ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551 ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ดราม่า เรื่องราวเริ่มต้นจาก “อาติยะ” หรือ อาตี้ ชายหนุ่มเจ้าสำราญที่ออกเดตกับหญิงสาวมากมาย วันหนึ่งเขาได้พบกับ “สมวิญญา” หรือ มุ่ย หญิงสาวลูกทุ่งที่สวยสะดุดตาในห้องน้ำหญิงโดยบังเอิญ อาตี้ถูกใจในความงามของมุ่ยทันที เขาจึงแกล้งชนเธอเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ หลังจากนั้นมุ่ยรู้ว่าเขาขโมยเบอร์เธอไป จึงบุกไปขัดจังหวะเดตของอาตี้เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมเจ้าชู้ของเขา
เส้นทางของทั้งคู่มาบรรจบกันอีกครั้งเมื่อเพื่อนร่วมงานของมุ่ยชวนเธอไปเดตแบบนัดบอด ซึ่งคู่เดตของเพื่อนคนนั้นดันเป็นเพื่อนของอาตี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มต้นจากความขัดแย้งและการปะทะคารม แต่เมื่อได้รู้จักกันมากขึ้น อาตี้เริ่มหลงใหลในความจริงใจและเสน่ห์แบบลูกทุ่งของมุ่ย ส่วนมุ่ยเองก็ค่อยๆ เห็นความดีในตัวอาตี้ที่ซ่อนอยู่ใต้ภาพลักษณ์ของเพลย์บอย
ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของอาตี้ โดยเฉพาะ “ช่อประยงค์” หรือ เค็ม แม่ของเขา ไม่ปลื้มมุ่ยเพราะเห็นว่าเธอเป็นเพียงสาวบ้านนอกที่ไม่เหมาะสมกับลูกชายที่มีฐานะดี เรื่องราวจึงเต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งจากความแตกต่างทางชนชั้น ความเข้าใจผิด และการต่อสู้เพื่อพิสูจน์รักแท้ของทั้งคู่ ท่ามกลางมุกตลกและสถานการณ์ชวนหัวที่ทำให้ละครมีสีสัน
สุดท้าย อาตี้และมุ่ยต้องฝ่าฟันบททดสอบต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่ารักของพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะอคติและกำแพงทางสังคมได้หรือไม่ เรื่องราวจบลงด้วยการยอมรับจากครอบครัวและความรักที่สมหวัง
ตัวละครหลัก
อาติยะ (อาตี้) (กฤษฎา พรเวโรจน์) – ชายหนุ่มเจ้าสำราญที่เปลี่ยนตัวเองเพื่อรักแท้
สมวิญญา (มุ่ย) (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) – หญิงสาวลูกทุ่งที่จิตใจดีและมั่นคง
ช่อประยงค์ (เค็ม) (สุนิสา เจทท์) – แม่ของอาตี้ที่คอยขัดขวางความรักของลูกชาย
อาสนะ (อาร์ต) (นิธิ สมุทรโคจร) – เพื่อนของอาตี้
สหโชค (หมอโชค) (วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย) – ตัวละครสนับสนุนที่เพิ่มสีสันให้เรื่อง
เพลงประกอบ
เพลง “ที่คิดถึง…เพราะรักเธอใช่ไหม” ขับร้องโดย โบว์ลิ่ง มานิดา
ละครเรื่องนี้ผสมผสานความสนุกสนานแบบคอมเมดี้เข้ากับดราม่าความรักได้อย่างลงตัว สะท้อนภาพความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรมระหว่างเมืองและชนบทในแง่มุมที่เบาสมองและอบอุ่นหัวใจ ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องแบบละเอียด
การพบกันแบบบังเอิญ
อาติยะ หรือ อาตี้ (มาร์ท – กฤษฎา พรเวโรจน์) เป็นหนุ่มเพลย์บอยลูกคุณหนูที่ชอบออกเดตกับสาวสวยหลายคน วันหนึ่งเขาไปเจอ สมวิญญา หรือ มุ่ย (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) สาวลูกทุ่งจากต่างจังหวัดที่บังเอิญมาเจอกันในห้องน้ำหญิงตอนที่มุ่ยแต่งหน้า อาตี้หลงใหลในความสวยแบบธรรมชาติของเธอทันที
อาตี้แกล้งชนมุ่ยเพื่อขโมยเบอร์โทรจากกระเป๋าเธอ มุ่ยรู้ตัวทีหลังว่าถูกขโมยเบอร์ จึงตามไปเผชิญหน้ากับอาตี้ถึงที่เดตของเขา และเปิดโปงนิสัยเจ้าชู้ต่อหน้าสาวที่เขากำลังจีบ ทำให้อาตี้เสียหน้า แต่ก็ยิ่งสนใจมุ่ยมากขึ้น
ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความขัดแย้ง
ทั้งคู่เจอกันอีกครั้งเมื่อเพื่อนของมุ่ยชวนไปเดตนัดบอด โดยบังเอิญว่าคู่เดตของเพื่อนคือเพื่อนของอาตี้ การเจอกันครั้งนี้เต็มไปด้วยการปะทะคารมและความเข้าใจผิด อาตี้พยายามจีบมุ่ยด้วยวิธีของหนุ่มเมือง แต่กลับถูกมุ่ยตอกกลับด้วยความตรงไปตรงมาแบบลูกทุ่ง
อาตี้เริ่มเห็นเสน่ห์ในความจริงใจและความเป็นตัวของตัวเองของมุ่ย ส่วนมุ่ยก็เริ่มเห็นว่าภายใต้ท่าทางเจ้าสำราญ อาตี้มีด้านที่อบอุ่นและจริงจัง
อุปสรรคจากครอบครัว
ช่อประยงค์ หรือ เค็ม (สุนิสา เจทท์) แม่ของอาตี้ ไม่ชอบมุ่ยตั้งแต่แรกเห็น เพราะมองว่าเธอเป็นสาวบ้านนอก ไม่มีฐานะ ไม่เหมาะกับลูกชายที่เป็นทายาทธุรกิจ แม่เค็มพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง เช่น จับคู่ให้อาตี้กับสาวไฮโซ หรือสร้างสถานการณ์ให้มุ่ยเสียหน้า
มีตัวละครสมทบอย่าง หมอโชค (วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย) และ อาร์ต (นิธิ สมุทรโคจร) เพื่อนของอาตี้ ที่คอยยุ่งวุ่นวายและเพิ่มความปั่นป่วนในเรื่อง บางครั้งช่วยอาตี้ บางครั้งก็ซ้ำเติมสถานการณ์
จุดเปลี่ยนของความรัก
ความสัมพันธ์ของอาตี้และมุ่ยค่อยๆ พัฒนาขึ้นผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เช่น อาตี้ช่วยมุ่ยจากสถานการณ์ลำบาก หรือมุ่ยแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจเงินทองของเขา แต่รักที่ตัวตนของเขาแท้ๆ มีฉากที่อาตี้ตัดสินใจทิ้งชีวิตเพลย์บอยเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อมุ่ย เช่น เลิกออกเดตกับคนอื่น และพยายามปรับตัวเข้ากับวิถีลูกทุ่งของมุ่ย ซึ่งสร้างความฮาและความประทับใจไปพร้อมกัน
ดราม่าสูงสุด
แม่เค็มวางแผนใหญ่โดยให้สาวไฮโซที่แอบชอบอาตี้มาสร้างความเข้าใจผิด ทำให้มุ่ยคิดว่าอาตี้กลับไปเป็นเพลย์บอยอีกครั้ง มุ่ยเสียใจมากและตัดสินใจถอยห่าง กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านนอก อาตี้ตามไปง้อมุ่ยถึงต่างจังหวัด เกิดฉากดราม่าที่เขาต้องพิสูจน์รักแท้ท่ามกลางความไม่ยอมรับจากคนรอบตัวมุ่ย และเผชิญหน้ากับแม่เค็มที่ตามมาขัดขวางถึงที่
รักสมหวัง
หลังจากผ่านอุปสรรคมากมาย อาตี้แสดงให้เห็นว่าเขารักมุ่ยจริง ไม่สนใจฐานะหรือคำครหา แม่เค็มเห็นความมุ่งมั่นของลูกชายและความดีของมุ่ย จึงยอมใจอ่อนและยอมรับในที่สุด ละครจบด้วยฉากหวานๆ ที่อาตี้และมุ่ยแต่งงานกัน ท่ามกลางการเฉลิมฉลองแบบลูกทุ่งผสมผสานกับความทันสมัยของครอบครัวอาตี้ เป็นการปิดท้ายที่อบอุ่นและมีความสุข
บรรยากาศและจุดเด่น
ละครเน้นความสนุกจากมุกตลกและการปะทะคารมระหว่างอาตี้กับมุ่ย รวมถึงคาแรกเตอร์แม่เค็มที่ทั้งน่ารำคาญและน่าหัวเราะ ดราม่าไม่หนักมาก แต่เน้นการเติบโตของตัวละคร โดยเฉพาะอาตี้ที่เปลี่ยนจากเพลย์บอยมาเป็นคนรักเดียวใจเดียว เพลงประกอบอย่าง เพลง “ที่คิดถึง…เพราะรักเธอใช่ไหม” ขับร้องโดย โบว์ลิ่ง มานิดา ช่วยเสริมอารมณ์ให้เรื่องราวลงตัว
มุมมองทั่วไปของละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551
(จุดเด่น)
เคมีพระนางที่เข้ากันดี
มาร์ท ในบท อาตี้ หนุ่มเพลย์บอยลูกคุณหนู และ เจนี่ ในบท มุ่ย สาวลูกทุ่งจิตใจดี เป็นคู่พระนางที่เคมีลงตัวมาก การปะทะคารมในช่วงแรกสร้างความสนุก ส่วนฉากหวานๆ ในช่วงหลังก็ทำให้คนดูฟินได้ไม่น้อย การที่ทั้งคู่ต้องปรับตัวเข้าหากันจากโลกที่ต่างกัน (เมือง vs ลูกทุ่ง) เป็นจุดที่ทำให้เรื่องน่าติดตาม
ความตลกที่ไม่ฝืด
ละครใส่มุกตลกมาแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะการแสดงของ สุนิสา เจทท์ ในบท แม่เค็ม ที่ทั้งขัดขวางลูกชายและสร้างสถานการณ์ชวนหัวเราะได้ตลอด บวกกับตัวละครสมทบอย่าง หมอโชค และ อาร์ต ที่เพิ่มสีสันให้เรื่องไม่น่าเบื่อ
สะท้อนความต่างทางวัฒนธรรม
เรื่องนี้หยิบประเด็นความขัดแย้งระหว่าง “คนเมือง” และ “คนลูกทุ่ง” มาเล่าได้น่าสนใจ ไม่ได้เน้นดราม่าหนักหน่วง แต่ใช้มุมมองเบาสมอง ทำให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของทั้งสองฝั่ง สุดท้ายก็ส่งสารว่าความรักไม่จำกัดที่ฐานะหรือภูมิหลัง
เพลงประกอบไพเราะ
เพลง “ที่คิดถึง…เพราะรักเธอใช่ไหม” ขับร้องโดย โบว์ลิ่ง มานิดา เข้ากับ mood ของละครมาก ช่วยขับอารมณ์ทั้งฉากรักและฉากดราม่าให้โดดเด่นขึ้น
นักแสดงสมทบที่ขโมยซีน
นอกจากพระนางแล้ว สุนิสา เจทท์ ในบทแม่เค็มคือตัวชูโรงที่ทำให้คนดูทั้งหมั่นไส้และขำไปพร้อมกัน การแสดงของเธอเป็นธรรมชาติและมีพลัง ส่วน ทูน หิรัญทรัพย์ ในบทพ่อของอาตี้ก็เพิ่มมิติให้ครอบครัวนี้ดูมีชีวิตชีวา
(จุดด้อย)
พล็อตคาดเดาง่าย
ด้วยความที่เป็นละครแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ยุค 2000s พล็อตเรื่องค่อนข้างสูตรสำเร็จ การพบกันแบบบังเอิญ → ขัดแย้ง → รักกัน → อุปสรรคจากครอบครัว → สมหวัง ไม่ได้มีจุดหักมุมอะไรที่แปลกใหม่ คนที่ชอบละครพล็อตลึกอาจรู้สึกธรรมดาไปหน่อย
ตัวละครบางตัวถูกทิ้ง
ตัวละครสมทบบางคน เช่น เพื่อนของมุ่ย หรือตัวละครที่โผล่ในช่วงต้นเรื่อง มีบทบาทแค่ขับเคลื่อนพล็อต แต่ไม่ได้พัฒนาต่อในช่วงหลัง ทำให้รู้สึกเหมือนถูกทิ้งไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ดราม่าบางจุดยืดเยื้อ
ฉากที่แม่เค็มขัดขวางความรักของอาตี้กับมุ่ยบางครั้งดูยาวเกินไป และวิธีการขัดขวางก็ซ้ำๆ เช่น สร้างความเข้าใจผิดหรือจับคู่ให้ลูกชายกับคนอื่น ซึ่งอาจทำให้คนดูรู้สึกเบื่อในบางช่วง
โปรดักชั่นยุคเก่า
เมื่อมองจากมุมมองปีปัจจุบัน งานภาพและการตัดต่ออาจดูเชยไปบ้าง เทคนิคการถ่ายทำและแสงสีแบบละครยุค 2008 อาจไม่ถูกใจคนที่เคยชินกับละครสมัยใหม่ที่มีภาพคมชัดและโปรดักชั่นอลังการกว่า
คะแนน 7.5/10 (จาก sence9.com)
เป็นละครที่ทำได้ดีในแง่ความสนุกและการแสดง แต่ไม่ได้โดดเด่นจนเป็นตำนาน เหมาะกับคนที่ชอบละครรักใสๆ สไตล์ยุค 2000s หรืออยากย้อนความทรงจำสมัยนั้น โดยเฉพาะแฟนละครช่อง 3 คนที่ชอบคู่พระนางมาร์ท-เจนี่, หรือคนที่อยากดูอะไรเบาๆ ไม่ต้องคิดเยอะ
ละครมีโทนเบาสบาย สีสันสดใสตามสไตล์ช่อง 3 ยุคนั้น การเล่าเรื่องเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระหนักๆ เหมาะกับการดูเพื่อผ่อนคลาย ฉากลูกทุ่งที่มุ่ยอยู่นำเสนอวิถีชีวิตแบบบ้านๆ ได้น่ารัก ส่วนฉากเมืองก็สะท้อนความหรูหราของครอบครัวอาตี้ได้ดี
“ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551” จึงเป็นละครที่ครบรสตามสไตล์ช่อง 3 ในยุคทองของละครหลังข่าว มีทั้งความสนุก ความรัก และดราม่าน้ำตาซึม แม้จะไม่ได้แปลกใหม่หรือลึกซึ้งมาก แต่การแสดงของนักแสดงนำและสมทบ รวมถึงมุกตลกที่ลงตัว ทำให้มันเป็นละครที่ดูเพลินและยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ ถ้าคุณชอบละครรักที่มีกลิ่นอายลูกทุ่งผสมเมือง และไม่ซีเรียสกับความสมจริงมากเกินไป เรื่องนี้ยังคงน่าหยิบมาดูซ้ำในวันว่าง
ตั้งแต่เปิดเรื่อง การปะทะกันระหว่าง อาตี้ (มาร์ท) และ มุ่ย (เจนี่) ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและขำขันไปกับมุกตลกเบาๆ มันเป็นละครที่ดูแล้วหัวเราะได้ง่าย โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่เถียงกัน หรือตอนที่ แม่เค็ม (สุนิสา เจทท์) ออกโรงมาสร้างวีรกรรมขัดขวางลูกชาย
บรรยากาศลูกทุ่งผสมเมืองให้ความรู้สึกสดใส เหมือนได้หลุดไปอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา
เมื่อความสัมพันธ์ของอาตี้และมุ่ยเริ่มพัฒนา ฉากหวานๆ ที่พระนางค่อยๆ เปิดใจให้กันทำให้รู้สึกฟินและลุ้นตาม เช่น ตอนที่อาตี้พยายามพิสูจน์ตัวเอง หรือมุ่ยแสดงความจริงใจแบบไม่เสแสร้ง ความรักที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจากครอบครัวและความต่างทางฐานะให้ความรู้สึกคลาสสิกแบบละครไทยยุคนั้น ซึ่งถึงจะเดาได้ว่าต้องจบดี แต่ก็ยังอดยิ้มตามไม่ได้ตอนจบสมหวัง
สำหรับคนที่ดูตอนออกอากาศในปี 2551 ความรู้สึกย้อนวัยอาจชัดเจนมาก เพราะละครเรื่องนี้พาให้คิดถึงยุคที่ละครหลังข่าวช่อง 3 เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การได้ยินเพลง “รักแรกพบ” หรือเห็นสไตล์การแต่งตัวของตัวละครอาจทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยนั้น
แม้แต่คนที่ย้อนดูในปัจจุบัน (เช่น ปี 2025) ก็อาจรู้สึกถึงกลิ่นอายยุค 2000s ที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เหมือนได้พักจากความวุ่นวายของโลกสมัยใหม่
บางช่วงอาจรู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำของ แม่เค็ม ที่ขัดขวางความรักของลูกชายแบบไม่ยอมหยุด หรือฉากที่เกิดความเข้าใจผิดระหว่างพระนาง ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของละครไทยที่ทำให้คนดูทั้งโมโหทั้งลุ้นว่าทั้งคู่จะเคลียร์กันได้เมื่อไหร่ แต่ความรู้สึกนี้ก็ถูกทดแทนด้วยความสะใจเมื่อตัวละครเริ่มปรับความเข้าใจกัน และแม่เค็มยอมรับมุ่ยในที่สุด
ละครไม่ได้มีเนื้อเรื่องซับซ้อนหรือดราม่าหนักหน่วงจนน้ำตาไหล ทำให้ดูแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับการนั่งดูกับครอบครัวหรือเปิดไว้เป็นเพื่อนในวันสบายๆ ไม่ต้องใช้สมองวิเคราะห์อะไรมาก แค่ปล่อยใจไปกับเรื่องราวก็พอ
ถ้าดูในปี 2025 อาจรู้สึกว่าโปรดักชั่นและการเล่าเรื่องดูเชยไปบ้าง เช่น ภาพที่ไม่คมชัดเท่าละครสมัยใหม่ หรือมุกตลกที่อาจไม่เข้ากับรสนิยมคนรุ่นใหม่ แต่ถ้ามองข้ามจุดนี้ไปได้ ก็ยังสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของความเรียบง่ายและความจริงใจในตัวละคร
“ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551” ความรู้สึกเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปสัมผัสบรรยากาศละครไทยยุคเก่า ที่เน้นความบันเทิงครบรสทั้งขำ ฟิน และซึ้งเบาๆ มันอาจไม่ใช่ละครที่สมบูรณ์แบบหรือลึกซึ้งที่สุด แต่เป็นเรื่องที่ดูแล้วยิ้มได้ และทิ้งความรู้สึกอบอุ่นไว้ในใจ เหมือนได้เห็นความรักที่เติบโตท่ามกลางความต่าง และการยอมรับกันในท้ายที่สุด ถ้าคุณชอบอะไรที่เบาสมองและมีกลิ่นอายลูกทุ่ง ความรู้สึกหลังดูน่าจะเป็นความสุขแบบเรียบง่ายที่หาได้ยากในละครยุคใหม่
ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551
ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551
ความรักระหว่างสถาปนิกหนุ่มชาวกรุงกับนักเรียนแพทย์ชาวลูกทุ่ง จะลงเอยอย่างไร เมื่ออุปสรรคมากมายรอพวกเขาอยู่
อาติยะ ( อาร์ตี้ ) สถาปนิกหนุ่มรูปหล่อ ลูกชายคนเล็กของ ท่านอธิบดีอธิป ได้รับปากกับ จิตอนงค์ ผู้เป็นแม่ว่าจะยอมเดินทางไปอุบลราชธานี เพื่อดูตัวหญิงสาวที่ตอนแรกแม่หมายมั่นอยากให้แต่งงานกับ อาสนะ ( อ้าด ) ผู้เป็นพี่ชาย แต่อ้าดไม่ยอมที่จะแต่งงานเพราะแท้จริงแล้วอ้าดเป็นเกย์ แต่ไม่มีใครทราบนอกจากอาร์ตี้ สาเหตุที่จิตอนงค์ยกลูกชายให้แต่งกับสาวบ้านนอกที่ชื่อ ช่อประยงค์ ( เค็ม ) เพราะว่าคุณนายบัวศรี ( ย่าใหญ่ ) เศรษฐีแห่งเมืองอุบลฯ ผู้มีศักดิ์เป็นป้าของอธิปและย่าของอ้าดและอาร์ตี้ จะยกสมบัติให้หลานเขย จิตอนงค์จึงไม่ยอมพลาดโอกาส เพราะได้ชื่อว่าเป็นคนขี้เหนียว ขี้งก และจอมประหยัด อ้าดได้เขียนจดหมายไปต่อว่าเค็มแต่กลับลงชื่อว่าเป็นอาติยะผู้น้อง ทำให้คุณนายบัวศรีและเค็มเป็นลมและช็อคไปชั่วขณะ จิตอนงค์บังคับให้อาร์ตี้ไปอุบลฯ กับตน แต่อาร์ตี้ไม่ยอมไปคนเดียวจะต้องเอาอ้าดไปด้วย เมื่อถึงเวลาไปอาร์ตี้ป่วยเป็นไข้ ทำให้เดินทางไปกับจิตอนงค์และอ้าดไม่ได้ จึงขอตามไปทีหลัง ที่อุบลฯ อ้าดและเค็มแทบจะไม่มองหน้ากัน แต่เค็มนั้นได้แอบชอบอ้าดอยู่ สมวิญญา ( มุ่ย ) นักศึกษาแพทย์ที่เจริญรอยตาม พ่อจิระ ที่เป็นแพทย์ผู้ยึดมั่นในอุดมคติอยู่ชนบท มุ่ยเป็นน้องสาวเค็มที่ต่างกันลิบลับ มุ่ยมาที่บ้านคุณนายบัวศรีจนมีปากเสียงกับอ้าด คุณนายบัวศรีได้ไล่ตะเพิดมุ่ยออกไปให้พ้นหน้า หลังออกมาจากบ้านคุณนายบัวศรี มุ่ยได้ขี่มอเตอร์ไซต์เฉี่ยวอาร์ตี้จนตกลงไปนอนอยู่ในแอ่งควาย มุ่ยได้พาอาร์ตี้ไปทำแผลที่บ้าน อาร์ตี้จึงได้นอนค้างที่บ้านมุ่ย วันหนึ่งอาร์ตี้เดินทางไปหาหมอจิระพบว่ามุ่ยกำลังจะออกไปเที่ยวแก่ง ทั้งสองจึงไปเที่ยวด้วยกัน มุ่ยเดินลื่นตกน้ำอาร์ตี้ได้ลงไปช่วย ทั้งสองจึงไปขอเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชาวบ้านแถวนั้น และต้องนอนค้างที่นั้น อาร์ตี้ก็เริ่มสนใจในตัวมุ่ยซึ่งไม่เหมือนกับสาวๆ ของเขาที่กรุงเทพฯ อย่าง สุชาวดี และภิรมยา หมอสหโชค คู่ขาของอ้าด และเป็นแฟนกับมุ่ย ได้ขอยืมเงินจากอ้าดหนึ่งแสนบาท
อ้าดจึงมายืมเงินจากคุณนายบัวศรี แต่มีข้อแม้ว่าอ้าดต้องยอมแต่งงานกับเค็ม ซึ่งอ้าดก็ยอม ด้านสหโชคได้มาขอคืนดีกับมุ่ย หลังจากหายหน้าไปพักใหญ่ มุ่ยก็ยอมกลับมาคบเขาต่อ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเพราะรู้ว่าสหโชคนั้นอยู่กับอ้าด งานแต่งงานของอ้าดกับเค็มถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ในวันส่งตัวเข้าหอเค็มต้องอยู่คนเดียว เพราะอ้าดนั้นขอตัวไปหาเพื่อน อ้าดกับเค็มแทบจะไม่มองหน้าเลยเลย เค็มเสียใจมากแต่ก็ได้อาร์ตี้ที่ให้กำลังเค็ม และก็เป็นคนเดียวในบ้านที่เค็มสามารถพูดคุยด้วยได้ อาร์ตี้สนใจในตัวมุ่ยจึงคอยไปหาที่โรงพยาบาล แต่มุ่ยชอบแกล้งกลับไปอยู่เรื่อย จนวันหนึ่งทั้งสองได้พบกันอาร์ตี้มาบอกว่า พ่อของมุ่ยไม่สบายแต่ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง หลังจากที่ไปอยู่บ้านในฐานะสะใภ้ได้ไม่นาน อ้าดก็เริ่มวางแผนให้สหโชคเข้ามาพัวพันกับเค็ม เพื่อจะกล่าวหาว่าเค็มมีชู้ แต่สหโชคไม่เต็มใจแต่ต้องยอม เพราะกลัวอ้าดจะเอาคนเลวๆ มาเล่นงานเค็มหนักกว่าเดิม อ้าดเอารูปของสหโชคที่เขียนข้อความชู้สาวมาไว้ใต้หมอนเค็ม แล้วเอะอะโวยวายว่าเค็มมีชู้ ในที่สุดเค็มก็หย่ากับอ้าดแล้วกลับไปอยู่บ้าน สหโชคขอเลิกกับอ้าดแล้วเอาเงินมาคืน เพราะว่าละอายใจที่ทำให้เค็มต้องเสียใจ อาร์ตี้ได้รับโทรศัพท์จากเค็มว่าหมอจิระได้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ อาร์ตี้ไปช่วนงานศพที่อุบลฯ และนำเงินที่อธิปผู้เป็นพ่อฝากมาให้มุ่ย แต่มุ่ยไม่รับจึงนำไปให้เค็มเก็บไว้แทน เค็มอยู่ในสภาพตายทั้งเป็นมุ่ยกล่าวโทษอ้าดกับพวกที่บ้านอาร์ตี้ว่า เป็นตัวการทำให้พ่อต้องเสียชีวิต จิตอนงค์ได้หาทางกำจัดมุ่ยออกจากชีวิตของอาร์ตี้ โดยอาศัยสองสาวภิรมยาและสุชาวดี มุ่ยได้รับจดหมายทวงเงินจากจิตอนงค์ มุ่ยเลยนำเงินไปคืนด้วยตัวเองที่บ้าน วันหนึ่งอาร์ตี้ได้บอกรักมุ่ย แต่มุ่ยไม่ตอบรับรักเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเครือญาติของคุณนายบัวศรี อาร์ตี้เลยบอกให้มุ่ยเอาชนะพวกนั้นโดยการแต่งงานกับเขา มุ่ยของเวลาคิดเรื่องนี้ ในที่สุดมุ่ยก็ตกลง โดยจะขอไปจดทะเบียนสมรสที่อำเภออย่างเดียว
มุ่ยมีข้อแม้ว่าห้ามอาร์ตี้ล่วงเกินตนจนกว่าจิตอนงค์จะยอมรับตนเองเป็นลูกสะใภ้ อาร์ตี้ได้พามุ่ยมาฮันนีมูนที่บ้านพักชายทะเล ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้ทั้งคู่มีความสุขมาก เมื่อเดินทางกลับมาบ้านอาร์ตี้ก็เห็นสุชาวดีนั่งรออยู่ สุชาวดีได้บอกอาร์ตี้ว่ามีนัดคุยกับแม่เธอเรื่องเขียนแบบ คืนนั้นสหโชคได้โทรบอกมุ่ยว่าเห็นอาร์ตี้อยู่กับสุชาวดีที่คลับ อาร์ตี้เอาแต่ทำงานจนมุ่ยต้องกลับบ้านคนเดียว พอดีสหโชคผ่านมาเลยไปส่งมุ่ยที่บ้าน อาร์ตี้ได้รับโทรศัพท์จากจิตอนงค์ว่าสหโชคมาส่งมุ่ยทุกวันจึงโกรธ สุชาวดีเข้ามาหาอาร์ตี้เขาเลยเคลิ้มไปกับเธอ มุ่ยเข้ามาเห็น ทั้งคู่กำลังนัวเนียกันอยู่จึงวิ่งออกไป ทั้งสองมีปากเสียงกัน อาร์ตี้โกรธมากเลยใช้กำลังขืนใจมุ่ย จิตอนงค์คิดแผนที่จะกำจัดมุ่ยจึงโทรไปบอกอาร์ตี้ว่า สหโชคมาเยี่ยมมุ่ยถึงในห้องนอน ทั้งคู่เลยทะเลาะกันหนัก ด้านจิตอนงค์ก็ใส่ไฟว่าอาร์ตี้ยังรักสุชาวดีอยู่ เมื่ออาร์ตี้กลับมาเขาได้เห็นจดหมายและใบหย่าที่มุ่ยได้เซ็นทิ้งไว้ให้เขา มุ่ยเดินทางกลับอุบลฯ มาเป็นหมอดูแลคนที่ชนบท ความผูกพันของสหโชคกับเค็มเริ่มพัฒนาขึ้นเลยๆ จนในที่สุดสหโชคกับเค็มก็ตกลงที่จะแต่งงานกัน คุณนายบัวศรีกับมุ่ยก็กลายเป็นป้าหลานที่รักกัน วันหนึ่งอาร์ตี้ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ มุ่ยทราบข่าวก็ทำเป็นไม่สนใจ คุณนายบัวศรีได้เขียนจดหมายมาถึงอธิปเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง อาร์ตี้เดินทางไปง้อมุ่ยที่อุบลฯ ในวันแต่งงานของสหโชคกับเค็ม อ้าดถือปืนไปยิงสหโชคแต่พลาดไปโดนอาร์ตี้ ทำให้อ้าดช็อตกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ้าดได้แอบเข้ามาเพื่อดูว่าอาร์ตี้ปลอดภัยดี จึงฝากมุ่ยให้ดูแลอาร์ตี้ด้วย แล้วฝากจดหมายขอโทษถึงพ่อกับแม่ หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ ทั้งหมดผ่านไป อาร์ตี้ก็ลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ มาอยู่ที่อุบลฯ กับมุ่ยและได้ออกแบบสถานีอนามัยแห่งใหม่แทนที่เดิม สถานีอนามัยแห่งนี้จึงมีคุณหมอที่ชื่อว่าคุณหมอสหโชคและคุณหมอมุ่ย และมีผู้ช่วยมือใหม่ที่ชื่อคุณหมออาร์ตี้
บทประพันธ์ กรุง ญ. ฉัตร
บทโทรทัศน์ ปณิธี ศุภศํกดิ์สุทัศน์, อภิวัฒน์ เล่าสกุล
กำกับการแสดง กฤษณ์ ศุกระมงคล
นักแสดง
→ กฤษฎา พรเวโรจน์ รับบท อาติยะ ( อาร์ตี้ )

อาติยะ (อาตี้) คือตัวละครที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ของหนุ่มเพลย์บอยลูกคุณหนูที่ดูเหมือนจะไม่จริงจังกับชีวิต แต่เมื่อเจอรักแท้จากมุ่ย เขากลายเป็นคนที่พร้อมเปลี่ยนแปลงและต่อสู้เพื่อความรัก คาแรกเตอร์ของเขาผสมผสานความตลก ความโรแมนติก และการเติบโตได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นพระเอกที่ทั้งน่ารัก น่าหมั่นไส้ และน่าชื่นชมในเวลาเดียวกัน
หนุ่มเพลย์บอยลูกคุณหนู อาตี้เป็นชายหนุ่มฐานะดีจากครอบครัวมีเงิน ใช้ชีวิตแบบเจ้าสำราญ ชอบออกเดตกับสาวสวยหลายคน และมีนิสัยเจ้าชู้แบบไม่จริงจังกับความรัก เขามีเสน่ห์แบบหนุ่มเมือง ทั้งการแต่งตัวทันสมัยและท่าทางมั่นใจ ทำให้สาวๆ ตกหลุมรักได้ง่าย ในช่วงแรก เขามองความรักเป็นเกม และไม่เคยคิดผูกมัดกับใคร จนกระทั่งเจอ มุ่ย (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์)
อาตี้มีด้านที่ตลกและกวนประสาท โดยเฉพาะตอนที่พยายามจีบมุ่ย เขามักใช้มุกเสี่ยวหรือแกล้งเธอเพื่อเรียกความสนใจ เช่น การแกล้งชนเพื่อขโมยเบอร์โทร ซึ่งสะท้อนความมั่นใจเกินพิกัดและความไม่จริงจังในตอนต้นเรื่อง ความกวนของเขานี่แหละที่ทำให้เกิดฉากปะทะคารมกับมุ่ย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
ภายใต้ภาพลักษณ์เพลย์บอย อาตี้มีด้านที่อบอุ่นและจริงใจ เมื่อได้รู้จักมุ่ยมากขึ้น เขาค่อยๆ เปลี่ยนจากคนที่มองความรักเป็นเรื่องเล่นๆ มาเป็นคนที่พร้อมทุ่มเทเพื่อคนที่รัก เขาแสดงความรักด้วยการปกป้องและยืนหยัดเคียงข้างมุ่ย แม้จะต้องขัดใจ แม่เค็ม (สุนิสา เจทท์) แม่ของตัวเอง
อาตี้มีการพัฒนาคาแรกเตอร์ชัดเจน จากหนุ่มเจ้าสำราญที่ไม่เคยรับผิดชอบอะไรจริงจัง กลายเป็นคนที่มีเป้าหมายและมุ่งมั่นในความรัก เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหาวิถีชีวิตแบบลูกทุ่งของมุ่ย และพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้รักเธอแค่ผิวเผิน จุดเปลี่ยนสำคัญคือตอนที่เขาตัดสินใจทิ้งนิสัยเจ้าชู้ และยอมเผชิญหน้ากับอุปสรรคเพื่อพิสูจน์รักแท้
อาตี้มีช่วงที่ต้องต่อสู้กับตัวเอง ระหว่างการใช้ชีวิตแบบที่ครอบครัวคาดหวัง (แต่งงานกับสาวไฮโซตามที่แม่เค็มต้องการ) กับการเลือกหัวใจที่รักมุ่ย ซึ่งสะท้อนความเป็นมนุษย์ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่พยายามหาทางของตัวเอง
บุคลิกภาพภายนอก
การแต่งตัว อาตี้มักใส่เสื้อผ้าสไตล์หนุ่มเมือง เช่น เสื้อเชิ้ตหรือชุดลำลองทันสมัย ซึ่งตัดกับความเรียบง่ายของมุ่ย สะท้อนความต่างของโลกทั้งคู่
ท่าทาง เขามีความมั่นใจสูง เดินตัวตรง พูดจาฉะฉาน และมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เป็นอาวุธลับในการจีบสาว
น้ำเสียง มักพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ หรือหยอกล้อ แต่ในฉากจริงจังจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจ
ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับมุ่ย: เริ่มจากความไม่ถูกชะตา แต่กลายเป็นคู่รักที่เติมเต็มกัน อาตี้เรียนรู้ความจริงใจและความเข้มแข็งจากมุ่ย ขณะที่เขานำความสนุกและความทันสมัยมาให้เธอ
กับแม่เค็ม: มีความขัดแย้งสูง เพราะแม่ต้องการควบคุมชีวิตเขา แต่สุดท้ายอาตี้แสดงให้เห็นว่าเขามีจุดยืนของตัวเอง
กับเพื่อน (หมอโชค, อาร์ต): เป็นกลุ่มที่คอยสนับสนุนและเพิ่มความป่วนให้ชีวิตเขา บางครั้งก็ช่วยให้เขาเห็นมุมมองใหม่ๆ
การแสดงของกฤษฎา พรเวโรจน์
มาร์ท ถ่ายทอดคาแรกเตอร์อาตี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งความกวน ความเจ้าชู้ และความอบอุ่น เขาทำให้ตัวละครนี้มีมิติ ไม่ได้เป็นแค่หนุ่มเจ้าสำราญแบบตื้นๆ แต่แสดงให้เห็นการเติบโตที่คนดูสัมผัสได้ เสน่ห์ของเขาอยู่ที่การเล่นคอมเมดี้ที่ไม่ฝืด และฉากดราม่าที่จริงจังแต่ไม่เว่อร์เกินไป ทำให้อาตี้เป็นตัวละครที่น่าจดจำ
→ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ รับบท สมวิญญา ( มุ่ย )

สมวิญญา (มุ่ย) คือตัวละครที่เป็นตัวแทนของสาวลูกทุ่งที่ทั้งน่ารัก จริงใจ และเข้มแข็ง เธอไม่ใช่นางเอกที่อ่อนแอหรือรอให้พระเอกช่วย แต่เป็นคนที่มีจุดยืนและต่อสู้เพื่อความรักของตัวเอง คาแรกเตอร์ของมุ่ยผสมผสานความสดใสแบบลูกทุ่งเข้ากับความมุ่งมั่นได้อย่างลงตัว ทำให้เธอเป็นนางเอกที่ทั้งน่าชื่นชมและน่าหลงรักในสายตาคนดู!
สาวลูกทุ่งจิตใจดี มุ่ยเป็นหญิงสาวจากต่างจังหวัด มีชีวิตเรียบง่ายแบบลูกทุ่ง เธอมีนิสัยซื่อตรง ใจดี และจริงใจ ไม่เสแสร้ง ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ อาตี้ (กฤษฎา พรเวโรจน์) ตกหลุมรัก เธอมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งทั้งการแต่งตัวและการพูดจา ซึ่งตัดกับโลกของอาตี้ที่เต็มไปด้วยความทันสมัยและฐานะดี
มุ่ยไม่ใช่คนขี้อายหรือยอมคนง่าย เธอกล้าปะทะคารมกับอาตี้ตั้งแต่แรกเจอ เช่น ตอนที่รู้ว่าเขาขโมยเบอร์โทร เธอบุกไปเผชิญหน้าและเปิดโปงนิสัยเจ้าชู้ของเขาต่อหน้าคนอื่น แสดงถึงความมั่นใจและไม่กลัวที่จะปกป้องตัวเอง ความตรงไปตรงมาของเธอเป็นทั้งจุดเด่นและจุดที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในเรื่อง
แม้จะเจออุปสรรคจาก แม่เค็ม (สุนิสา เจทท์) ที่ดูถูกและขัดขวางความรักของเธอกับอาตี้ มุ่ยไม่เคยยอมแพ้ เธอแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งในการยืนหยัดเพื่อตัวเองและความรัก เธอมีด้านที่อดทนต่อคำดูถูกเรื่องฐานะและภูมิหลัง แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายศักดิ์ศรีของเธอเกินไป
มุ่ยมีด้านที่อ่อนหวานและน่ารัก โดยเฉพาะในฉากที่เธอเริ่มเปิดใจให้อาตี้ เธอแสดงความรักแบบเรียบง่ายแต่จริงใจ เช่น การดูแลหรือห่วงใยเขาในแบบที่ไม่หวือหวาแต่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความเป็นลูกทุ่งของเธอ เช่น การพูดสำเนียงบ้านๆ หรือการใช้ชีวิตแบบติดดิน เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวละครนี้ดูมีชีวิตชีวาและน่าถนอม
ตลอดเรื่อง มุ่ยเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับโลกของอาตี้บ้าง โดยไม่ทิ้งตัวตนของตัวเอง เธอพัฒนาจากสาวลูกทุ่งที่ไม่ไว้ใจหนุ่มเมือง มาเป็นคนที่ยอมรับและเข้าใจความรักที่แตกต่าง เธอยังพิสูจน์ให้ครอบครัวของอาตี้เห็นว่า ความดีและความจริงใจของเธอมีค่ามากกว่าฐานะทางสังคม
บุคลิกภาพภายนอก
การแต่งตัว มุ่ยมักใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายสไตล์ลูกทุ่ง เช่น เสื้อผ้าสีสดใสหรือชุดพื้นบ้านที่ไม่หรูหรา สะท้อนความเป็นสาวบ้านนอกที่ไม่สนใจแฟชั่นมากนัก แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบธรรมชาติ
ท่าทาง เธอมีท่าทางที่ดูมั่นคงและเป็นกันเอง เดินเหินแบบไม่ประดิษฐ์ และมีรอยยิ้มที่สดใสเป็นเอกลักษณ์
น้ำเสียง มุ่ยพูดด้วยสำเนียงลูกทุ่งที่ฟังแล้วน่ารักและจริงใจ บางครั้งก็มีน้ำเสียงดุๆ ตอนเถียงกับอาตี้ แต่ในฉากหวานจะนุ่มนวลขึ้น
ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับอาตี้: เริ่มจากความไม่ลงรอยกัน แต่กลายเป็นคู่รักที่เติมเต็มกัน มุ่ยสอนให้อาตี้เห็นคุณค่าของความจริงใจ ขณะที่อาตี้นำความสนุกและมุมมองใหม่ๆ มาให้เธอ
กับแม่เค็ม: เป็นคู่ขัดแย้งหลัก เพราะแม่เค็มดูถูกมุ่ยว่าไม่คู่ควรกับลูกชาย แต่สุดท้ายมุ่ยพิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับ
กับเพื่อน: มุ่ยมีเพื่อนที่คอยสนับสนุนและเป็นสะพานเชื่อมให้เธอได้เจอกับอาตี้ในบางโอกาส ซึ่งช่วยขับเน้นความเป็นคนมีมิตรภาพของเธอ
การแสดงของเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ
เจนี่ ถ่ายทอดบทมุ่ยได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอทำให้ตัวละครนี้ดูมีชีวิตด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ทั้งความสดใส ความเข้มแข็ง และความอ่อนโยน เจนี่ใส่เสน่ห์ของสาวลูกทุ่งเข้าไปได้อย่างไม่เคอะเขิน การพูดสำเนียงลูกทุ่งของเธอฟังแล้วลื่นหูและน่ารัก ส่วนฉากดราม่าที่ต้องเผชิญหน้ากับแม่เค็มหรือเสียใจจากความเข้าใจผิด เธอก็แสดงอารมณ์ได้ถึงใจ ทำให้คนดูเอาใจช่วย
→ วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย รับบท สหโชค

สหโชค (หมอโชค) คือตัวละครสมทบที่เปรียบเสมือนเครื่องปรุงรสของ “สะใภ้ลูกทุ่ง” เขานำความสนุก ความตลก และความอบอุ่นแบบเพื่อนแท้มาเติมเต็มเรื่องราว คาแรกเตอร์ของเขาเป็นหมอหนุ่มที่ทั้งกวน ทั้งจงรักภักดี และไม่มีพิษภัย ทำให้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องและสร้างรอยยิ้มให้คนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง
หมอโชคเป็นเพื่อนสนิทของ อาติยะ (อาตี้) (กฤษฎา พรเวโรจน์) และเป็นหมอหนุ่มที่มีบุคลิกขี้เล่นและร่าเริง เขามักปรากฏตัวในฐานะที่ปรึกษาความรักของอาตี้ และเป็นคนที่คอยช่วยเหลือหรือยุ่งวุ่นวายในชีวิตของเพื่อน ในฐานะหมอ เขามีภาพลักษณ์ที่ดูน่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่เคร่งขรึมเกินไป ทำให้เป็นตัวละครที่เข้าถึงง่าย
หมอโชคเป็นตัวละครที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเรื่อง เขามักมีมุกตลกหรือพฤติกรรมกวนๆ ที่ทำให้สถานการณ์ในเรื่องดูวุ่นวายขึ้น เช่น การแซวอาตี้เรื่องความเจ้าชู้ หรือการเข้าไปพัวพันกับแผนการจีบ มุ่ย (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) ของอาตี้บางครั้งเขาก็ทำตัวเป็นตัวป่วนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเพิ่มความคอมเมดี้ให้กับละคร
แม้จะขี้เล่น แต่หมอโชคเป็นเพื่อนที่จริงใจและพร้อมช่วยเหลืออาตี้ในยามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเรื่องความรัก หรือช่วยแก้สถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงจากความเข้าใจผิด เขามักเป็นคนที่คอยผลักดันให้อาตี้กล้าทำตามหัวใจ และสนับสนุนความสัมพันธ์ของอาตี้กับมุ่ย
ในบางฉาก หมอโชคมีโมเมนต์ที่แสดงถึงความสนใจในความรักของตัวเองบ้าง (อาจมีเส้นเรื่องย่อยกับตัวละครหญิงอื่น) แต่บทของเขาไม่ได้เน้นหนักในส่วนนี้ เพราะจุดเด่นอยู่ที่การเป็นตัวสนับสนุนพระเอกมากกว่า ความโรแมนติกของเขามักถูกนำเสนอแบบขำๆ หรือเป็นมุกเสริมมากกว่าที่จะจริงจัง
หมอโชคไม่ใช่ตัวร้ายหรือตัวขัดแย้ง เขาเป็นตัวละครที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมหรือเจตนาไม่ดีต่อใคร ทำให้คนดูรู้สึกเอ็นดูและชอบในความใสซื่อผสมความกวนของเขา
บุคลิกภาพภายนอก
การแต่งตัว ในฐานะหมอ หมอโชคมักใส่ชุดที่ดูสะอาดและเรียบร้อย เช่น เสื้อเชิ้ตหรือชุดลำลองที่ไม่หรูหราเกินไป แต่บางฉากที่ออกนอกโรงพยาบาล เขาก็แต่งตัวตามสไตล์หนุ่มเมืองทั่วไป
ท่าทาง เขามีท่าทางที่ดูผ่อนคลายและเป็นกันเอง มักยิ้มแย้มหรือทำท่าทางขี้เล่น เช่น ยักคิ้วหรือแซวเพื่อน
น้ำเสียง น้ำเสียงของหมอโชคมักจะเบิกบานและมีจังหวะขี้เล่น แต่ก็ปรับเป็นจริงจังได้ในฉากที่ต้องให้คำแนะนำ
ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับอาตี้: เป็นเพื่อนคู่หูที่รู้ใจกัน หมอโชคมักแซวและช่วยเหลืออาตี้ในเรื่องความรัก โดยเฉพาะตอนที่อาตี้เริ่มจริงจังกับมุ่ย
กับมุ่ย: เขาไม่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับมุ่ยมากนัก แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้อาตี้และมุ่ยได้ใกล้ชิดกัน เช่น การชวนไปเดตนัดบอดหรือช่วยเคลียร์ความเข้าใจผิด
กับตัวละครสมทบอื่น: หมอโชคมักเป็นตัวเชื่อมระหว่างกลุ่มเพื่อนของอาตี้ เช่น อาร์ต (ยิ่งใหญ่ อายะนันท์) ทำให้เกิดฉากสนุกๆ ร่วมกัน
การแสดงของวรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย
วรฤทธิ์ (หรืออนุสรณ์) ถ่ายทอดบทหมอโชคได้อย่างมีเสน่ห์ เขาทำให้ตัวละครนี้ดูมีชีวิตชีวาด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติและขี้เล่น การพูดจาและท่าทางของเขาช่วยเสริมให้หมอโชคเป็นตัวละครที่คนดูจำได้และเอ็นดู เขาเก่งในการเล่นคอมเมดี้แบบไม่หักโหมเกินไป ทำให้หมอโชคเป็นตัวละครที่ลงตัวในฐานะเพื่อนพระเอก ไม่แย่งซีนแต่ก็ไม่จืดชืด
→ สุนิสา เจทท์ รับบท ช่อประยงค์ ( เค็ม )

ช่อประยงค์ (เค็ม) คือตัวละครที่เปรียบเสมือน “เกลือ” ของเรื่อง เค็มสมชื่อทั้งนิสัยและการกระทำ เธอเป็นแม่ที่หวงลูกและมีอคติ แต่ถูกนำเสนอในแบบที่ตลกและน่าจดจำ คาแรกเตอร์ของเธอผสมผสานความเข้มงวด ความป่วน และความรักแบบผิดๆ ได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นตัวร้ายที่คนดูทั้งเกลียดทั้งรัก และเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนความสนุกของ “สะใภ้ลูกทุ่ง”
เค็ม เป็นแม่ของ อาติยะ (อาตี้) (กฤษฎา พรเวโรจน์) มีนิสัยหวงลูกชายมากและต้องการควบคุมชีวิตของเขา โดยเฉพาะเรื่องความรัก เธอมองว่าตัวเองรู้ดีที่สุดว่าอะไรเหมาะสมกับลูก เธอเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ชอบวางแผนและสั่งการทุกอย่างในบ้าน รวมถึงพยายามจับคู่ให้อาตี้แต่งงานกับสาวไฮโซที่เธอเห็นว่าเหมาะสม
เค็มมีทัศนคติที่ดูถูกคนที่มีฐานะต่ำกว่า โดยเฉพาะ มุ่ย (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) ที่เป็นสาวลูกทุ่ง เธอมองว่ามุ่ยไม่คู่ควรกับลูกชายของเธอ เพราะมาจากครอบครัวธรรมดาและไม่มีมารยาทแบบคนเมืองในสายตาเธอ ความอคติของเธอเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของความขัดแย้งในเรื่อง ทำให้เกิดดราม่าและสถานการณ์ที่ทั้งตลกและน่าหงุดหงิด
แม้จะเป็นตัวร้ายในแง่ของการขัดขวางความรักของพระนาง แต่เค็มถูกนำเสนอในแบบที่ตลกและน่าหมั่นไส้มากกว่าที่จะน่ากลัว การวางแผนของเธอมักออกมาในรูปแบบที่เกินจริงหรือดูเว่อร์ เช่น การจ้างคนมาสร้างความเข้าใจผิด หรือการพูดจาดูถูกมุ่ยแบบไม่ไว้หน้า ความเค็มสมชื่อของเธอ (ทั้งนิสัยและคำพูด) ทำให้คนดูทั้งขำทั้งโมโหไปพร้อมกัน
ภายใต้ความเข้มงวดและอคติ เค็มมีความรักและห่วงใยอาตี้ในแบบของเธอ เธอเชื่อว่าสิ่งที่ทำคือการปกป้องลูกชายจากอนาคตที่ไม่มั่นคง แม้วิธีการของเธอจะทำให้คนดูรู้สึกว่าเธอเข้าใจผิดก็ตาม ในตอนท้าย เธอมีการพัฒนาคาแรกเตอร์เล็กน้อย เมื่อยอมรับมุ่ยหลังจากเห็นความจริงใจและความรักที่ลูกชายมีต่อเธอ
เค็มไม่ใช่แค่ตัวประกอบธรรมดา แต่เป็นตัวละครที่ขโมยซีนได้บ่อยๆ ด้วยคำพูดและการกระทำที่เกินคาดเดา เธอเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ละครมีสีสันและไม่น่าเบื่อ
บุคลิกภาพภายนอก
การแต่งตัว เค็มมักแต่งตัวแบบคุณนายเมืองกรุง เสื้อผ้าสีฉูดฉาดหรือชุดที่ดูหรูหรา สะท้อนฐานะและความต้องการให้คนอื่นยอมรับในสถานะของเธอ
ท่าทาง เธอมีท่าทางที่ดูหยิ่งและมั่นใจ เดินตัวตรง ชี้นิ้วสั่งการ และมีสีหน้าแสดงอารมณ์ชัดเจน เช่น ตาโตหรือขมวดคิ้วตอนไม่พอใจ
น้ำเสียง น้ำเสียงของเค็มมักแหลมและแข็งกร้าว โดยเฉพาะตอนด่าหรือดูถูกมุ่ย แต่ก็มีจังหวะตลกที่ทำให้ฟังแล้วขำ
ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับอาตี้: เป็นแม่ที่ทั้งรักทั้งควบคุม เธอพยายามกำหนดชีวิตของอาตี้ แต่สุดท้ายต้องยอมรับการตัดสินใจของเขา
กับมุ่ย: เป็นคู่ขัดแย้งหลัก เค็มเกลียดมุ่ยและมองว่าเธอเป็นภัยต่อครอบครัว แต่ในตอนท้ายก็ยอมรับเธออย่างไม่เต็มใจนัก
กับสามี : เธอมักเป็นฝ่ายคุมเกมในบ้าน ส่วนสามีมีบทบาทน้อยกว่าและมักยอมตามเธอ
การแสดงของสุนิสา เจทท์
สุนิสา เจทท์ ถ่ายทอดบทเค็มได้อย่างยอดเยี่ยม เธอทำให้ตัวละครนี้ทั้งน่าหมั่นไส้และน่าขำในเวลาเดียวกัน การแสดงของเธอเต็มไปด้วยพลัง ทั้งสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงที่ลงตัวกับคาแรกเตอร์คุณนายจอมวางแผน เธอเก่งในการเล่นบทตลกแบบไม่ต้องพยายามมาก และยังใส่อารมณ์ดราม่าได้ในฉากที่เค็มต้องยอมจำนนต่อความรักของลูกชาย ทำให้เค็มเป็นตัวละครที่คนดูจำได้แม่น
→ นิธิ สมุทรโคจร รับบท อาสนะ ( อ้าด )

อาสนะ (อ้าด) คือตัวละครกะเทยที่ทั้งตลก แสบซน และจงรักภักดีต่อเพื่อน เขาเป็นเพื่อนสนิทของอาตี้ที่คอยสร้างสีสันด้วยมุกตลกและท่าทางที่เกินจริง คาแรกเตอร์ของอ้าดอาจดูเป็น stereotype ของตัวละครกะเทยในละครไทยยุคนั้น แต่ก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่ารักและลงตัวผ่านการแสดงของ นิธิ สมุทรโคจร ทำให้เป็นตัวละครสมทบที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและสร้างรอยยิ้มให้คนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง
อ้าดเป็นตัวละครที่นำเสนอในฐานะกะเทย และเป็นเพื่อนสนิทของ อาติยะ (อาตี้) (กฤษฎา พรเวโรจน์) เขามักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเพื่อนของอาตี้ ร่วมกับ หมอโชค (วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย) คาแรกเตอร์ของอ้าดถูกออกแบบให้มีความเป็น “กะเทยปากร้าย” ที่พูดจาตรงไปตรงมาและมีสีสัน มักเป็นตัวชงมุกหรือสร้างความครึกครื้นในกลุ่ม
อ้าดมีบุคลิกขี้เล่นและแสบซน เขามักพูดจาแซวเพื่อนๆ โดยเฉพาะอาตี้ ด้วยมุกตลกที่แฝงความประชดประชันหรือเสียดสีเบาๆ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เข้ากับโทนคอมเมดี้ของละคร การแสดงออกของเขามักเกินจริง (over-the-top) เช่น การทำท่าทางประกอบหรือพูดด้วยน้ำเสียงที่เว่อร์วัง เพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากคนดู
แม้จะปากร้ายและดูเหมือนไม่จริงจัง แต่ลึกๆ แล้วอ้าดเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์และคอยสนับสนุนอาตี้ โดยเฉพาะในเรื่องความรักกับ มุ่ย (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) เขามักให้คำแนะนำแบบกวนๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความหวังดี บางฉาก เขาก็ช่วยคลายปมหรือแก้สถานการณ์ให้อาตี้ด้วยวิธีที่ไม่คาดคิด
ในบริบทของละครไทยยุค 2000s อ้าดเป็นตัวละครที่สะท้อนความหลากหลายทางเพศในแบบที่นิยมในสมัยนั้น ซึ่งมักถูกนำเสนอในมุมตลกขบขันมากกว่าความจริงจัง เขาเป็นตัวละครที่ช่วยให้เรื่องมีมิติและไม่น่าเบื่อ
บุคลิกภาพภายนอก
การแต่งตัว อ้าดมักแต่งตัวในสไตล์ที่สะท้อนความเป็นกะเทย เช่น เสื้อผ้าสีสันสดใสหรือมีลูกเล่นเยอะ บางครั้งอาจมีการแต่งหน้าเบาๆ หรือทำผมที่ดูจัดจ้าน เพื่อเน้นความเป็นตัวละครที่เด่นสะดุดตา
ท่าทาง เขามีท่าทางที่พลิ้วไหวและเกินจริง เช่น การสะบัดผม เดินโยกย้าย หรือชี้หน้าพูดจาด้วยท่าทีมั่นใจ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตัวละครกะเทยในละครไทยยุคนั้น
น้ำเสียง น้ำเสียงของอ้าดมักสูงและมีจังหวะที่ชัดเจน พูดจาฉะฉานและมีลูกเล่น เช่น การยืดเสียงหรือเน้นคำเพื่อความตลก
ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับอาตี้: เป็นเพื่อนสนิทที่คอยแซวและช่วยเหลือ อ้าดมักเป็นคนที่รู้ทันนิสัยเจ้าชู้ของอาตี้ และบางครั้งก็ช่วยดึงสติหรือผลักดันให้เขาไปในทางที่ถูกต้อง
กับหมอโชค: ทั้งคู่เป็นคู่หูในกลุ่มเพื่อนของอาตี้ มักปรากฏตัวพร้อมกันและสร้างความป่วนในฉากหมู่
กับมุ่ย: อ้าดไม่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับมุ่ยมากนัก แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ความรักของอาตี้และมุ่ยดำเนินไปได้ผ่านการสนับสนุนหรือการยุ่งวุ่นวาย
การแสดงของนิธิ สมุทรโคจร
นิธิ สมุทรโคจร (จ๊อบ) นำเสนอบทอ้าดได้อย่างมีชีวิตชีวา เขาใส่ความเป็นตัวเองในแบบที่ขี้เล่นและเป็นธรรมชาติลงไปในตัวละคร ทำให้อ้าดไม่ใช่แค่ตัวประกอบธรรมดา แต่เป็นตัวละครที่คนดูจำได้ การแสดงของเขามีจุดเด่นที่การใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่เกินจริง ซึ่งเข้ากับโทนคอมเมดี้ของละคร และทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่เติมเต็มความสนุกของเรื่อง
→ ดวงตา ตุงคะมณี รับบท จิตอนงค์

จิตอนงค์ คือตัวละครแม่ลูกทุ่งที่เปี่ยบเสมือนแสงสว่างในชีวิตของมุ่ย เธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน เรียบง่าย และจิตใจดี คอยสนับสนุนลูกสาวให้ก้าวผ่านอุปสรรคในความรัก คาแรกเตอร์ของเธออาจไม่ซับซ้อนหรือเด่นสะดุดตาเหมือนตัวละครอื่น แต่เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นและความสมดุลให้กับ “สะใภ้ลูกทุ่ง” ผ่านการแสดงที่ละเมียดละไมของ ดวงตา ตุงคะมณี
จิตอนงค์ เป็นแม่ของ สมวิญญา (มุ่ย) (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) เธอเป็นตัวละครที่สะท้อนภาพของแม่ลูกทุ่งที่อบอุ่น ใจดี และเข้าใจลูกสาว เธอคอยเป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจมุ่ยในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรค โดยเฉพาะเรื่องความรักกับ อาติยะ (อาตี้) (กฤษฎา พรเวโรจน์) เธอเป็นตัวแทนของครอบครัวชนบทที่เรียบง่ายและมีชีวิตติดดิน
จิตอนงค์มีนิสัยอ่อนโยนและเมตตา เธอไม่ใช่ตัวละครที่ดุหรือเข้มงวด แต่แสดงออกถึงความรักและห่วงใยลูกสาวในแบบที่เป็นธรรมชาติ เธอมักพูดจานุ่มนวลและให้คำแนะนำที่มาจากประสบการณ์ชีวิต เธอเป็นคนที่ยอมรับสถานการณ์และไม่ตัดสินคนอื่นง่ายๆ ซึ่งแตกต่างจาก ช่อประยงค์ (เค็ม) ที่มีอคติต่อมุ่ย
แม้จะไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่จิตอนงค์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนมุ่ยให้ยืนหยัดในความรัก เธอเป็นเหมือนจุดยึดทางอารมณ์ของมุ่ย โดยเฉพาะในช่วงที่มุ่ยถูกดูถูกหรือเผชิญปัญหาจากครอบครัวของอาตี้ เธออาจมีฉากที่ให้คำแนะนำหรือปลอบโยนมุ่ย ซึ่งช่วยให้คนดูเห็นมิติของความสัมพันธ์แม่ลูกที่อบอุ่น
ในฐานะแม่ลูกทุ่ง จิตอนงค์มีวิถีชีวิตที่สมถะ ไม่ฟุ่มเฟือย และมักสะท้อนถึงค่านิยมของคนชนบทที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวและความซื่อสัตย์ เธอเป็นตัวละครที่ไม่มีความทะเยอทะยานหรือความขัดแย้งใดๆ ทำให้เป็นจุดสมดุลของเรื่อง
บุคลิกภาพภายนอก
การแต่งตัว:จิตอนงค์มักใส่เสื้อผ้าแบบเรียบง่ายตามสไตล์คนบ้านนอก เช่น ชุดผ้าฝ้ายหรือเสื้อผ้าสีพื้นๆ ที่ไม่ฉูดฉาด สะท้อนความเป็นแม่ลูกทุ่งที่ติดดิน
ท่าทาง เธอมีท่าทางที่สงบและนุ่มนวล เดินเหินแบบไม่รีบร้อน และมักมีสีหน้าที่อ่อนโยนหรือยิ้มแย้มเมื่ออยู่กับลูกสาว
น้ำเสียง น้ำเสียงของจิตอนงค์นุ่มนวลและอบอุ่น มีสำเนียงลูกทุ่งที่ฟังแล้วรู้สึกถึงความจริงใจและความเป็นกันเอง
ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับมุ่ย: เป็นแม่ที่รักและเข้าใจลูกสาว เธอคอยให้คำแนะนำและเป็นที่พึ่งของมุ่ยในยามที่ต้องเผชิญกับความกดดันจากครอบครัวของอาตี้
กับอาตี้: จิตอนงค์อาจมีปฏิสัมพันธ์กับอาตี้ในบางฉาก โดยเฉพาะเมื่อเขามาหามุ่ยที่บ้าน เธอมักแสดงท่าทีที่เป็นมิตรและเปิดใจรับเขาในฐานะคนที่ลูกสาวรัก
กับช่อประยงค์ (เค็ม): ทั้งสองอาจไม่ได้เผชิญหน้ากันโดยตรงบ่อยนัก แต่เป็นตัวแทนของโลกที่แตกต่างกัน—จิตอนงค์คือความเรียบง่ายและยอมรับ ส่วนเค็มคือความเย่อหยิ่งและอคติ
การแสดงของดวงตา ตุงคะมณี
ดวงตา ตุงคะมณี นักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีประสบการณ์สูง ถ่ายทอดบทจิตอนงค์ได้อย่างอบอุ่นและสมจริง เธอทำให้ตัวละครนี้ดูเป็นแม่ที่คนดูรู้สึกผูกพันและเห็นใจ การแสดงของเธอเน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่หวือหวา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก เธอเก่งในการใช้สายตาและน้ำเสียงเพื่อสื่ออารมณ์ความรักของแม่ ทำให้จิตอนงค์เป็นตัวละครที่ดูน่าเชื่อถือและน่าจดจำ แม้จะมีบทบาทไม่มาก
→ พรรณชนิดา ศรีสำราญ รับบท ภิรมยา

ภิรมยา คือตัวละครสาวไฮโซที่ถูกวางตัวให้เป็นคู่แข่งในความรักของ อาตี้ และ มุ่ย เธอมีบุคลิกสง่างาม เย่อหยิ่ง และมั่นใจ สะท้อนภาพของผู้หญิงที่ครอบครัวของพระเอกต้องการ แต่ไม่สามารถชนะใจเขาได้ คาแรกเตอร์ของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความตึงเครียดและดราม่าให้กับเรื่อง ผ่านการแสดงที่ลงตัวของ พรรณชนิดา ศรีสำราญ ทำให้ภิรมยาเป็นตัวละครสมทบที่เด่นในบทบาทของตัวเอง
สาวไฮโซที่ถูกวางตัวให้เป็นคู่ของอาตี้ ภิรมยาเป็นหญิงสาวที่มีฐานะดี มีการศึกษาสูง และอยู่ในวงสังคมชั้นสูง เธอถูก ช่อประยงค์ (เค็ม) แม่ของ อาติยะ (อาตี้) (กฤษฎา พรเวโรจน์) เลือกให้เป็นคู่ครองที่เหมาะสมกับลูกชาย ด้วยความหวังว่าจะช่วยรักษาภาพลักษณ์และสถานะของครอบครัว เธอมีบุคลิกที่สง่างามและมั่นใจ สะท้อนถึงการถูกเลี้ยงดูมาในแบบคุณหนู
ภิรมยามีบทบาทเป็นตัวขัดขวางความรักระหว่างอาตี้และ สมวิญญา (มุ่ย) (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) เธอถูกผลักดันจากแม่เค็มให้เข้ามาเป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์ของพระนาง แม้ว่าเธออาจไม่ได้มีเจตนาร้ายโดยตรง แต่สถานะและความคาดหวังจากครอบครัวทำให้เธอกลายเป็น “ตัวร้าย” ในสายตาคนดู เธออาจมีความรู้สึกดีๆ ต่ออาตี้จริง แต่ไม่ถึงขั้นลงลึกในความรักมากนัก เพราะบทของเธอเน้นที่การถูกใช้เป็นเครื่องมือมากกว่าการพัฒนาความสัมพันธ์
ภิรมยามีทัศนคติที่ดูถูกมุ่ยเล็กน้อย เนื่องจากมองว่าเธอเป็นแค่สาวลูกทุ่งที่ไม่มีอะไรเทียบได้กับตัวเอง ทั้งด้านฐานะ การศึกษา และมารยาท ซึ่งสอดคล้องกับความคิดของแม่เค็มที่เห็นมุ่ยเป็นคนต่ำต้อย บุคลิกนี้ทำให้เธอเป็นตัวละครที่คนดูอาจรู้สึกหมั่นไส้ แต่ก็เข้าใจได้ว่าเธอถูกเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง
ภิรมยาไม่ใช่ตัวละครหลักที่มีพัฒนาการมากนัก เธอปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับแผนการของแม่เค็มเป็นส่วนใหญ่ เช่น การถูกชวนไปงานเลี้ยงเพื่อให้อาตี้สนใจ หรือการเผชิญหน้ากับมุ่ยเพื่อสร้างความเข้าใจผิด แม้บทจะไม่เยอะ แต่เธอก็มีส่วนช่วยขับเคลื่อนพล็อตให้เกิดความตึงเครียดในความรักของอาตี้และมุ่ย
บุคลิกภาพภายนอก
การแต่งตัว ภิรมยามักแต่งตัวสวยงามตามแบบสาวไฮโซ เช่น ชุดเดรสทันสมัยหรือเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา ซึ่งตัดกับความเรียบง่ายของมุ่ยอย่างชัดเจน
ท่าทาง เธอมีท่าทางที่สง่าและมั่นใจ เดินตัวตรง และแสดงออกถึงความเป็นผู้ดีด้วยกิริยาที่เรียบร้อยแต่แฝงความเย่อหยิ่ง
น้ำเสียง น้ำเสียงของภิรมยามักชัดเจนและมีระดับ พูดจาด้วยสำเนียงคนเมืองที่ดูมีการศึกษา
ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับอาตี้: ภิรมยาถูกวางตัวให้เป็นคู่ที่เหมาะสมกับอาตี้ในสายตาแม่เค็ม เธออาจพยายามเข้าหาเขา แต่ไม่ได้รับความสนใจจากอาตี้มากนัก เพราะหัวใจของเขาอยู่ที่มุ่ย
กับมุ่ย: เป็นคู่แข่งโดยปริยาย ภิรมยามองมุ่ยเป็นคนที่ต่ำกว่าและไม่คู่ควรกับอาตี้ ซึ่งอาจมีฉากปะทะกันเล็กน้อยเพื่อเน้นความแตกต่าง
กับช่อประยงค์ (เค็ม): เธอเป็นเหมือนเครื่องมือของแม่เค็มในการขัดขวางความรักของอาตี้และมุ่ย มีความสัมพันธ์แบบผู้ถูกชักนำมากกว่าที่จะริเริ่มเอง
การแสดงของพรรณชนิดา ศรีสำราญ
พรรณชนิดา ศรีสำราญ (แพง) ถ่ายทอดบทภิรมยาได้อย่างเหมาะสม เธอแสดงถึงความเป็นสาวไฮโซที่มีความมั่นใจและเย่อหยิ่งได้ดี ด้วยการใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่ดูมีระดับ การแสดงของเธอช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือในฐานะคู่แข่งของนางเอก แม้บทจะไม่เยอะ แต่เธอก็สามารถทำให้ภิรมยาเป็นตัวละครที่คนดูจำได้ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับมุ่ยหรือถูกแม่เค็มผลักดัน
→ ปณิตา พัฒนาหิรัญ รับบท สุชาวดี

สุชาวดี คือตัวละครเพื่อนสนิทของมุ่ยที่เปี่ยบเสมือนแสงสว่างในกลุ่ม เธอมีบุคลิกสดใส ร่าเริง และจงรักภักดี คอยสนับสนุนและช่วยเหลือมุ่ยในทุกสถานการณ์ คาแรกเตอร์ของเธออาจไม่ซับซ้อนหรือมีมิติลึกซึ้ง แต่เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มความสนุกและความอบอุ่นให้กับ “สะใภ้ลูกทุ่ง” ผ่านการแสดงที่ลงตัวของ ปณิตา พัฒนาหิรัญ
เพื่อนสนิทของมุ่ย สุชาวดี เป็นเพื่อนสนิทของ สมวิญญา (มุ่ย) (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) เธอมีบทบาทเป็นตัวละครที่คอยอยู่เคียงข้างมุ่ยในฐานะคนใกล้ชิด และช่วยเชื่อมโยงเหตุการณ์ในเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่มุ่ยต้องเผชิญกับความรักและอุปสรรคจากครอบครัวของ อาติยะ (อาตี้) (กฤษฎา พรเวโรจน์) เธอเป็นตัวแทนของมิตรภาพที่แท้จริงในชีวิตของมุ่ย
สุชาวดีมีนิสัยร่าเริง สดใส และเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี เธอมักนำพาความสนุกและความเบิกบานมาสู่ฉากที่เธอปรากฏตัว ทำให้เป็นตัวละครที่ช่วยคลายความตึงเครียดจากดราม่าในเรื่อง เธออาจมีมุมขี้เล่นหรือพูดจาตรงไปตรงมาในแบบที่เป็นกันเอง ซึ่งเข้ากับโทนคอมเมดี้ของละคร
สุชาวดีมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพล็อต เช่น การชวนมุ่ยไปเดตนัดบอด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มุ่ยได้พบกับอาตี้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เธอเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงตัวละครหลักเข้าด้วยกัน บทบาทของเธออาจไม่ซับซ้อน แต่ช่วยให้เรื่องราวดำเนินไปได้อย่างลื่นไหล
ในฐานะเพื่อนสนิท สุชาวดีคอยให้กำลังใจมุ่ยในยามที่เธอต้องเผชิญกับคำดูถูกจาก ช่อประยงค์ (เค็ม) (มยุรา ธนะบุตร) หรือความเข้าใจผิดในความรัก เธอเป็นคนที่ยืนหยัดเคียงข้างมุ่ยและสนับสนุนให้เธอสู้เพื่อความรัก เธออาจมีฉากที่ให้คำแนะนำหรือช่วยมุ่ยแก้ปัญหาด้วยวิธีที่เรียบง่ายแต่ได้ผล
บุคลิกภาพภายนอก
การแต่งตัว สุชาวดีมักแต่งตัวในสไตล์ที่เรียบง่ายแต่มีสีสัน สะท้อนความเป็นสาวลูกทุ่งที่มีชีวิตชีวา อาจไม่ต่างจากมุ่ยมากนัก แต่มีลูกเล่นที่แสดงถึงความร่าเริงของเธอ
ท่าทาง เธอมีท่าทางที่คล่องแคล่วและเป็นกันเอง มักยิ้มแย้มหรือแสดงท่าทางที่ดูมีพลัง เพื่อเน้นบุคลิกที่สดใส
น้ำเสียง น้ำเสียงของสุชาวดีมักเบิกบานและมีจังหวะที่ฟังแล้วรู้สึกถึงความเป็นมิตร อาจมีสำเนียงลูกทุ่งเล็กน้อยที่เข้ากับตัวละคร
ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น
กับมุ่ย: เป็นเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจ สุชาวดีเป็นคนที่มุ่ยไว้ใจและพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่อง
กับอาตี้: เธอมีปฏิสัมพันธ์กับอาตี้ในฐานะคนที่รู้จักผ่านมุ่ย และอาจแซวหรือช่วยผลักดันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในบางโอกาส
กับตัวละครสมทบอื่น: สุชาวดีมีฉากที่ร่วมกับกลุ่มเพื่อนของมุ่ยหรือตัวละครอื่นๆ เพื่อสร้างความครึกครื้นในเรื่อง
การแสดงของปณิตา พัฒนาหิรัญ
ปณิตา พัฒนาหิรัญ (นาเดีย) ถ่ายทอดบทสุชาวดีได้อย่างน่ารักและเป็นธรรมชาติ เธอทำให้ตัวละครนี้ดูมีชีวิตชีวาด้วยการแสดงที่สดใสและมีพลัง การพูดจาและท่าทางของเธอช่วยเสริมให้สุชาวดีเป็นเพื่อนที่น่าอยู่ด้วย แม้จะเป็นบทสมทบ เธอก็สามารถสร้างความประทับใจในฉากที่ปรากฏตัว ด้วยการแสดงที่ไม่เกินจริงแต่เข้ากับโทนของละครได้ดี