ละคร เพลิงทระนง 2554 คลื่นลมทะเลอันดามันที่คุ้นเคย ไม่เคยบอกเขาว่าชีวิตจะพลิกผันได้ขนาดนี้ เพลิงฤทธิ์ ชาตโยธิน หนุ่มชาวประมงผู้มีแต่ท้องฟ้าและน้ำทะเลเป็นเพื่อน ต้องเผชิญกับความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำอันเวิ้งว้าง… ความลับของตระกูลธุรกิจเพชรที่ส่องประกายระยิบระยับ แต่ก็แฝงไว้ด้วยคมมีดแห่งการแก่งแย่งชิงดี การเดินทางจากความมืดมิดใต้ผืนน้ำสู่แสงสว่างที่เจิดจ้าคือการต่อสู้เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีที่เคยถูกเหยียบย่ำ แต่ท่ามกลางเปลวไฟแห่งการแก้แค้น เขากลับได้พบกับ น้ำฝน หญิงสาวผู้เปรียบเสมือนสายฝนเย็นชุ่มฉ่ำที่พร้อมจะดับไฟแค้นในใจของเขา และเป็นแสงสว่างที่จะนำทางให้เขาค้นพบความหมายที่แท้จริงของคำว่า ‘ครอบครัว’

ละคร เพลิงทระนง 2554 ละครแนวโรแมนติกดราม่า เรื่องราวของ “เพลิงฤทธิ์ ชาตโยธิน หรือ เพลิง”  ชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดี เป็นลูกชายคนเดียวของ “พิภัช”  และ “ผ่องแผ้ว ชาตโยธิน” สองสามีภรรยาชาวประมงในตลาดปลาจังหวัดระนอง เพลิงเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความขยันและมานะ เขาช่วยพ่อทำงานหาปลาตั้งแต่ยังเด็กและมุ่งมั่นเรียนจนจบมหาวิทยาลัยด้านการตลาด ด้วยความหล่อเหลาและความสามารถ เพลิงกลายเป็นที่สนใจของ “หลิน” ลูกสาวของ “เถ้าแก่เฮง” เจ้าของตลาดที่เติบโตมาด้วยกัน หลินหลงรักเพลิงและประกาศจับจองเขา แต่เพลิงมองเธอเพียงแค่เพื่อนและไม่เคยมีความรู้สึกในเชิงชู้สาว

ชีวิตของเพลิงดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาเข้าทำงานในบริษัทส่งออกอาหารทะเลที่มีเจ้าของเป็นชาวอังกฤษ ซึ่งทำให้เขาได้พัฒนาทักษะและประสบการณ์ในสายงาน อย่างไรก็ตาม โชคชะตานำพาให้เพลิงค้นพบความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเองว่าเขาเป็นทายาทของธุรกิจเพชรที่มีความลับซ่อนอยู่ ความจริงนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เพลิงต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคมากมายทั้งในด้านครอบครัวและความรัก

เพลิงได้พบกับ “น้ำฝน” หญิงสาวที่เปรียบเสมือนตัวแทนของความยุติธรรมและความสดใส ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาท่ามกลางความท้าทายต่างๆ รวมถึงการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวตนและลบล้างความผิดที่พ่อของเพลิงเคยก่อไว้ต่อย่าของเขา ละครนำเสนอการเดินทางของเพลิงที่ต้องต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อกู้ศักดิ์ศรีและยืนยันความเป็น “เลือดทระนง” ของตัวเอง เรื่องราวยิ่งเข้มข้นเมื่อเพลิงและน้ำฝนต้องเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ติดเกาะร้างด้วยกัน ซึ่งเพิ่มความตื่นเต้นและความผูกพันในความสัมพันธ์ของทั้งสอง

สารบัญละคร

เพลิงทระนง นำเสนอธีมหลักเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองท่ามกลางโชคชะตาและอุปสรรค เรื่องราวเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่น ความรัก และการค้นหาความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง ละครผสมผสานความโรแมนติกและดราม่าได้อย่างลงตัว โดยมีฉากติดเกาะร้างที่เพิ่มความตื่นเต้นและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างพระนางให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือเนื้อหาสำคัญของละคร

จุดเริ่มต้นของเรื่อง
เรื่องราวเริ่มต้นที่ เพลิงฤทธิ์ ชาตโยธิน หรือ เพลิง (มาริโอ้ เมาเร่อ) ชายหนุ่มหน้าตาดี เกิดและเติบโตในครอบครัวชาวประมงที่จังหวัดระนอง พ่อของเขา พิภัช (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) และแม่ ผ่องแผ้ว (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) เป็นชาวประมงในตลาดปลา เพลิงเป็นคนขยัน มุ่งมั่นเรียนจนจบด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัย และเริ่มทำงานในบริษัทส่งออกอาหารทะเลที่มีเจ้าของเป็นชาวอังกฤษ เขาเป็นที่รักของคนรอบข้าง รวมถึง หลิน (ภัณฑิรา ฟูกลิ่น) ลูกสาวของ เถ้าแก่เฮง (ศานติ สันติเวชกุล) เจ้าของตลาดปลา หลินหลงรักเพลิงมาตั้งแต่เด็กและพยายามแสดงออกถึงความรู้สึก แต่เพลิงมองเธอแค่เพื่อน

ชีวิตของเพลิงดูเรียบง่ายจนกระทั่งเขาเริ่มสงสัยในชาติกำเนิดของตัวเอง เมื่อความลับที่ซ่อนไว้ถูกเปิดเผยว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพิภัชและผ่องแผ้ว แต่เป็นทายาทของตระกูลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจเพชร ความลับนี้เชื่อมโยงกับความผิดในอดีตของพิภัชที่ทำให้ย่าของเพลิงต้องสูญเสียทุกอย่าง ปมนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อพิสูจน์ตัวเองและกู้ศักดิ์ศรีคืนมา

ความสัมพันธ์ของเพลิงและน้ำฝน
เพลิงได้พบกับ น้ำฝน (ณฐพร เตมีรักษ์) หญิงสาวที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรมและความสดใส เธอกลายเป็นแสงสว่างในชีวิตของเพลิงท่ามกลางความวุ่นวายจากความลับของครอบครัว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นจากความเป็นมิตรและค่อยๆ พัฒนาเป็นความรัก โดยมีฉากสำคัญที่ทั้งสองต้องติดเกาะร้างด้วยกันหลังจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สถานการณ์นี้ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพลิงและน้ำฝนต้องเผชิญกับอันตรายและช่วยเหลือกันเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ความผูกพันของทั้งสองแข็งแกร่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความรักของทั้งคู่ไม่ได้ราบรื่น หลิน ที่หลงรักเพลิงพยายามขัดขวางความสัมพันธ์นี้ รวมถึงตัวละครอื่นๆ เช่น คุณนายใหญ่ (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ซึ่งมีบทบาทเป็นตัวร้ายที่คอยสร้างอุปสรรคให้เพลิงต้องเผชิญกับการทรยศและการใส่ร้าย

ปมดราม่าและการต่อสู้
หนึ่งในปมหลักของเรื่องคือความลับเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเพลิง เขาค้นพบว่าเขาคือทายาทของตระกูลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจเพชร ซึ่งเชื่อมโยงกับความขัดแย้งในอดีตระหว่างพิภัชและย่าของเขา เพลิงต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แค่เด็กชาวประมงธรรมดา แต่เป็น “เลือดทระนง” ที่มีศักดิ์ศรี เขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งในรูปแบบของการเมืองภายในครอบครัวและการแข่งขันในธุรกิจ

นอกจากนี้ ละครยังมีตัวละครสมทบที่เพิ่มความเข้มข้น เช่น จิ๋ม (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ที่เสียสละและทำให้ผู้ชมเสียน้ำตา และตัวละครอื่นๆ เช่น ปองศักดิ์ รัตนพงษ์, โชติกา วงศ์วิลาศ, และ เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล ที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ซับซ้อนและน่าติดตาม

ในช่วงท้ายของละคร เพลิงต้องเผชิญกับการทดสอบครั้งใหญ่เมื่อเขาถูกใส่ร้ายและต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง เขาใช้ความสามารถและความมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่อกู้ชื่อเสียงของครอบครัวและลบล้างความผิดในอดีตของพ่อ ความรักระหว่างเขากับน้ำฝนถูกทดสอบด้วยอุปสรรคมากมาย แต่ทั้งคู่ก็ยืนหยัดเคียงข้างกัน

เพลิงทระนง โดดเด่นด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ มาริโอ้ เมาเร่อ ซึ่งแจ้งเกิดในบทบาทดราม่าอย่างเต็มตัว และ ณฐพร เตมีรักษ์ ที่ถ่ายทอดความสดใสและความเข้มแข็งของน้ำฝนได้อย่างน่าประทับใจ เคมีของทั้งคู่ โดยเฉพาะในฉากติดเกาะร้าง เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ทำให้ผู้ชมลุ้นและอินไปกับความรักของทั้งสอง ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

เนื้อเรื่องและโครงสร้าง
เพลิงทระนง เล่าเรื่องราวของ เพลิงฤทธิ์ ชายหนุ่มจากครอบครัวชาวประมงที่จังหวัดระนอง ผู้มุ่งมั่นและขยันขันแข็ง เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายแต่ต้องเผชิญกับความลับเกี่ยวกับชาติกำเนิดที่เชื่อมโยงกับตระกูลและธุรกิจเพชร การค้นพบความจริงนี้ทำให้เพลิงต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองและกู้ศักดิ์ศรีของครอบครัว ขณะเดียวกัน เขาพบรักกับ น้ำฝน หญิงสาวที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรมและความสดใส ซึ่งกลายเป็นกำลังใจสำคัญในชีวิตของเขา เรื่องราวผสมผสานความรัก ดราม่าครอบครัว และการต่อสู้ท่ามกลางอุปสรรค รวมถึงฉากไฮไลต์อย่างการติดเกาะร้างที่เพิ่มความตื่นเต้นและพัฒนาความสัมพันธ์ของคู่พระนาง

โครงสร้างของละครทำได้ดีในแง่ของการเล่าเรื่องที่กระชับและชวนติดตาม บทละครมีการวางปมอย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การแนะนำตัวละคร ปมความลับของครอบครัว ไปจนถึงการคลายปมในช่วงท้าย อย่างไรก็ตาม บางช่วงอาจรู้สึกยืดเยื้อ โดยเฉพาะปมดราม่าที่ซ้ำซ้อนเกี่ยวกับตัวร้ายและการใส่ร้ายพระเอก ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของละครไทยในยุคนั้น

การแสดงและตัวละคร
จุดเด่นที่สุดของ เพลิงทระนง คือการแสดงของนักแสดงนำ มาริโอ้ เมาเร่อ ในบท เพลิงฤทธิ์ ถือเป็นการแจ้งเกิดในบทบาทดราม่าอย่างเต็มตัว เขาถ่ายทอดความเป็นชายหนุ่มที่ทั้งเข้มแข็งและเปราะบางได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากที่ต้องแสดงอารมณ์ผ่านสายตาและการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ณฐพร เตมีรักษ์ ในบท น้ำฝน ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เธอนำเสนอภาพลักษณ์ของนางเอกที่ทั้งสดใสและเข้มแข็ง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเอาใจช่วย เคมีของทั้งคู่ โดยเฉพาะในฉากติดเกาะร้าง เป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้ละครน่าจดจำ

นักแสดงสมทบก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช (จิ๋ม) ในบทบาทที่ดราม่าและเสียสละสร้างความประทับใจและเรียกน้ำตาจากผู้ชม มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ (กิ๊ก) ในบทตัวร้ายแสดงได้สมบทบาท สร้างความน่าหงุดหงิดให้ผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม ส่วน ภัณฑิรา ฟูกลิ่น ในบท หลิน ก็ถ่ายทอดความรักที่ไม่สมหวังได้อย่างน่าสงสาร นักแสดงคนอื่นๆ เช่น ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ, และ ศานติ สันติเวชกุล ต่างก็ช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์

การกำกับและงานภาพ
การกำกับของ กฤษณ์ ศุกระมงคล ทำได้ดีในแง่ของการถ่ายทอดอารมณ์และการสร้างความตื่นเต้น ฉากติดเกาะร้างเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการกำกับที่สร้างความรู้สึกลุ้นระทึกและโรแมนติกได้อย่างลงตัว งานภาพในละครสะท้อนถึงบรรยากาศของจังหวัดระนองได้ดี โดยเฉพาะฉากที่เกี่ยวกับทะเลและตลาดปลา ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับเรื่องราว อย่างไรก็ตาม งานภาพบางส่วนอาจดูจำกัดตามเทคโนโลยีและงบประมาณในยุคนั้นเมื่อเทียบกับละครสมัยใหม่

ด้านดนตรีประกอบและเพลงประกอบละคร เช่น เพลง “เพลิงทระนง” ขับร้องโดย วงนูโว ช่วยเสริมอารมณ์ของเรื่องได้อย่างดี โดยเฉพาะในฉากดราม่าและโรแมนติก ทำให้ผู้ชมอินไปกับอารมณ์ของตัวละคร

คะแนน 7.9 (จาก sence9.com)

เพลิงทระนง (2554) เป็นละครที่ผสมผสานความโรแมนติกและดราม่าได้อย่างลงตัว ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ มาริโอ้ เมาเร่อ และ ณฐพร เตมีรักษ์ รวมถึงนักแสดงสมทบที่แข็งแกร่ง ละครเรื่องนี้สามารถครองใจผู้ชมด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นและฉากที่น่าจดจำอย่างฉากติดเกาะร้าง ถึงแม้จะมีจุดด้อยในเรื่องสูตรสำเร็จของละครไทยและความยืดเยื้อในบางช่วง แต่จุดเด่นในด้านการแสดงและเคมีของคู่พระนางทำให้ละครเรื่องนี้ยังคงเป็นที่รักและน่าดูสำหรับแฟนละครไทย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวความรักที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี

ตั้งแต่ตอนแรกของ เพลิงทระนง ละครสามารถดึงดูดความสนใจได้ทันทีด้วยการแนะนำตัวละคร เพลิงฤทธิ์ ชายหนุ่มจากครอบครัวชาวประมงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความฝัน ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือความชื่นชมในความขยันและความเป็นนักสู้ของเขา การได้เห็นเพลิง (มาริโอ้ เมาเร่อ) ทำงานหนักในตลาดปลาและต่อสู้เพื่ออนาคตของตัวเองทำให้รู้สึกเอาใจช่วยตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อปมเกี่ยวกับชาติกำเนิดของเขาค่อยๆ ถูกเปิดเผย ความลับที่ว่าพ่อของเขา พิภัช (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) ซ่อนความจริงเกี่ยวกับตระกูลและธุรกิจเพชรไว้ สร้างความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นและลุ้นว่าชีวิตของเพลิงจะพลิกผันอย่างไร

ฉากที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับการรับชมคือช่วงที่เพลิงและ น้ำฝน (ณฐพร เตมีรักษ์) ต้องติดเกาะร้างด้วยกัน การได้เห็นทั้งคู่เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและช่วยเหลือกันเพื่อเอาชีวิตรอด ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูภาพยนตร์ผจญภัยที่มีความโรแมนติกแฝงอยู่ ฉากนี้ไม่เพียงแต่ชวนลุ้นระทึก แต่ยังทำให้รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อเห็นความผูกพันของทั้งคู่เริ่มก่อตัว

หนึ่งในความรู้สึกที่โดดเด่นที่สุดเมื่อดู เพลิงทระนง คือความอินไปกับความรักของ เพลิง และ น้ำฝน เคมีของมาริโอ้และแต้วเป็นจุดที่ทำให้หัวใจเต้นแรง การแสดงของทั้งคู่ โดยเฉพาะในฉากที่ทั้งสองค่อยๆ พัฒนาความรู้สึกจากมิตรภาพสู่ความรัก สร้างความรู้สึกฟินและอบอุ่นใจ ฉากที่ทั้งคู่มองตากันหรือช่วยเหลือกันในยามยาก ทำให้รู้สึกถึงพลังของความรักที่สามารถเอาชนะอุปสรรคได้

ในขณะเดียวกัน ความรักที่ไม่สมหวังของ หลิน (ภัณฑิรา ฟูกลิ่น) ซึ่งหลงรักเพลิงมาตั้งแต่เด็ก สร้างความรู้สึกเห็นใจและสะเทือนใจ การได้เห็นหลินพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใจเพลิง แต่สุดท้ายต้องยอมรับความจริง ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดของการรักข้างเดียว ซึ่งเป็นอารมณ์ที่หลายคนน่าจะเข้าใจและสัมผัสได้

ปมดราม่าเกี่ยวกับความลับของครอบครัวและชาติกำเนิดของเพลิงเป็นส่วนที่ทำให้รู้สึกหน่วงในใจ การได้รู้ว่าเพลิงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพิภัชและผ่องแผ้ว และการที่พ่อของเขามีส่วนในความสูญเสียของย่า ทำให้รู้สึกถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในครอบครัว การแสดงของ มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช (จิ๋ม) ในบทบาทที่เสียสละและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ยิ่งทำให้ผู้ชมน้ำตาคลอ โดยเฉพาะฉากที่ตัวละครนี้ต้องเผชิญกับโชคชะตาที่โหดร้าย

ในทางกลับกัน การกระทำของตัวร้ายอย่าง คุณนายใหญ่ (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ที่คอยขัดขวางและใส่ร้ายเพลิง ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและอยากให้ตัวร้ายได้รับผลกรรม การแสดงของมยุริญในบทนี้สมบทบาทจนทำให้รู้สึกหมั่นไส้ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถในการถ่ายทอดตัวละครของเธอ

ละคร เพลิงทระนง เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความตื่นเต้น ลุ้นระทึก ไปจนถึงความอบอุ่นใจและสะเทือนใจ ละครเรื่องนี้ไม่เพียงแต่เล่าเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและความรัก แต่ยังสะท้อนถึงพลังของความมุ่งมั่นที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ การแสดงของ มาริโอ้ เมาเร่อ และ ณฐพร เตมีรักษ์ ทำให้รู้สึกเหมือนได้เห็นตัวละครมีชีวิตจริงๆ โดยเฉพาะเคมีที่ลงตัวของทั้งคู่ที่ยังคงเป็นที่จดจำ

สำหรับแฟนละครไทย เพลิงทระนง ทิ้งความทรงจำที่ยากจะลืม ไม่ว่าจะเป็นฉากโรแมนติกที่ทำให้หัวใจเต้นแรง หรือฉากดราม่าที่เรียกน้ำตา ละครเรื่องนี้เป็นตัวอย่างของละครที่ผสมผสานทุกองค์ประกอบได้อย่างลงตัว ทำให้รู้สึกคุ้มค่าทุกนาทีที่ได้ดู และเมื่อนึกย้อนกลับไป ก็ยังรู้สึกอยากกลับไปดูซ้ำเพื่อสัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นอีกครั้ง



ละคร เพลิงทระนง 2554

ละคร เพลิงทระนง 2554

ละคร เพลิงทระนง 2554 EP.1-21 ENDCH3+​​​​

เพียงในใจ Boy PeaceMaker Ost.เพลิงทรนง [Official MV] เพราะฉะนั้น เพลงประกอบละครเพลิงทระนง

ละคร เพลิงทระนง 2554

 เรื่องนี้เล่าถึง เพลิงฤทธิ์ ชาตโยธิน หรือ เพลิง (รับบทโดย มาริโอ้ เมาเร่อ) หนุ่มหล่อจากครอบครัวชาวประมงในระนอง หน้าตาดีจนสะดุดตา แบบเดินผ่านตลาดปลาคือเด่นกว่าใคร 🐟 พ่อแม่ของเขาคือ พิภัช (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) กับ ผ่องแผ้ว (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) ที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่ชีวิตเพลิงไม่ได้ชิลขนาดนั้น เพราะมีปมลับสุดช็อกเกี่ยวกับชาติกำเนิดที่รอวันเฉลย 😱

เพลิงเป็นหนุ่มขยัน สู้ชีวิต ช่วยพ่อหาปลาตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบด้านการตลาดก็ไปทำงานในบริษัทส่งออกอาหารทะเลของฝรั่ง เลยได้สกิลภาษาอังกฤษและประสบการณ์ธุรกิจแบบแน่นปึ้ก 💪 แต่เรื่องวุ่นๆ เริ่มเมื่อ หลิน (ภัณฑิรา ฟูกลิ่น) ลูกสาวเจ้าของตลาดปลาที่โตมาด้วยกัน ประกาศจองเพลิงเป็นของตัวเอง 😤 แต่เพลิงน่ะ เห็นหลินเป็นแค่เพื่อน ไม่มีใจให้ซักนิด

แล้วก็ถึงจุดที่ทำให้คนดูฟิน! 😍 น้ำฝน (แต้ว ณฐพร) สาวสวยพิธีกรรายการท่องเที่ยว มาถ่ายทำที่ตลาดระนอง ดันเจอเหตุการณ์รถเข็นปลาจะพุ่งชน เพลิงเห็นเลยพุ่งเข้าไปช่วย แต่โป๊ะแตก ทั้งคู่ล้มกลิ้งลงแผงปลา ตัวเหม็นสุดๆ 😂 น้ำฝนทั้งอายทั้งโมโห ส่วนหลินที่เห็นก็รีบเข้ามาช่วยเพลิง จนกลายเป็นสงครามอาหารทะเลวายป่วง 🦑 ฉากนี้คือขำปนลุ้นมาก

แต่เรื่องราวยิ่งเข้มข้นเมื่อเพลิงได้รู้ความจริงว่าเขาเป็นทายาทตระกูล ชาตโยธิน ที่รวยล้นฟ้าและเกี่ยวข้องกับธุรกิจเพชร 💎 พ่อของเขา พิภัช เคยเป็นลูกชายคนโตของ ทองตรา (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิ์เวช) เจ้าแม่วงการอัญมณี แต่เลือกทิ้งทุกอย่างเพื่ออยู่กับผ่องแผ้ว แม่ค้าปลาที่ บุษกร (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) น้องสาวของพิภัชเกลียดเข้าไส้ 😈 ทองตราจึงตัดขาดพิภัชจากครอบครัว ทำให้เพลิงต้องเติบโตแบบไม่มีอะไรเลย

ต่อมา ทองตราป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ พิภัชรู้ข่าวเลยพาเพลิงและผ่องแผ้วไปขอโทษที่กรุงเทพฯ แต่โชคชะตาเล่นตลก ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ พิภัชโคม่า 😢 ในวินาทีชีวิตต่อชีวิต ทองตราต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจด่วน เพลิงตัดสินใจมอบหัวใจของพ่อให้ย่าเพื่อชดเชยความผิดในอดีต ฉากนี้คือน้ำตาแตกเลย 😭 ทองตราฟื้นมาแต่เสียใจสุดขีดเมื่อรู้ว่าลูกชายจากไป เธอยอมให้เพลิงเข้ามาอยู่ในบ้านชาตโยธิน แต่บุษกรยังคงมองเพลิงเป็นเสี้ยนหนาม

ด้านความรัก น้ำฝนพยายามจับคู่ สิตา (ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ) พี่สาวของเธอกับ ชนนท์ (วีรดนย์ หวังเจริญพร) หลานชายของทองตรา แต่สิตาดันไปปิ๊งเพลิงซะงั้น 😅 น้ำฝนเลยพยายามกีดกัน แต่ยิ่งกีดกันก็ยิ่งทำให้ตัวเองใกล้ชิดกับเพลิงมากขึ้น ฟินสุดๆ ไปเลย 💕

ไฮไลต์ของเรื่องคือฉากที่เพลิงกับน้ำฝนต้อง ติดเกาะร้าง 😲 หลังจากเรือที่ทั้งคู่หนีการตามล่าจากลูกน้องของ อาณัติ (เพ็ญเพชร เพ็ญกุล) ระเบิด เพลิงใช้สกิลลูกประมงก่อไฟ หาอาหาร ดูแลน้ำฝนแบบเทคแคร์สุดๆ แต่คืนนึงน้ำฝนกลัวเพลิงจะทำอะไร เลยแอบใส่ยานอนหลับในน้ำมะพร้าวให้เพลิงกิน 😂 แต่ดันพลาดกลืนยาแก้แพ้โดยไม่มีน้ำตาม จนตัวเองหลับไป! ตื่นเช้ามาเจอทั้งคู่นอนกอดกันแน่น ทีมนักข่าวและสิตาที่ตามมาถึงกับช็อก 📸 สิตาใจสลาย ส่วนน้ำฝนกับเพลิงงงหนักมาก

หลังจากรอดจากเกาะ ภาพข่าวเพลิงกับน้ำฝนนอนกอดกันกลายเป็นประเด็นใหญ่ 📰 ทองตราเลยตัดสินใจให้ทั้งคู่แต่งงานเพื่อลบข่าวฉาว 💒 น้ำฝนยอมแต่งแต่แอบไม่แน่ใจว่าเพลิงรักเธอจริงรึเปล่า เพราะเข้าใจผิดว่าหลินเป็นแฟนเพลิง ส่วนสิตาเสียใจหนัก ดีที่ชนนท์คอยปลอบ ส่วนอาณัติที่รอดไปได้ยังวางแผนแก้แค้นเพลิงต่อ

ละครพาเราลุ้นว่าความรักของเพลิงและน้ำฝนจะลงเอยยังไง? สิตาจะตัดใจได้มั้ย? และอาณัติจะสำเร็จรึเปล่า? ต้องไปดูเอง! แต่บอกเลยว่าเรื่องนี้ครบรส ดราม่า รัก ฉากแอ็กชัน และปมครอบครัวที่ชวนน้ำตาไหล 😢💖

บอกเลยว่า เพลิงทระนง คือละครที่ทำให้หัวใจเต้นรัว การแสดงของมาริโอ้ในบทเพลิงคือสุดยอด แจ้งเกิดบทดราม่าเต็มตัว! ส่วนแต้วในบทน้ำฝนก็น่ารัก สดใส และเข้มแข็ง เคมีคู่นี้คือฟินจนจิกหมอน 😍 ฉากติดเกาะร้างคือไฮไลต์ที่ทั้งลุ้นทั้งฟิน งานภาพสวย ดนตรีเพลง “เพลิงทระนง” โดยวงนูโวคือติดหูมาก 🎶

เบื้องหลัง ของละคร เพลิงทระนง ปี 2554 ที่ทำเอาคนดูทั้งลุ้นทั้งร้องไห้ ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแสดงของ มาริโอ้ เมาเร่อ และ แต้ว ณฐพร ที่ปังสุดๆ แต่ทีมงานเบื้องหลังก็คือตัวจริง มาดูกันว่าใครเป็นใคร และทำไมละครนี้ถึงกลายเป็นตำนาน

บทประพันธ์โดย รมณีย์กร – คนเขียนเรื่องที่ชวนดราม่า
เริ่มที่ รมณีย์กร ผู้อยู่เบื้องหลังบทประพันธ์ของ เพลิงทระนง ✍️ บอกเลยว่านี่คือคนที่เนรมิตเรื่องราวสุดเข้มข้นของ เพลิงฤทธิ์ หนุ่มชาวประมงที่ต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีและค้นหาความลับชาติกำเนิด ปมครอบครัว ดราม่า ความรัก และฉากติดเกาะร้างที่เราฟินกันสุดๆ นี่แหละฝีมือของรมณีย์กร 😎 ต้องปรบมือให้เลย เพราะบทเค้าดึงอารมณ์คนดูได้ทุกซีน 👏 ถ้าไม่มีบทประพันธ์ที่ปังขนาดนี้ ละครคงไม่ครบรสขนาดนี้แน่นอน

บทโทรทัศน์โดย ดาวกระนอง – คนที่ทำให้เรื่องราวมีชีวิต
ต่อมาเรามี ดาวกระนอง ผู้เขียนบทโทรทัศน์ 📝 หน้าที่ของเค้าคือเอาบทประพันธ์ของรมณีย์กรมาปรับให้กลายเป็นสคริปต์ที่พร้อมถ่ายทำ ดึงอารมณ์ออกมาให้เข้ากับจอทีวี ฉากที่เพลิงกับน้ำฝนล้มกลิ้งลงแผงปลา 🐟 หรือฉากติดเกาะร้างที่ทำเราลุ้นจนตัวโก่ง นี่คือฝีมือการเรียบเรียงของดาวกระนองที่ทำให้ทุกอย่างลงตัว 😍 บทพูดแต่ละคำคือแบบ… จี๊ดถึงใจ โดยเฉพาะฉากดราม่าที่เพลิงรู้ความจริงเรื่องพ่อแม่ ทำเอาน้ำตาซึมเลย 😢 ขอบคุณที่ทำให้เรื่องนี้สนุกและชวนอินขนาดนี้

กำกับการแสดงโดย กฤษณ์ ศุกระมงคล – ผู้กำกับที่เนรมิตทุกฉากให้ปัง

1
กฤษณ์ ศุกระมงคล

มาถึงหัวเรือใหญ่ กฤษณ์ ศุกระมงคล ผู้กำกับการแสดง 🎥 คนนี้คือคนที่คุมทุกอย่างให้ออกมาสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่ฉากตลาดปลาที่ระนองที่ดูสมจริงสุดๆ ไปจนถึงฉากติดเกาะร้างที่ทั้งลุ้นทั้งฟิน 🌊 การกำกับของกฤษณ์ทำให้เราเห็นความเป็น เพลิงฤทธิ์ ที่ทั้งเข้มแข็งและเปราะบางผ่านการแสดงของมาริโอ้ และความสดใสของ น้ำฝน ผ่านแต้ว ฉากที่ทั้งคู่กอดกันบนเกาะร้างแล้วนักข่าวรัวชัตเตอร์ 📸 นี่คือความปังที่กฤษณ์จัดให้! ต้องยกนิ้วให้เลย งานภาพและอารมณ์คือเป๊ะ 👍

ควบคุมการผลิตโดย ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช – คนที่ทำให้ทุกอย่างรอด

1603703657
ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช

ต่อมาเรามี ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช ผู้ควบคุมการผลิต 🛠️ คนนี้คือคนที่คอยดูแลทุกอย่างให้ลงล็อก ตั้งแต่การจัดกองถ่าย งบประมาณ ไปจนถึงประสานงานทีมงาน ลองนึกภาพกองถ่ายที่ต้องไปถ่ายที่ระนอง หรือฉากเรือระเบิดที่เพลิงกับน้ำฝนต้องกระโดดลงทะเล 😲 ทุกอย่างต้องเป๊ะ และณัฐพงศ์คือคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีเค้า ละครอาจจะวุ่นวายกว่านี้แน่ ขอบคุณที่ทำให้ทุกอย่างสมูทและออกมาสวยงาม 👌

ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด – ค่ายที่ปั้นละครคุณภาพ
บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด ค่ายที่อยู่เบื้องหลังการผลิต 🏢 ค่ายนี้ขึ้นชื่อเรื่องการทำละครคุณภาพ และ เพลิงทระนง คือหนึ่งในผลงานที่พิสูจน์ฝีมือ การเลือกนักแสดงอย่างมาริโอ้และแต้ว การเซตฉากที่สมจริง และการลงทุนในโปรดักชันที่ทำให้ทุกฉากดูยิ่งใหญ่ นี่คือความทุ่มเทของเมคเกอร์ กรุ๊ป ต้องบอกว่าเค้าคือตัวจริงที่ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นตำนานที่เรายังพูดถึงถึงทุกวันนี้ 🎉

รู้เบื้องหลังแล้วยิ่งทำให้รัก เพลิงทระนง มากขึ้น 😍 ทีมงานแต่ละคนคือสุดยอด ตั้งแต่คนเขียนบทที่วางปมดราม่าให้เราน้ำตาไหล ไปจนถึงผู้กำกับและทีมโปรดักชันที่ทำให้ทุกฉากลงตัว การที่ละครเรื่องนี้ได้เรตติ้งเฉลี่ย 7.9 และถูกนำมารีรันใน “ละครดังข้ามเวลา” ปี 2564 นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่าเค้าทำงานกันหนักและตั้งใจจริงๆ 🙌

เพลิงทระนง (2554) ไม่ได้ปังแค่เพราะนักแสดง แต่ทีมงานเบื้องหลังอย่าง รมณีย์กร, ดาวกระนอง, กฤษณ์ ศุกระมงคล, ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช, และ เมคเกอร์ กรุ๊ป คือหัวใจที่ทำให้ละครเรื่องนี้ครบรสและเป็นตำนาน

นักแสดง

→ มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท เพลิงฤทธิ์

hq720
มาริโอ้ เมาเร่อ

เพลิงฤทธิ์ คือหนุ่มชาวประมงจากระนองที่เกิดในครอบครัวธรรมดาๆ แต่หน้าตาดีเด่นสะดุดตากว่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดปลาเลยนะคะ เขาเป็นคนขยันสุดๆ ช่วยพ่อทำงานหาปลาตั้งแต่เด็ก แถมยังมุ่งมั่นเรียนจนจบด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัย เรียกว่าสู้ชีวิตแบบเต็มที่เลย ต่อมาเพลิงได้ทำงานในบริษัทส่งออกอาหารทะเลของฝรั่ง ทำให้เขาเก่งทั้งภาษาอังกฤษและสกิลธุรกิจ สเปกหนุ่มในฝันชัดๆ ค่ะ

แต่ชีวิตเพลิงไม่ได้ชิลตลอด เพราะเขาต้องเจอกับปมดราม่าสุดช็อกเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของ พิภัช และ ผ่องแผ้ว และเป็นทายาทตระกูลชาตโยธินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพชร เขาต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองท่ามกลางความเกลียดชังจาก บุษกล และศัตรูในครอบครัว แถมยังมีเรื่องรักวุ่นๆ กับ น้ำฝน (แต้ว ณฐพร) ที่เริ่มจากความบังเอิญในฉากล้มลงแผงปลาไปจนถึงฉากติดเกาะร้างที่ฟินสุดๆ เพลิงคือคนที่ทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยน มีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาเลย

การแสดงของมาริโอ้ในบทนี้คือปังมาก เขาแสดงให้เห็นทั้งความเป็นนักสู้และความเปราะบางได้แบบถึงใจ ฉากที่เพลิงต้องตัดสินใจมอบหัวใจของพ่อให้ย่าทองตราคือน้ำตาไหลเลยค่ะ มาริโอ้ถ่ายทอดสายตาและอารมณ์ได้แบบที่ทำให้เราอยากเอาใจช่วยเพลิงสุดๆ

ฉายา “หนุ่มไฟแรงแห่งทระนง”
เพราะ เพลิงฤทธิ์ คือคนที่มีไฟในตัวเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะเจออุปสรรคหนักแค่ไหน เขาก็ลุกขึ้นสู้เพื่อศักดิ์ศรีและครอบครัว ความมุ่งมั่นของเขาคือเหมือนไฟที่ลุกโชน แถมคำว่า “ทระนง” ยังสะท้อนถึงความภาคภูมิใจในตัวเองที่ไม่ยอมให้ใครมาดูถูก ฉายานี้เหมาะกับเพลิงสุดๆ ค่ะ

ข้อคิด “ความมุ่งมั่นคือพลังที่เปลี่ยนโชคชะตาได้”
จากตัวละครเพลิง สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือไม่ว่าโชคชะตาจะโยนอะไรมาหา ถ้าเรามีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ เราก็สามารถเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ เพลิงเริ่มจากเด็กชาวประมงธรรมดาๆ แต่ด้วยความพยายามและหัวใจที่สู้ เขากลายเป็นคนที่กู้ศักดิ์ศรีของครอบครัวได้ ข้อคิดนี้คือแรงบันดาลใจให้เราลุกขึ้นสู้ต่อ ไม่ว่าจะเจออะไรในชีวิตก็ตาม

→ ณฐพร เตมีรักษ์ รับบท ชลลดา (น้ำฝน) 

ณฐพร เตมีรักษ์

น้ำฝน คือสาวสวยที่มาพร้อมพลังบวกเต็มเปี่ยม เธอเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยวที่ยกทีมมาถ่ายทำที่ตลาดปลาระนอง วันนั้นนี่ดราม่าเลยนะคะ เพราะรถเข็นปลาจะพุ่งชน เธอเกือบแย่ แต่ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) กระโดดมาช่วยจนทั้งคู่ล้มกลิ้งลงแผงปลา ตัวเหม็นสุดๆ ค่ะ ฉากนี้คือทั้งขำทั้งน่ารัก น้ำฝนทั้งโมโหทั้งอาย แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอกับเพลิงได้เจอกัน

น้ำฝนไม่ใช่แค่นางเอกที่สวยอย่างเดียว เธอมีความยุติธรรมและใจแกร่งมาก ถึงจะเจอเรื่องวุ่นๆ ในครอบครัวชาตโยธิน หรือแม้แต่ข่าวฉาวตอนติดเกาะร้างกับเพลิง เธอก็ยืนหยัดและสู้ต่อ ไม่ยอมให้อะไรมาทำลายความดีของตัวเองค่ะ ความสัมพันธ์ของเธอกับเพลิงค่อยๆ พัฒนาจากความบังเอิญไปสู่ความรักที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากติดเกาะร้างที่ทั้งคู่ต้องช่วยเหลือกัน ทำเอาเราฟินมากกก

แต้วในบทน้ำฝนคือสุดยอดเลยค่ะ เธอถ่ายทอดความสดใสและความเข้มแข็งได้แบบลงตัว สายตาที่มองเพลิงคือทั้งอ่อนโยนและมุ่งมั่น ฉากที่น้ำฝนพยายามอธิบายว่าเธอกับเพลิงไม่ได้มีอะไรกันตอนติดเกาะ แต่สุดท้ายต้องยอมแต่งงานเพื่อลบข่าวฉาว นี่คือทำให้เราเห็นถึงความเสียสละและหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของเธอ

ฉายา “สาวสดใสผู้กล้าหาญ”
เพราะ น้ำฝน คือตัวแทนของความสดใสที่ไม่เคยยอมแพ้ ไม่ว่าเจอสถานการณ์ยากแค่ไหน เธอก็ยังคงยิ้มและก้าวต่อไปด้วยความกล้า ฉายานี้เหมาะกับน้ำฝนที่ทั้งน่ารักและแกร่งแบบสุดๆ ค่ะ

ข้อคิด “ความดีและความกล้าคือสิ่งที่ทำให้เราผ่านทุกอุปสรรค”
จากตัวละครน้ำฝน สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือการยึดมั่นในความดีและความกล้าสามารถพาเราผ่านทุกปัญหาได้ ไม่ว่าน้ำฝนจะเจอข่าวฉาวหรืออุปสรรคจากครอบครัวชาตโยธิน เธอก็เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่ยอมให้อะไรมาทำลายจิตใจ ข้อคิดนี้คือแรงบันดาลใจให้เรายืนหยัดในสิ่งที่เชื่อและก้าวต่อไปอย่างมั่นใจ

→ วีรดนย์ หวังเจริญพร รับบท ชนนท์

jpg
วีรดนย์ หวังเจริญพร

ชนนท์ คือหลานชายคนเล็กของ ทองตรา เจ้าแม่วงการอัญมณีในตระกูลชาตโยธิน เขาเป็นหนุ่มที่มีจิตใจดี อ่อนโยน และคอยเป็นที่พึ่งให้คนรอบข้างค่ะ ในเรื่องนี้ ชนนท์ไม่ได้มีส่วนในดราม่าหนักๆ หรือการแย่งชิงสมบัติเหมือนตัวละครอื่น แต่เขาคือคนที่คอยสนับสนุนและช่วยเหลือ โดยเฉพาะกับ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) ที่เขามองเป็นญาติที่เคารพ และยังคอยเป็นกำลังใจให้ สิตา (ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ) ที่แอบรักเพลิงแต่ต้องใจสลาย

ชนนท์มีบทบาทเด่นในฉากที่พาเพลิงไปดูฟาร์มมุกที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของบริษัทเพชรไทย และเมื่อเพลิงกับน้ำฝนติดเกาะร้าง ชนนท์คือคนที่รีบตามไปช่วยพร้อมทีมนักข่าว ฉากที่เขาเห็นเพลิงกับน้ำฝนนอนกอดกันบนเกาะแล้วพยุงเพลิงขึ้นมานี่คือแสดงถึงความเป็นห่วงและความใจดีสุดๆ ค่ะ เขาเหมือนเป็นตัวละครที่ช่วยให้เรื่องราวสมดุล ไม่ดราม่าจนหนักเกินไป

การแสดงของ วีรดนย์ หวังเจริญพร ในบทนี้คือดีมาก เขาถ่ายทอดความเป็นหนุ่มอบอุ่นได้แบบธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกว่าเขาคือเพื่อนหรือญาติที่ไว้ใจได้ ทุกครั้งที่ชนนท์ปรากฏตัวบนจอคือเหมือนได้พักจากดราม่าหนักๆ และยิ้มตามได้เลยค่ะ

ฉายา “หนุ่มอบอุ่นแห่งตระกูลชาตโยธิน”
เพราะ ชนนท์ คือตัวแทนของความใจดีและความอบอุ่นในตระกูลที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เขาคอยเป็นที่พึ่งและให้กำลังใจคนรอบข้าง โดยเฉพาะในช่วงที่ทุกคนเจอดราม่า ฉายานี้เหมาะกับเขาที่เป็นเหมือนแสงสว่างในเรื่องราวที่วุ่นวายค่ะ

ข้อคิด “ความใจดีสามารถเปลี่ยนใจคนได้”
จากตัวละครชนนท์ สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือการเป็นคนใจดีและคอยสนับสนุนผู้อื่นสามารถสร้างความแตกต่างได้ ถึงแม้ชนนท์จะไม่ได้เป็นตัวเอก แต่การที่เขาคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจคนอย่างสิตาหรือเพลิง ทำให้เราเห็นว่าความใจดีคือพลังที่ช่วยเยียวยาคนรอบข้างได้ ข้อคิดนี้คือแรงบันดาลใจให้เราเป็นคนที่คอยซัพพอร์ตคนอื่นในวันที่พวกเขาต้องการ

→ ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ รับบท สิตา

260619(2)
ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ

สิตา คือพี่สาวของ น้ำฝน (ณฐพร เตมีรักษ์) สาวสวยที่มีนิสัยอ่อนหวานและจิตใจดี เธอปรากฏตัวในเรื่องด้วยความน่ารักและความเป็นพี่สาวที่แสนดี แต่ชีวิตของสิตากลับต้องเจอกับดราม่าเมื่อเธอได้เจอกับ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) ที่บ้านชาตโยธิน แล้วเกิดปิ๊งเขาทันที ความรู้สึกพิเศษนี้ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง แต่โชคชะตาก็เล่นตลก เพราะเพลิงเริ่มใกล้ชิดกับน้ำฝน น้องสาวของเธอเอง

จุดพีคของสิตาคือฉากที่เธอตามไปเจอเพลิงกับน้ำฝนนอนกอดกันบนเกาะร้าง ภาพนั้นทำเอาเธอใจสลายเลยค่ะ การที่ต้องเห็นคนที่ตัวเองแอบรักอยู่กับน้องสาวของตัวเองคือหนักมาก สิตาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากรักข้างเดียว แต่เธอก็พยายามเก็บความรู้สึกและก้าวต่อไป โดยมี ชนนท์ (วีรดนย์ หวังเจริญพร) คอยให้กำลังใจ ตัวละครนี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนและความเข้มแข็งในการยอมรับความจริงที่เจ็บปวด

การแสดงของ ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ ในบทสิตาคือดีมาก เธอถ่ายทอดความรู้สึกของสาวหวานที่ต้องเผชิญกับความรักที่ไม่สมหวังได้อย่างน่าสงสาร สายตาที่มองเพลิงและน้ำฝนในฉากบนเกาะคือทั้งเจ็บปวดและเต็มไปด้วยอารมณ์ ทำให้เราอยากเข้าไปปลอบเธอเลยค่ะ

ฉายา “สาวหวานใจสลาย”
เพราะ สิตา คือสาวหวานที่มีจิตใจดีงาม แต่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากรักข้างเดียวที่ทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย ฉายานี้สะท้อนทั้งความน่ารักและความเปราะบางของเธอในเรื่องนี้ค่ะ

ข้อคิด “การยอมรับความจริงคือก้าวแรกของการเริ่มต้นใหม่”
จากตัวละครสิตา สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือการยอมรับความจริง แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็เป็นหนทางที่จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น สิตาต้องเผชิญกับความรักที่ไม่สมหวัง แต่เธอก็พยายามก้าวต่อไปโดยไม่ปล่อยให้ความเจ็บปวดครอบงำ ข้อคิดนี้คือแรงบันดาลใจให้เรากล้าที่จะปล่อยวางและเริ่มต้นใหม่ในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่หวัง

→ มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช รับบท ทองตรา

%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%8B%E0%B8%A1
มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช

ทองตรา คือเจ้าแม่แห่งวงการอัญมณี หัวหน้าตระกูลชาตโยธินที่ทั้งร่ำรวยและมีอิทธิพลในวงสังคม เธอเป็นคุณย่าที่เข้มงวด มีความภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของตระกูล และปกป้องชื่อเสียงของครอบครัวสุดชีวิต แต่เบื้องหลังความเข้มแข็ง เธอก็มีหัวใจที่เปราะบางจากปมในอดีตค่ะ ทองตราเคยตัดขาด พิภัช (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) ลูกชายคนโต เพราะเขาเลือกที่จะอยู่กับ ผ่องแผ้ว (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) แม่ค้าปลาที่ถูกมองว่าต่ำต้อย การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้เธอเจ็บปวดและเก็บความรู้สึกผิดไว้ลึกๆ

ในเรื่อง ทองตราป่วยหนักจากโรคหัวใจและต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียเมื่อพิภัชเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ฉากที่ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) หลานชายของเธอตัดสินใจมอบหัวใจของพิภัชให้ทองตราผ่าตัดคือดราม่าสุดๆ ค่ะ เธอต้องต่อสู้กับความรู้สึกผิดและความเสียใจเมื่อรู้ว่าลูกชายจากไป แต่ก็เริ่มเปิดใจให้เพลิงและผ่องแผ้วมากขึ้น แม้ว่าจะยังคงเย็นชากับผ่องแผ้วในตอนแรก ทองตราสุดท้ายก็แสดงให้เห็นว่าเธอรักครอบครัวและพร้อมให้อภัย

การแสดงของ มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช ในบทนี้คือสุดยอดมาก เธอถ่ายทอดความเป็นเจ้าแม่ที่ทั้งน่าเกรงขามและเปราะบางได้อย่างลงตัว สายตาที่มองเพลิงในฉากที่เขาขอโทษแทนพ่อคือทั้งเข้มแข็งและเต็มไปด้วยอารมณ์ ทำเอาเราน้ำตาคลอเลยค่ะ

ฉายา “เจ้าแม่ทระนง”
เพราะ ทองตรา คือสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจและความยิ่งใหญ่ในตระกูลชาตโยธิน เธอคือผู้นำที่ทั้งเข้มแข็งและมีอิทธิพล แต่ก็มีหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักและความเสียสละ ฉายานี้เหมาะกับความเป็นเจ้าแม่ที่สง่างามและทรงพลังของเธอค่ะ

ข้อคิด “การให้อภัยคือการปลดปล่อยหัวใจ”
จากตัวละครทองตรา สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือการให้อภัยสามารถเยียวยาความเจ็บปวดในใจได้ ทองตราต้องเผชิญกับความผิดพลาดในอดีตที่ตัดขาดลูกชาย แต่เมื่อเธอเปิดใจให้เพลิงและยอมรับผ่องแผ้ว เธอก็พบความสงบในใจ ข้อคิดนี้คือแรงบันดาลใจให้เราเรียนรู้ที่จะให้อภัยผู้อื่นและตัวเอง เพื่อก้าวต่อไปอย่างมีความสุข

→ มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ รับบท บุษกล

8aca6a40 3d51 11ed bd60 69a03e365d48 webp original
มยุริญ ผ่องผุดพันธ์

บุษกล คือลูกสาวคนรองของ ทองตรา (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) แห่งตระกูลชาตโยธิน เธอเป็นสาวที่มีความทะเยอทะยานสูง ต้องการควบคุมทุกอย่างในตระกูลและปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง บุษกลเกลียด ผ่องแผ้ว (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) แม่ค้าปลาที่เป็นเมียของ พิภัช (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) พี่ชายของเธอ เพราะมองว่าผ่องแผ้วเป็นคนต่ำต้อยที่หวังเกาะพี่ชายเพื่อผลประโยชน์ เธอยังมอง เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) ลูกของพิภัชและผ่องแผ้ว เป็นเสี้ยนหนามที่อาจมาแย่งสมบัติตระกูล

บุษกลทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางเพลิง ไม่ว่าจะเป็นการยุยงให้ทองตราเกลียดผ่องแผ้ว หรือสั่งให้ทุกคนปิดบังเรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจของทองตราเพราะกลัวว่าเธอจะยอมรับเพลิง เธอยังร่วมมือกับ นาฏนรี (โชติกา วงศ์วิลาศ) ลูกสาวของตัวเอง เพื่อกีดกันเพลิงในบริษัทเพชรไทย บุษกลคือตัวร้ายที่ทั้งฉลาดและร้ายลึก ทำให้เราหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นเธอวางแผนร้าย

การแสดงของ มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ ในบทนี้คือสุดยอดมาก เธอถ่ายทอดความเป็นตัวร้ายที่ทั้งน่ากลัวและน่าหมั่นไส้ได้อย่างลงตัว สายตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของบุษกลคือทำให้เรารู้สึกว่าเธอพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย ฉากที่เธอยุให้ทุกคนต่อต้านเพลิงคือเดือดสุดๆ ค่ะ

ฉายา “ราชินีร้ายแห่งชาตโยธิน”
เพราะ บุษกล คือตัวร้ายที่เปรียบเสมือนราชินีผู้ควบคุมทุกอย่างในตระกูลชาตโยธินด้วยแผนการที่ร้ายลึก เธอมีความทะเยอทะยานและความฉลาดที่ทำให้ทุกคนต้องระวัง ฉายานี้เหมาะกับความร้ายกาจและสง่างามในแบบตัวร้ายของเธอค่ะ

ข้อคิด “ความโลภอาจนำไปสู่ความสูญเสีย”
จากตัวละครบุษกล สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือความโลภและความต้องการควบคุมทุกอย่างอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดี บุษกลมุ่งแต่ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองจนลืมความสำคัญของครอบครัวและความเมตตา สุดท้ายการกระทำของเธอก็ทำให้เกิดความขัดแย้งและความเจ็บปวด ข้อคิดนี้เตือนใจให้เรารู้จักยับยั้งชั่งใจและให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มากกว่าผลประโยชน์

→ ปองศักดิ์ ร้ตนพงษ์ รับบท อาณัติ

hq720
ปองศักดิ์ ร้ตนพงษ์

อาณัติ คือตัวละครที่อยู่ในตระกูลชาตโยธิน แต่เขาไม่ใช่สายดีนะคะ เขาคือหนุ่มนักพนันที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความโลภ อาณัติเห็น เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) เป็นศัตรูตัวฉกาจ เพราะกลัวว่าเพลิงจะมาแย่งสมบัติและอำนาจในตระกูล เขาจึงวางแผนร้ายสารพัดเพื่อกำจัดเพลิง ไม่ว่าจะเป็นการส่งลูกน้องไปลอบฆ่าเพลิงตอนที่ไปดูฟาร์มมุกที่ภูเก็ต ซึ่งทำให้เพลิงและ น้ำฝน (ณฐพร เตมีรักษ์) ต้องหนีตายจนติดเกาะร้าง

อาณัติไม่ใช่แค่ตัวร้ายธรรมดา เขายังเป็นคนที่หลบหนีความผิดได้เก่งและไม่เคยสำนึกในสิ่งที่ทำ แม้ว่าจะล้มเหลวในการกำจัดเพลิง เขาก็ยังวางแผนแก้แค้นต่อไป ตัวละครนี้คือตัวแทนของความเห็นแก่ตัวและความมุ่งร้ายที่ทำให้เราหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นเขาโผล่มาในจอ

การแสดงของ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ในบทนี้คือสุดยอดมาก เขาถ่ายทอดความเป็นตัวร้ายที่ทั้งเจ้าเล่ห์และน่ากลัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ สายตาและท่าทางของอาณัติในฉากที่วางแผนร้ายคือทำให้เรารู้สึกถึงความร้ายกาจและความอันตราย ฉากที่เขาสั่งลูกน้องไปจัดการเพลิงคือลุ้นจนตัวเกร็งเลยค่ะ

ฉายา “จอมวายร้ายนักพนัน”
เพราะ อาณัติ คือตัวร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความหลงใหลในการพนัน ไม่ว่าจะเป็นการพนันในชีวิตจริงหรือการเดิมพันด้วยแผนร้ายเพื่อกำจัดศัตรู ฉายานี้เหมาะกับความเจ้าเล่ห์และความมุ่งมั่นในทางที่ผิดของเขาค่ะ

ข้อคิด “ความเห็นแก่ตัวนำพาความล้มเหลว”
จากตัวละครอาณัติ สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือความเห็นแก่ตัวและความโลภอาจนำไปสู่ความหายนะ แผนร้ายของอาณัติที่มุ่งกำจัดเพลิงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทำให้เขาเสียทั้งโอกาสและความน่าเชื่อถือ ข้อคิดนี้เตือนใจให้เรายึดมั่นในความซื่อสัตย์และไม่ทำร้ายผู้อื่นเพื่อเป้าหมายส่วนตัว

→ โชติกา วงศ์วิลาศ รับบท นาฏนรี

m0hype46inlGTNM8l2P s
โชติกา วงศ์วิลาศ

นาฏนรี คือลูกสาวคนเล็กของ บุษกล (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ตัวร้ายตัวแม่แห่งตระกูลชาตโยธิน เธอเป็นสาวสวยที่มีความทะเยอทะยานและความร้ายที่ได้มาจากแม่แบบเต็มๆ นาฏนรีร่วมมือกับบุษกลเพื่อขัดขวาง เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) ไม่ให้ก้าวหน้าในบริษัทเพชรไทย เพราะกลัวว่าเพลิงจะมาแย่งอำนาจและสมบัติของตระกูล เธอใช้เล่ห์เหลี่ยมและแผนร้ายต่างๆ เพื่อทำให้เพลิงลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างปัญหาในที่ทำงานหรือพยายามทำให้เพลิงเสียชื่อเสียง

นาฏนรีคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความเจ้าเล่ห์ เธอไม่ลังเลที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว แต่ความร้ายของเธอก็ทำให้เรารู้สึกหมั่นไส้ โดยเฉพาะเมื่อเธอพยายามขัดขวางความสำเร็จของเพลิงที่ทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

การแสดงของ โชติกา วงศ์วิลาศ ในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นสาวร้ายที่ทั้งสวยและเจ้าเล่ห์ได้อย่างลงตัว สายตาและรอยยิ้มของนาฏนรีในฉากที่วางแผนร้ายคือทำให้เรารู้สึกถึงความทะเยอทะยานและความอันตรายของเธอ ฉากที่เธอพยายามกีดกันเพลิงในบริษัทคือเดือดและชวนให้ลุ้นว่าเพลิงจะแก้เกมยังไง

ฉายา “สาวร้ายรุ่นใหม่”
เพราะ นาฏนรี คือตัวร้ายรุ่นลูกที่สืบทอดความร้ายจากบุษกล แต่มาพร้อมความมั่นใจและสไตล์ที่ทันสมัย เธอเป็นสาวร้ายที่ทั้งฉลาดและมีเสน่ห์ ทำให้ฉายานี้เหมาะกับความเป็นตัวร้ายรุ่นใหม่ของเธอค่ะ

ข้อคิด “การใช้เล่ห์เหลี่ยมอาจนำมาซึ่งความพ่ายแพ้”
จากตัวละครนาฏนรี สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือการใช้เล่ห์เหลี่ยมและความร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการอาจนำไปสู่ความล้มเหลวในท้ายที่สุด การที่เธอพยายามขัดขวางเพลิงด้วยวิธีที่ไม่ยุติธรรมทำให้เกิดความขัดแย้งและผลกระทบต่อตัวเธอเอง ข้อคิดนี้เตือนใจให้เรายึดมั่นในความซื่อสัตย์และเล่นตามกติกาเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน

→ เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล รับบท นิรุต

%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4 %E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%9A %E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B9%87%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B9%87%E0%B8%8A%E0%B8%A3 6
เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล

นิรุต คือลูกชายคนเล็กของ ทองตรา (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) หัวหน้าตระกูลชาตโยธิน เขาเป็นคนใจดี มีความยุติธรรม และไม่สนใจการแย่งชิงอำนาจในตระกูลเหมือนคนอื่นๆ นิรุตมอง เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) หลานชายของเขาเป็นเหมือนญาติแท้ๆ และให้การสนับสนุนเต็มที่ เขาเป็นคนที่ช่วยให้เพลิงได้เข้าไปทำงานในบริษัทเพชรไทยในฐานะผู้ช่วย ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เพลิงได้พิสูจน์ตัวเอง

ในขณะที่คนอื่นๆ ในตระกูล เช่น บุษกล (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) และ นาฏนรี (โชติกา วงศ์วิลาศ) พยายามขัดขวางเพลิง นิรุตกลับเป็นคนที่เห็นความสามารถของเพลิงและให้โอกาสเขาเสมอ เขาคือตัวละครที่นำความอบอุ่นและความหวังมาสู่เรื่องราวท่ามกลางความขัดแย้งในครอบครัว

การแสดงของ เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล ในบทนี้คือดีมาก เขาถ่ายทอดความเป็นลุงที่ทั้งใจดีและน่าเชื่อถือได้อย่างเป็นธรรมชาติ สายตาและน้ำเสียงที่นุ่มนวลของนิรุตในฉากที่ให้คำแนะนำเพลิงคือทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นและความจริงใจ ฉากที่เขาให้โอกาสเพลิงในบริษัทคือโมเมนต์ที่ทำให้เรายิ้มตามเลยค่ะ

ฉายา “คนใจดีแห่งเพชรไทย”
เพราะ นิรุต คือตัวแทนของความใจดีและความยุติธรรมในตระกูลชาตโยธิน เขาคอยสนับสนุนเพลิงในบริษัทเพชรไทยและเป็นเหมือนพี่เลี้ยงที่คอยนำทาง ฉายานี้เหมาะกับความอบอุ่นและบทบาทที่เขาเล่นในเรื่องนี้ค่ะ

ข้อคิด “การให้โอกาสคือการสร้างอนาคตให้ผู้อื่น”
จากตัวละครนิรุต สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือการให้โอกาสผู้อื่นสามารถเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาได้ นิรุตเชื่อมั่นในตัวเพลิงและให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ตัวเอง ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด ข้อคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราเปิดใจและให้โอกาสคนรอบข้าง เพื่อช่วยให้พวกเขาค้นพบศักยภาพของตัวเอง

→ สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ รับบท ผ่องแผ้ว ชาตโยธิน 

5c0e0310 1fc3 11ee 9dc9 b5ed7ab3864f webp original
สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ

ผ่องแผ้ว คือแม่ค้าปลาในตลาดระนองที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายและเป็นแม่ของ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) เธอเป็นภรรยาของ พิภัช (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) ที่เลือกทิ้งชีวิตในตระกูลชาตโยธินเพื่อมาอยู่กับเธอ ถึงแม้จะถูก ทองตรา (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) และ บุษกล (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ดูถูกว่าเป็นคนต่ำต้อย ผ่องแผ้วก็ยังคงยืนหยัดด้วยความรักและความมุ่งมั่นเพื่อครอบครัว

ผ่องแผ้วคือตัวละครที่แสดงถึงความเสียสละ เธอเลี้ยงดูเพลิงด้วยความรักและสนับสนุนให้เขามีชีวิตที่ดี แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการถูกเหยียดหยามจากตระกูลชาตโยธิน ฉากที่เธอต้องเผชิญหน้ากับทองตราหลังจากพิภัชเสียชีวิตคือหนักมาก เธอทั้งเสียใจและต้องอดทนเพื่อลูก ผ่องแผ้วคือแม่ที่ทั้งอ่อนโยนและเข้มแข็ง ทำให้เรารู้สึกถึงพลังของความรักที่ยิ่งใหญ่

การแสดงของ สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ ในบทนี้คือสุดยอด เธอถ่ายทอดความเป็นแม่ที่ทั้งอบอุ่นและอดทนได้อย่างน่าประทับใจ สายตาที่มองเพลิงด้วยความรักและฉากที่เธอเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในครอบครัวคือทำให้เราน้ำตาคลอเลยค่ะ

ฉายา “แม่ใจแกร่งแห่งระนอง”
เพราะ ผ่องแผ้ว คือแม่ที่เข้มแข็งและเต็มไปด้วยความรัก แม้จะถูกดูถูกและเจออุปสรรค เธอก็ยังยืนหยัดเพื่อครอบครัว ฉายานี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความทุ่มเทของเธอในฐานะแม่ค้าปลาแห่งระนองค่ะ

ข้อคิด “ความรักของแม่สามารถเอาชนะทุกอุปสรรค”
จากตัวละครผ่องแผ้ว สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือความรักของแม่คือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ว่าเธอจะเจอการดูถูกหรือความสูญเสีย ผ่องแผ้วก็ยังคงปกป้องและสนับสนุนเพลิงด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยม ข้อคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นคุณค่าของความรักในครอบครัวและความเสียสละที่ไม่มีเงื่อนไข

→ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท พิภัช

C72E827EC5F642E7981FB8752D3D05DC
ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี

พิภัช คือพ่อของ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) และสามีของ ผ่องแผ้ว (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) เขาเคยเป็นลูกชายคนโตของ ทองตรา (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) หัวหน้าตระกูลชาตโยธินที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง แต่พิภัชเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อความรัก หลังจากตกหลุมรักผ่องแผ้ว แม่ค้าปลาในตลาดระนอง การตัดสินใจนี้ทำให้เขาถูกทองตราตัดขาดจากครอบครัว และต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะชาวประมงและพ่อค้าปลา

พิภัชเป็นคนที่รักครอบครัวสุดหัวใจ เขาเลี้ยงดูเพลิงด้วยความรักและสนับสนุนให้ลูกมีอนาคตที่ดี เมื่อทองตราป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ พิภัชตัดสินใจพาครอบครัวไปขอโทษเธอที่กรุงเทพฯ เพื่อชดเชยความผิดในอดีต แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำจนโคม่า สุดท้ายหัวใจของเขาถูกมอบให้ทองตราเพื่อช่วยชีวิตเธอ ซึ่งเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้เราน้ำตาไหลเลยค่ะ

การแสดงของ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี ในบทนี้คือสุดยอด เขาถ่ายทอดความเป็นพ่อที่ทั้งอบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรักได้อย่างน่าประทับใจ สายตาที่มองผ่องแผ้วและเพลิงคือเต็มไปด้วยความรัก และฉากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียคือทำเอาเรารู้สึกถึงความเจ็บปวดของตัวละครนี้จริงๆ

ฉายา “พ่อผู้เสียสละแห่งระนอง”
เพราะ พิภัช คือพ่อที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อความรักและครอบครัว การเสียสละของเขา ทั้งในชีวิตและหัวใจที่มอบให้ทองตรา สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของหัวใจพ่อ ฉายานี้เหมาะกับความรักและความทุ่มเทของเขาค่ะ

ข้อคิด “ความรักที่แท้จริงคือการยอมเสียสละเพื่อคนที่รัก”
จากตัวละครพิภัช สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือความรักที่แท้จริงคือการยอมเสียสละเพื่อความสุขของคนที่เรารัก พิภัชเลือกทิ้งชีวิตที่สุขสบายเพื่อผ่องแผ้ว และยอมให้หัวใจของตัวเองช่วยชีวิตทองตราเพื่อชดเชยอดีต ข้อคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นคุณค่าของการเสียสละเพื่อครอบครัวและคนที่เรารัก

→ ภัณฑิรา ฟูกลิ่น รับบท หลิน

air
ภัณฑิรา ฟูกลิ่น

หลิน คือลูกสาวของ เถ้าแก่เฮง (ศานติ สันติเวชกุล) เจ้าของตลาดปลาระนอง เธอเป็นสาวที่มีนิสัยร่าเริงและจิตใจดี โตมาพร้อมกับ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) และแอบรักเขามาตั้งแต่เด็ก หลินถึงขั้นประกาศจับจองเพลิงต่อหน้าทุกคนเลยนะคะ แต่เสียใจด้วยที่เพลิงมองเธอเป็นแค่เพื่อนสนิท ไม่เคยคิดอะไรเกินเลย ทำให้หลินต้องเผชิญกับความรักที่ไม่สมหวัง

ในเรื่อง หลินคอยช่วยเหลือเพลิงในหลายๆ โอกาส เช่น ตอนที่เกิดเหตุวุ่นวายในตลาดเมื่อเพลิงช่วย น้ำฝน (ณฐพร เตมีรักษ์) จนล้มลงแผงปลา หลินรีบเข้ามาช่วยเพลิงทันที เธอแสดงให้เห็นถึงความรักที่มั่นคง แต่เมื่อเห็นเพลิงเริ่มใกล้ชิดกับน้ำฝน เธอก็ต้องเจ็บปวดและพยายามยอมรับความจริง หลินคือตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกทั้งน่ารักและน่าสงสาร เพราะความรักของเธอคือรักแท้ที่ไม่เคยหวังผลตอบแทน

การแสดงของ ภัณฑิรา ฟูกลิ่น ในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความร่าเริงและความเจ็บปวดของหลินได้อย่างเป็นธรรมชาติ สายตาที่มองเพลิงด้วยความรักและฉากที่เธอต้องยอมรับว่าเพลิงรักน้ำฝนคือทำให้เราอยากเข้าไปปลอบเลยค่ะ

ฉายา “สาวน้อยรักแท้”
เพราะ หลิน คือสาวที่มีความรักที่บริสุทธิ์และมั่นคงต่อเพลิง แม้ว่าจะไม่สมหวัง เธอก็ยังคงรักและหวังดีต่อเขาเสมอ ฉายานี้สะท้อนถึงความน่ารักและหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของเธอค่ะ

ข้อคิด “รักที่แท้จริงคือการหวังดีโดยไม่หวังผลตอบแทน”
จากตัวละครหลิน สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือความรักที่แท้จริงคือการให้โดยไม่คาดหวังอะไรกลับมา หลินรักเพลิงด้วยใจทั้งดวง แม้ว่าจะรู้ว่าเขาไม่รักเธอ เธอก็ยังคอยสนับสนุนและหวังดีต่อเขา ข้อคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เรารักผู้อื่นด้วยความจริงใจและยอมรับความจริง แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่หวัง

→ กรุณพล เทียนสุวรรณ รับบท ไพโรจน์

7706c680 e84d 11ea 9f69 b7a3fd521768 original
กรุณพล เทียนสุวรรณ

ไพโรจน์ คือตัวละครที่อยู่ในวงโคจรของเรื่องราวในตลาดระนอง เขาเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น และเป็นมิตรกับทุกคนในชุมชน โดยเฉพาะกับ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) และครอบครัวของเขา ไพโรจน์มักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันในตลาด ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงและบรรยากาศที่เป็นกันเองให้กับเรื่องราว

ถึงแม้ว่าไพโรจน์จะไม่ได้มีบทบาทหลักในปมดราม่าของตระกูลชาตโยธิน เขาก็เป็นตัวละครที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับเรื่อง ด้วยความตลกและความเป็นเพื่อนที่ดี เขาคอยเป็นสีสันในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตชาวประมงและการค้าขายในระนอง ทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นของชุมชนท้องถิ่น

การแสดงของ กรุณพล เทียนสุวรรณ ในบทนี้คือดีมาก เขาถ่ายทอดความเป็นคนขี้เล่นและจริงใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มและน้ำเสียงของไพโรจน์ในฉากตลาดคือทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในระนองจริงๆ ฉากที่เขาแซวเพลิงหรือช่วยเหลือในสถานการณ์วุ่นวายคือโมเมนต์ที่ทำให้เรายิ้มตามได้เลยค่ะ

ฉายา “เพื่อนแท้แห่งท้องตลาด”
เพราะ ไพโรจน์ คือตัวแทนของความเป็นเพื่อนที่จริงใจและร่าเริงในชุมชนตลาดระนอง เขาคอยสร้างรอยยิ้มและช่วยเหลือคนรอบข้าง ฉายานี้เหมาะกับความเป็นมิตรและความสนุกสนานของเขาค่ะ

ข้อคิด “มิตรภาพที่จริงใจสร้างความสุขได้ทุกที่”
จากตัวละครไพโรจน์ สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือมิตรภาพที่จริงใจสามารถนำความสุขมาให้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าไพโรจน์จะอยู่ในฉากที่วุ่นวายหรือเรียบง่าย เขาก็ทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีด้วยความเป็นมิตร ข้อคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราให้ความสำคัญกับการเป็นเพื่อนที่ดีและสร้างความสุขให้คนรอบตัว

→ ศานติ สันติเวชกุล รับบท เถ้าแก่เฮง

JBttpGcnzBB4pQijRWCA
ศานติ สันติเวชกุล

เถ้าแก่เฮง คือเจ้าของตลาดปลาระนองและพ่อของ หลิน (ภัณฑิรา ฟูกลิ่น) เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลในชุมชน ด้วยความที่เป็นผู้นำที่ทั้งใจดีและเข้มงวด เถ้าแก่เฮงดูแลทุกคนในตลาดเหมือนครอบครัว แต่ก็คาดหวังให้ทุกอย่างเป็นระเบียบและยุติธรรม เขาคอยสนับสนุน เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) และครอบครัวของเขาเหมือนเป็นคนในครอบครัว เพราะหลินและเพลิงโตมาด้วยกัน

ถึงแม้ว่าเถ้าแก่เฮงจะไม่ได้มีส่วนในปมดราม่าหนักๆ ของตระกูลชาตโยธิน เขาก็เป็นตัวละครที่ช่วยสร้างบรรยากาศสมจริงของชุมชนระนอง โดยเฉพาะในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในตลาด เขาคอยดูแลหลินด้วยความรัก และถึงแม้ว่าจะรู้ว่าลูกสาวแอบรักเพลิง เขาก็พยายามให้คำแนะนำอย่างเข้าใจ ตัวละครนี้คือตัวแทนของความเป็นผู้นำที่อบอุ่นและมีน้ำใจ

การแสดงของ ศานติ สันติเวชกุล ในบทนี้คือดีมาก เขาถ่ายทอดความเป็นพ่อและผู้นำชุมชนได้อย่างเป็นธรรมชาติ น้ำเสียงและท่าทางของเถ้าแก่เฮงในฉากที่คุยกับเพลิงหรือหลินคือทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นและความน่าเกรงขามไปพร้อมกัน ฉากที่เขาให้คำแนะนำหลินเกี่ยวกับความรักคือโมเมนต์ที่ทำให้เรายิ้มตามเลยค่ะ

ฉายา “เจ้าพ่อแห่งตลาดระนอง”
เพราะ เถ้าแก่เฮง คือผู้นำที่ดูแลตลาดระนองด้วยความยุติธรรมและความเมตตา เขาคือคนที่ทุกคนในชุมชนเคารพและพึ่งพา ฉายานี้เหมาะกับความเป็นผู้นำที่ทั้งเข้มแข็งและใจดีของเขาค่ะ

ข้อคิด “การเป็นผู้นำที่ดีคือการดูแลทุกคนเหมือนครอบครัว”
จากตัวละครเถ้าแก่เฮง สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือการเป็นผู้นำที่ดีต้องมีความเมตตาและความยุติธรรม เถ้าแก่เฮงดูแลคนในชุมชนและครอบครัวด้วยหัวใจ ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัย ข้อคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราเป็นผู้นำที่ใส่ใจคนรอบข้างและสร้างความสามัคคีในชุมชน


ข้อคิดดีๆ จากละคร เพลิงทระนง 2554 ที่เอาไปใช้ในชีวิตได้จริง

1. ความมุ่งมั่นคือพลังที่เปลี่ยนโชคชะตาได้
จากเรื่องราวของ เพลิงฤทธิ์ (มาริโอ้ เมาเร่อ) เราเห็นว่าเขาเริ่มจากเด็กชาวประมงธรรมดาๆ แต่ด้วยความขยันและมุ่งมั่น เขาสามารถพิสูจน์ตัวเองในตระกูลชาตโยธินและกู้ศักดิ์ศรีของครอบครัวได้ ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าไม่ว่าเราจะเริ่มจากจุดไหน ถ้ามีความตั้งใจและพยายามอย่างเต็มที่ เราก็สามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ค่ะ

2. ความรักที่แท้จริงคือการยอมเสียสละ
ตัวละครอย่าง พิภัช (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) และ ผ่องแผ้ว (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ) แสดงให้เห็นถึงความรักที่ยอมเสียสละเพื่อครอบครัว พิภัชยอมทิ้งชีวิตที่สุขสบายเพื่อผ่องแผ้ว และมอบหัวใจให้ ทองตรา (มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช) เพื่อชดเชยอดีต ข้อคิดนี้เตือนใจว่า ความรักที่แท้จริงคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน และพร้อมเสียสละเพื่อคนที่เรารัก

3. การให้อภัยคือการปลดปล่อยหัวใจ
ทองตรา สอนเราผ่านการเดินทางของเธอที่ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีตจากการตัดขาดพิภัช เมื่อเธอเรียนรู้ที่จะให้อภัยเพลิงและผ่องแผ้ว เธอก็พบความสงบในใจ ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การให้อภัยไม่ใช่แค่การยกโทษให้ผู้อื่น แต่เป็นการปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บปวดเพื่อก้าวต่อไป

4. ความดีและความกล้าช่วยให้ผ่านทุกอุปสรรค
น้ำฝน (ณฐพร เตมีรักษ์) คือตัวอย่างของคนที่ยึดมั่นในความดีและความกล้า แม้จะเจอข่าวฉาวหรืออุปสรรคจากตระกูลชาตโยธิน เธอก็ยังยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ข้อคิดนี้สอนให้เรามีความกล้าในการทำสิ่งที่ถูกต้องและรักษาคุณค่าของตัวเอง แม้จะเจอความท้าทายในชีวิต

5. ความเห็นแก่ตัวนำไปสู่ความล้มเหลว
ตัวละครอย่าง บุษกล (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) และ อาณัติ (ปองศักดิ์ รัตนพงษ์) แสดงให้เห็นว่าความโลภและความเห็นแก่ตัวทำให้เกิดความขัดแย้งและความสูญเสีย การกระทำที่มุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขานำไปสู่ความล้มเหลว ข้อคิดนี้เตือนใจให้เรายึดมั่นในความซื่อสัตย์และคำนึงถึงผู้อื่นเพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

6. มิตรภาพที่จริงใจสร้างความสุขได้ทุกที่
ไพโรจน์ (กรุณพล เทียนสุวรรณ) และ เถ้าแก่เฮง (ศานติ สันติเวชกุล) แสดงให้เห็นถึงความเป็นมิตรและความใจดีในชุมชนระนอง ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่น ข้อคิดนี้สอนให้เราเห็นคุณค่าของมิตรภาพที่จริงใจ ซึ่งสามารถนำความสุขมาให้ได้ในทุกสถานการณ์

7. การยอมรับความจริงคือก้าวแรกของการเริ่มต้นใหม่
สิตา (ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ) และ หลิน (ภัณฑิรา ฟูกลิ่น) ต้องเผชิญหน้ากับความรักที่ไม่สมหวัง แต่ทั้งคู่พยายามยอมรับความจริงและก้าวต่อไป ข้อคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เรากล้าปล่อยวางและเริ่มต้นใหม่เมื่อเจอกับความผิดหวังในชีวิต

เพลิงทระนง (2554) คือละครที่เต็มไปด้วยข้อคิดที่ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมุ่งมั่น ความรัก การให้อภัย หรือมิตรภาพ ข้อคิดเหล่านี้ทำให้เราเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตอย่างมีสติและหัวใจ