ละคร น้ำเซาะทราย 2560 ในบ้านที่เคยเป็นวิมานของ ภีม บัดนี้กลับกลายเป็นกรงขังที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัดของภรรยาผู้สมบูรณ์แบบอย่าง วรรณนรี เขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความอึดอัดและเงียบงัน จนกระทั่งโชคชะตาได้นำพาให้เขาได้กลับมาพบกับ พุดกรอง หญิงสาวผู้เป็นดังภาพจำในอดีตที่ยังคงงดงาม ความสัมพันธ์ต้องห้ามที่ถูกจุดขึ้นมาใหม่นี้ กำลังจะเปลี่ยนชีวิตของทุกคนไปตลอดกาล

ละคร น้ำเซาะทราย 2560 ละครแนวความรักดราม่า เรื่องราวของ น้ำเซาะทราย เริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ของสามเพื่อนสนิทจากสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ได้แก่ “ภีม ประการพันธ์” , “วรรณนรี ประการพันธ์” และ “พุดกรอง วิบูลย์สิน” ภีมและพุดกรองเคยมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันในอดีต แต่พุดกรองเลือกแต่งงานกับ “นายพร้อม วิบูลย์สิน” เพราะเห็นว่าเหมาะสมกว่า และมีลูกชายชื่อ “จ้าน” ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนภีมแต่งงานกับวรรณนรี อาจารย์สาวที่เคร่งครัดในระเบียบ และมีลูกสองคนคือ ภัทรียา หรือ “ปอ” และ “ภุมวาร หรือ ป่าน”

เมื่อนายพร้อมเสียชีวิต พุดกรองไว้ทุกข์ครบหนึ่งปีและกลับเข้าสังคมอีกครั้ง โดยเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดย “คุณหญิงพรรณราย” ซึ่งในงานนี้มีการแนะนำ “ด็อกเตอร์พิมุข” สามีของคุณหญิงและคู่แข่งของวรรณนรีในการแย่งตำแหน่งคณบดี รวมถึง “ดลฤดี” ลูกสาวของคุณหญิงที่เพิ่งกลับจากอเมริกา งานเลี้ยงนี้ทำให้ภีมและพุดกรองได้พบกันอีกครั้ง ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มหวนกลับมา ขณะที่ภีมรู้สึกอึดอัดกับวรรณนรีที่ควบคุมทุกอย่างในบ้านราวกับเขาเป็นนักเรียน

ความขัดแย้งและพัฒนาการของเรื่อง
ความสัมพันธ์ระหว่างภีมและพุดกรองเริ่มซับซ้อนขึ้นเมื่อทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น เช่น การไปรับประทานอาหารและเต้นรำด้วยกัน ความรู้สึกที่เคยมีในอดีตเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง ภีมรู้สึกว่าชีวิตคู่กับวรรณนรีเต็มไปด้วยความกดดันและการควบคุม ในขณะที่พุดกรองนำเสนอความอ่อนโยนและความเข้าใจที่เขาขาดหายไป สถานการณ์ยิ่งทวีความตึงเครียดเมื่อวรรณนรีเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของภีม และความสัมพันธ์ของทั้งสามคนนำไปสู่การเผชิญหน้าทางอารมณ์และการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิต

นอกจากนี้ ละครยังนำเสนอประเด็นการแข่งขันในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะการแย่งชิงตำแหน่งคณบดีระหว่างวรรณนรีและด็อกเตอร์พิมุข ซึ่งเพิ่มความกดดันให้กับชีวิตของวรรณนรีทั้งในด้านส่วนตัวและอาชีพ ตัวละครรุ่นลูกอย่างปอ ป่าน จ้าน และดลฤดี ก็มีบทบาทสำคัญในการสะท้อนปัญหาครอบครัวและความขัดแย้งระหว่างรุ่น

สารบัญละคร

น้ำเซาะทราย เป็นละครที่เน้นประเด็นดราม่าครอบครัว โดยเฉพาะการนอกใจและผลกระทบที่ตามมาจากการตัดสินใจในอดีต บทประพันธ์ของกฤษณา อโศกสินเน้นย้ำถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ที่ถูกกัดเซาะโดยความรู้สึกที่ซ่อนอยู่และการขาดการสื่อสาร ต่อไปนี้คือเนื้อหาสำคัญของละคร

ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงสีและความลับที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เรื่องราวของ น้ำเซาะทราย ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของกฤษณา อโศกสิน เปิดฉากด้วยความสัมพันธ์อันซับซ้อนของสามเพื่อนสนิทจากสมัยวัยเยาว์: ภีม ประการพันธ์, วรรณนรี ประการพันธ์, และ พุดกรอง วิบูลย์สิน หัวใจของทั้งสามเคยผูกพันกันด้วยมิตรภาพและความรู้สึกที่ลึกซึ้ง แต่โชคชะตานำพาให้แต่ละคนเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่าง และเมื่อกาลเวลานำพาพวกเขากลับมาพบกัน ความรัก ความแค้น และการทรยศก็เริ่มกัดเซาะรากฐานของครอบครัวราวกับน้ำที่ค่อย ๆ เซาะทราย

บทเริ่มแห่งรอยร้าว
ในอดีตอันหอมหวานของวันวาน ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) และพุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) เคยแบ่งปันความรู้สึกที่เกือบจะกลายเป็นรักแรกพบ แต่พุดกรองเลือกที่จะแต่งงานกับ นายพร้อม วิบูลย์สิน ชายผู้มั่นคงและเหมาะสมกว่าในสายตาของเธอ พวกเขามีลูกชายชื่อ จ้าน ผู้กำลังใช้ชีวิตอย่างอิสระในอเมริกา ส่วนภีมเลือกเดินเคียงข้าง วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) อาจารย์สาวที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและระเบียบวินัย ทั้งคู่สร้างครอบครัวที่มีลูกสองคน: ภัทรียา หรือปอ และ ภุมวาร หรือป่าน

ชีวิตของภีมและวรรณนรีดูเหมือนสมบูรณ์แบบจากภายนอก แต่ภายในบ้านนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด วรรณนรีปกครองทุกอย่างด้วยกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ทำให้ภีมรู้สึกเหมือนถูกจองจำในกรงทอง ขณะเดียวกัน วรรณนรีต้องเผชิญกับการแข่งขันในหน้าที่การงาน เธอต่อสู้เพื่อตำแหน่งคณบดีกับ ด็อกเตอร์พิมุข สามีของ คุณหญิงพรรณราย ผู้ทรงอิทธิพล

วันหนึ่ง เมื่อนายพร้อมเสียชีวิตและพุดกรองไว้ทุกข์ครบหนึ่งปี เธอก้าวกลับเข้าสู่แสงสว่างของสังคมด้วยการเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดยคุณหญิงพรรณราย ในคืนนั้น ดวงตาของภีมและพุดกรองประสานกันอีกครั้ง ความทรงจำเก่า ๆ ราวกับคลื่นที่ซัดกลับเข้าฝั่ง หัวใจของทั้งคู่เริ่มสั่นไหว และรอยร้าวเล็ก ๆ ในชีวิตครอบครัวของภีมก็เริ่มขยายกว้าง

ความรักต้องห้ามและการทรยศ
ภีมเริ่มรู้สึกว่าพุดกรองคือแสงสว่างที่เขาโหยหา เธออ่อนโยน เข้าใจ และเติมเต็มส่วนที่ขาดหายในชีวิตของเขา ซึ่งต่างจากวรรณนรีที่ควบคุมทุกย่างก้าวของเขา ความใกล้ชิดของภีมและพุดกรองค่อย ๆ ล้ำเส้น จากการพบปะที่ดูเหมือนไร้เดียงสาสู่ความสัมพันธ์ลับที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พวกเขารู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นผิด แต่ความรักที่ถูกกดไว้ในอดีตกลับทรงพลังเกินต้านทาน

วรรณนรีเริ่มสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวสามี เธอสังเกตเห็นสายตาที่หลบเลี่ยงและข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล ความสงสัยค่อย ๆ กลายเป็นความเจ็บปวดเมื่อเธอค้นพบความจริงว่า ภีมกำลังนอกใจเธอกับพุดกรอง เพื่อนสนิทที่เธอเคยไว้วางใจ การเผชิญหน้าอันแสนเจ็บปวดระหว่างทั้งสามเกิดขึ้น วรรณนรีพยายามรักษาศักดิ์ศรีและครอบครัวของเธอไว้ แต่ภีมยิ่งห่างเหิน และพุดกรองก็ไม่สามารถถอนตัวจากความรักนี้ได้

ในขณะเดียวกัน ลูก ๆ ของทั้งสองครอบครัวเริ่มรับรู้ถึงรอยร้าวของพ่อแม่ ปอและป่านต้องเผชิญกับความสับสนเมื่อครอบครัวที่เคยมั่นคงเริ่มพังทลาย ส่วนจ้าน ลูกชายของพุดกรอง ก็เริ่มตั้งคำถามถึงการตัดสินใจของแม่ที่อาจทำลายความสัมพันธ์ของทุกคน

จุดจบอันแสนเจ็บปวด
เมื่อความลับถูกเปิดเผย ความสัมพันธ์ของภีมและพุดกรองกลายเป็นจุดแตกหักของทุกสิ่ง วรรณนรีเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความจริง เธอเรียกร้องให้ภีมตัดสินใจ และในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ภีมเลือกที่จะทิ้งครอบครัวของเขาเพื่ออยู่กับพุดกรอง การตัดสินใจนี้ไม่เพียงทำลายหัวใจของวรรณนรี แต่ยังสร้างความเสียหายให้กับลูก ๆ และความสัมพันธ์ของทุกคนรอบตัว

วรรณนรี ด้วยความเข้มแข็งและศักดิ์ศรี ตัดสินใจหย่าร้างกับภีม เธอยืนหยัดเพื่อตัวเองและลูก ๆ โดยมีเพื่อน ๆ และความมุ่งมั่นในหน้าที่การงานเป็นพลังขับเคลื่อน ส่วนภีมและพุดกรองต้องเผชิญกับผลกระทบจากความรักของพวกเขา ความรู้สึกผิดและความสูญเสียเริ่มกัดกินหัวใจ เมื่อทั้งคู่ตระหนักว่าความสุขที่ได้มานั้นต้องแลกด้วยความเจ็บปวดของผู้อื่น

ในตอนท้ายของเรื่อง ละครปิดฉากด้วยภาพของวรรณนรีที่ก้าวต่อไปด้วยความแข็งแกร่ง เธออาจสูญเสียความรัก แต่ได้ค้นพบคุณค่าในตัวเอง ส่วนภีมและพุดกรองต้องใช้ชีวิตต่อไปท่ามกลางเงาของความผิดพลาดในอดีต ราวกับน้ำที่ค่อย ๆ เซาะทรายจนทุกอย่างพังทลาย

น้ำเซาะทราย นำเสนอประเด็นการนอกใจ ความสัมพันธ์ที่เปราะบาง และการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของผู้หญิง ผ่านตัวละครวรรณนรีที่แสดงถึงความเข้มแข็งท่ามกลางความเจ็บปวด ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

เนื้อเรื่องและโครงสร้าง
น้ำเซาะทราย เล่าเรื่องราวของสามเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย: ภีม, วรรณนรี, และ พุดกรอง ซึ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาในอดีตนำไปสู่รอยร้าวในปัจจุบัน เมื่อภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) รู้สึกอึดอัดในชีวิตคู่กับวรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) ผู้เคร่งครัดในระเบียบ เขากลับไปใกล้ชิดกับพุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) เพื่อนเก่าที่เคยมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ทำลายครอบครัวของทั้งคู่ พร้อมกับสะท้อนประเด็นการแข่งขันในหน้าที่การงานของวรรณนรีและความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นของตัวละครลูก ๆ

โครงสร้างของละครมีความสมดุลระหว่างดราม่าครอบครัวและความขัดแย้งส่วนตัว โดยค่อย ๆ คลายปมผ่านการเผชิญหน้าทางอารมณ์และบทสนทนาที่เข้มข้น ถึงแม้ว่าบางช่วงอาจรู้สึกยืดเยื้อตามสไตล์ละครไทยยุคนั้น แต่การพัฒนาตัวละครและการปูเรื่องไปสู่จุดไคลแมกซ์ทำได้อย่างน่าติดตาม

การแสดงและตัวละคร
จุดเด่นของ น้ำเซาะทราย อยู่ที่การแสดงของนักแสดงนำทั้งสาม สุวนันท์ คงยิ่ง ถ่ายทอดบท วรรณนรี ได้อย่างน่าประทับใจ เธอแสดงถึงความเข้มแข็งและความเปราะบางของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับการทรยศในครอบครัวได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะฉากเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ศรราม เทพพิทักษ์ ในบท ภีม สามารถแสดงถึงความขัดแย้งภายในของผู้ชายที่ติดอยู่ระหว่างความรักเก่าและหน้าที่ในครอบครัวได้อย่างน่าเห็นใจ ส่วน โสภิตนภา ชุ่มภาณี ในบท พุดกรอง นำเสนอตัวละครที่มีทั้งความอ่อนโยนและความเปราะบางทางศีลธรรม ทำให้ผู้ชมทั้งรักและเกลียดเธอในเวลาเดียวกัน

นักแสดงสมทบ เช่น จาร์ดีน่า แฟรงค์ (ปอ), เซบาสเตียน รัตนกุล (ป่าน), และ กรพิพัฒน์ กฤษณะทรัพย์ (จ้าน) ก็ช่วยเติมเต็มเรื่องราวด้วยมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่ต้องรับมือกับผลกระทบจากความผิดพลาดของพ่อแม่

งานสร้างและการนำเสนอ
งานสร้างของ น้ำเซาะทราย อยู่ในมาตรฐานที่ดีของละครช่อง 7 ในยุคนั้น การถ่ายทำเน้นฉากในเมืองที่สะท้อนชีวิตชนชั้นกลางถึงสูง ดนตรีประกอบช่วยเสริมอารมณ์ดราม่าได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในฉากที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด การตัดต่อและจังหวะของเรื่องทำได้ดี แม้ว่าบางฉากอาจมีการยืดเวลาเพื่อเน้นอารมณ์ตามสไตล์ละครไทย

คะแนน 7.5/10 (จาก sence9.com)

น้ำเซาะทราย 2560 เป็นละครดราม่าที่ทรงพลังด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยม บทประพันธ์ที่เข้มข้น และประเด็นที่สะท้อนความจริงของความสัมพันธ์ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการตามสไตล์ละครไทย แต่ด้วยเคมีของนักแสดงนำและเรื่องราวที่ชวนติดตาม ละครเรื่องนี้สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานเด่นของช่อง 7 ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครดราม่าที่เต็มไปด้วยอารมณ์และข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตครอบครัว

การเดินทางทางอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อเริ่มดู น้ำเซาะทราย ผู้ชมจะถูกดึงดูดด้วยความสัมพันธ์ที่เปราะบางของตัวละครหลัก: ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ความรู้สึกแรกคือความอบอุ่นและความคิดถึงสมัยวัยเยาว์ เมื่อเห็นมิตรภาพของทั้งสามในอดีต แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ความรู้สึกนั้นค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความตึงเครียดเมื่อรอยร้าวในครอบครัวของภีมและวรรณนรีเริ่มปรากฏ การได้เห็นภีมรู้สึกอึดอัดในชีวิตคู่ที่ถูกควบคุมโดยวรรณนรี ทำให้เกิดความรู้สึกเห็นใจเขาในฐานะมนุษย์ที่โหยหาอิสรภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจที่เขาหันไปหาพุดกรอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ต้องห้าม

ฉากที่ภีมและพุดกรองเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจผู้ชม ในแง่หนึ่ง เราเข้าใจความรู้สึกของภีมที่ต้องการหลบหนีจากความกดดัน และความอ่อนโยนของพุดกรองที่ดูเหมือนจะเติมเต็มสิ่งที่เขาขาด แต่ในอีกแง่หนึ่ง ความรู้สึกผิดต่อวรรณนรีที่ทุ่มเทให้ครอบครัวทำให้เกิดความรู้สึกโกรธและผิดหวังในตัวภีม การแสดงของ สุวนันท์ คงยิ่ง ในบทวรรณนรี โดยเฉพาะในฉากที่เธอค้นพบการนอกใจของสามี เป็นช่วงเวลาที่ทำให้หัวใจสลาย เธอถ่ายทอดความเจ็บปวด ความโกรธ และความพยายามรักษาศักดิ์ศรีได้อย่างสมจริงจนผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกแทงที่หัวใจ

อารมณ์ที่พุ่งถึงขีดสุดในจุดไคลแมกซ์
เมื่อความลับของภีมและพุดกรองถูกเปิดเผย ความรู้สึกของผู้ชมถูกผลักไปสู่จุดสูงสุดของความตึงเครียด ฉากการเผชิญหน้าระหว่างวรรณนรีและพุดกรองเป็นเหมือนพายุอารมณ์ที่ทำให้รู้สึกทั้งสะใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน การที่วรรณนรีเลือกยืนหยัดเพื่อตัวเองและลูก ๆ โดยตัดสินใจหย่าร้างกับภีม ทำให้เกิดความรู้สึกชื่นชมในความเข้มแข็งของเธอ แต่ก็มาพร้อมกับความเศร้าที่ครอบครัวต้องแตกสลาย

ในขณะเดียวกัน การได้เห็นภีมและพุดกรองต้องเผชิญกับผลของการตัดสินใจของพวกเขา ทำให้รู้สึกถึงความสมน้ำสมเนื้อ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร เพราะทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตต่อไปท่ามกลางความรู้สึกผิดและความสูญเสีย ละครทำให้ผู้ชมตั้งคำถามว่า “ความรักที่ต้องแลกด้วยความเจ็บปวดของคนอื่นนั้นคุ้มค่าจริงหรือ?” คำถามนี้ยังคงวนเวียนในใจแม้ละครจะจบลง

ความประทับใจในด้านการแสดงและงานสร้าง
การแสดงของนักแสดงนำทั้งสามเป็นจุดที่ทำให้ น้ำเซาะทราย ทิ้งความประทับใจไว้ในใจผู้ชม สุวนันท์ คงยิ่ง ทำให้รู้สึกถึงพลังของผู้หญิงที่เข้มแข็งแต่เปราะบาง ส่วน ศรราม เทพพิทักษ์ ทำให้เห็นความซับซ้อนของผู้ชายที่ติดอยู่ระหว่างความรักและหน้าที่ และ โสภิตนภา ชุ่มภาณี ทำให้พุดกรองเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าตำหนิในเวลาเดียวกัน ดนตรีประกอบและการถ่ายทำช่วยเสริมอารมณ์ได้อย่างดี โดยเฉพาะในฉากดราม่าที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในเรื่องราว

อย่างไรก็ตาม บางช่วงของละครอาจทำให้รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยจากจังหวะที่ช้าและการยืดเยื้อของฉากดราม่า ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของละครไทยในยุคนั้น แต่ความรู้สึกนี้ถูกลบล้างด้วยพลังของนักแสดงและบทละครที่ชวนให้ขบคิด

ละคร น้ำเซาะทราย 2560 เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความเห็นใจ ความโกรธ ไปจนถึงความชื่นชมและความเศร้า ละครเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังทิ้งข้อคิดเกี่ยวกับความเปราะบางของความสัมพันธ์และผลกระทบจากการเลือกที่ผิดพลาด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครดราม่าที่เข้มข้นและการแสดงที่ทรงพลัง น้ำเซาะทราย จะเป็นเรื่องราวที่ทำให้หัวใจเต้นรัวและน้ำตาไหล โดยทิ้งร่องรอยความรู้สึกไว้ในใจนานแสนนาน


ละคร น้ำเซาะทราย 2560

ละคร น้ำเซาะทราย 2560

ละคร น้ำเซาะทราย 2560 EP.1-15 ตอนจบCH7+​​​​​​

เพลงประกอบละคร ละคร น้ำเซาะทราย แค่เธอที่ต้องการ Ost.น้ำเซาะทราย | PREM [Official MV]

เพลงประกอบละคร ละคร น้ำเซาะทราย น้ำเซาะทราย Ost.น้ำเซาะทราย | ปุยฝ้าย ณัฏฐพัชร [Official MV]


ละคร น้ำเซาะทราย 2560

จุดเริ่มต้น มิตรภาพและรักแรกที่ถูกฝัง
เรื่องนี้เล่าถึงสามเพื่อนซี้สมัยมหาลัย ภีม ประการพันธ์ (หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี ประการพันธ์ (กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง), และ พุดกรอง วิบูลย์สิน (เจี๊ยบ-โสภิตนภา ชุ่มภาณี) สมัยวัยรุ่นเนี่ย ภีมกับพุดกรองแอบมีใจให้กันนะ แบบว่าจี๊ดในใจเลย แต่พุดกรองดันคิดว่าแต่งงานกับ นายพร้อม วิบูลย์สิน (หมู-ดิลก ทองวัฒนา) จะมั่นคงกว่า เลยเลือกนายพร้อม แล้วมีลูกชายชื่อ จ้าน (กรพิพัฒน์ กฤษณะทรัพย์) ที่ไปเรียนอยู่เมกา ส่วนภีมก็แต่งกับวรรณนรี ครูสาวสุดเป๊ะที่มีลูกสองคน: ปอ-ภัทรียา (จาร์ดีน่า แฟรงค์) และ ป่าน-ภุมวาร (เซบาสเตียน รัตนกุล) ครอบครัวนี้ระเบียบสุด ๆ เพราะวรรณนรีเคร่งมาก

รอยร้าวเริ่มมา งานเลี้ยงที่เปลี่ยนทุกอย่าง
ตัดมาที่ตอนนายพร้อมเสียชีวิต พุดกรองไว้ทุกข์ครบปี แล้วออกงานสังคมครั้งแรก เธอไปงานเลี้ยงของ คุณหญิงพรรณราย (กีต้า-ศิริพิชญ์ วิมลโนช) ไฮโซตัวแม่ที่แนะนำ ด็อกเตอร์พิมุข (บิ๊ก-ศรุต วิจิตรานนท์) สามีของเธอที่เป็นคู่แข่งของวรรณนรีแย่งตำแหน่งคณบดี แล้วก็มี ดลฤดี (แพรว-เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค) ลูกสาวคุณหญิงที่เพิ่งกลับจากเมกา พุดกรองไปงานนี้พร้อม พงษ์สนิท จิตรกรรม (จิม-เจจินตัย แวนคิว) เพื่อนในกลุ่ม แล้วก็ชวนภีมกับวรรณนรีไปด้วย

ในงานนี้แหละ ภีมกับพุดกรองได้เจอกัน ความรู้สึกเก่า ๆ มันพุ่งปรี๊ด ภีมเริ่มเบื่อวรรณนรีที่คุมทุกอย่างในบ้านเหมือนเขาเป็นเด็กนักเรียน ส่วนพุดกรองก็ดูอ่อนโยน น่ารัก ตรงข้ามกับวรรณนรีเลย แล้ววันนึง พงษ์สนิทพาพุดกรองมาหาวรรณนรีที่บ้าน กินข้าวกันชิล ๆ แต่พูดไปพูดมา พุดกรองพูดอะไรที่แทงใจ ทำให้น้อยใจแล้วขอตัวกลับ ภีมกับวรรณนรีก็ทะเลาะกัน ภีมเลยหนีออกจากบ้าน โทรชวนพุดกรองไปเต้นรำ

ดราม่าพุ่ง ความรักต้องห้ามและการทรยศ
ภีมกับพุดกรองเต้นรำกันในบรรยากาศโรแมนติก แล้วทั้งคู่สารภาพว่าแอบรักกันตั้งแต่ 18 ปีก่อน ดราม่ามาเต็ม ทั้งสองเริ่มแอบมีอะไรกัน หาบ้านเช่าเป็นรังรัก แต่พงษ์สนิท ที่แอบรักพุดกรองมานาน รู้เรื่องนี้เข้า เลยไปฟ้องวรรณนรีว่าภีมกับพุดกรองเป็นชู้กัน วรรณนรีช็อกแต่ยังไม่เชื่อเต็มร้อย พงษ์สนิทเลยยั่วต่อ ทำวรรณนรีเริ่มประชดภีมและพุดกรอง จนมีปากเสียงกันหนัก

วรรณนรีให้ภีมเลือก ถ้ามีพุดกรองก็หย่า หรือตัดขาดจากพุดกรอง แต่ภีมดันไม่เลือก พงษ์สนิทที่แค้นพุดกรองจัด เลยพาวรรณนรีไปเห็นบ้านรังรักของภีมกับพุดกรอง แถมบอกว่าทั้งคู่หนีไปเที่ยวสงขลาด้วยกัน! วรรณนรีเครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย ภีมกับพุดกรองรู้สึกผิดมาก ไปเยี่ยมวรรณนรี แต่เธอไม่ให้พุดกรองเข้า! แล้วเรื่องยิ่งแย่เมื่อพุดกรองตั้งท้องลูกของภีม ข่าวนี้กลายเป็นประเด็นในหน้าสังคมเลยจ้า

การเปลี่ยนแปลงและการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี
วรรณนรีไม่ยอมแพ้ เธอเปลี่ยนตัวเองให้สวยปัง แล้วพงษ์สนิทแนะนำให้รู้จัก ทวยหาญ กาญจนสุรัตน์ (เคลลี่ ธนะพัฒน์) หนุ่มที่อยากมีคู่ในบั้นปลายชีวิต วรรณนรีพาลูก ๆ ไปเที่ยวกับทวยหาญ สนุกสุด ๆ ทำอาหารกินกันที่บ้าน ภีมกลับมาเห็นแล้วช็อก อิจฉาที่วรรณนรีกับลูก ๆ ดูมีความสุขโดยไม่มีเขา วรรณนรีเลยขอหย่า แต่พงษ์สนิทวางแผนให้ภีมพลาดนัดหย่าโดยลากไปทำอย่างอื่น วรรณนรีเลยพาลูก ๆ ไปเที่ยวระนองกับทวยหาญและพงษ์สนิทต่อ ภีมยังคงไม่ยอมหย่า

จุดไคลแมกซ์ การเผชิญหน้าและการตัดสินใจครั้งสุดท้าย
เมื่อ จ้าน ลูกชายพุดกรองกลับจากเมกา พุดกรองจัดงานเลี้ยงต้อนรับ แต่ดราม่ามาเต็ม เพราะวรรณนรี, ทวยหาญ, พงษ์สนิท และนายฝรั่งมาทานข้าวร้านเดียวกัน ภีมกระสับกระส่ายเมื่อวรรณนรีมองเขาเหมือนคนแปลกหน้า ต่อมา พุดกรองคลอดลูกชายของเธอกับภีม ชื่อ ปูจ๋า ปอ ลูกสาววรรณนรี ไปเยี่ยมปูจ๋าทุกวัน ทำวรรณนรีรู้สึกเหมือนสูญเสียทั้งสามีและลูก ๆ ให้พุดกรอง

วรรณนรีตัดสินใจคุยเรื่องหย่าอีกครั้ง คราวนี้ภีมยอมหย่า วรรณนรีเลือกเดินหน้าด้วยความเข้มแข็งเพื่อตัวเองและลูก ๆ ส่วนภีมและพุดกรองต้องเผชิญผลจากความสัมพันธ์ของพวกเขา เรื่องราวจบด้วยคำถามคาใจ ความรักสามเส้านี้จะลงเอยยังไง? ภีม, วรรณนรี, และพุดกรองจะหาทางออกจากดราม่านี้ได้รึเปล่า? ต้องไปดูเอง

เบื้องหลังละครดราม่าสุดฮิต น้ำเซาะทราย ปี 2560 ที่ทำเอาแฟน ๆ น้ำตาท่วมจอกันมาแล้ว ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวรักสามเส้าที่เข้มข้น แต่เบื้องหลังก็ปังไม่แพ้กัน ไปดูกันเลยว่าใครอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ และทำไมถึงได้รางวัลใหญ่

บทประพันธ์จากนักเขียนระดับตำนาน

65641d023cee8
กฤษณา อโศกสิน

เริ่มที่ตัวแม่ของวงการเขียน กฤษณา อโศกสิน เธอคือนักเขียนรางวัลซีไรท์และศิลปินแห่งชาติที่สร้างสรรค์บทประพันธ์ น้ำเซาะทราย ขึ้นมา เรื่องนี้คือสุดยอดดราม่าครอบครัวที่พูดถึงความรัก การทรยศ และผลของการตัดสินใจผิด ๆ บทของกฤษณาคือแบบ… อารมณ์มาเต็ม ทุกตัวละครมีมิติ ทำเอาคนดูทั้งรักทั้งเกลียด แถมชวนคิดถึงความสัมพันธ์ในชีวิตจริง บอกเลยว่างานเขียนของป้ากฤษณาคือระดับตำนานที่ทำให้ละครเรื่องนี้มีจิตวิญญาณ

บทโทรทัศน์สุดเฉียบโดย “ปลายปากกา”
ต่อมาเรามาดูที่ ปลายปากกา ผู้อยู่เบื้องหลังบทโทรทัศน์ นี่คือคนที่เอาเรื่องราวสุดเข้มของกฤษณามาดัดแปลงให้เข้ากับจอแก้ว ใส่ความดราม่าที่เหมาะกับสไตล์ละครไทยยุค 2017 ได้แบบเป๊ะ ปลายปากกาทำให้บทสนทนามีทั้งความคมและอารมณ์ ฉากเผชิญหน้าระหว่างตัวละครอย่างวรรณนรี ภีม และพุดกรองคือแบบ…  ถึงใจ ทุกคำพูดเหมือนมีมีดซ่อนอยู่ ทำเอาคนดูต้องลุ้นตัวโก่งเลย

กำกับโดยผู้กำกับมือทอง สยาม สังวริบุตร

00 A5B1900924C2E480
สยาม สังวริบุตร

และคนที่ทำให้ทุกอย่างลงตัวคือ สยาม สังวริบุตร ผู้กำกับการแสดง ลุงสยามคือมือฉมังที่เนรมิตละครให้ออกมาสวยงามและถึงอารมณ์ ฉากดราม่าที่น้ำตาไหล ฉากรักที่หวานจนใจสั่น หรือฉากปะทะคารมที่เดือด ๆ ล้วนมาจากฝีมือการกำกับของเขา การจัดแสง ถ่ายภาพ และจังหวะของเรื่องคือดีมาก ถึงบางฉากจะยืดนิดตามสไตล์ละครไทย แต่โดยรวมคือลงตัวสุด ๆ ทำให้คนดูติดหนึบ

ผลิตโดยค่ายยักษ์ใหญ่ ดาราวิดีโอ
ละครเรื่องนี้ผลิตโดย บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด ค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องละครคุณภาพของช่อง 7 ค่ายนี้เขามีประสบการณ์ยาวนาน งานโปรดักชันเลยออกมาดี ฉากในเมือง งานเลี้ยงไฮโซ หรือบ้านของตัวละครคือดูสมจริง ดนตรีประกอบก็ช่วยบิ้วอารมณ์ได้ปังมาก บอกเลยว่า น้ำเซาะทราย คือผลงานที่โชว์ศักยภาพของดาราวิดีโอได้แบบเต็มสูบ

รางวัลการันตีความปัง มายา มหาชน 2017
และที่ขาดไม่ได้คือรางวัล น้ำเซาะทราย คว้ารางวัล มายา มหาชน 2017 ในสาขา The Best Come Back Star ให้กับ สุวนันท์ ปุณณกันต์ (หรือที่เรารู้จักในชื่อสุวนันท์ คงยิ่ง) นี่คือการคัมแบ็กที่ปังสุด ๆ  สุวนันท์ในบท วรรณนรี คือแบบ… เล่นดีจนใจเจ็บ เธอถ่ายทอดความเข้มแข็งของผู้หญิงที่เจ็บปวดจากการถูกนอกใจได้อย่างสมจริง ฉากดราม่าที่เผชิญหน้ากับพุดกรองหรือตอนที่ยืนหยัดเพื่อลูก ๆ คือน้ำตาไหลเลย รางวัลนี้คือการยืนยันว่าเธอคือนักแสดงตัวแม่ที่ไม่มีวันตกยุค

บอกเลยว่า น้ำเซาะทราย ไม่ได้ปังแค่ในจอ แต่เบื้องหลังก็คือสุดยอด จากบทประพันธ์ของกฤษณา อโศกสินที่ลึกซึ้ง บทโทรทัศน์ของปลายปากกาที่ถึงใจ การกำกับของสยาม สังวริบุตรที่ลงตัว และการผลิตจากดาราวิดีโอที่เป๊ะทุกองศา แถมยังมีรางวัลการันตีให้สุวนันท์ที่คัมแบ็กได้ปังสุด ๆ ทุกอย่างรวมกันทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นตำนานดราม่าที่แฟน ๆ ยังพูดถึง

นักแสดง

→ ศรราม เทพพิทักษ์ รับบท ภีม

hq720
ศรราม เทพพิทักษ์

ภีมใน น้ำเซาะทราย คือผู้ชายที่ดูเหมือนจะมีชีวิตครอบครัวสมบูรณ์แบบ เป็นสามีของ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) อาจารย์สาวสุดเป๊ะ และพ่อของลูกสองคน ปอ กับ ป่าน แต่ลึก ๆ แล้ว ภีมรู้สึกอึดอัดมาก เพราะวรรณนรีควบคุมทุกอย่างในบ้านเหมือนเขาเป็นนักเรียน ไม่มีอิสระเลย ชีวิตของเขาดูเหมือนถูกขังในกรงทอง แล้ววันนึง เขาได้เจอกับ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) เพื่อนเก่าสมัยมหา’ลัยที่เคยแอบรักกันเมื่อ 18 ปีก่อน

ความรู้สึกเก่า ๆ มันพุ่งกลับมา ภีมเริ่มใกล้ชิดพุดกรองมากขึ้น จนกลายเป็นความสัมพันธ์ต้องห้าม เขาหลงไปในความอ่อนโยนของพุดกรองที่ต่างจากวรรณนรีสุดขั้ว แต่การตัดสินใจของเขาก็ทำให้ครอบครัวพังลง ภีมเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในใจ เขารักครอบครัว แต่ก็โหยหาความรักที่ทำให้รู้สึกเป็นตัวเอง การแสดงของพี่ศรรามคือสุดยอดมาก ทำให้เราทั้งเห็นใจและหมั่นไส้ภีมในเวลาเดียวกัน ฉากที่เขาต้องเลือกระหว่างครอบครัวกับความรักคือแบบ… อารมณ์พุ่งสุด

ฉายาของภีม “ชายผู้หลงทางในรัก”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้ภีม ต้องเป็น “ชายผู้หลงทางในรัก” เพราะเขาคือคนที่หลงไปในความรู้สึกเก่า ๆ และเลือกทางที่ทำให้ทุกอย่างพังลง เขาคิดว่าเขาจะหาความสุขได้ แต่สุดท้ายกลับต้องเผชิญผลจากการตัดสินใจของตัวเอง ฉายานี้คือสะท้อนตัวตนของภีมได้เป๊ะเลย

ข้อคิดจากภีม ความรักต้องมากับความรับผิดชอบ
ข้อคิดที่ได้จากภีมคือ ความรักที่ขาดความรับผิดชอบอาจทำร้ายทุกคน ภีมเลือกตามหัวใจ แต่ลืมคิดถึงผลกระทบต่อวรรณนรีและลูก ๆ การตัดสินใจของเขาทำให้ครอบครัวแตกสลาย และตัวเขาเองก็ต้องแบกรับความรู้สึกผิด เรื่องนี้สอนว่า ถ้าจะรักใคร ต้องคิดให้รอบคอบ ไม่ใช่แค่ตามใจตัวเอง

→ สุวนันท์ คงยิ่ง รับบท วรรณนรี

hq720
สุวนันท์ คงยิ่ง

วรรณนรีใน น้ำเซาะทราย คืออาจารย์สาวที่เป๊ะเว่อร์ ทุกอย่างในชีวิตต้องมีระเบียบ เธอเป็นภรรยาของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) และแม่ของ ปอ กับ ป่าน ชีวิตครอบครัวของเธอดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่จริงๆ แล้ว เธอควบคุมทุกอย่างในบ้านจนภีมรู้สึกเหมือนเป็นนักเรียน ไม่มีอิสระเลย ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของรอยร้าวในชีวิตคู่

เมื่อภีมไปใกล้ชิดกับ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) เพื่อนเก่าที่เคยมีใจให้กัน วรรณนรีต้องเผชิญหน้ากับการทรยศครั้งใหญ่ เธอเริ่มจากสงสัย จนค้นพบว่าสามีนอกใจกับเพื่อนสนิทของตัวเอง บอกเลยว่าฉากที่พี่กบเล่นเป็นวรรณนรีตอนเจอความจริงคือน้ำตาท่วมจอ เธอแสดงความเจ็บปวด ความโกรธ และความพยายามรักษาศักดิ์ศรีได้แบบถึงใจ แต่สิ่งที่ทำให้วรรณนรีเด่นคือความเข้มแข็ง เธอไม่ยอมจมอยู่กับความเสียใจ เปลี่ยนตัวเองให้สวยปัง ต่อสู้เพื่อลูกๆ และหน้าที่การงานที่ต้องแย่งตำแหน่งคณบดีกับ ด็อกเตอร์พิมุข การแสดงของพี่กบในบทนี้คือสุดยอด ทำให้เราทั้งสงสารและชื่นชมวรรณนรีมากๆ

ฉายาของวรรณนรี “ราชินีแห่งศักดิ์ศรี”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้วรรณนรี ต้องเป็น “ราชินีแห่งศักดิ์ศรี” เพราะถึงแม้เธอจะเจ็บปวดจากการถูกสามีและเพื่อนสนิทหักหลัง เธอก็เลือกที่จะยืนหยัดอย่างสง่างาม ไม่ยอมให้ความเจ็บปวดมาทำลายตัวตน เธอเปลี่ยนตัวเองให้แข็งแกร่ง และตัดสินใจเดินหน้าต่อเพื่อตัวเองและลูกๆ ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ

ข้อคิดจากวรรณนรี ความเข้มแข็งคือพลังที่แท้จริง
ข้อคิดที่ได้จากวรรณนรีคือ ความเข้มแข็งคือพลังที่แท้จริงในการก้าวผ่านความเจ็บปวด เธอสอนเราว่า ต่อให้เจอเรื่องร้ายแค่ไหน การเลือกที่จะรักตัวเองและยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องคือทางออกที่ดีที่สุด วรรณนรีไม่ยอมให้การทรยศมาทำลายชีวิต เธอเปลี่ยนความเจ็บเป็นพลัง กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนดู

→ โสภิตนภา ชุ่มภาณี รับบท พุดกรอง

โสภิตนภา ชุ่มภาณี

พุดกรองใน น้ำเซาะทราย คือสาวไฮโซที่ดูอ่อนโยนและมีเสน่ห์ เธอเป็นเพื่อนสนิทสมัยมหา’ลัยของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) และ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) สมัยก่อน เธอกับภีมเคยแอบรักกัน แต่พุดกรองเลือกแต่งงานกับ นายพร้อม เพราะคิดว่ามั่นคงกว่า แล้วมีลูกชายชื่อ จ้าน ที่เรียนอยู่เมกา หลังจากนายพร้อมเสียชีวิต พุดกรองไว้ทุกข์ครบปีแล้วกลับเข้าสังคม ไปงานเลี้ยงที่ทำให้เจอกับภีมอีกครั้ง

ความรู้สึกเก่าๆ ระหว่างเธอกับภีมมันปะทุขึ้นมา พุดกรองกลายเป็นคนที่จุดไฟให้เกิดรักสามเส้า เธออ่อนโยน เข้าใจภีม ต่างจากวรรณนรีที่เข้มงวด ทำให้ภีมหลงเธอหัวปักหัวปำ จนทั้งคู่แอบมีความสัมพันธ์ลับและตั้งท้องด้วยกัน แต่พุดกรองก็มีความรู้สึกผิดลึกๆ เพราะรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดศีลธรรม การแสดงของพี่โสภิตนภาทำให้พุดกรองมีทั้งความน่ารักและความน่าหมั่นไส้ ฉากที่เธอเผชิญหน้ากับวรรณนรีคือแบบ… ดราม่าสุดพลัง ทำเอาเราทั้งสงสารทั้งอยากเขกหัวเธอเลย

ฉายาของพุดกรอง “นางพญาแห่งรักต้องห้าม”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้พุดกรอง ต้องเป็น “นางพญาแห่งรักต้องห้าม” เพราะเธอคือคนที่ทำให้ความรักเก่ากลับมาสั่นคลอนทุกอย่าง ด้วยเสน่ห์และความอ่อนโยน เธอดึงดูดภีมให้หลง แต่ก็ทำให้ครอบครัวแตกสลาย ฉายานี้คือเป๊ะมาก สะท้อนตัวตนของเธอที่ทั้งน่าหลงใหลและอันตราย

ข้อคิดจากพุดกรอง ความรักต้องเคารพขอบเขต
ข้อคิดที่ได้จากพุดกรองคือ ความรักต้องเคารพขอบเขตของศีลธรรม การที่เธอเลือกตามหัวใจโดยไม่คิดถึงผลกระทบต่อวรรณนรีและครอบครัว ทำให้ทุกคนเจ็บปวด รวมถึงตัวเธอเองด้วย เรื่องนี้สอนว่า ความรักที่สวยงามต้องไม่ทำร้ายผู้อื่น และการรู้จักยับยั้งชั่งใจคือสิ่งสำคัญ

→ เคลลี่ ธนะพัฒน์ รับบท ทวยหาญ

hq720
เคลลี่ ธนะพัฒน์

ทวยหาญใน น้ำเซาะทราย คือหนุ่มใหญ่ที่โผล่มาในช่วงที่ชีวิตของ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) กำลังดราม่าหนัก เพราะถูกสามี ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) นอกใจไปมีอะไรกับ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ทวยหาญถูกแนะนำให้รู้จักกับวรรณนรีผ่าน พงษ์สนิท (เจจินตัย แวนคิว) เพื่อเป็นเพื่อนในช่วงบั้นปลายชีวิต เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่น ใจดี และมีวุฒิภาวะ มาในลุคสุภาพบุรุษที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างวรรณนรีในยามที่เธอเปราะบางสุดๆ

ทวยหาญพาวรรณนรีและลูกๆ ไปเที่ยว ทำอาหารด้วยกัน สร้างรอยยิ้มให้ครอบครัวที่กำลังแตกสลาย เขาไม่ได้มาในบทบาทพระเอกที่หวือหวา แต่เป็นคนที่คอยซัพพอร์ตเงียบๆ ทำให้วรรณนรีรู้สึกมีค่าและมีความสุขอีกครั้ง การแสดงของพี่เคลลี่ในบทนี้คือแบบ… ละมุนมาก มาดนิ่งๆ สุภาพ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ฉากที่เขาอยู่กับวรรณนรีและลูกๆ คือทำให้เรายิ้มตามเลย

ฉายาของทวยหาญ “สุภาพบุรุษแห่งรอยยิ้ม”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้ทวยหาญ ต้องเป็น “สุภาพบุรุษแห่งรอยยิ้ม” เพราะเขาเหมือนแสงสว่างที่เข้ามาในชีวิตของวรรณนรีในช่วงที่มืดมนที่สุด ด้วยความใจดีและการกระทำที่อบอุ่น เขาทำให้ครอบครัวของเธอกลับมามีความสุขได้ แม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเขา

ข้อคิดจากทวยหาญ การให้กำลังใจคือพลังที่ยิ่งใหญ่
ข้อคิดที่ได้จากทวยหาญคือ การให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างกันคือพลังที่ยิ่งใหญ่ เขาสอนว่าในยามที่ใครสักคนกำลังเจ็บปวด การเป็นคนที่คอยรับฟังและมอบความอบอุ่นโดยไม่ตัดสิน สามารถช่วยเยียวยาหัวใจของคนอื่นได้ ทวยหาญไม่ได้พยายามเป็นฮีโร่ แต่การที่เขาเลือกอยู่ข้างวรรณนรีอย่างเงียบๆ ทำให้เธอมีแรงก้าวต่อไป

→ เจจินตัย แวนคิว รับบท พงษ์สนิท

47f66e10 6ae9 11ed ac9a 9f16d6b9e16f webp original
เจจินตัย แวนคิว

พงษ์สนิทใน น้ำเซาะทราย คือเพื่อนสนิทในกลุ่มของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) สมัยเรียนมหา’ลัย เขาดูเป็นคนร่าเริง เป็นสีสันของกลุ่ม แต่ลึกๆ แล้ว พงษ์สนิทแอบรักพุดกรองมานานมากตั้งแต่สมัยเรียน แต่พุดกรองไม่เคยเลือกเขา ทำให้เขามีปมในใจ เมื่อพุดกรองเสียสามีและกลับเข้าสังคม พงษ์สนิทก็ยังคอยอยู่ใกล้ๆ เผื่อจะมีโอกาส

แต่เรื่องมันพลิก เมื่อเขารู้ว่าพุดกรองไปใกล้ชิดกับภีมจนกลายเป็นความสัมพันธ์ลับ พงษ์สนิททั้งเจ็บทั้งแค้น เลยกลายเป็นตัวจุดไฟดราม่า ไปฟ้องวรรณนรีว่าภีมกับพุดกรองเป็นชู้กัน แถมยังพาวรรณนรีไปเห็นรังรักของทั้งคู่ และยั่วให้ดราม่าหนักขึ้น เขายังวางแผนให้ภีมพลาดนัดหย่ากับวรรณนรี เพื่อแก้แค้นพุดกรองที่ไม่เลือกเขา การแสดงของพี่เจจินตัยในบทนี้คือแบบ… ทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดของคนที่รักแต่ไม่สมหวัง แต่ก็แอบหมั่นไส้ที่เขาทำตัวเป็นตัวร้ายเงียบๆ ฉากที่เขายั่ววรรณนรีคือเดือดมาก

ฉายาของพงษ์สนิท”เงาแห่งความแค้น”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้พงษ์สนิท ต้องเป็น “เงาแห่งความแค้น” เพราะเขาเหมือนเงาที่คอยตามติดกลุ่มเพื่อน แต่ความแค้นที่พุดกรองไม่เลือกเขาทำให้กลายเป็นตัวแปรที่จุดไฟให้ดราม่าลุกโชน ฉายานี้คือสะท้อนตัวตนของเขาที่ทั้งน่าสงสารและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

ข้อคิดจากพงษ์สนิท อย่าปล่อยให้ความแค้นครอบงำใจ
ข้อคิดที่ได้จากพงษ์สนิทคือ อย่าปล่อยให้ความแค้นครอบงำใจจนทำร้ายผู้อื่น ความรักที่ไม่สมหวังของเขานำไปสู่การกระทำที่ทำร้ายทั้งวรรณนรีและพุดกรอง สอนเราว่าการยอมรับและปล่อยวางคือทางออกที่ดีกว่าการจมอยู่กับความเจ็บปวดและแก้แค้น

→ เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค รับบท ดลฤดี

เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค

ดลฤดีใน น้ำเซาะทราย คือลูกสาวสุดที่รักของ คุณหญิงพรรณราย (ศิริพิชญ์ วิมลโนช) และ ด็อกเตอร์พิมุข (ศรุต วิจิตรานนท์) เธอเป็นสาวไฮโซที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ด้วยลุคทันสมัยและความมั่นใจ เธอเข้ามาในเรื่องตอนที่คุณหญิงพรรณรายจัดงานเลี้ยงเพื่อเปิดตัวเธอ ดลฤดีเป็นตัวละครรุ่นลูกที่นำพลังงานใหม่ๆ เข้ามาในแวดวงสังคมของเรื่อง เธอไม่ได้มีบทบาทในดราม่าหลักของ ภีม, วรรณนรี, และ พุดกรอง โดยตรง แต่ก็มีส่วนช่วยเชื่อมโยงเหตุการณ์ในสังคมไฮโซและครอบครัว

ดลฤดีมีบุคลิกที่สดใส เป็นสาวสมัยใหม่ที่มั่นใจในตัวเอง และดูเหมือนจะใช้ชีวิตอย่างอิสระหลังจากกลับจากต่างประเทศ การปรากฏตัวของเธอในงานเลี้ยงและเหตุการณ์ต่างๆ ช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับเรื่องราว การแสดงของน้องแพรวในบทนี้คือแบบ… เป๊ะมาก นำเสนอความเป็นสาวมั่นได้แบบลงตัว ถึงบทจะไม่หนักเท่าตัวหลัก แต่ก็ทำให้เราจดจำเธอได้

ฉายาของดลฤดี “สาวมั่นแห่งวงการไฮโซ”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้ดลฤดี ต้องเป็น “สาวมั่นแห่งวงการไฮโซ” เพราะเธอคือตัวแทนของความทันสมัยและความมั่นใจในตัวเอง ด้วยลุคและทัศนคติที่ดูเป็นสาวยุคใหม่ เธอเหมือนลมพัดใหม่ที่เข้ามาในแวดวงสังคมของเรื่อง ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับความเป็นดลฤดี

ข้อคิดจากดลฤดี ความมั่นใจคือเสน่ห์ที่แท้จริง
ข้อคิดที่ได้จากดลฤดีคือ ความมั่นใจคือเสน่ห์ที่แท้จริง เธอสอนว่า การใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองสามารถทำให้เราโดดเด่นได้ในทุกสถานการณ์ ดลฤดีอาจไม่ได้อยู่ในดราม่าหลัก แต่การปรากฏตัวของเธอแสดงให้เห็นว่าการเชื่อมั่นในตัวเองคือพลังที่ทำให้คนจดจำ

→ ชนกันต์ พูนศิริวงศ์ รับบท ทิว

ชนกันต์ พูนศิริวงศ์

ทิวใน น้ำเซาะทราย เป็นตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวในแวดวงของเรื่องราวครอบครัวและสังคมไฮโซ เขาเป็นตัวละครที่ไม่ได้มีบทบาทหลักเหมือน ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), หรือ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แต่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเหตุการณ์ในบางฉาก ทิวเป็นคนที่ดูมีพลังงานบวก มีความเป็นมิตร และมักจะอยู่ในวงของตัวละครรุ่นลูกหรือกลุ่มสังคมที่เชื่อมโยงกับตัวละครหลักอย่าง ดลฤดี หรือครอบครัวของ คุณหญิงพรรณราย

ถึงบทของทิวจะไม่ใช่ตัวเดินเรื่องหลัก แต่เขาก็ช่วยเพิ่มมิติให้กับเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเข้าร่วมงานเลี้ยงหรือฉากที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครรุ่นใหม่ การแสดงของชนกันต์ในบทนี้คือแบบ… สดใสและเป็นธรรมชาติ ทำให้ทิวเป็นตัวละครที่ดูเป็นคนจริงใจและเข้ากับคนได้ง่าย ถึงจะไม่ได้มีซีนดราม่าหนักๆ แต่ก็เป็นส่วนที่ทำให้เรื่องราวสมบูรณ์ขึ้น

ฉายาของทิว “เพื่อนซี้แห่งวงสังคม”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้ทิว ต้องเป็น “เพื่อนซี้แห่งวงสังคม” เพราะเขาคือตัวละครที่เข้ามาเติมความสนุกและความเป็นกันเองในกลุ่มเพื่อนหรือสังคมของเรื่อง ด้วยความเป็นมิตรและพลังบวก เขาเหมือนเพื่อนที่ทุกคนอยากมีในงานปาร์ตี้ ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับบทบาทของเขา

ข้อคิดจากทิว ความเป็นมิตรสร้างสายสัมพันธ์
ข้อคิดที่ได้จากทิวคือ ความเป็นมิตรสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่มีค่าได้ ถึงทิวจะไม่ได้มีบทเด่น แต่การที่เขาเข้ากับคนอื่นได้ดีและนำพลังบวกมาให้ ทำให้เราเห็นว่าการเป็นคนที่เป็นมิตรและจริงใจสามารถช่วยเชื่อมโยงผู้คนในสังคมได้ แม้จะเป็นบทเล็กๆ แต่ก็มีคุณค่า

→ ศิริพิชญ์ วิมลโนช รับบท คุณหญิงพรรณราย

567000002054601
ศิริพิชญ์ วิมลโนช

คุณหญิงพรรณรายใน น้ำเซาะทราย คือตัวแม่แห่งวงการไฮโซ เธอเป็นเพื่อนสนิทของ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) และเป็นภรรยาของ ด็อกเตอร์พิมุข (ศรุต วิจิตรานนท์) ที่กำลังแข่งขันแย่งตำแหน่งคณบดีกับ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) เธอยังเป็นแม่ของ ดลฤดี (เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค) สาวมั่นที่เพิ่งกลับจากเมกา คุณหญิงพรรณรายเป็นคนจัดงานเลี้ยงใหญ่ในเรื่อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ภีม และพุดกรองได้เจอกันอีกครั้ง จุดไฟให้ดราม่ารักสามเส้า

เธอมีบุคลิกสง่างาม มั่นใจ และมีอิทธิพลในแวดวงสังคม ดูเป็นคนที่ควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้ดี แต่ก็มีด้านที่เย่อหยิ่งนิดๆ แบบสไตล์คุณหญิงตัวจริง การแสดงของพี่ศิริพิชญ์คือแบบ… ออร่าสุดๆ ทำให้คุณหญิงพรรณรายดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าสนใจ ฉากที่เธอจัดงานเลี้ยงหรือคุยกับตัวละครอื่นคือแบบ… เอาอยู่ทุกซีน

ฉายาของคุณหญิงพรรณราย “ราชินีแห่งงานเลี้ยง”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้คุณหญิงพรรณราย ต้องเป็น “ราชินีแห่งงานเลี้ยง” เพราะเธอคือตัวแม่ที่จัดงานเลี้ยงสุดอลังการ เป็นจุดศูนย์กลางของสังคมไฮโซ และเป็นคนที่ทำให้เรื่องราวในละครเริ่มปะทุ ด้วยความสง่างามและอิทธิพลของเธอ ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ

ข้อคิดจากคุณหญิงพรรณราย อิทธิพลต้องใช้อย่างมีสติ
ข้อคิดที่ได้จากคุณหญิงพรรณรายคือ อิทธิพลและสถานะทางสังคมต้องใช้อย่างมีสติ เธอมีพลังในการเชื่อมโยงผู้คนและสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่การจัดงานเลี้ยงของเธอก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของดราม่า สอนเราว่าการใช้อิทธิพลของตัวเองต้องระวังผลกระทบที่อาจตามมา

→ ศรุต วิจิรานนท์ รับบท ด็อกเตอร์พิมุข

ศรุต วิจิตรานนท์

ด็อกเตอร์พิมุขใน น้ำเซาะทราย คือสามีของ คุณหญิงพรรณราย (ศิริพิชญ์ วิมลโนช) และพ่อของ ดลฤดี (เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค) เขาเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงและกำลังแข่งขันแย่งตำแหน่งคณบดีกับ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) ซึ่งเป็นตัวละครหลักของเรื่อง ด็อกเตอร์พิมุขมีบุคลิกที่ดูภูมิฐาน มั่นใจในตัวเอง และมีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงาน เขาเป็นคนที่ดูเหมือนจะควบคุมทุกอย่างได้ดี แต่ก็มีด้านที่เย่อหยิ่งและแข็งกร้าวในบางจังหวะ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับวรรณนรีในการแข่งขัน

ถึงจะไม่ใช่ตัวละครหลักในดราม่ารักสามเส้าของ ภีม, วรรณนรี, และ พุดกรอง แต่ด็อกเตอร์พิมุขก็มีบทบาทสำคัญในแง่ของการเพิ่มความกดดันให้วรรณนรีทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน การแสดงของพี่ศรุตในบทนี้คือแบบ… เอาอยู่เลย ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นคู่แข่งที่ทรงพลังและน่าเกรงขาม ฉากที่เขาปะทะคารมกับวรรณนรีคือแบบ… เดือดเงียบๆ แต่ถึงใจมาก

ฉายาของด็อกเตอร์พิมุข “นักวิชาการแห่งความทะเยอทะยาน”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้ด็อกเตอร์พิมุข ต้องเป็น “นักวิชาการแห่งความทะเยอทะยาน” เพราะเขาคือตัวแทนของคนที่มุ่งมั่นในหน้าที่การงานและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ด้วยความมั่นใจและความเป็นผู้นำ ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเขา

ข้อคิดจากด็อกเตอร์พิมุข ความทะเยอทะยานต้องสมดุลกับความเมตตา
ข้อคิดที่ได้จากด็อกเตอร์พิมุขคือ ความทะเยอทะยานต้องสมดุลกับความเมตตาและความยุติธรรม ความมุ่งมั่นของเขาในการแย่งชิงตำแหน่งคณบดีแสดงให้เห็นว่า การไล่ตามเป้าหมายเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามันทำให้เราแข็งกร้าวหรือมองข้ามความรู้สึกของคนอื่น อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น

→ กัญญกร พินิจ รับบท สุมนา

b912e5103f733a5a18caa739476ffa70 12toey1
กัญญกร พินิจ

สุมนาใน น้ำเซาะทราย เป็นตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวในแวดวงของเรื่องราวครอบครัวและสังคมไฮโซ เธอไม่ได้มีบทบาทเด่นเท่ากับตัวละครหลักอย่าง ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), หรือ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แต่เธอมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเหตุการณ์ในบางฉาก สุมนาน่าจะเป็นตัวละครที่อยู่ในวงสังคมของ คุณหญิงพรรณราย หรือเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง เธอมีบุคลิกที่ดูเป็นมิตรและเข้ากับคนได้ง่าย อาจจะปรากฏในฉากงานเลี้ยงหรือเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับตัวละครหลัก

ถึงบทของสุมนาจะไม่ใช่จุดศูนย์กลางของดราม่า แต่เธอก็ช่วยเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว ด้วยความเป็นตัวละครที่ดูจริงใจและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่างๆ การแสดงของกัญญกร พินิจในบทนี้คือแบบ… ลงตัวและเป็นธรรมชาติ ทำให้สุมนาดูเป็นตัวละครที่อยู่ได้ในทุกฉาก แม้จะไม่ได้มีซีนดราม่าหนักๆ แต่ก็ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของละครได้ดี

ฉายาของสุมนา “เพื่อนสาวแห่งแวดวงสังคม”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้สุมนา ต้องเป็น “เพื่อนสาวแห่งแวดวงสังคม” เพราะเธอคือตัวละครที่เข้ามาเติมความสมดุลในกลุ่มสังคมของเรื่อง ด้วยความเป็นมิตรและการปรากฏตัวที่ไม่ฉูดฉาดเกินไป เธอเหมือนเพื่อนสาวที่คอยอยู่เคียงข้างในงานปาร์ตี้หรือเหตุการณ์ต่างๆ ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับบทบาทของเธอ

ข้อคิดจากสุมนา การเป็นตัวของตัวเองมีคุณค่าในทุกบทบาท
ข้อคิดที่ได้จากสุมนาคือ การเป็นตัวของตัวเองมีคุณค่าในทุกบทบาท ถึงเธอจะเป็นตัวละครสมทบ แต่การมีส่วนร่วมในเรื่องราวด้วยความจริงใจและการเป็นตัวของตัวเองทำให้เธอมีที่ยืนในสังคมของละคร สอนเราว่าไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทเล็กหรือใหญ่ การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็มีส่วนช่วยเติมเต็มภาพรวมได้

→ พิมพ์ชนก แก้วลุ่มใหญ่ รับบท สายจิตย์

242230647 220268083486655 349
พิมพ์ชนก แก้วลุ่มใหญ่

สายจิตย์ใน น้ำเซาะทราย เป็นตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวในแวดวงของเรื่องราวครอบครัวและสังคม เธอไม่ได้มีบทบาทเด่นเท่ากับตัวละครหลักอย่าง ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), หรือ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แต่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเหตุการณ์ในบางฉาก สายจิตย์น่าจะเป็นตัวละครที่อยู่ในวงโคจรของตัวละครหลัก เช่น อาจเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักในสังคมไฮโซ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในงานเลี้ยงของ คุณหญิงพรรณราย เธอมีบุคลิกที่ดูเป็นมิตร อ่อนโยน และอาจมีมุมที่ดูเป็นคนธรรมดาที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย

ถึงบทของสายจิตย์จะไม่ใช่จุดศูนย์กลางของดราม่า แต่เธอก็ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของเรื่องราว การแสดงของพิมพ์ชนกในบทนี้คือแบบ… เป็นธรรมชาติและน่ารัก ทำให้สายจิตย์ดูเป็นตัวละครที่อยู่ได้ในทุกฉาก แม้จะไม่มีซีนดราม่าหนักๆ แต่ก็ช่วยให้เรื่องราวดูสมบูรณ์และมีชีวิตชีวา

ฉายาของสายจิตย์ “เพื่อนสาวผู้อ่อนโยน”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้สายจิตย์ ต้องเป็น “เพื่อนสาวผู้อ่อนโยน” เพราะเธอคือตัวละครที่นำความอ่อนโยนและความเป็นมิตรมาสู่เรื่องราว เธอเหมือนเพื่อนที่คอยอยู่ในวงของตัวละครหลัก ช่วยสร้างสมดุลให้กับดราม่าที่เข้มข้น ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับบทบาทของเธอ

ข้อคิดจากสายจิตย์ ความอ่อนโยนสร้างความอบอุ่น
ข้อคิดที่ได้จากสายจิตย์คือ ความอ่อนโยนและความเป็นมิตรสามารถสร้างความอบอุ่นให้กับคนรอบข้าง ถึงเธอจะเป็นตัวละครสมทบ แต่การที่เธอมีส่วนร่วมในเรื่องราวด้วยความจริงใจแสดงให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในบทบาทเล็กๆ การเป็นคนที่อ่อนโยนและเข้าถึงได้ก็สามารถสร้างความแตกต่างในสังคมได้

→ ภัทรี ชนะศักดิ์ รับบท วินิดา

วินิดาใน น้ำเซาะทราย คือหญิงสาวที่เป็นเหมือนลมเย็นท่ามกลางพายุแห่งความสัมพันธ์สุดดราม่า เธอเป็นตัวละครสมทบที่ไม่ได้มีบทเด่นเท่ากับ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), หรือ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แต่มีบทบาทที่ช่วยเติมความสมดุลให้กับเรื่องราว วินิดาคือสาวจิตใจดี เรียบร้อย และซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง เธอยึดมั่นในหลักการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง แม้ว่ารอบตัวจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการทรยศ เธอเหมือน “เสียงเล็กๆ ของความดี” ที่คอยย้ำเตือนให้คนดูเห็นว่าความดีงามยังคงมีอยู่ในโลกนี้

วินิดาน่าจะปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวหรือแวดวงสังคม อาจเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของตัวละครหลักที่ช่วยให้เรื่องราวมีมิติมากขึ้น การแสดงของภัทรี ชนะศักดิ์ในบทนี้คือแบบ… อ่อนโยนและจริงใจ ทำให้วินิดาดูเป็นตัวละครที่คนดูรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่เห็น ถึงบทจะไม่หนัก แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ละครสมบูรณ์

ฉายาของวินิดา “แสงแห่งความดีงาม”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้วินิดา ต้องเป็น “แสงแห่งความดีงาม” เพราะเธอคือตัวละครที่เหมือนแสงสว่างเล็กๆ ที่ส่องสว่างท่ามกลางความวุ่นวายของรักสามเส้าและความขัดแย้งในเรื่อง ด้วยความจิตใจดีและความซื่อสัตย์ ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเธอ

ข้อคิดจากวินิดา ความดีงามคือพลังที่ยั่งยืน
ข้อคิดที่ได้จากวินิดาคือ ความดีงามและความซื่อสัตย์คือพลังที่ยั่งยืน แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความสับสนและการทรยศ การยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องเหมือนวินิดาทำให้เราเห็นว่า ความดีเล็กๆ น้อยๆ สามารถสร้างความแตกต่างได้ และเป็นสิ่งที่คนอื่นจะจดจำ

→ รุจิเรข พักตระเกษตริน รับบท คุณอา

24 rujirek
รุจิเรข พักตระเกษตริน

คุณอาใน น้ำเซาะทราย คือตัวละครผู้ใหญ่ที่เป็นเหมือนแสงนำทางในเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความรักสามเส้าและความขัดแย้ง เธอไม่ใช่ตัวละครหลักในดราม่าของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แต่เปรียบเหมือน “ร่มเงา” ที่คอยให้คำแนะนำและเตือนสติคนรุ่นลูกหลาน คุณอามีบุคลิกใจเย็น มองโลกตามความจริง และรู้จักแยกแยะถูกผิด ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมามาก เธอมองเห็นชัดว่าอะไรควรหรือไม่ควร

คุณอาพยายามเตือนและห้ามปรามเมื่อเห็นความสัมพันธ์ที่อาจนำไปสู่การแตกแยกของครอบครัว เธอเหมือน “แกนกลางของเหตุผล” ที่คอยยึดโยงทุกคนไม่ให้หลงผิดไปไกลเกิน การแสดงของรุจิเรขในบทนี้คือแบบ… อบอุ่นและน่าเชื่อถือสุดๆ ทำให้เรารู้สึกว่าคุณอาเป็นคนที่ทุกครอบครัวอยากมี ฉากที่เธอให้คำแนะนำคือแบบ… น้ำเสียงนุ่มๆ แต่เต็มไปด้วยพลังของสติ

ฉายาของคุณอา “ผู้พิทักษ์แห่งสติ”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้คุณอา ต้องเป็น “ผู้พิทักษ์แห่งสติ” เพราะเธอคือคนที่คอยเป็นหูตาและสติให้กับตัวละครรอบตัว ท่ามกลางความร้อนแรงของดราม่า คุณอาคือคนที่ยืนหยัดด้วยเหตุผลและศีลธรรม ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับบทบาทของเธอ

ข้อคิดจากคุณอา สติและเหตุผลช่วยนำทางในยามวิกฤต
ข้อคิดที่ได้จากคุณอาคือ สติและเหตุผลคือสิ่งที่ช่วยนำทางในยามวิกฤต การที่เธอคอยเตือนสติและให้คำแนะนำด้วยความห่วงใยแสดงให้เห็นว่า ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ การมีสติและยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องสามารถป้องกันความเสียหายที่มากเกินไปได้

→ โซเฟีย ลา รับบท ลิซ่า

โซเฟีย ลา

ลิซ่าใน น้ำเซาะทราย คือสาวสมัยใหม่ที่เป๊ะสุดๆ เธอมีบุคลิกมั่นใจ กล้าคิด กล้าแสดงออก และมีเสน่ห์แบบผสมผสานระหว่างความเป็นสากลกับความทันสมัย เธอเป็นเหมือน “สีสัน” ที่เข้ามาเติมพลังให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยดราม่ารักสามเส้าของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ลิซ่าน่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือคนรอบตัวของตัวละครหลัก อาจปรากฏในงานเลี้ยงของ คุณหญิงพรรณราย หรือในแวดวงสังคมที่เชื่อมโยงกับตัวละครอื่น

ด้วยมุมมองที่แตกต่างจากตัวละครไทยดั้งเดิม ลิซ่าช่วยทำให้บรรยากาศของเรื่องไม่ตึงเครียดเกินไป เธอเหมือน “กระจกสะท้อน” ที่แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างวิถีคิดสมัยใหม่กับความผูกพันและความขัดแย้งในครอบครัวไทย การแสดงของโซเฟีย ลาคือแบบ… สดใสและมีออร่าสุดๆ ทำให้ลิซ่าดูเป็นสาวมั่นที่คนดูต้องจดจำ ฉากที่เธอโผล่มานี่คือช่วยให้ละครมีพลังบวกทันที

ฉายาของลิซ่า “สาวสากลแห่งความสดใส”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้ลิซ่า ต้องเป็น “สาวสากลแห่งความสดใส” เพราะเธอคือตัวละครที่นำความทันสมัยและพลังงานบวกแบบสากลมาสู่เรื่อง ด้วยบุคลิกที่มั่นใจและมีเสน่ห์ เธอเหมือนลมพัดใหม่ที่ทำให้ละครไม่จมอยู่กับดราม่า ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเธอ

ข้อคิดจากลิซ่า ความหลากหลายสร้างสมดุล
ข้อคิดที่ได้จากลิซ่าคือ ความหลากหลายของมุมมองสามารถสร้างสมดุลให้กับชีวิต เธอสอนว่า การมีวิถีคิดที่แตกต่างและความมั่นใจในตัวเองสามารถช่วยเติมสีสันให้กับสังคมได้ ลิซ่าอาจไม่ได้เป็นตัวหลัก แต่การปรากฏตัวของเธอแสดงให้เห็นว่าความหลากหลายคือพลังที่ทำให้ทุกอย่างลงตัว

→ พิมพากานต์ วงษ์ศรีแก้ว รับบท สมศรี

%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A1
พิมพากานต์ วงษ์ศรีแก้ว

สมศรีใน น้ำเซาะทราย คือตัวละครสายฮาที่มาเติมความสนุกให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยดราม่ารักสามเส้าของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) เธอเป็นเหมือนแม่บ้านหรือเพื่อนบ้านที่อยู่ในวงโคจรของตัวละครหลัก มีบุคลิกที่เป็นกันเอง พูดตรง คิดตรง ปากกล้า แต่จิตใจดีและจริงใจสุดๆ สมศรีคือคนที่พูดอะไรออกมาก็ทำให้คนดูอมยิ้มได้ เพราะมุกของเธอคือแบบ… ตรงไปตรงมาแต่ไม่แรงเกิน

บทบาทของสมศรีเหมือน “สีสันข้างเวที” ที่ช่วยให้บรรยากาศชุมชนและครอบครัวในเรื่องดูมีชีวิตจริง เธออาจจะโผล่มาในฉากที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันหรือเหตุการณ์ในชุมชน ช่วยให้ละครไม่จมอยู่กับความหนักหน่วงของดราม่า การแสดงของพิมพากานต์คือแบบ… เป๊ะมาก ถ่ายทอดความเป็นแม่บ้านสายฮาได้แบบธรรมชาติสุดๆ ฉากที่สมศรีพูดอะไรแซ่บๆ คือทำให้เราหัวเราะและรู้สึกผ่อนคลายทันที

ฉายาของสมศรี “แม่บ้านสายแซ่บ”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้สมศรี ต้องเป็น “แม่บ้านสายแซ่บ” เพราะเธอคือตัวละครที่พูดตรง ปากกล้า แต่จริงใจ และนำความสนุกมาสู่เรื่องราวได้แบบไม่ต้องพยายาม ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับความเป็นสมศรีที่ทั้งขำและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง

ข้อคิดจากสมศรี อารมณ์ขันช่วยเยียวยาความตึงเครียด
ข้อคิดที่ได้จากสมศรีคือ อารมณ์ขันและความจริงใจสามารถช่วยเยียวยาความตึงเครียดในชีวิตได้ เธอสอนว่า แม้ในสถานการณ์ที่หนักหน่วง การมีมุมมองที่เบาและการพูดคุยอย่างเป็นกันเองสามารถทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีขึ้นได้ สมศรีอาจไม่ใช่ตัวหลัก แต่เธอคือตัวอย่างของการใช้ความสนุกในการสร้างสมดุลให้ชีวิต

→ วีรินทร์ นาคะวรังค์ รับบท เชย

วีรินท์ นาคะวรังค์

เชยใน น้ำเซาะทราย คือสาวบ้านๆ ที่ซื่อตรงและจริงใจสุดๆ เธออาจจะดูเชื่องช้านิดๆ แต่ความเป็นธรรมชาติและความไม่คิดร้ายกับใครทำให้เธอมีเสน่ห์แบบเฉพาะตัว เชยเป็นตัวละครสมทบที่อยู่ในวงโคจรของตัวละครหลักอย่าง ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), หรือ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) น่าจะเป็นคนรอบข้างหรือแม่บ้านที่โผล่มาในฉากชีวิตประจำวัน ช่วยเติมบรรยากาศให้เรื่องดูเหมือนชีวิตจริง ไม่จมอยู่กับดราม่ารักสามเส้า

คาแร็คเตอร์ของเชยคือแบบ… ซื่อๆ บ้านๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เธอเหมือนเพื่อนบ้านที่พูดอะไรตรงๆ แต่ไม่แรง ทำให้คนดูรู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดของเรื่อง การแสดงของวีรินทร์คือแบบ… ลงตัวมาก ถ่ายทอดความเป็นสาวบ้านๆ ได้แบบน่ารัก ฉากที่เชยโผล่มานี่คือช่วยให้เรายิ้มได้ทันที

ฉายาของเชย “สาวบ้านๆ ใจแท้”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้เชย ต้องเป็น “สาวบ้านๆ ใจแท้” เพราะเธอคือตัวละครที่นำความจริงใจและความซื่อมาเติมเต็มเรื่องราว เธอเหมือนเพื่อนบ้านที่ทุกคนอยากมี ด้วยความเป็นธรรมชาติและจิตใจดี ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเธอ

ข้อคิดจากเชย ความจริงใจสร้างรอยยิ้ม
ข้อคิดที่ได้จากเชยคือ ความจริงใจและความเรียบง่ายสามารถสร้างรอยยิ้มและความอบอุ่นได้ เธอสอนว่า ไม่ต้องเป็นคนเด่นดัง แค่การเป็นตัวของตัวเองและจริงใจกับคนรอบข้างก็สามารถทำให้บรรยากาศดีขึ้นได้ แม้จะเป็นตัวละครเล็กๆ แต่เชยคือตัวอย่างของพลังแห่งความซื่อ

→ สิริยา นฤนาท รับบท เนียม

เนียมใน น้ำเซาะทราย คือแม่บ้านที่อ่อนโยนและขยันสุดๆ เธอทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในบ้านของตัวละครหลัก อาจจะเป็นบ้านของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) และ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) หรือครอบครัวอื่นที่เกี่ยวข้อง เธอคือ “แรงเงียบ” ที่คอยจัดการงานบ้านและอยู่เคียงข้างเหตุการณ์ต่างๆ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในดราม่ารักสามเส้าของภีม, วรรณนรี, และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แต่เนียมก็เป็นเหมือน “สายตาเงียบๆ” ที่เห็นทุกอย่างในบ้าน

เนียมมีบุคลิกซื่อสัตย์ อ่อนโยน และทุ่มเทกับงาน เธอช่วยเติมมิติให้เรื่องราวดูสมจริง โดยเฉพาะในแง่วิถีชีวิตครอบครัวไทยที่มักมีแม่บ้านเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน การแสดงของสิริยาคือแบบ… ลงตัวและอบอุ่นมาก ทำให้เนียมดูเป็นคนที่คนดูรู้สึกผูกพัน ฉากที่เธอทำงานเงียบๆ หรือมีปฏิสัมพันธ์เล็กๆ กับตัวละครหลักคือช่วยให้ละครมีกลิ่นอายของความเป็นบ้านจริงๆ

ฉายาของเนียม “แม่บ้านใจแท้”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้เนียม ต้องเป็น “แม่บ้านใจแท้” เพราะเธอคือตัวละครที่ทุ่มเท ซื่อสัตย์ และเป็นพลังเงียบที่คอยสนับสนุนครอบครัว ด้วยความอ่อนโยนและความจริงใจ ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับบทบาทของเธอ

ข้อคิดจากเนียม ความทุ่มเทในหน้าที่สร้างคุณค่า
ข้อคิดที่ได้จากเนียมคือ ความทุ่มเทและความซื่อสัตย์ในหน้าที่สามารถสร้างคุณค่าได้ แม้เนียมจะเป็นแค่แม่บ้าน แต่การทำงานของเธอด้วยใจและการอยู่เคียงข้างครอบครัวอย่างเงียบๆ สอนเราว่าทุกบทบาทในชีวิตมีส่วนช่วยทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ แม้จะเป็นบทเล็กๆ ก็ตาม

→ โชคดี พักภู่ รับบท นายไปล่

batch %E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%8A%E0%B8%B0 %E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C 004
โชคดี พักภู่

นายไปล่ใน น้ำเซาะทราย คือตัวละครผู้ใหญ่แบบบ้านๆ ที่มาพร้อมความจริงใจและมุกตลกที่ทำให้คนดูต้องยิ้ม เขาเป็นตัวละครสมทบที่อยู่ในแวดวงของชุมชนหรือครอบครัว ไม่ได้มีส่วนในดราม่ารักสามเส้าของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) โดยตรง แต่นายไปล่คือ “แรงผ่อนคลาย” ที่ช่วยให้ละครมีโมเมนต์เบาๆ ท่ามกลางความเข้มข้น เขาน่าจะโผล่มาในฉากชีวิตประจำวันของชุมชน หรืออาจเป็นคนที่รู้จักกับตัวละครหลัก

นายไปล่มีบุคลิกซื่อๆ ตรงไปตรงมา บางครั้งก็ขำขันด้วยมุกบ้านๆ แต่ก็มีมุมคมๆ ในคำพูดที่สะกิดใจตัวละครหลักได้ เขาเหมือน “เสียงบ้านๆ” ที่สะท้อนวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น การแสดงของโชคดีคือแบบ… สุดยอดมาก ถ่ายทอดความเป็นผู้ใหญ่ที่ทั้งจริงใจและมีอารมณ์ขันได้เป๊ะ ฉากที่นายไปล่พูดอะไรแซ่บๆ หรือโยนมุกมาก็ทำให้เราหัวเราะและรู้สึกอบอุ่นใจ

ฉายาของนายไปล่ “ลุงบ้านๆ ขวัญใจชุมชน”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้นายไปล่ ต้องเป็น “ลุงบ้านๆ ขวัญใจชุมชน” เพราะเขาคือตัวละครที่นำความจริงใจและอารมณ์ขันแบบบ้านๆ มาสร้างรอยยิ้มให้ทุกคน ด้วยบุคลิกที่เป็นกันเองและคำพูดที่ตรงไปตรงมา ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเขา

ข้อคิดจากนายไปล่ อารมณ์ขันและความจริงใจคือยาวิเศษ
ข้อคิดที่ได้จากนายไปล่คือ อารมณ์ขันและความจริงใจคือยาวิเศษที่ช่วยให้ชีวิตผ่อนคลาย เขาสอนว่า แม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด การมีมุมมองที่สนุกและการพูดคุยอย่างจริงใจสามารถสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับคนรอบข้างได้ นายไปล่คือตัวอย่างของการใช้ความเรียบง่ายในการสร้างความสุข

→ สุดารัตน์ เดชากุล รับบท คุณผสาน

2019.07.03%2B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25A9%25E0%25B9%258C6293
สุดารัตน์ เดชากุล

คุณผสานใน น้ำเซาะทราย คือผู้ใหญ่หญิงที่เป็นหัวหน้าครอบครัวตัวจริง เธอมีบุคลิกเข้มแข็ง เด็ดขาด และเคร่งครัด แต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นและความเข้าใจ เธอไม่ได้มีส่วนในดราม่ารักสามเส้าของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) โดยตรง แต่ทำหน้าที่เป็นผู้คอยชี้แนวทางและตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ของครอบครัว เธอเหมือน “เสาหลัก” ที่ค้ำจุนค่านิยมดั้งเดิมและความสัมพันธ์ในครอบครัวให้มั่นคง

คุณผสานอาจปรากฏในฉากที่เกี่ยวกับการตัดสินใจในครอบครัวหรือการให้คำแนะนำแก่ลูกหลาน ด้วยความเข้มงวดที่มาพร้อมความรัก เธอทำให้ครอบครัวดูสมจริงและน่าเชื่อถือ การแสดงของสุดารัตน์คือแบบ… สุดยอดมาก ถ่ายทอดทั้งความเข้มแข็งและความอบอุ่นได้เป๊ะ ฉากที่คุณผสานพูดคุยหรือตัดสินใจอะไรสำคัญๆ คือทำให้เรารู้สึกถึงน้ำหนักของตัวละครนี้จริงๆ

ฉายาของคุณผสาน “เสาหลักแห่งความมั่นคง”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้คุณผสาน ต้องเป็น “เสาหลักแห่งความมั่นคง” เพราะเธอคือผู้ใหญ่ที่คอยยึดโยงครอบครัวไว้ด้วยความเข้มแข็งและความรัก ด้วยการตัดสินใจที่เด็ดขาดและการชี้แนวทางที่ถูกต้อง ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับบทบาทของเธอ

ข้อคิดจากคุณผสาน ความเข้มแข็งและความรักสร้างครอบครัวที่มั่นคง
ข้อคิดที่ได้จากคุณผสานคือ ความเข้มแข็งที่มาพร้อมความรักคือรากฐานของครอบครัวที่มั่นคง เธอสอนว่า การเป็นผู้นำครอบครัวต้องสมดุลระหว่างความเด็ดขาดและความเข้าใจ การยึดมั่นในค่านิยมที่ถูกต้องและการดูแลลูกหลานด้วยใจสามารถทำให้ครอบครัวผ่านพ้นทุกวิกฤตได้

→ ชลมารค ธ.เชียงทอง รับบท นางเรียง

news 2e290d7
ชลมารค ธ.เชียงทอง

นางเรียงใน น้ำเซาะทราย คือแม่บ้านหรือคนรับใช้ที่เป็นหัวใจของครอบครัว เธอขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์ และอ่อนน้อมสุดๆ คอยดูแลความเรียบร้อยในบ้านของตัวละครหลัก อาจจะเป็นบ้านของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) และ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) หรือครอบครัวอื่นที่เกี่ยวข้อง เธอคือ “แรงสนับสนุนเงียบ” ที่ทำให้ชีวิตประจำวันของครอบครัวดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีส่วนในดราม่ารักสามเส้าของภีม, วรรณนรี, และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) โดยตรง

นางเรียงมีบุคลิกที่เงียบขรึมแต่เต็มไปด้วยความทุ่มเท เธออาจปรากฏในฉากที่จัดการงานบ้านหรือช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัว ช่วยเติมมิติให้เรื่องราวดูเป็นครอบครัวไทยที่มีคนรับใช้เป็นส่วนหนึ่ง การแสดงของชลมารคคือแบบ… สมจริงและอบอุ่นมาก ทำให้เรารู้สึกว่านางเรียงคือคนที่ทุกบ้านอยากมี ฉากที่เธอทำงานเงียบๆ หรือมีปฏิสัมพันธ์เล็กๆ กับตัวละครหลักคือช่วยให้ละครมีกลิ่นอายของความเป็นบ้านจริงๆ

ฉายาของนางเรียง “แม่บ้านใจซื่อ”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้นางเรียง ต้องเป็น “แม่บ้านใจซื่อ” เพราะเธอคือตัวละครที่ทุ่มเทและซื่อสัตย์กับหน้าที่ของตัวเอง ด้วยความอ่อนน้อมและความขยัน เธอเป็นแรงเงียบที่คอยสนับสนุนครอบครัว ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเธอ

ข้อคิดจากนางเรียง ความทุ่มเทเงียบๆ มีคุณค่ามหาศาล
ข้อคิดที่ได้จากนางเรียงคือ ความทุ่มเทและความซื่อสัตย์ในหน้าที่ แม้จะเงียบๆ ก็มีคุณค่ามหาศาล เธอสอนว่า การทำงานด้วยใจและการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคนอื่นราบรื่นคือสิ่งที่มีความหมาย แม้จะเป็นบทบาทเล็กๆ ในครอบครัว แต่ก็ช่วยสร้างความสมบูรณ์ให้กับทุกคน

→ ด.ช.กรพิพัฒน์ กฤษณะทรัพย์ รับบท จ้าน

จ้านใน น้ำเซาะทราย คือเด็กชายที่สดใส ร่าเริง และช่างซนสุดๆ เขาเป็นลูกชายของ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ที่เรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและกลับมาในช่วงท้ายของเรื่อง จ้านนำความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์มาสู่เรื่องราวที่เต็มไปด้วยดราม่ารักสามเส้าของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์), วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง), และพุดกรอง เขาคือตัวแทนของเด็กที่อยากรู้อยากเห็น ซื่อสัตย์ และมีจิตใจดี ทำให้คนดูรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เห็นเขา

จ้านอาจปรากฏในฉากที่เกี่ยวกับครอบครัวหรือเหตุการณ์ที่ช่วยเชื่อมโยงตัวละครหลัก ความซนและความจริงใจของเขาช่วยให้โทนละครไม่ตึงเครียดเกินไป การแสดงของน้องกรพิพัฒน์คือแบบ… น่ารักและเป็นธรรมชาติมาก ทำให้จ้านดูเป็นเด็กที่คนดูต้องหลงรัก ฉากที่จ้านโผล่มานี่คือเหมือนแสงแดดที่ทำให้ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันที

ฉายาของจ้าน “แสงแดดแห่งความไร้เดียงสา”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้จ้าน ต้องเป็น “แสงแดดแห่งความไร้เดียงสา” เพราะเขาคือเด็กชายที่นำความสดใสและความบริสุทธิ์มาสู่เรื่อง ด้วยความซนและจิตใจดี เขาเหมือนแสงแดดที่ทำให้ครอบครัวและคนดูรู้สึกอบอุ่น ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเขา

ข้อคิดจากจ้าน ความบริสุทธิ์ของเด็กสอนใจผู้ใหญ่
ข้อคิดที่ได้จากจ้านคือ ความบริสุทธิ์และความจริงใจของเด็กสามารถเป็นบทเรียนให้ผู้ใหญ่ ความไร้เดียงสาและจิตใจดีของจ้านช่วยสะท้อนให้ตัวละครรอบตัวเห็นถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์และความรักในครอบครัว เขาสอนว่า บางครั้งมุมมองที่เรียบง่ายของเด็กสามารถช่วยเตือนใจให้ผู้ใหญ่กลับมาทบทวนตัวเอง

→ ด.ญ.จาร์ดีน่า แฟรงค์ รับบท ปอ

ปอใน น้ำเซาะทราย คือเด็กหญิงที่ร่าเริง สดใส และช่างสงสัยสุดๆ เธอเป็นลูกสาวของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) และ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) ที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งในครอบครัวจากดราม่ารักสามเส้าของพ่อแม่และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ปอมีความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็กๆ และมีความใสซื่อที่ทำให้คนดูต้องหลงรัก เธอช่วยเติมสีสันและความน่ารักให้กับเรื่อง ทำให้โทนละครที่เต็มไปด้วยดราม่าหนักๆ ดูเบาลงและมีชีวิตชีวา

ปออาจโผล่มาในฉากที่เกี่ยวกับครอบครัว เช่น ตอนที่อยู่กับพ่อแม่หรือพี่ชายอย่าง ป่าน ความไร้เดียงสาและความจริงใจของเธอช่วยสะท้อนความบริสุทธิ์ของเด็ก และทำให้ตัวละครผู้ใหญ่รอบตัวต้องฉุกคิดถึงความสำคัญของครอบครัว การแสดงของน้องจาร์ดีน่าคือแบบ… น่ารักมาก ถ่ายทอดความเป็นเด็กที่สดใสและจริงใจได้เป๊ะ ฉากที่ปอซักถามหรือทำอะไรน่ารักๆ คือทำให้เรายิ้มตามเลย

ฉายาของปอ นางฟ้าตัวน้อยแห่งครอบครัว”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้ปอ ต้องเป็น “นางฟ้าตัวน้อยแห่งครอบครัว” เพราะเธอคือเด็กหญิงที่นำความสดใสและความบริสุทธิ์มาให้ครอบครัว ด้วยความร่าเริงและจิตใจดี เธอเหมือนนางฟ้าตัวเล็กที่ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่น ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเธอ

ข้อคิดจากปอ ความบริสุทธิ์ของเด็กเตือนใจผู้ใหญ่
ข้อคิดที่ได้จากปอคือ ความบริสุทธิ์และความจริงใจของเด็กสามารถเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ใหญ่ ปอสอนว่า มุมมองที่ใสซื่อและความรักที่เด็กมีต่อครอบครัวสามารถทำให้ผู้ใหญ่ตระหนักถึงสิ่งที่สำคัญในชีวิต เธออาจเป็นแค่เด็ก แต่พลังของความไร้เดียงสากลับช่วยเยียวยาความเจ็บปวดในครอบครัวได้

→ ด.ช.เชบาสเตียน รัตนกุล รับบท ป่วน

ป่วนใน น้ำเซาะทราย คือเด็กชายที่ซุกซน ขี้เล่น และชอบสร้างเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คนรอบตัวต้องทั้งหัวเราะและแอบหงุดหงิด เขาเป็นลูกชายของ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) และ วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) ซึ่งอยู่ในครอบครัวที่ต้องเผชิญดราม่ารักสามเส้ากับ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ความซนและความร่าเริงของป่วนช่วยเติมความสดใสให้กับเรื่อง ทำให้โทนละครที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดดูผ่อนคลายลง แม้ว่าเขาจะซน แต่ป่วนก็มีหัวใจดีและความบริสุทธิ์ที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวรักและผูกพัน

ป่วนอาจโผล่มาในฉากครอบครัวหรือโมเมนต์ที่เขาแกล้งคนอื่นแบบน่ารักๆ ซึ่งช่วยให้คนดูได้พักจากดราม่าหนักๆ การแสดงของน้องเชบาสเตียนคือแบบ… น่ารักและเป็นธรรมชาติสุดๆ ถ่ายทอดความซุกซนและจิตใจดีของป่วนได้เป๊ะ ฉากที่เขาทำอะไรแสบๆ หรือพูดอะไรใสๆ คือทำให้เรายิ้มตามเลย

ฉายาของป่วน “พายุตัวน้อยแห่งรอยยิ้ม”
ถ้าให้ตั้งฉายาให้ป่วน ต้องเป็น “พายุตัวน้อยแห่งรอยยิ้ม” เพราะเขาเหมือนพายุเล็กๆ ที่พัดความซนและความสนุกมาสู่ครอบครัว แต่ก็ทำให้ทุกคนยิ้มได้ด้วยความบริสุทธิ์และจิตใจดี ฉายานี้คือเหมาะสุดๆ กับตัวตนของเขา

ข้อคิดจากป่วน ความซนที่มาพร้อมความจริงใจสร้างความสุข
ข้อคิดที่ได้จากป่วนคือ ความซนที่มาพร้อมความจริงใจสามารถสร้างความสุขให้คนรอบข้าง ป่วนสอนว่า ความร่าเริงและความไร้เดียงสาของเด็กสามารถนำรอยยิ้มมาให้ครอบครัวได้ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ความซนของเขาช่วยเตือนใจผู้ใหญ่ว่าความสุขเล็กๆ น้อยๆ มีพลังมากแค่ไหน


ข้อคิดจากละคร “น้ำเซาะทราย”

ความรักต้องมากับความรับผิดชอบ
จากตัวละครอย่าง ภีม และ พุดกรอง เราเห็นว่าการตามหัวใจโดยไม่คิดถึงผลกระทบอาจทำร้ายคนรอบข้างได้ ความรักที่สวยงามต้องคำนึงถึงความรู้สึกของครอบครัวและคนที่เรารัก ไม่ใช่แค่ทำตามใจตัวเอง

ความเข้มแข็งคือพลังในการก้าวต่อ
วรรณนรี สอนเราว่าต่อให้เจอความเจ็บปวดจากการถูกหักหลัง การยืนหยัดและรักตัวเองคือทางออกที่ดีที่สุด ความเข้มแข็งของเธอในการต่อสู้เพื่อลูกๆ และหน้าที่การงานคือตัวอย่างของการไม่ยอมแพ้

สติและเหตุผลช่วยนำทางในวิกฤต
ตัวละครอย่าง คุณอา และ คุณผสาน แสดงให้เห็นว่าในช่วงที่ทุกอย่างวุ่นวาย การมีสติและยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ การเป็นผู้ใหญ่ที่ให้คำแนะนำด้วยความห่วงใยคือพลังที่ยิ่งใหญ่

ความจริงใจและความซื่อสัตย์มีคุณค่าเสมอ
จากตัวละครสมทบอย่าง เนียม, เชย, หรือ วินิดา เราเห็นว่าความจริงใจและความซื่อสัตย์ แม้ในบทบาทเล็กๆ ก็สามารถสร้างความอบอุ่นและความไว้วางใจให้กับคนรอบข้างได้

ความไร้เดียงสาของเด็กเตือนใจผู้ใหญ่
เด็กๆ อย่าง ปอ, ป่วน, และ จ้าน นำความบริสุทธิ์และมุมมองที่ใสซื่อมาสู่เรื่อง สอนให้ผู้ใหญ่เห็นว่าบางครั้งความเรียบง่ายและความรักที่แท้จริงคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในครอบครัว

อารมณ์ขันและความเป็นกันเองช่วยเยียวยา
ตัวละครสายฮาอย่าง สมศรี และ นายไปล่ ทำให้เราเห็นว่าอารมณ์ขันและการพูดคุยอย่างเป็นกันเองสามารถลดความตึงเครียดในสถานการณ์ยากๆ ได้ การมีรอยยิ้มคือยาวิเศษที่ทุกคนควรมี

ความหลากหลายสร้างสมดุลในชีวิต
ตัวละครอย่าง ลิซ่า และ ดลฤดี นำมุมมองสมัยใหม่มาเติมสีสันให้เรื่อง สอนว่าในสังคมที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง การยอมรับและเรียนรู้จากมุมมองใหม่ๆ สามารถทำให้ชีวิตกลมกล่อมขึ้น

น้ำเซาะทราย ไม่ได้มีแค่ดราม่าที่ทำให้เราน้ำตาไหล แต่ยังเต็มไปด้วยข้อคิดที่เอาไปใช้ในชีวิตได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ครอบครัว ความรับผิดชอบ หรือการรักษาความจริงใจ ละครเรื่องนี้สอนเราว่าทุกการตัดสินใจมีผลกระทบ และการยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องคือสิ่งที่ทำให้เราเติบโต


จินตนาการ ละคร น้ำเซาะทราย ภาค 2 ถ้ามีต่อจากความดราม่าสุดเข้มในภาคแรก ปี 2560 ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยรักสามเส้า ความขัดแย้งในครอบครัว และข้อคิดสุดลึกซึ้ง มาดูกันว่าถ้ามีภาค 2 จะเป็นยังไง ดราม่าจะพีคขึ้นแค่ไหน และตัวละครจะไปในทิศทางไหน

น้ำเซาะทราย ภาค 2 – รอยร้าวแห่งการเริ่มใหม่
ฉากเริ่มต้น 5 ปีหลังจากภาคแรก
เรื่องราวในภาค 2 เริ่มต้น 5 ปีหลังจากเหตุการณ์ใน น้ำเซาะทราย ภาคแรก วรรณนรี (สุวนันท์ คงยิ่ง) กลายเป็นคณบดีที่ประสบความสำเร็จ เธอแข็งแกร่งขึ้นและสวยปังกว่าเดิม แต่ยังคงมีบาดแผลในใจจากการหย่าร้างกับ ภีม (ศรราม เทพพิทักษ์) ภีม และ พุดกรอง (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเงียบๆ พร้อมลูกที่เกิดจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวัง เพราะความรู้สึกผิดยังคงหลอกหลอนพุดกรอง และภีมเริ่มรู้สึกว่าความรักครั้งใหม่ไม่สามารถเติมเต็มความโหยหาครอบครัวเก่าได้

ปอ (ด.ญ.จาร์ดีน่า แฟรงค์) และ ป่วน (ด.ช.เชบาสเตียน รัตนกุล) โตเป็นวัยรุ่นแล้ว และเริ่มตั้งคำถามถึงการแตกสลายของครอบครัว ขณะที่ จ้าน (ด.ช.กรพิพัฒน์ กฤษณะทรัพย์) ลูกชายของพุดกรอง เริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของแม่กับภีม และรู้สึกไม่มั่นคงในครอบครัวใหม่ของตัวเอง

รอยร้าวใหม่และการเผชิญหน้ากับอดีต
ภาค 2 จะโฟกัสที่การเริ่มต้นใหม่ของทุกตัวละคร แต่รอยร้าวจากอดีตยังคงตามหลอกหลอน

วรรณนรีกับโอกาสครั้งใหม่
วรรณนรีพบกับ ชายหนุ่มนักธุรกิจ (ตัวละครใหม่) ที่เข้ามาในชีวิตด้วยความอบอุ่นและมุมมองสมัยใหม่ เขาเหมือน ทวยหาญ (เคลลี่ ธนะพัฒน์) ในแง่ความใจดี แต่มีพลังและความมุ่งมั่นมากกว่า วรรณนรีเริ่มเปิดใจ แต่ความกลัวจากการถูกหักหลังในอดีตทำให้เธอลังเล การปรากฏตัวของภีมที่พยายามกลับมาเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกๆ ทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกเก่าๆ อีกครั้ง

ภีมและพุดกรอง ความรักที่เปราะบาง
ภีมและพุดกรองเผชิญปัญหาในความสัมพันธ์เมื่อความรู้สึกผิดและความกดดันจากครอบครัวของทั้งคู่เริ่มรุนแรงขึ้น พุดกรองรู้สึกว่าตัวเองเป็นสาเหตุของความแตกสลายในครอบครัวของวรรณนรี ขณะที่ภีมเริ่มรู้สึกเสียใจที่ทิ้งครอบครัวเก่า การกลับมาพบกันอีกครั้งของภีมและวรรณนรีในงานโรงเรียนของปอและป่วนจุดประกายความรู้สึกเก่าๆ ทำให้เกิดดราม่ารักสามเส้าครั้งใหม่

รุ่นลูก การค้นหาตัวตน
ปอและป่วนเริ่มโตเป็นวัยรุ่นและมีปัญหาของตัวเอง ปอเริ่มสงสัยในตัวตนของพ่อและอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับการหย่าร้างของพ่อแม่ ขณะที่ป่วนกลายเป็นเด็กเกเรเล็กๆ เพราะรู้สึกขาดความรักจากพ่อ จ้าน ลูกชายของพุดกรอง เริ่มมีปมในใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในอดีต เด็กๆ ทั้งสามคนนี้จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องหันมามองตัวเอง

พงษ์สนิทกับการแก้แค้นครั้งใหม่
พงษ์สนิท (เจจินตัย แวนคิว) กลับมาพร้อมความแค้นที่ยังไม่จบ เขาพยายามยุยงให้เกิดความขัดแย้งระหว่างภีมและวรรณนรีอีกครั้ง โดยใช้ความสัมพันธ์ของตัวละครรุ่นลูกเป็นเครื่องมือ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดของตัวเองจากรักที่ไม่สมหวัง

ตัวละครสมทบที่เพิ่มสีสัน
คุณผสาน (สุดารัตน์ เดชากุล) ยังคงเป็นเสาหลักของครอบครัว คอยให้คำแนะนำแก่ปอและป่วนในฐานะย่า/ยาย และพยายามช่วยวรรณนรีตัดสินใจเรื่องความรักครั้งใหม่

สมศรี (พิมพากานต์ วงษ์ศรีแก้ว) และ นายไปล่ (โชคดี พักภู่) ยังคงเป็นตัวละครสายฮาที่คอยโยนมุกขำๆ และสะท้อนมุมมองของชุมชน

ลิซ่า (โซเฟีย ลา) กลับมาในฐานะเพื่อนสนิทของวรรณนรี ช่วยผลักดันให้เธอกล้าเปิดใจรับรักใหม่ และนำมุมมองสมัยใหม่มาเติมสีสัน

ตัวละครใหม่: นักธุรกิจหนุ่ม ที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในชีวิตของวรรณนรี และอาจมีปมในอดีตที่เชื่อมโยงกับตัวละครอื่น

จุดพีคของเรื่อง
การเผชิญหน้าระหว่างวรรณนรีและพุดกรอง ในงานโรงเรียนของเด็กๆ ที่ทั้งคู่ต้องมานั่งคุยกันอย่างจริงจังครั้งแรกในรอบ 5 ปี เป็นฉากที่เต็มไปด้วยอารมณ์ทั้งเจ็บปวดและการให้อภัย

การตัดสินใจของภีม ว่าจะเลือกยึดมั่นในครอบครัวใหม่ หรือพยายามกอบกู้ความสัมพันธ์กับลูกๆ และวรรณนรี

การเติบโตของปอและป่วน ที่เริ่มเข้าใจความซับซ้อนของความรักและครอบครัว และพยายามเป็นสะพานเชื่อมให้พ่อแม่กลับมาคุยกัน

น้ำเซาะทราย ภาค 2 จะเป็นการต่อยอดดราม่าที่เข้มข้นขึ้น ผสมผสานกับการเติบโตของตัวละครทั้งรุ่นพ่อแม่และรุ่นลูก เรื่องราวจะพาคนดูไปสำรวจการให้อภัย การเริ่มต้นใหม่ และความสำคัญของครอบครัว