เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊ 2025 หนังแนวอาชญากรรมผสมตลกร้าย เรื่องนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนวัฒนธรรมความเชื่อเรื่องเครื่องรางของไทย แต่ยังเป็นดราม่าครอบครัวที่เข้มข้น โดยมีพระเครื่องชิ้นเดียวเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมด เรื่องราวเปิดฉากด้วยตัวเอกชื่อ “เอก” ชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายในกรุงเทพฯ ชีวิตของเขากำลังเผชิญวิกฤต เมื่อพ่อของเขาป่วยหนักด้วยโรคที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการรักษา เอกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากค้นหารายได้ด่วนๆ เขาจึงตัดสินใจนำพระเครื่องเก่าๆ ชิ้นหนึ่งที่พ่อเก็บไว้มานาน ไปประเมินราคาที่ร้านของ “เซ้ง พาราไดซ์” เซียนพระชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการดูของแท้-ของปลอม
ที่นี่เองที่เอกได้พบกับ “เซียนหมวย” หญิงสาวเซียนพระสุดฮ็อตที่ทั้งสวยและฉลาด เธอแนะนำให้เอกส่งพระเครื่องชิ้นนี้เข้าประกวดในงานใหญ่ชื่อ “The Stone” ซึ่งเป็นเวทีที่เซียนพระทั่วประเทศมาร่วมชิงรางวัล แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผัน เมื่อเซ้งและหมวยตรวจสอบพระเครื่องนั้นอย่างละเอียด พวกเขาพบว่ามันไม่ใช่พระธรรมดาๆ แต่เป็น พระสมเด็จ องค์แท้ในตำนานที่หายสาบสูญไปจากวงการพระเครื่องมานานกว่า 30 ปี พระองค์นี้มีมูลค่าตั้งแต่หลักสิบล้านไปจนถึงร้อยล้านบาท กลายเป็น “The Stone” ที่ทุกคนในวงการใฝ่ฝัน
การค้นพบนี้เปลี่ยนชีวิตเอกไปตลอดกาล ทันทีที่ข่าวรั่วไหล (โดยเฉพาะหลังจากส่งเข้าประกวด) เอกถูกดึงเข้าสู่โลกมืดของวงการพระเครื่อง ที่ซึ่งเซียนพระไม่ใช่แค่ผู้สะสมของศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นนักเล่นเกมเสี่ยงตายที่เต็มไปด้วยการหลอกลวง การปลอมแปลง และแม้กระทั่งอาชญากรรม “พ่อสุนทร” เซียนพระผู้ทรงอิทธิพลและมีเส้นสายในวงการ กลายเป็นตัวร้ายหลักที่จับตาดูพระองค์นี้อย่างใกล้ชิด เขาพร้อมทุ่มทุกอย่างเพื่อครอบครองมัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม รวมถึงการข่มขู่และวางแผนชิงช้า
นอกจากนี้ ยังมีบุคคลปริศนาอย่าง “วิค” (ตัวละครลึกลับที่ถูกกล่าวถึงในบางแหล่ง) ซึ่งอาจเป็นนักสะสมต่างชาติหรือมาเฟียในเงามืด ที่เข้ามาเพิ่มความตึงเครียด เอกที่เคยเป็นคนธรรมดา ต้องเรียนรู้กฎของวงการอย่างรวดเร็ว พระแท้-พระเก๊แยกกันไม่ออกด้วยตาเปล่า การประเมินราคาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม และทุกคนที่ยิ้มแย้มอาจเป็นศัตรู ระหว่างทาง เอกได้พันธมิตรอย่างเซียนหมวยที่ช่วยเหลือเขา แต่ความสัมพันธ์นี้ก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เพราะแม้แต่คนใกล้ชิดก็อาจทรยศเพื่อพระเครื่องชิ้นนี้
เรื่องราวดำเนินไปด้วยฉากแอ็กชันผสมฮา ที่เอกต้องหลบหนีการไล่ล่า ต่อรองกับเซียนพระในตลาดนัดพระเครื่อง และเผชิญหน้ากับความจริงเกี่ยวกับพ่อของเขาเอง ว่าพระองค์นี้มีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับอดีตอันมืดมนของครอบครัว เอกต้องเลือกระหว่างการขายพระเพื่อรักษาชีวิตพ่อ หรือปกป้องมรดกที่อาจนำพาความหายนะมาสู่ตัวเขาเอง
เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊ เป็นภาพยนตร์ที่สมดุลระหว่างความบันเทิงและสาระ โดยใช้พระเครื่องเป็นสื่อกลางในการสะท้อนสังคมไทยที่หมกมุ่นกับความเชื่อและการเสี่ยงโชค หากคุณชื่นชอบหนังอย่าง The Godfather ในเวอร์ชันไทยผสม Ocean’s Eleven เรื่องนี้คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของ เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊ 2025
ณ ใจกลางของตลาดพระเครื่องที่สาดแสงไฟนีออนจับองค์พระให้ดูขลังเกินจริง เอก เด็กหนุ่มผู้แบกภาระชีวิตอันหนักอึ้ง ได้ก้าวเข้ามาพร้อมกับ “หิน” ชิ้นเดียวที่เขาเชื่อว่าเป็นความหวังสุดท้าย นั่นคือ “พระสมเด็จเฮียรัตน์” พระในตำนานที่มีมูลค่าประเมินแตะหลักร้อยล้าน แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยเลือดและความลับ
มิตรภาพจอมปลอมในตลาดมืด
เอกไม่ได้รู้เลยว่า พระสมเด็จองค์นี้คือชนวนของคดีฆาตกรรมเมื่อ 30 ปีก่อน และเป็นพระที่ บุญหลง พ่อของเขาเอง (อดีตมือปืน) ได้ขโมยมาจากการสังหาร เฮียรัตน์ (เจ้าของพระตัวจริง) เอกต้องการเงินเพื่อรักษาพ่อ จึงถูกชักนำเข้าสู่วงการโดย เซียนหมวย สาวสวยผู้ร้อนแรงแห่งวงการพระ เธอเข้ามาอย่างอ่อนโยน ให้คำแนะนำและช่วยเหลือเอกในการนำพระเข้าประกวด ทั้งคู่ร่วมมือกันราวกับเป็นมิตรแท้ที่ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ หมวยต้องการชื่อเสียงจากการเป็นผู้ค้นพบพระในตำนาน ส่วนเอกต้องการราคาที่สมน้ำสมเนื้อ
แต่ความจริงคือ ไม่มีใครในวงการนี้ “แท้” จริง เซียนหมวยใช้ความไว้ใจของเอกเป็นเครื่องมือ เธอคือ “คนเก๊” อีกคนหนึ่งที่รอจังหวะจะหักหลังและชิงพระไปครอบครองเอง
วงจรแค้นและอำนาจเก่า
การปรากฏตัวของพระสมเด็จทำให้ วิคเตอร์ ชายลึกลับผู้มีบาดแผลทางอดีต ต้องเคลื่อนไหว วิคเตอร์คือ ลูกชายที่แท้จริงของเฮียรัตน์ เขาไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการพระคืนเพื่อชำระแค้นให้พ่อที่ถูกสังหารต่อหน้าต่อตา (โดยที่เอกไม่เคยรู้ว่าพ่อของตนคือฆาตกร)
ขณะเดียวกัน เซ้ง พาราไดซ์ เซียนพระยุคใหม่ที่ทะเยอทะยาน ก็ขัดแย้งกับ พ่อสุนทร เจ้าพ่อวงการพระผู้เป็นอาจารย์และผู้ชุบเลี้ยงเขามา ทุกคนต่างเข้าห้ำหั่นกันด้วยเล่ห์กลและการใช้อำนาจมืด
ในที่สุด ฉากไคลแม็กซ์ก็มาถึง นั่นคือ สมรภูมิไล่ล่า อันดุเดือดที่เผยให้เห็น “ธาตุแท้” ของทุกคนที่สวมใส่หน้ากากความศรัทธา ทุกคนต่างสวมพระห้อยคอ แต่กลับมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความโลภและการหักหลัง
แก่นแท้ของเรื่องจึงอยู่ที่การตั้งคำถามว่า ตราบใดที่ “คน” ยัง “เก๊” และเต็มไปด้วยความโลภ ต่อให้ “พระ” จะ “แท้” สักเพียงใด ความศักดิ์สิทธิ์และพุทธคุณที่แท้จริงก็ไม่อาจช่วยพวกเขาให้พ้นจากหายนะที่สร้างขึ้นมาเองได้ ต่อไปนี้คือจุดเด่นของเดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊ 2025
หนังประสบความสำเร็จในการ สร้างบรรยากาศ ของโลกสีเทาในวงการพระเครื่องได้อย่างน่าเชื่อถือและเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สดประเมินราคา การใช้เล่ห์เหลี่ยมกดราคา และการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างเซียนรุ่นเก่า (พ่อสุนทร-นพพล โกมารชุน) และเซียนรุ่นใหม่ (เซ้ง-จ๋าย อิชณน์กร) หนังตั้งคำถามสำคัญต่อผู้ชมว่า “พระแท้” คือหินที่ขลัง หรือคือความดีที่อยู่ในใจคน?
องค์ประกอบที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับการชื่นชมอย่างสูงคือ การแสดง และ งานสร้าง
เจ้านาย-จินเจษฎ์ ในบทเอก ถือว่าทำได้ดีเกินคาดในการแบกรับบทนำที่ต้องถ่ายทอดความบริสุทธิ์ของคนนอกที่ต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้าย
อ๊ะอาย-กรณิศ ในบทเซียนหมวย คือตัวขโมยซีนที่น่าประทับใจ เธอไม่ได้มาเพียงเพื่อความสดใส แต่เป็นตัวละครที่ซับซ้อนและเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ ที่ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นและเอาใจช่วย (หรือระแวง) ตลอดเวลา
จ๋าย-อิชณน์กร และ ฮิวโก้-จุลจักร สร้างมิติให้ตัวละครได้อย่างน่าจดจำ โดยเฉพาะจ๋ายที่มอบสีสันของเซียนยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
งานกำกับและตัดต่อ นี่คืองานกำกับครั้งแรกที่แสดงให้เห็นถึงความ กล้าหาญ ในการนำเสนอเรื่องราวอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นและความรุนแรง จังหวะการตัดต่อที่รวดเร็วและตื่นเต้น ในหลายฉาก โดยเฉพาะในช่วงไคลแม็กซ์ ทำได้ถึงอกถึงใจจนได้รับคำชมว่าสามารถคุมเกมทริลเลอร์ได้อย่างอยู่หมัด ทำให้หนังมีเสน่ห์ที่แตกต่างจากหนังไทยทั่วไป
คะแนนโดยรวม 7.5 “เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊” คือหนังไทยที่ไม่ควรมองข้าม จะพาผู้ชมดำดิ่งสู่โลกเบื้องหลังของ วงการพระเครื่อง ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งความศรัทธาที่ถูกฉาบด้วยมูลค่าและกลโกง
“เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊” ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์แอ็กชัน-ทริลเลอร์ธรรมดา แต่เป็นประสบการณ์ที่พาผู้ชมเข้าไปสำรวจเบื้องลึกของ ศรัทธา และ ความโลภ ในแวดวงพระเครื่องที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน ความรู้สึกที่โดดเด่นที่สุดหลังดูจบ คือความรู้สึกที่ “ถูกเปิดโลก” และความ “ลุ้นระทึก” ที่กัดกินใจไปจนถึงฉากสุดท้าย
ก่อนดู หลายคนอาจคิดว่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระเครื่องจะเชื่องช้าหรือเข้าใจยาก แต่หนังกลับนำเสนอโลกนี้ด้วยจังหวะที่รวดเร็วและน่าติดตามอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่การประเมินราคา การไลฟ์สดของเซียนพระ ไปจนถึงเล่ห์เหลี่ยมการซื้อขายที่ซับซ้อน ผู้ชมถูกดึงดูดเข้าสู่เกมที่มีเดิมพันสูงถึงหลักร้อยล้าน ความรู้สึกเหมือนได้เป็น “คนนอก” ที่ถูกพาเข้าไปในห้องลับของวงการ ทำให้เกิดความตื่นเต้นและอยากรู้ว่าภายใต้ความขลังและมูลค่ามหาศาลนี้ มีความฉ้อฉลซ่อนอยู่มากแค่ไหน
ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการสร้างบรรยากาศของ ความไม่ไว้วางใจ ตัวละครหลักอย่าง เอก เป็นเหมือนตัวแทนของผู้ชมที่ใสซื่อ แต่เมื่อเขาต้องเผชิญกับเหล่าเซียนและผู้มีอิทธิพลอย่าง เซียนหมวย หรือ เซ้ง พาราไดซ์ ความรู้สึกระแวงก็ถูกปลูกฝังขึ้นในใจผู้ชมทันที
ทุกคนต่างสวม “หน้ากาก” ของความเป็นมิตร ความศรัทธา หรือความยุติธรรม แต่การกระทำกลับบ่งบอกถึงความโลภที่ไม่สิ้นสุด ความรู้สึกเหมือนถูกพาเข้าไปใน “ถ้ำเสือ” ที่ทุกคนมีเขี้ยวเล็บรอจังหวะตะครุบเหยื่อ ทำให้ผู้ชมรู้สึก กดดัน และ ลุ้นหนัก ว่าตัวละครใดจะทรยศ หรือใครคือ “คนเก๊” ที่แท้จริง
จุดที่หนังสร้างความรู้สึกที่ลึกซึ้งที่สุดคือในฉากไคลแม็กซ์ที่รุนแรงและฉากจบที่หักมุม เมื่อตัวละครที่แขวนพระไว้เต็มคอ กลับไม่สามารถแคล้วคลาดจากกระสุนหรือความตายได้เลย ความรู้สึกของผู้ชมจึงถูกนำไปสู่การตั้งคำถามที่ทรงพลังว่า:
คุณค่าของพระเครื่องคืออะไร? มันเป็นเพียง “หิน” ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ หรือเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ?
พุทธคุณอยู่ตรงไหน? หากผู้ที่แขวนพระเป็น “คนเก๊” ที่จิตใจเต็มไปด้วยความโลภ ต่อให้พระแท้แค่ไหนก็ไม่อาจช่วยได้
บทสรุปสุดท้ายที่พระสมเด็จถูกคายออกมาและอาจ “ละลาย” ได้ทิ้งความรู้สึก เสียดแทง และ ฉงน ไว้ในใจผู้ชม ว่าแท้จริงแล้ว…สิ่งที่ทุกคนตามล่าอาจเป็นเพียงสิ่งปลอม ส่วนสิ่งที่ “แท้” จริงกลับเป็นเรื่องของธาตุแท้ในตัวมนุษย์เอง
“เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊” คือภาพยนตร์ที่มอบประสบการณ์ที่ ครบเครื่อง ทั้งความบันเทิงแอ็กชันที่เดือดดาล และการนำเสนอประเด็นทางสังคมที่คมคาย ทำให้เป็นหนึ่งในหนังไทยที่สร้างความรู้สึก คุ้มค่า แก่การรับชมที่สุดในปีนี้
เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊ 2025
เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊ 2025
เรื่องราวเริ่มต้นที่ “เอก” (รับบทโดย เจ้านาย-จินเจษฎ์) หนุ่มคนซื่อที่ชีวิตกำลังวิกฤต เพราะต้องหาเงินก้อนใหญ่ไป รักษาพ่อที่ป่วยหนัก ทางรอดเดียวของเขาคือ “พระเครื่องเก่าๆ” ที่พ่อเก็บไว้ เอกเลยต้องพาตัวเองเข้าสู่สมรภูมิของเซียนพระ เอกเอาพระไปให้ “เซ้ง พาราไดซ์” (จ๋าย-อิชณน์กร) เซียนพระสุดฮ็อตดีกรีแฟนพันธุ์แท้ช่วยประเมินราคา แรกๆ ก็ดูเหมือนจะจบแค่ที่ราคาหลักแสน แต่แล้วนางฟ้าก็ปรากฏตัว
“หมวย” (อ๊ะอาย-กรณิศ) เซียนพระสาวอีกคน เข้ามาดูปุ๊บก็ช็อกปั๊บ เพราะพระที่เอกถืออยู่คือ “พระสมเด็จวัดระฆัง” พระในตำนานที่ หายไปจากวงการกว่า 30 ปี มูลค่าจริง ๆ คือ ร้อยล้านบาท!!! หมวยจึงชวนเอกเข้าสู่เส้นทางสายประกวดพระ เพื่อยืนยันความแท้และอัพราคาให้สูงสุด แต่หารู้ไม่ว่า… การตัดสินใจครั้งนี้คือการก้าวขาเข้าสู่ วังวนของคนโกง ที่จะทำให้ชีวิตเอกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อข่าวพระสมเด็จองค์นี้แพร่ออกไป ก็เหมือนการโยนเนื้อชิ้นใหญ่ลงกลางฝูงหมาป่า หนังเปิดโปงให้เห็นว่าทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องต่างก็เป็น “คนเก๊” ในหน้ากากของความศรัทธา
เซียนหมวย ที่ดูเหมือนจะช่วยเอก แต่ลึกๆ แล้วเธอมีแผนการลับซ่อนอยู่ เพื่อชิงความได้เปรียบและชื่อเสียงในวงการที่ผู้ชายคุมอำนาจอยู่
เซ้ง พาราไดซ์: เซียนยุคใหม่ที่พร้อมใช้ทุกกลโกงเพื่อครอบครองพระองค์นี้
พ่อสุนทร: เจ้าพ่อวงการพระผู้ทรงอิทธิพล ที่พร้อมจะใช้อำนาจมืดเข้ามาจัดการ
วิคเตอร์: ชายลึกลับที่ตามล่าพระองค์นี้เพื่อ แก้แค้น เพราะพระสมเด็จองค์นี้เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมและการทรยศในอดีต (ซึ่งพ่อของเอกก็มีส่วนเกี่ยวข้อง)
เอกต้องถูกหักเหลี่ยมเฉือนคม ต้องหนีตายจากมือปืน ต้องเรียนรู้ว่าในวงการนี้ ไว้ใจใครไม่ได้เลย
เรื่องราวพาไปสู่ฉากไคลแม็กซ์ที่เรียกว่า ยิงกันสนั่น ตัวละครที่เต็มไปด้วยความโลภและอำนาจต่างต้องเผชิญหน้ากับจุดจบที่รุนแรง เมื่อความจริงทุกอย่างเปิดเผยออกมา ทั้งเรื่องของพระแท้-พระเก๊ และความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างพ่อของเอกกับวิคเตอร์ หนังตอกย้ำด้วยฉากจบที่ทำให้เราต้องกลับมาคิดถึงคำว่า “พระแท้”
คนเก๊ที่แขวนพระแท้ อาจตายเพราะกรรมตามทัน
คนรอดอาจเหลือเพียงแค่ “หิน” ธรรมดาที่ไม่ได้มีพุทธคุณอะไร…
สุดท้ายแล้ว “The Stone” ก็ทิ้งคำถามสุดคลาสสิกไว้ให้เราไปคิดต่อที่บ้านว่า “สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์และคุ้มครองเราได้จริงๆ…คืออะไรกันแน่?” หนังเรื่องนี้คือการเปิดโปงที่เจ็บแสบและมันส์สุดๆ ไปเลย
เบื้องหลังความปังของหนังไทยที่สร้างความฮือฮาที่สุดแห่งปีอย่าง “เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊” ว่าใครคือทีมงานระดับเทพที่เสกให้หนังเรื่องนี้มันส์จนกู้ศรัทธาหนังไทยได้ขนาดนี้
ตัวพ่อคุมเกม ผู้กำกับและคนเขียนบท

กำกับ/บทภาพยนตร์: “พี่เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ” 💥
กำกับร่วม: “พี่บี วุฒิพงษ์ สุขะนินทร์”

นี่คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุด “พี่เป้ อารักษ์” ไม่ได้มาแค่แสดง แต่ควบตำแหน่ง ผู้กำกับและคนเขียนบทเองเลย คือแบบว่าพี่เขาอยากเล่าเรื่องนี้มากจนต้องลงมาคุมทุกดีเทลเอง ตั้งแต่การสร้างโลกของเซียนพระ การวางหมากตัวละครที่หักเหลี่ยมกันยับ ๆ ไปจนถึงฉากแอ็กชันสุดเดือด แถมยังได้ “พี่บี วุฒิพงษ์” มากำกับร่วม ทำให้จังหวะหนังมันลงตัวและดุดันมาก ใครที่อินกับความลึกของบทและความมันส์ของการเล่าเรื่อง ต้องยกเครดิตให้คู่หูผู้กำกับคู่นี้เลย
ค่ายผู้สร้างและผู้จัดจำหน่าย พลังเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา
บริษัทผู้สร้าง: “คาร์แมนไลน์สตูดิโอ”
ผู้จัดจำหน่าย: “เอ็มพิคเจอร์ส”
ต้องขอบคุณ “คาร์แมนไลน์สตูดิโอ” เลยครับ ที่กล้าทุ่มทุนสร้างหนังไทยแนวอาชญากรรม-ทริลเลอร์ที่เจาะลึกประเด็นเฉพาะทางอย่างวงการพระเครื่อง ซึ่งถือว่าเสี่ยงแต่คุ้มค่ามาก พอได้ค่ายใหญ่สุดปึ้กอย่าง “เอ็มพิคเจอร์ส” มาช่วยจัดจำหน่ายด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้หนังกระจายไปสู่คนดูทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง ทำให้โปรเจกต์นี้กลายเป็น Talk of the Town ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
หนังเรื่องนี้คือการรวมตัวของพลังงานความตั้งใจของคนทำหนังที่อยากเล่าเรื่องดี ๆ ให้คนไทยดู บทคม, แอ็กชันเดือด, และเบื้องหลังที่กล้าชนกับประเด็นสังคม นี่แหละครับ หนังไทยที่ทุกคนต้องสนับสนุน
นักแสดง
→ นพพล โกมารชุน รับบท พ่อสุนทร

เจ้าสัววงการพระ (The Godfather) พ่อสุนทรคือประธานสมาคมพระเครื่องฯ และเป็นผู้มีอิทธิพลสูงสุดในโลกของเซียนพระ เขาไม่ได้ใช้เพียงความรู้ แต่ใช้ อำนาจและอิทธิพลมืด ในการควบคุมราคาและทิศทางของตลาด เป็นบุคคลที่ดูน่าเกรงขาม สุขุม แต่ทุกการกระทำแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมเกรียมและผลประโยชน์ส่วนตัว แม้แต่กับลูกเลี้ยงอย่างเซ้ง และลูกสาวอย่างหมวย เขาก็ยังวางหมากไว้เพื่ออำนาจของตนเอง
ข้อคิด “อำนาจที่ปราศจากคุณธรรม จะกัดกินทุกสิ่ง แม้กระทั่งครอบครัว”
พ่อสุนทรแสดงให้เห็นว่าอำนาจในวงการนั้นมีราคาสูงแค่ไหน เขาสร้างอาณาจักรจากความรู้และอิทธิพล แต่ความทะเยอทะยานและวิธีการที่สกปรก ทำให้เขาพร้อมที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมกับทุกคนรอบตัว ไม่เว้นแม้แต่ลูกสาวแท้ ๆ หรือลูกเลี้ยงที่รักเหมือนลูกชาย จุดจบของเขาจึงสะท้อนให้เห็นว่า เมื่อคนเรายึดติดกับอำนาจและผลประโยชน์จนละทิ้งคุณธรรม ความสัมพันธ์ทุกรูปแบบจะพังทลายลง และความโลภนั้นจะกลับมาทำลายตัวเองในที่สุด
→ จินเจษฎ์ วรรธนะสิน รับบท เอก

ลูกผู้ชายท้ายซอย (The Pawn) เอกคือตัวแทนของคนธรรมดาที่ต้องดิ้นรนเพื่อครอบครัว ด้วยแรงผลักดันเพียงอย่างเดียวคือการหาเงินมารักษาพ่อที่ป่วยหนัก ทำให้เขาตัดสินใจเอาพระเครื่องเก่าเก็บของพ่อออกมาประเมินราคา แรกเริ่มเอกเป็นคนซื่อและอ่อนต่อโลกของธุรกิจมืด แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการหักหลังและการเอาชีวิตรอด เขาก็เรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งขึ้นและกลายเป็นผู้เล่นที่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาตัวรอดจากเหล่าฉลามในวงการ
ข้อคิด “ความจำเป็นและความรัก…คือแรงผลักดันที่เปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นนักสู้”
ชีวิตของเอกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อถูกบีบให้จนมุมด้วยความรักและความรับผิดชอบต่อครอบครัว คนที่เคยเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาจะสามารถพัฒนาตัวเองและปรับตัวเพื่อเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโลกได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีทักษะการต่อสู้หรือความรู้ในวงการพระเครื่อง แต่ความมุ่งมั่นที่จะรักษาชีวิตพ่อและปกป้องสมบัติชิ้นสุดท้าย ทำให้เอกต้องพัฒนาความฉลาด สัญชาตญาณ และความกล้าที่จะเสี่ยง การเอาตัวรอดของเขาจึงเป็นบทพิสูจน์ถึงพลังของความรักที่อยู่เหนือความกลัว
→ กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ รับบท หมวย

นางพญางูพิษแห่งวงการ (The Serpent Queen) หมวยคือลูกสาวของพ่อสุนทร และเป็นเซียนพระหญิงที่ฉลาดเฉลียวและเซ็กซี่มากในวงการที่เต็มไปด้วยผู้ชาย เธอเข้ามาหาเอกด้วยท่าทีเป็นมิตรและพร้อมช่วยเหลือ แต่ทุกคำแนะนำของเธอล้วนถูกคำนวณมาอย่างดีเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและเพื่อไต่เต้าในวงการ เธอคือตัวละครที่ซับซ้อนและคาดเดาได้ยากที่สุดคนหนึ่งในเรื่อง เพราะเธอใช้ทั้งเสน่ห์และความรู้ในการหลอกล่อและหักหลังคนอื่น เป็นนางพญาที่พร้อมจะฉกทันทีเมื่อได้จังหวะ
ข้อคิด “อย่าประเมินความสามารถของผู้หญิงในโลกที่ชายเป็นใหญ่ต่ำเกินไป”
ตัวละครหมวยสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของผู้หญิงที่ต้องยืนหยัดในวงการที่ผู้ชายมีอำนาจเหนือกว่า เธอไม่ได้มาพร้อมกับกำลังหรืออิทธิพลมืด แต่ใช้ความเฉลียวฉลาด ความรู้ และการสร้างภาพลักษณ์เพื่อสู้กับทุกคน การที่เธอต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมและเล่นเกมใต้ดินแสดงให้เห็นว่า ในโลกแห่งความโลภและการแข่งขัน ผู้หญิงคนหนึ่งต้อง “เก๊” และ “แข็งแกร่ง” เพียงใดจึงจะสามารถอยู่รอดและประสบความสำเร็จได้ การเอาตัวรอดของเธอคือบทเรียนที่ว่า ไม่ว่าจะเพศใด หากมีความสามารถและไหวพริบ ก็สามารถเป็นผู้คุมเกมได้
→ จุลจักร จักรพงษ์ รับบท วิคเตอร์

เงาแค้นผู้ถูกทรยศ (The Shadow of Vengeance) วิคเตอร์ปรากฏตัวในฐานะมือปืนลึกลับที่ตามหาพระสมเด็จอย่างเงียบ ๆ เขาเต็มไปด้วยบาดแผลทางอารมณ์และมีความสามารถในการต่อสู้สูงมาก แต่เบื้องหลังความโหดเหี้ยมคือความจริงที่น่าเศร้า เพราะเขาคือ ลูกชายที่แท้จริงของเฮียรัตน์ (เจ้าของพระสมเด็จเดิมที่ถูกสังหาร) การตามล่าพระจึงไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นการ ทวงคืนสมบัติและล้างแค้น ให้พ่อที่ถูกคนใกล้ชิดหักหลังและฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา เขาคือคนที่ต้องการความยุติธรรมในแบบของตัวเอง
ข้อคิด “อดีตที่ถูกปกปิด…จะกลับมาทวงคืนด้วยราคาที่แพงเสมอ”
เรื่องราวของวิคเตอร์สะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีความลับใดในโลกที่ถูกฝังไว้ได้ตลอดไป โดยเฉพาะความอยุติธรรมและการทรยศที่นำไปสู่ความตายของคนบริสุทธิ์ การปรากฏตัวของวิคเตอร์เป็นเหมือน แรงกระเพื่อมจากอดีต ที่เข้ามากวาดล้างความผิดบาปที่บุญหลงและผู้การนพดลได้ทำไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ความแค้นของเขาขับเคลื่อนให้เรื่องราวทั้งหมดต้องปิดฉากลงอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่าตราบใดที่ความจริงยังไม่ถูกเปิดเผย วงจรแห่งการเอาคืนจะไม่มีวันจบสิ้น
→ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี รับบท เซ้ง

พ่อมดไลฟ์สด (The Live Stream Sorcerer) เซ้งคือเซียนพระชื่อดัง เจ้าของร้าน เซ้งพาราไดซ์ เขาเป็นเด็กที่พ่อสุนทรรับอุปการะและสอนวิชาให้จนเก่ง แต่ความสำเร็จและชื่อเสียงจากการเป็นเซียนยุคใหม่ที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้เขาเต็มไปด้วย ความทะเยอทะยาน ที่อยากจะก้าวข้ามและโค่นล้มพ่อสุนทรผู้มีอิทธิพล เขาใช้เสน่ห์ในการพูด การตลาด และการสร้างภาพลักษณ์มาเป็นเครื่องมือในการโกยเงินและต่อสู้กับอำนาจเก่า เป็นภาพแทนของคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจแต่เต็มไปด้วยความโลภ
ข้อคิด”ความสำเร็จที่สร้างจากความโลภ…คือกับดักที่ทำลายผู้สร้างมันเอง”
เซ้งแสดงให้เห็นถึงพลังของคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และวิธีการนำเสนอตัวเองที่เข้าถึงคนง่าย แต่เขากลับนำทักษะเหล่านั้นมาใช้เพื่อสนองความโลภส่วนตัวและความต้องการที่จะอยู่เหนืออาจารย์และผู้มีพระคุณ การที่เขาเลือกเดินบนเส้นทางแห่งการหักหลังและใช้วิธีการที่สกปรกทุกอย่างเพื่อเงินและอำนาจ ทำให้ชีวิตที่ดูเหมือนประสบความสำเร็จต้องพังทลายลงในที่สุด ข้อคิดที่ได้คือ ไม่ว่าเราจะเก่งกาจในการสร้างอาณาจักรมากแค่ไหน ถ้าพื้นฐานของมันคือความโลภและความไม่ซื่อสัตย์ ความสำเร็จนั้นก็จะกลายเป็นกับดักที่ย้อนกลับมาทำร้ายเราเอง
→ สิรคุปต์ เมทะนี รับบท พลตํารวจตรี นพดล สิริชัย (ผู้การนพดล)

ผู้สั่งการเงา (The Shadow Commander) ผู้การนพดลคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารเฮียรัตน์เมื่อ 30 ปีก่อน โดยเป็นผู้ ออกคำสั่ง ให้บุญหลง (พ่อของเอก) ไปขโมยพระสมเด็จ เขาใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในการบงการอาชญากรรมร้ายแรงและปกปิดความจริงมาอย่างยาวนาน แม้จะอยู่ในตำแหน่งที่ควรพิทักษ์ความยุติธรรม แต่เขากลับเป็นคนที่ใช้กฎหมายเป็นเกราะกำบังในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและควบคุมเกมมรณะในวงการพระเครื่อง
ข้อคิด “อำนาจที่ได้มาด้วยความไม่ชอบธรรม…คือยาพิษที่ทำลายทั้งผู้ใช้และระบบ”
ผู้การนพดลเป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงความอันตรายที่สุด เมื่ออำนาจสูงสุดตกไปอยู่ในมือของคนที่เต็มไปด้วยความโลภ การที่เขาใช้อำนาจหน้าที่ของตำรวจในการบงการการฆาตกรรมและการขโมยพระสมเด็จ สะท้อนให้เห็นว่าความทุจริตสามารถกัดกร่อนได้แม้กระทั่งสถาบันที่ควรเป็นที่พึ่งของประชาชน การกระทำของเขาเป็นบทเรียนสำคัญว่า การใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จะนำมาซึ่งหายนะต่อชีวิตของผู้อื่น และความจริงที่ถูกปกปิดไว้จะไม่มีวันหายไปอย่างแท้จริง
→ นฤเบศร์ จินปิ่นเพชร รับบท บุญหลง

คนบาปผู้สำนึกผิด (The Repentant Sinner) บุญหลงคือ พ่อของเอก และเป็นมือปืนลึกลับในอดีตที่ลงมือยิงเฮียรัตน์ตามคำสั่งของผู้การนพดลเพื่อขโมยพระสมเด็จ แม้จะเป็นอาชญากร แต่บุญหลงมีความซับซ้อนทางศีลธรรม เขาไม่ได้นำพระไปให้ผู้สั่งการทันที แต่เลือกที่จะ เก็บพระไว้ ด้วยความสำนึกผิดและหวังจะมอบคืนให้กับทายาทที่แท้จริงของเฮียรัตน์ (วิคเตอร์) ในสักวันหนึ่ง ชีวิตที่เหลือของเขาคือการหลบหนีและพยายามใช้ชีวิตอย่างสงบในฐานะพ่อของเอก ซึ่งการป่วยหนักของเขาเองนั่นแหละที่ทำให้ความลับนี้ถูกเปิดโปง
ข้อคิด “กรรมที่สร้างไว้…ไม่ว่าเนิ่นนานแค่ไหน ก็ไม่อาจหลีกหนี”
เรื่องราวของบุญหลงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การกระทำที่ผิดพลาดในอดีต โดยเฉพาะการฆาตกรรมและการขโมย จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงปัจจุบันและลูกหลาน การที่เอกต้องเผชิญหน้ากับอันตรายทั้งหมด ก็เป็นผลมาจาก เงาบาป ที่พ่อสร้างไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว แม้ว่าบุญหลงจะพยายามสำนึกผิดและเก็บพระสมเด็จไว้เพื่อไถ่บาป แต่วงจรของกรรมก็ยังคงทำงานอยู่ดี สอนให้รู้ว่าเราอาจให้อภัยตัวเองได้ แต่ผลของการกระทำที่ส่งผลต่อผู้อื่นนั้น ไม่มีทางหายไปได้ง่าย ๆ
→ อิสรา นาดี รับบท อ้วน

มือทำงานใต้โต๊ะ (The Trusted Enforcer) อ้วนคือเซียนพระแห่งนครนายก และเป็น ลูกน้องคนสนิทของเซ้ง เขาเป็นคนที่มีความจงรักภักดีต่อเซ้งมาก ทำหน้าที่เป็นทั้งมือขวาในการทำธุรกิจ และเป็นมือไม้ในการจัดการเรื่องสกปรกใต้โต๊ะให้กับเซ้ง เป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงกลไกการทำงานของเซียนพระรุ่นใหม่ ที่นอกจากการไลฟ์สดขายของแล้ว ยังต้องมีคนคอยประสานงานและใช้อำนาจมืดในการเคลียร์ปัญหาและข่มขู่คู่แข่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในโครงสร้างของ “คนเก๊”
ข้อคิด “การภักดีต่อคนผิด…คือการทำลายตัวเองทางอ้อม”
ตัวละครอ้วนสะท้อนให้เห็นถึงชะตากรรมของผู้ที่เลือกเดินตามเจ้านายที่เต็มไปด้วยความโลภ แม้ว่าอ้วนจะมีความจงรักภักดีต่อเซ้งอย่างสูง และทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเซ้งพาราไดซ์ แต่การเลือกที่จะร่วมมือกับความชั่วร้ายและวิธีการที่ผิดกฎหมาย ทำให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของวังวนแห่งอาชญากรรม ข้อคิดที่ได้คือ การเลือกเจ้านายหรือผู้นำที่ถูกต้องตามหลักคุณธรรมนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเดินตามคนผิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ท้ายที่สุดก็จะนำพาตัวเราไปสู่จุดจบที่เลวร้ายไม่ต่างจากผู้นำคนนั้นเลย
→ รุ่งสิทธิ์ ทองนำ รับบท จิ๋ว
เงาปืนแห่งพาราไดซ์ (The Paradise Muscle) จิ๋วเป็นลูกน้องคนสนิทอีกคนของ เซ้ง เจ้าของร้านเซ้งพาราไดซ์ ถ้าอ้วนทำหน้าที่เป็นมันสมองและผู้ประสานงาน จิ๋วก็คือ กำลังหลัก ในการจัดการเรื่องที่ต้องใช้ความรุนแรงหรือการข่มขู่ เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของเซ้ง และเป็นมือปฏิบัติการที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงพระสมเด็จ เขาเป็นภาพสะท้อนของ “คน” ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในเกมอำนาจของเซียนพระ
ข้อคิด “การเป็นเครื่องมือของความโลภ…คือการไร้ซึ่งอิสรภาพที่แท้จริง”
ตัวละครจิ๋วแสดงให้เห็นถึงชะตากรรมของผู้ที่ตกเป็นเพียง “เครื่องมือ” ในเกมของคนรวยและมีอำนาจ แม้เขาจะได้รับผลตอบแทนจากการทำงานให้เซ้ง แต่ชีวิตของเขาต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ถูกใช้ในภารกิจที่อันตรายและผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง การที่เขาต้องพร้อมเสี่ยงชีวิตเพื่อผลประโยชน์ของคนอื่น แสดงให้เห็นว่า เมื่อเรายอมแลกศักดิ์ศรีและอิสรภาพของตัวเองเพื่อเงินหรือการปกป้องเจ้านายที่ทุจริต ชีวิตก็จะกลายเป็นวงจรที่อันตรายและไร้ความหมายในที่สุด เพราะเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อความเชื่อ แต่เพื่อเงินเดือน
→ กฤษณะ พันธุ์เพ็ง รับบท เฮียรัตน์

เซียนพระผู้โชคร้าย (The Fated Collector) เฮียรัตน์คือเซียนพระชื่อดัง ผู้ครอบครอง พระเบญจภาคี ซึ่งรวมถึง พระสมเด็จ ที่เป็นชนวนเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เขาคือเจ้าของพระตัวจริงที่ถูก บุญหลง สังหารและขโมยพระไปตามคำสั่งของผู้การนพดลในอดีต เฮียรัตน์เป็นตัวแทนของ ความบริสุทธิ์ของนักสะสม ที่ต้องจบชีวิตลงเพราะความโลภของผู้อื่น การที่เขาถูกฆาตกรรมต่อหน้าลูกชาย (วิคเตอร์) ทำให้พระสมเด็จกลายเป็นสัญลักษณ์ของ ความแค้น และ การทวงคืนความยุติธรรม
ข้อคิด “ทรัพย์สมบัติล้ำค่า…นำมาซึ่งความอิจฉาและหายนะ”
ชีวิตของเฮียรัตน์เป็นบทเรียนที่น่าเศร้าว่า ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงลิบลิ่ว ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเสมอไป การครอบครองพระสมเด็จร้อยล้านทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของบุคคลที่เต็มไปด้วยความโลภและอำนาจมืด อำนาจของพระเครื่องที่ผู้คนศรัทธา ไม่ได้มีพลังพอที่จะปกป้องชีวิตของเจ้าของที่แท้จริงได้เลย สะท้อนให้เห็นว่าในโลกแห่งความเป็นจริง มูลค่าทางวัตถุที่มากเกินไป สามารถดึงดูดหายนะและความตายมาสู่ผู้ครอบครองได้
→ สถาพร วิจิตรสุนทร รับบท เอ็ม หัตถ์เทพ

กรรมการผู้ทรงภูมิ (The Authentic Judge) เอ็ม หัตถ์เทพ ปรากฏตัวในฐานะ เซียนพระชื่อดังและคณะกรรมการงานประกวดพระเครื่อง ซึ่งในชีวิตจริงเขาก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมาก บทบาทของเขาในหนังคือการเป็น ผู้ชี้ขาด ที่ต้องยืนอยู่บนหลักการของการพิจารณาพระแท้-พระเก๊ โดยไม่มีอคติหรือผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นตัวแทนของ ความรู้และความน่าเชื่อถือ ที่ยังคงมีอยู่ในวงการนี้ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การประกวดพระสมเด็จของเอกมีความสมจริงและเข้มข้นขึ้น
ข้อคิด “ในโลกที่เต็มไปด้วยคนเก๊…ความรู้และความเป็นกลางคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้”
ตัวละครเอ็ม หัตถ์เทพ (รวมถึงบอย ท่าพระจันทร์) เป็นเหมือน จุดสว่าง เล็ก ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของความโลภในวงการ การที่เขาใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่กรรมการอย่างตรงไปตรงมา แสดงให้เห็นว่า แม้ในโลกธุรกิจที่สกปรกและเต็มไปด้วยการหักหลัง ก็ยังมีบุคคลที่ยึดมั่นในหลักการและความเป็นกลางอยู่เสมอ ข้อคิดที่ได้คือ ความรู้จริงและความซื่อสัตย์ในวิชาชีพ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการรักษามาตรฐานและทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในวงการนั้น ๆ
→ อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย รับบท บอย ท่าพระจันทร์

ปรมาจารย์ผู้ชี้ขาด (The Master Arbitrator) บอย ท่าพระจันทร์ รับบทเป็น เซียนพระชื่อดังและคณะกรรมการงานประกวดพระเครื่อง เช่นเดียวกับเอ็ม หัตถ์เทพ บทบาทของเขาคือการเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นกลางที่สุดในการตรวจสอบพระสมเด็จของเอก การตัดสินของเขาคือสิ่งที่ทุกคนในวงการต้องยอมรับ ทำให้การประกวดพระกลายเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความกดดันและลุ้นระทึก เพราะคำพูดของเขามีผลต่อมูลค่าร้อยล้านและชีวิตของเอก
ข้อคิด “ความน่าเชื่อถือ…คือสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน”
ตัวละครบอย ท่าพระจันทร์ แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของ ประสบการณ์ และ ความเที่ยงตรง ในโลกที่เต็มไปด้วยการโกงกิน การที่คนคนหนึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ชี้ขาดในเรื่องที่มีมูลค่าสูงลิบลิ่ว สะท้อนให้เห็นว่า ความน่าเชื่อถือไม่ได้มาจากการตลาดหรืออำนาจ แต่มาจากความสามารถในการพิสูจน์ความแท้จริงอย่างเป็นกลางและต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ข้อคิดที่ได้คือ ในโลกของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นวงการใดก็ตาม ความรู้ที่ลึกซึ้งและการรักษาคำพูดคือ “สินทรัพย์” ที่มีค่ามากกว่าเงินทองเสมอ
→ ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ รับบท เสี่ยไพโรจน์

ผู้คลั่งไคล้เบญจภาคี (The Obsessed Collector) เสี่ยไพโรจน์คือเจ้าของค่ายมวยชื่อดัง เพชรยินดี ซึ่งมีอิทธิพลและฐานะทางการเงินที่มหาศาล เขาเป็นเศรษฐีที่ไม่ได้ต้องการพระเพื่อทำธุรกิจ แต่ต้องการพระสมเด็จองค์นี้เพื่อ เติมเต็มคอลเลกชัน ที่ขาดหายไปของ พระเบญจภาคี ที่เคยเป็นของเฮียรัตน์ ความคลั่งไคล้ในการสะสมของเขาทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อันตราย เพราะเขามีทั้งเงินและกำลังคน พร้อมที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อตามเก็บสมบัติล้ำค่าที่เหลืออยู่ให้มาอยู่ในมือของตนเอง
ข้อคิด “ความโลภไม่ได้มีแค่ในคนจน…แต่ความหลงใหลในวัตถุก็สามารถทำลายคนรวยได้เช่นกัน”
ตัวละครเสี่ยไพโรจน์แสดงให้เห็นว่า แรงผลักดันในการแย่งชิงไม่ได้มาจากความจำเป็นในการหาเงินเท่านั้น แต่ยังมาจาก ความหลงใหลที่กลายเป็นความครอบงำ แม้จะมีทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ความต้องการที่จะเติมเต็มคอลเลกชันและพิสูจน์อำนาจผ่านการครอบครองวัตถุล้ำค่า ก็ทำให้เขายอมละทิ้งหลักการและเข้าสู่เกมอันตราย ข้อคิดที่ได้คือ ความต้องการที่ไม่สิ้นสุด หรือ ความอยากได้ที่ไม่รู้จักพอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือวัตถุใด ๆ ล้วนเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหา ที่สามารถทำให้คนที่ร่ำรวยและมีอำนาจต้องแปดเปื้อนและพังทลายลงได้
→ สมเจต พยัฆโส รับบท เงาะ

นักรบใต้คำสั่ง (The Loyal Thug) เงาะคือ ลูกน้องคนสนิทของพ่อสุนทร และเป็นหนึ่งในกลุ่มโจรที่ได้รับคำสั่งให้ไป ปล้นพระสมเด็จ คืนมาจากหมวย (ลูกสาวของพ่อสุนทรเอง) เขาเป็นตัวละครที่เน้นการใช้กำลังและการปฏิบัติการตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด โดยไม่ได้สนใจเรื่องความสัมพันธ์หรือความถูกผิดทางศีลธรรมมากนัก แต่ทำทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์และแสดงความจงรักภักดีต่อพ่อสุนทร ถือเป็นภาพสะท้อนของ “มือปืนรับจ้าง” ที่ทำงานให้กับอำนาจที่เก่าแก่และมืดมิดที่สุดในวงการ
ข้อคิด “การทำตามคำสั่งอย่างมืดบอด…นำไปสู่การเป็นเครื่องมือทำลายตัวเอง”
ชีวิตของเงาะแสดงให้เห็นถึงความอันตรายของการ ยอมเป็นเครื่องมือ ให้กับผู้อื่นโดยไร้การตั้งคำถาม แม้คำสั่งที่ได้รับจะขัดแย้งกับหลักการหรือนำไปสู่การทำร้ายคนที่ไม่สมควรถูกทำร้าย (อย่างการปล้นพระจากลูกสาวของเจ้านายตัวเอง) เขาก็ยังคงปฏิบัติการตามคำสั่งอย่างซื่อสัตย์ ข้อคิดที่ได้คือ การใช้ชีวิตโดยปราศจากการไตร่ตรองและยอมให้ความโลภของผู้มีอำนาจเป็นตัวกำหนดการกระทำ จะทำให้เราต้องเข้าไปพัวพันกับความเสี่ยงและปัญหาที่ไม่จำเป็น และในท้ายที่สุด มักจะต้องรับผลกรรมจากการกระทำเหล่านั้นเอง
→ นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์ รับบท แว่น

หน่วยเคลียร์ทางฝั่งพ่อสุนทร (The Old Guard Operative) แว่นคือ ลูกน้องคนสนิทของพ่อสุนทร เช่นเดียวกับเงาะ เขามีส่วนร่วมในกลุ่มโจรที่ได้รับคำสั่งให้ ปล้นพระสมเด็จ คืนจากหมวย โดยเขาเป็นหนึ่งในมือทำงานภาคสนามที่คอยสนับสนุนการปฏิบัติการให้เป็นไปตามแผนการของพ่อสุนทร แว่นเป็นตัวละครที่เน้นการทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดและใช้กำลังในการจัดการกับปัญหาที่ขวางทางผลประโยชน์ของเจ้านาย สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของกลุ่มอำนาจเก่าในการใช้ความรุนแรงเพื่อรักษาการควบคุมเหนือวงการ
ข้อคิด “การเลือกอยู่ข้างอำนาจที่ไม่ชอบธรรม…ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า”
ตัวละครแว่นเป็นภาพที่ตอกย้ำถึงชะตากรรมของคนที่เลือก ยืนอยู่ข้างอำนาจเก่า ที่ทุจริต การทำตามคำสั่งของพ่อสุนทรที่เกี่ยวข้องกับการปล้นชิงและอาชญากรรม ทำให้เขาต้องเสี่ยงชีวิตในภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตราย ข้อคิดที่ได้คือ ไม่ว่าผลตอบแทนจะล่อใจเพียงใด การเลือกสนับสนุนหรือเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ย่อมนำมาซึ่งความเสี่ยงที่สูงเกินกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับ และมักจะจบลงด้วยการเป็นผู้ที่ต้องรับกรรมแทนผู้ออกคำสั่ง
จากการที่ “The Stone พระแท้ คนเก๊” ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะประเด็นความโลภในวงการพระเครื่องและตัวละครที่หักเหลี่ยมกันอย่างเข้มข้น จึงเป็นไปได้สูงว่าหากมีภาคต่อ เนื้อเรื่องจะขยายไปสู่ “วงจรความแค้นครั้งใหม่” ที่เกี่ยวข้องกับสมบัติชิ้นอื่นของเฮียรัตน์
ฉากจบของภาคแรก ที่ทิ้งปมไว้ว่า “พระสมเด็จเฮียรัตน์” อาจจะแตกสลายหรือถูกทำลายไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างแท้จริง เพราะเมื่อความโลภของมนุษย์ยังคงอยู่ วัตถุมงคลชิ้นต่อไปก็จะกลายเป็นเป้าหมายใหม่เสมอ
ภาค 2 มรดกอาถรรพ์ จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อทุกคนคิดว่าเกมจบแล้ว แต่กลับมี “สมบัติชิ้นที่สอง” ที่ล้ำค่าไม่แพ้กันโผล่ขึ้นมา มันไม่ใช่แค่พระเครื่อง แต่เป็น “ตำรามหาเวทย์” หรือ “ของศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกลืม” ที่ถูกซ่อนไว้โดยเฮียรัตน์ ซึ่งอาจมีมูลค่าทางเศรษฐกิจและอำนาจมืดสูงกว่าพระสมเด็จเสียอีก นี่คือการเปิด “หน้าไพ่” ครั้งใหม่ ที่ทุกคนต้องกลับมาเล่นอีกครั้ง
เอก (เจ้านาย-จินเจษฎ์) ในภาคนี้จะไม่ได้เป็นแค่เหยื่อ แต่กลายเป็น ผู้รอดชีวิตที่มีชื่อเสียง จากคดีพระสมเด็จ เขาพยายามใช้ชีวิตอย่างสงบหลังรอดพ้นจากนรก แต่เขาถูกดึงกลับเข้าสู่วังวน เมื่อพบว่า “ภาระหนี้สิน” และ “เงาแค้น” ที่เกี่ยวข้องกับความผิดพลาดของพ่อบุญหลงยังไม่หมดไป เอกได้รับเบาะแสเกี่ยวกับ “ตำราลับ” ของเฮียรัตน์ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการปลดเปลื้องหนี้ทั้งหมด แต่การเข้าถึงตำรานั้นจำเป็นต้องร่วมมือกับ…
หมวย (อ๊ะอาย-กรณิศ) รอดพ้นจากเหตุการณ์ในภาคแรกและสูญเสียทุกอย่าง แต่เธอมี ความรู้และความแค้น ต่อวงการที่ทำให้เธอพัง หมวยเข้าหาเอกอีกครั้ง โดยอ้างว่าต้องการ ไถ่บาป และช่วยเอกให้พ้นจากวงจรนี้ แต่แท้จริงแล้วเธออาจต้องการใช้เอกเพื่อเข้าถึงตำราลับ และ สร้างอาณาจักรใหม่ ที่ไม่มีพ่อสุนทรมาควบคุม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจและมีเดิมพันสูง
ภาค 2 จะต้องมีตัวร้ายใหม่ที่น่ากลัวกว่าพ่อสุนทร แนะนำให้มีตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ “ธุรกิจมืดข้ามชาติ” หรือ “วงการไสยศาสตร์” ที่เชื่อในพลังของตำรานี้จริง ๆ ตัวละครนี้อาจเป็น “เสี่ยจากต่างแดน” หรือ “จอมขมังเวทย์” ที่ต้องการอำนาจจากตำราไปใช้ในการควบคุมธุรกิจของตนเอง ทำให้การไล่ล่าไม่จำกัดอยู่แค่ในแผงพระเครื่องอีกต่อไป แต่เป็นการปะทะระหว่าง ความโลภทางการค้า กับ อำนาจเหนือธรรมชาติ
การเดินทางตามหาตำราลับจะนำเอกไปเผชิญหน้ากับ วิคเตอร์ (จุลจักร) อีกครั้ง ซึ่งอาจพยายามปกป้องมรดกชิ้นสุดท้ายของพ่อจากคนโลภทุกคน สุดท้ายเอกต้องเลือกว่าเขาจะใช้ “ตำราแห่งอำนาจ” นี้เพื่อแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่สกปรกเหมือนคนเก๊ที่เขาเคยหนี หรือจะทำลายมันทิ้งเพื่อ ยุติวงจรความโลภ นี้อย่างถาวร

