุนปราบวางแผนโจมตีพระยาสีหโยธิน การแสดงของธนาวุฒิช่วยเพิ่มความตึงเครียดและทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงภัยคุกคามที่พระยาต้องเผชิญ

→ กิตติพล เกศมณี รับบท ทนาย

ZV4VJ 5f
กิตติพล เกศมณี

ทนาย ในบทบาทของกิตติพล เกศมณี เป็นตัวละครประกอบใน นางทาส 2559 ที่ช่วยเสริมความสมจริงของบริบททางกฎหมายในเรือนของพระยาสีหโยธิน เขาเป็นตัวแทนของที่ปรึกษาทางกฎหมายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรง แต่ไม่มีมิติทางอารมณ์หรือบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนพล็อตหลัก การแสดงของกิตติพลเหมาะสมกับบทบาทที่เรียบง่าย

แต่เนื่องจากบทของทนายมีจำกัดและขาดพัฒนาการ เขาจึงไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่นหรือน่าจดจำเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นในเรื่อง ทนายทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของฉากหลังที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และสะท้อนถึงระบบสังคมในยุคทาส

บุคลิกและที่มา
ทนายเป็นตัวละครที่มีบทบาทในฐานะผู้จัดการด้านกฎหมายหรือที่ปรึกษาของเรือนพระยาสีหโยธิน เขาจะมีบุคลิกที่สุขุม รอบคอบ และมีความรู้ในด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบทาสและทรัพย์สินในยุครัชกาลที่ 5 เขาเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงบทบาทของ “ทนาย” ในสังคมสมัยนั้น ซึ่งมักทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดการเอกสาร การเงิน หรือข้อพิพาทของครอบครัวขุนนาง

ทนายไม่ใช่ตัวละครที่มีมิติทางอารมณ์มากนัก เนื่องจากบทบาทของเขามุ่งเน้นที่การปฏิบัติหน้าที่มากกว่าการมีส่วนในดราม่าหลักของเรื่อง

บทบาทในเรื่อง
ทนายปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินหรือการดำเนินการทางกฎหมายของเรือน เช่น การจัดการเรื่องการไถ่ตัวทาส หรือการตกลงเรื่องมรดกและทรัพย์สินของครอบครัว เขามีส่วนในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ เย็น (มทิรา ตันติประสุต) โดยเฉพาะในช่วงที่ ยืน (ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์) พยายามไถ่ตัวเย็นให้เป็นไท ซึ่งอาจต้องมีการเจรจาหรือดำเนินการผ่านทนาย

ทนายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งหลักในเรือน เช่น การกลั่นแกล้งเย็นโดย สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) หรือการเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ คุณหนูแดง บทบาทของเขาเป็นเพียงตัวละครประกอบที่ช่วยเติมเต็มความสมจริงของบริบททางกฎหมายในเรือนขุนนาง และอาจปรากฏในฉากที่ต้องมีการตัดสินใจสำคัญเกี่ยวกับสถานะของตัวละคร เช่น การปล่อยตัวเย็นเป็นไท

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับพระยาสีหโยธิน: ทนายทำงานให้พระยาในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมาย เขาน่าจะเคารพและปฏิบัติตามคำสั่งของพระยาโดยไม่ขัดแย้ง

กับเย็นและยืน: ทนายอาจมีปฏิสัมพันธ์เล็กน้อยเมื่อมีการเจรจาเรื่องการไถ่ตัวเย็น แต่ไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือลึกซึ้งกับทั้งสอง

กับตัวละครอื่น: ทนายไม่มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับตัวละครหลักอื่น ๆ เช่น คุณหญิงแย้ม (วิริฒิพา แย้มนาม), สาลี่, บุญมี, หรือ เที่ยง (ดนัย จารุจินดา) เนื่องจากบทบาทของเขาอยู่ในขอบเขตของการจัดการด้านกฎหมาย

การแสดงของกิตติพล เกศมณี
กิตติพลถ่ายทอดภาพลักษณ์ของทนายที่สุขุมและน่าเชื่อถือได้ดี สีหน้าและท่าทางจะสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพในบทบาทที่ต้องจัดการงานด้านกฎหมาย ในฉากที่ต้องแสดงถึงการเจรจาหรือการจัดการเอกสาร การแสดงของกิตติพลช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับบริบทของเรือนขุนนาง โดยเฉพาะในยุคที่ระบบทาสยังถูกกฎหมาย

→ ด.ญ. ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล รับบท คุณแดง

hqdefault
ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล

คุณหนูแดง ในบทบาทของด.ญ. ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล เป็นตัวละครเด็กที่สำคัญใน นางทาส 2559 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสูญเสียและความหวังของเย็น การที่เธอถูกพรากจากแม่แท้ ๆ และเลี้ยงดูโดยคุณหญิงแย้มช่วยขับเคลื่อนความขัดแย้งหลักของเรื่อง การแสดงของชนัญญานำความไร้เดียงสาและความน่ารักมาสู่ตัวละครได้ดี แม้ว่าบทจะมีจำกัดและเน้นการเป็นสัญลักษณ์มากกว่ามีมิติในตัวเอง คุณหนูแดงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับดราม่าและสร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับผู้ชม โดยเฉพาะในแง่ของความรักระหว่างแม่ลูก

บุคลิกและที่มา
คุณหนูแดงเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก อายุประมาณ 4-6 ขวบในช่วงเวลาของเรื่อง เธอมีบุคลิกที่ไร้เดียงสา น่ารัก และเป็นที่รักของทุกคนในเรือน โดยเฉพาะคุณหญิงแย้มที่เลี้ยงดูเธออย่างทะนุถนอม เธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเย็น ซึ่งเกิดจาก พระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) แต่ถูกคุณหญิงแย้มแย่งไปเลี้ยงและอ้างว่าเป็นลูกของตน เนื่องจากคุณหญิงแย้มไม่สามารถมีลูกได้

คุณหนูแดงไม่รู้ตัวถึงความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตน และใช้ชีวิตในฐานะเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีในเรือนใหญ่ ซึ่งตัดกันกับความทุกข์ยากของเย็นในฐานะทาส

บทบาทในเรื่อง
คุณหนูแดงเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนความขัดแย้งหลักในเรื่อง โดยเฉพาะความเจ็บปวดของเย็นที่ต้องสูญเสียลูกสาวไปตั้งแต่แรกเกิด และถูกบังคับให้เก็บความจริงว่าเป็นแม่แท้ ๆ ไว้ เธอปรากฏในฉากที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณหญิงแย้ม ซึ่งเลี้ยงดูเธออย่างรักใคร่ราวกับเป็นลูกแท้ ๆ แต่ในขณะเดียวกัน เย็นต้องทนเห็นลูกของตนเรียกคนอื่นว่า “แม่” ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ชม

คุณหนูแดงไม่มีส่วนรู้ถึงความขัดแย้งของผู้ใหญ่ เช่น การกลั่นแกล้งเย็นโดย สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) หรือการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของเย็น ในตอนท้าย เมื่อความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเธอถูกเปิดเผย คุณหนูแดงได้กลับมาอยู่กับเย็น ซึ่งเป็นจุดจบที่สมหวังและช่วยเยียวยาความเจ็บปวดของเย็น

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: คุณหนูแดงเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเย็น แต่ไม่รู้ว่าเย็นเป็นแม่ของตน ความสัมพันธ์นี้เป็นจุดที่สร้างความเจ็บปวดให้เย็น และเป็นแรงผลักดันให้เย็นต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริง

กับคุณหญิงแย้ม: คุณหญิงแย้มเลี้ยงดูคุณหนูแดงอย่างรักใคร่ราวกับเป็นลูกแท้ ๆ ความสัมพันธ์นี้แสดงถึงความรักของผู้หญิงที่ไม่สามารถมีลูกได้ แต่ก็เป็นต้นเหตุของความอยุติธรรมต่อเย็น

กับพระยาสีหโยธิน: ในฐานะพ่อแท้ ๆ พระยารักคุณหนูแดงมาก แต่ในช่วงแรกของเรื่อง เขาเชื่อว่าคุณหนูแดงเป็นลูกของคุณหญิงแย้ม จนกระทั่งความจริงถูกเปิดเผย

กับตัวละครอื่น: คุณหนูแดงไม่มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับตัวละครอื่น เช่น สาลี่, บุญมี, หรือ เที่ยง (ดนัย จารุจินดา) เนื่องจากบทบาทของเธอเน้นที่ความสัมพันธ์ในครอบครัว

การแสดงของด.ญ. ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล
ด.ญ. ชนัญญานำเสนอความไร้เดียงสาและความน่ารักของคุณหนูแดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ การแสดงของเธอช่วยให้ตัวละครนี้ดูสมจริงในฐานะเด็กที่ไม่รู้ถึงความขัดแย้งของผู้ใหญ่ ในฉากที่คุณหนูแดงแสดงความรักต่อคุณหญิงแย้มหรือฉากที่เย็นแอบมองลูกสาวด้วยความเจ็บปวด การแสดงของชนัญญาช่วยเพิ่มความสะเทือนใจให้กับผู้ชม โดยเฉพาะเมื่อตัดสลับกับอารมณ์ของเย็น

→ ด.ช. ปัญกร จันทรศร รับบท คุณรุ่ง

ox3ndfiehJNYvOXx0G5 o
ด.ช. ปัญกร จันทรศร

คุณรุ่ง ในบทบาทของด.ช. ปัญกร จันทรศร เป็นตัวละครเด็กประกอบใน นางทาส 2559 ที่ช่วยเสริมบรรยากาศของครอบครัวขุนนางและเพิ่มความเข้มข้นให้กับดราม่าผ่านเหตุการณ์สำคัญ เช่น การตกน้ำที่นำไปสู่การลงโทษเย็น การแสดงของปัญกรนำความไร้เดียงสาและความน่ารักมาสู่ตัวละครได้ดี แม้ว่าบทจะมีจำกัดและเน้นการเป็นส่วนหนึ่งของฉากมากกว่ามีมิติในตัวเอง คุณรุ่งเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มความสมจริงของเรือนใหญ่และเน้นความอยุติธรรมที่เย็นต้องเผชิญในฐานะทาส

บุคลิกและที่มา
คุณรุ่งเป็นเด็กชายตัวเล็ก อายุประมาณ 4-6 ขวบในช่วงเวลาของเรื่อง มีบุคลิกที่ไร้เดียงสา ขี้เล่น และน่ารักตามวัยของเด็กในครอบครัวขุนนาง ในฐานะลูกชายของพระยาสีหโยธินและคุณหญิงแย้ม เขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีและมีสถานะเป็น “คุณรุ่ง” ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นบุคคลสำคัญในเรือน

คุณรุ่งไม่รู้ถึงความขัดแย้งของผู้ใหญ่ในเรือน เช่น การกลั่นแกล้ง เย็น (มทิรา ตันติประสุต) โดย สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) หรือความจริงเกี่ยวกับ คุณหนูแดง (ด.ญ. ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล) ที่เป็นลูกของเย็น

บทบาทในเรื่อง
คุณรุ่งปรากฏในฉากที่แสดงถึงชีวิตประจำวันในเรือนใหญ่ โดยเฉพาะฉากที่เขาเล่นกับ คุณหนูแดง ซึ่งเป็นน้องสาว (ตามที่เข้าใจในเรื่อง) หรือฉากที่เขาได้รับความรักจากคุณหญิงแย้มและพระยาสีหโยธิน หนึ่งในฉากสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคุณรุ่งคือเหตุการณ์ที่เขาเล่นกับคุณหนูแดงจนตกน้ำโดยบังเอิญ ทำให้ เย็น ต้องรีบกระโดดลงไปช่วย แต่ถูก บุญมี เข้าใจผิดว่าเย็นเป็นต้นเหตุและลงโทษเย็นด้วยการเฆี่ยน คุณหนูแดงสารภาพความจริงในภายหลังว่าเธอเป็นคนทำให้คุณรุ่งตกน้ำ ซึ่งนำไปสู่การที่ คุณหญิงแย้ม และ พระยาสีหโยธิน เข้ามาช่วยเย็น และเป็นจุดที่ทำให้เย็นได้รับความเห็นใจจากพระยามากขึ้น

คุณรุ่งไม่มีส่วนรู้ถึงความขัดแย้งหลักในเรื่อง เช่น การใส่ร้ายเย็นหรือการเปิดเผยชาติกำเนิดของคุณหนูแดง แต่บทบาทของเขาในฉากต่าง ๆ ช่วยเน้นความไร้เดียงสาของเด็กที่ตัดกันกับความโหดร้ายของผู้ใหญ่ ในตอนท้าย คุณรุ่งยังคงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพระยาสีหโยธิน และไม่มีบทบาทเด่นในบทสรุปของเรื่อง

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับคุณหญิงแย้ม: คุณรุ่งเป็นลูกชายแท้ ๆ ของคุณหญิงแย้ม เธอรักและดูแลเขาอย่างดี สะท้อนถึงความเป็นแม่ที่ปกป้องลูก

กับพระยาสีหโยธิน: ในฐานะพ่อ คุณรุ่งได้รับความรักและความเอาใจใส่จากพระยา แต่ความสัมพันธ์นี้ไม่ถูกเน้นมากนักในเรื่อง

กับคุณหนูแดง: คุณรุ่งและคุณหนูแดงมีความสัมพันธ์เหมือนพี่น้องที่เล่นด้วยกัน ฉากที่ทั้งสองเล่นกันจนเกิดอุบัติเหตุเป็นจุดที่แสดงถึงความไร้เดียงสาของทั้งคู่

กับเย็น: คุณรุ่งไม่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับเย็นมากนัก แต่ในฉากที่เย็นช่วยเขาจากการตกน้ำ แสดงถึงความเมตตาของเย็นที่มีต่อเด็กในเรือน โดยที่คุณรุ่งไม่รู้ว่าเย็นเป็นแม่ของน้องสาวของเขา

กับตัวละครอื่น: คุณรุ่งไม่มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับตัวละครอื่น เช่น สาลี่, บุญมี, หรือ เที่ยง (ดนัย จารุจินดา) เนื่องจากบทบาทของเขาจำกัดอยู่ในฐานะเด็ก

การแสดงของด.ช. ปัญกร จันทรศร
ปัญกรนำเสนอความไร้เดียงสาและความน่ารักของคุณรุ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ การแสดงของเขาสอดคล้องกับบทบาทของเด็กเล็กที่ไม่รู้ถึงความขัดแย้งของผู้ใหญ่ ในฉากที่คุณรุ่งตกน้ำและเย็นช่วยไว้ การแสดงของปัญกรในฐานะเด็กที่ตื่นตระหนกช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับเหตุการณ์ และทำให้ฉากนี้มีความตึงเครียดและสะเทือนใจเมื่อเย็นถูกลงโทษโดยไม่เป็นธรรม

→ ด.ญ.นภัธนันท์ นิมจิรวัฒน์ รับบท คุณแดง (ตอนโต)

1385715814 tnews13579 o
นภัธนันท์ นิมจิรวัฒน์

คุณหนูแดง (ตอนโต) ในบทบาทของด.ญ. นภัธนันท์ นิมจิรวัฒน์ เป็นตัวละครประกอบที่สำคัญในช่วงท้ายของ นางทาส 2559 โดยเป็นส่วนหนึ่งของบทสรุปที่นำความสมหวังมาสู่เย็น การที่เธอยอมรับเย็นในฐานะแม่แท้ ๆ ช่วยปิดฉากเรื่องราวด้วยความรู้สึกอบอุ่นและยุติธรรม การแสดงของนภัธนันท์นำความอ่อนโยนและความสมจริงมาสู่ตัวละครได้ดี แม้ว่าบทจะมีจำกัดและเน้นการเป็นสัญลักษณ์ของการคืนความยุติธรรมมากกว่ามีมิติในตัวเอง คุณหนูแดง (ตอนโต) เป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของเรื่องและสร้างความซึ้งใจให้กับผู้ชมในตอนจบ

บุคลิกและที่มา
คุณหนูแดง (ตอนโต) เป็นเด็กสาววัยรุ่น (ประมาณ 10-12 ปี) ที่เติบโตในเรือนของพระยาสีหโยธิน โดยได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะลูกสาวของคุณหญิงแย้ม เธอมีบุคลิกที่อ่อนโยน เรียบร้อย และมีความสง่างามตามแบบฉบับของเด็กสาวในครอบครัวขุนนาง

เธอยังคงไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนในช่วงแรกของการปรากฏตัว โดยเชื่อว่าคุณหญิงแย้มเป็นแม่แท้ ๆ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในฐานะ “คุณหนู” คุณหนูแดง (ตอนโต) สะท้อนถึงเด็กสาวที่ได้รับการอบรมให้มีมารยาทและการศึกษา แต่เมื่อความจริงเกี่ยวกับแม่แท้ ๆ ถูกเปิดเผย เธอเริ่มแสดงความรู้สึกสับสนและความผูกพันต่อทั้งคุณหญิงแย้มและเย็น

บทบาทในเรื่อง
คุณหนูแดง (ตอนโต) ปรากฏในช่วงท้ายของเรื่อง ซึ่งเป็นช่วงที่เรื่องราวขยับไปสู่อนาคตหลังจากการต่อสู้ของเย็นเพื่อพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของลูกสาว เธอมีบทบาทสำคัญในฉากที่ความจริงถูกเปิดเผยว่าเย็นเป็นแม่แท้ ๆ ซึ่งเป็นจุดไคลแม็กซ์ที่นำไปสู่การคืนความยุติธรรมให้กับเย็น คุณหนูแดง (ตอนโต) ต้องเผชิญกับความสับสนทางอารมณ์เมื่อรู้ว่าเธอถูกพรากจากแม่แท้ ๆ ตั้งแต่แรกเกิด

เธอช่วยเสริมสร้างความสมหวังในตอนจบ เมื่อได้กลับมาอยู่กับเย็นและยอมรับความจริงเกี่ยวกับครอบครัวของตน ซึ่งเป็นฉากที่สร้างความซึ้งใจให้กับผู้ชม

ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับเย็น: คุณหนูแดงเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเย็น ความสัมพันธ์นี้เป็นหัวใจของเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อความจริงถูกเปิดเผย คุณหนูแดง (ตอนโต) เริ่มพัฒนาความผูกพันกับเย็นในฐานะแม่แท้ ๆ ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความซึ้งใจ

กับคุณหญิงแย้ม: คุณหนูแดงมองคุณหญิงแย้มเป็นแม่ที่เลี้ยงดูมาตลอดชีวิต แม้ว่าจะรู้ความจริงในภายหลัง เธอยังคงมีความรักและความเคารพต่อคุณหญิงแย้ม

กับพระยาสีหโยธิน: ในฐานะพ่อแท้ ๆ คุณหนูแดงมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับพระยา ซึ่งรักเธอในฐานะลูกสาวโดยไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากความจริงถูกเปิดเผย

กับคุณรุ่ง: คุณหนูแดงและ คุณรุ่ง (ด.ช. ปัญกร จันทรศร) มีความสัมพันธ์เหมือนพี่น้องในช่วงวัยเด็ก และในช่วงที่เธอโตขึ้น ความสัมพันธ์นี้น่าจะยังคงเป็นมิตรภาพในครอบครัว

กับตัวละครอื่น: คุณหนูแดง (ตอนโต) ไม่มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับตัวละครอื่น เช่น สาลี่, บุญมี, หรือ เที่ยง (ดนัย จารุจินดา) เนื่องจากบทบาทของเธอเน้นในช่วงท้ายเรื่อง

คุณหนูแดง (ตอนโต) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งหลักในช่วงแรกของเรื่อง เช่น การกลั่นแกล้งเย็นโดย สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และ บุญมี (รวีวรรณ บุญประชม) เนื่องจากเธอปรากฏในช่วงที่ความขัดแย้งเหล่านี้คลี่คลายแล้ว

การแสดงของด.ญ. นภัธนันท์ นิมจิรวัฒน์
ด.ญ. นภัธนันท์ถ่ายทอดความอ่อนโยนและความสง่างามของคุณหนูแดง (ตอนโต) ได้อย่างเหมาะสม การแสดงของเธอในฐานะเด็กสาววัยรุ่นที่ต้องเผชิญความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับตัวละคร ในฉากที่คุณหนูแดงยอมรับเย็นในฐานะแม่แท้ ๆ การแสดงของนภัธนันท์ช่วยถ่ายทอดความสับสนและความรู้สึกผูกพันได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้ฉากนี้เป็นหนึ่งในจุดที่สร้างความซึ้งใจให้ผู้ชม

นางทาส (หรือ นางทาษ) เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวของ วรรณสิริ ผู้ประพันธ์เรื่อง วนิดา และนางครวญ ตีพิมพ์ครั้งแรกอยู่ใน รวมเรื่องสั้นชุด “สร้อยนพเก้า” ของวรรณสิริ และได้รับความนิยม ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายครั้ง พร้อมกับมีการแต่งเติมเรื่องราวเพิ่มเติม ในการพิมพ์ครั้งต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น รวมเรื่องสั้นชุด “นางทาส”

การดัดแปลงเป็นสื่ออื่น
ภาพยนตร์ นางทาษ ฉบับ พ.ศ. 2498 ของละโว้ภาพยนตร์ กำกับโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก ที่ส่งเข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน เมื่อ พ.ศ. 2504 ก่อนหน้าภาพยนตร์เรื่อง แพรดำ ของรัตน์ เปสตันยี ในปี พ.ศ. 2505 โดยในเรื่องนี้ วิไลวรรณ วัฒนพานิช ได้เข้าชิงรางวัลหมีเงิน ในฐานะนักแสดงนำยอดเยี่ยมฝ่ายหญิงด้วย แต่ไม่ได้รับรางวัล