ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551 หนุ่มเพลย์บอยลูกคุณหนูที่บังเอิญเจอ สาวลูกทุ่งจิตใจดี ทั้งคู่เริ่มจากความขัดแย้ง แต่พัฒนาเป็นความรักท่ามกลางอุปสรรคจาก แม่ของเขาที่ไม่ยอมรับสาวลูกทุ่งเพราะฐานะต่างกัน สุดท้ายทั้งคู่ฝ่าฟันทุกอย่างจนได้รักสมหวังในบรรยากาศลูกทุ่งผสมเมืองที่สนุกและอบอุ่น

ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551 ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ดราม่า เรื่องราวเริ่มต้นจาก “อาติยะ” หรือ อาตี้ ชายหนุ่มเจ้าสำราญที่ออกเดตกับหญิงสาวมากมาย วันหนึ่งเขาได้พบกับ “สมวิญญา” หรือ มุ่ย หญิงสาวลูกทุ่งที่สวยสะดุดตาในห้องน้ำหญิงโดยบังเอิญ อาตี้ถูกใจในความงามของมุ่ยทันที เขาจึงแกล้งชนเธอเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ หลังจากนั้นมุ่ยรู้ว่าเขาขโมยเบอร์เธอไป จึงบุกไปขัดจังหวะเดตของอาตี้เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมเจ้าชู้ของเขา

เส้นทางของทั้งคู่มาบรรจบกันอีกครั้งเมื่อเพื่อนร่วมงานของมุ่ยชวนเธอไปเดตแบบนัดบอด ซึ่งคู่เดตของเพื่อนคนนั้นดันเป็นเพื่อนของอาตี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มต้นจากความขัดแย้งและการปะทะคารม แต่เมื่อได้รู้จักกันมากขึ้น อาตี้เริ่มหลงใหลในความจริงใจและเสน่ห์แบบลูกทุ่งของมุ่ย ส่วนมุ่ยเองก็ค่อยๆ เห็นความดีในตัวอาตี้ที่ซ่อนอยู่ใต้ภาพลักษณ์ของเพลย์บอย

ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของอาตี้ โดยเฉพาะ “ช่อประยงค์” หรือ เค็ม แม่ของเขา ไม่ปลื้มมุ่ยเพราะเห็นว่าเธอเป็นเพียงสาวบ้านนอกที่ไม่เหมาะสมกับลูกชายที่มีฐานะดี เรื่องราวจึงเต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งจากความแตกต่างทางชนชั้น ความเข้าใจผิด และการต่อสู้เพื่อพิสูจน์รักแท้ของทั้งคู่ ท่ามกลางมุกตลกและสถานการณ์ชวนหัวที่ทำให้ละครมีสีสัน

สุดท้าย อาตี้และมุ่ยต้องฝ่าฟันบททดสอบต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่ารักของพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะอคติและกำแพงทางสังคมได้หรือไม่ เรื่องราวจบลงด้วยการยอมรับจากครอบครัวและความรักที่สมหวัง

ตัวละครหลัก
อาติยะ (อาตี้) (กฤษฎา พรเวโรจน์) – ชายหนุ่มเจ้าสำราญที่เปลี่ยนตัวเองเพื่อรักแท้
สมวิญญา (มุ่ย) (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) – หญิงสาวลูกทุ่งที่จิตใจดีและมั่นคง
ช่อประยงค์ (เค็ม) (สุนิสา เจทท์) – แม่ของอาตี้ที่คอยขัดขวางความรักของลูกชาย
อาสนะ (อาร์ต) (นิธิ สมุทรโคจร) – เพื่อนของอาตี้
สหโชค (หมอโชค) (วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย) – ตัวละครสนับสนุนที่เพิ่มสีสันให้เรื่อง

เพลงประกอบ
เพลง “ที่คิดถึง…เพราะรักเธอใช่ไหม” ขับร้องโดย โบว์ลิ่ง มานิดา

ละครเรื่องนี้ผสมผสานความสนุกสนานแบบคอมเมดี้เข้ากับดราม่าความรักได้อย่างลงตัว สะท้อนภาพความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรมระหว่างเมืองและชนบทในแง่มุมที่เบาสมองและอบอุ่นหัวใจ ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องแบบละเอียด

การพบกันแบบบังเอิญ
อาติยะ หรือ อาตี้ (มาร์ท – กฤษฎา พรเวโรจน์) เป็นหนุ่มเพลย์บอยลูกคุณหนูที่ชอบออกเดตกับสาวสวยหลายคน วันหนึ่งเขาไปเจอ สมวิญญา หรือ มุ่ย (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์) สาวลูกทุ่งจากต่างจังหวัดที่บังเอิญมาเจอกันในห้องน้ำหญิงตอนที่มุ่ยแต่งหน้า อาตี้หลงใหลในความสวยแบบธรรมชาติของเธอทันที

อาตี้แกล้งชนมุ่ยเพื่อขโมยเบอร์โทรจากกระเป๋าเธอ มุ่ยรู้ตัวทีหลังว่าถูกขโมยเบอร์ จึงตามไปเผชิญหน้ากับอาตี้ถึงที่เดตของเขา และเปิดโปงนิสัยเจ้าชู้ต่อหน้าสาวที่เขากำลังจีบ ทำให้อาตี้เสียหน้า แต่ก็ยิ่งสนใจมุ่ยมากขึ้น

ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความขัดแย้ง
ทั้งคู่เจอกันอีกครั้งเมื่อเพื่อนของมุ่ยชวนไปเดตนัดบอด โดยบังเอิญว่าคู่เดตของเพื่อนคือเพื่อนของอาตี้ การเจอกันครั้งนี้เต็มไปด้วยการปะทะคารมและความเข้าใจผิด อาตี้พยายามจีบมุ่ยด้วยวิธีของหนุ่มเมือง แต่กลับถูกมุ่ยตอกกลับด้วยความตรงไปตรงมาแบบลูกทุ่ง

อาตี้เริ่มเห็นเสน่ห์ในความจริงใจและความเป็นตัวของตัวเองของมุ่ย ส่วนมุ่ยก็เริ่มเห็นว่าภายใต้ท่าทางเจ้าสำราญ อาตี้มีด้านที่อบอุ่นและจริงจัง

อุปสรรคจากครอบครัว
ช่อประยงค์ หรือ เค็ม (สุนิสา เจทท์) แม่ของอาตี้ ไม่ชอบมุ่ยตั้งแต่แรกเห็น เพราะมองว่าเธอเป็นสาวบ้านนอก ไม่มีฐานะ ไม่เหมาะกับลูกชายที่เป็นทายาทธุรกิจ แม่เค็มพยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง เช่น จับคู่ให้อาตี้กับสาวไฮโซ หรือสร้างสถานการณ์ให้มุ่ยเสียหน้า

มีตัวละครสมทบอย่าง หมอโชค (วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย) และ อาร์ต (นิธิ สมุทรโคจร) เพื่อนของอาตี้ ที่คอยยุ่งวุ่นวายและเพิ่มความปั่นป่วนในเรื่อง บางครั้งช่วยอาตี้ บางครั้งก็ซ้ำเติมสถานการณ์

จุดเปลี่ยนของความรัก
ความสัมพันธ์ของอาตี้และมุ่ยค่อยๆ พัฒนาขึ้นผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เช่น อาตี้ช่วยมุ่ยจากสถานการณ์ลำบาก หรือมุ่ยแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจเงินทองของเขา แต่รักที่ตัวตนของเขาแท้ๆ มีฉากที่อาตี้ตัดสินใจทิ้งชีวิตเพลย์บอยเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อมุ่ย เช่น เลิกออกเดตกับคนอื่น และพยายามปรับตัวเข้ากับวิถีลูกทุ่งของมุ่ย ซึ่งสร้างความฮาและความประทับใจไปพร้อมกัน

ดราม่าสูงสุด
แม่เค็มวางแผนใหญ่โดยให้สาวไฮโซที่แอบชอบอาตี้มาสร้างความเข้าใจผิด ทำให้มุ่ยคิดว่าอาตี้กลับไปเป็นเพลย์บอยอีกครั้ง มุ่ยเสียใจมากและตัดสินใจถอยห่าง กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านนอก อาตี้ตามไปง้อมุ่ยถึงต่างจังหวัด เกิดฉากดราม่าที่เขาต้องพิสูจน์รักแท้ท่ามกลางความไม่ยอมรับจากคนรอบตัวมุ่ย และเผชิญหน้ากับแม่เค็มที่ตามมาขัดขวางถึงที่

รักสมหวัง
หลังจากผ่านอุปสรรคมากมาย อาตี้แสดงให้เห็นว่าเขารักมุ่ยจริง ไม่สนใจฐานะหรือคำครหา แม่เค็มเห็นความมุ่งมั่นของลูกชายและความดีของมุ่ย จึงยอมใจอ่อนและยอมรับในที่สุด ละครจบด้วยฉากหวานๆ ที่อาตี้และมุ่ยแต่งงานกัน ท่ามกลางการเฉลิมฉลองแบบลูกทุ่งผสมผสานกับความทันสมัยของครอบครัวอาตี้ เป็นการปิดท้ายที่อบอุ่นและมีความสุข

บรรยากาศและจุดเด่น
ละครเน้นความสนุกจากมุกตลกและการปะทะคารมระหว่างอาตี้กับมุ่ย รวมถึงคาแรกเตอร์แม่เค็มที่ทั้งน่ารำคาญและน่าหัวเราะ ดราม่าไม่หนักมาก แต่เน้นการเติบโตของตัวละคร โดยเฉพาะอาตี้ที่เปลี่ยนจากเพลย์บอยมาเป็นคนรักเดียวใจเดียว เพลงประกอบอย่าง เพลง “ที่คิดถึง…เพราะรักเธอใช่ไหม” ขับร้องโดย โบว์ลิ่ง มานิดา ช่วยเสริมอารมณ์ให้เรื่องราวลงตัว

มุมมองทั่วไปของละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551

(จุดเด่น)

เคมีพระนางที่เข้ากันดี
มาร์ท ในบท อาตี้ หนุ่มเพลย์บอยลูกคุณหนู และ เจนี่ ในบท มุ่ย สาวลูกทุ่งจิตใจดี เป็นคู่พระนางที่เคมีลงตัวมาก การปะทะคารมในช่วงแรกสร้างความสนุก ส่วนฉากหวานๆ ในช่วงหลังก็ทำให้คนดูฟินได้ไม่น้อย การที่ทั้งคู่ต้องปรับตัวเข้าหากันจากโลกที่ต่างกัน (เมือง vs ลูกทุ่ง) เป็นจุดที่ทำให้เรื่องน่าติดตาม

ความตลกที่ไม่ฝืด
ละครใส่มุกตลกมาแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะการแสดงของ สุนิสา เจทท์ ในบท แม่เค็ม ที่ทั้งขัดขวางลูกชายและสร้างสถานการณ์ชวนหัวเราะได้ตลอด บวกกับตัวละครสมทบอย่าง หมอโชค และ อาร์ต ที่เพิ่มสีสันให้เรื่องไม่น่าเบื่อ

สะท้อนความต่างทางวัฒนธรรม
เรื่องนี้หยิบประเด็นความขัดแย้งระหว่าง “คนเมือง” และ “คนลูกทุ่ง” มาเล่าได้น่าสนใจ ไม่ได้เน้นดราม่าหนักหน่วง แต่ใช้มุมมองเบาสมอง ทำให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของทั้งสองฝั่ง สุดท้ายก็ส่งสารว่าความรักไม่จำกัดที่ฐานะหรือภูมิหลัง

เพลงประกอบไพเราะ
เพลง “ที่คิดถึง…เพราะรักเธอใช่ไหม” ขับร้องโดย โบว์ลิ่ง มานิดา เข้ากับ mood ของละครมาก ช่วยขับอารมณ์ทั้งฉากรักและฉากดราม่าให้โดดเด่นขึ้น

นักแสดงสมทบที่ขโมยซีน
นอกจากพระนางแล้ว สุนิสา เจทท์ ในบทแม่เค็มคือตัวชูโรงที่ทำให้คนดูทั้งหมั่นไส้และขำไปพร้อมกัน การแสดงของเธอเป็นธรรมชาติและมีพลัง ส่วน ทูน หิรัญทรัพย์ ในบทพ่อของอาตี้ก็เพิ่มมิติให้ครอบครัวนี้ดูมีชีวิตชีวา

(จุดด้อย)

พล็อตคาดเดาง่าย
ด้วยความที่เป็นละครแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ยุค 2000s พล็อตเรื่องค่อนข้างสูตรสำเร็จ การพบกันแบบบังเอิญ → ขัดแย้ง → รักกัน → อุปสรรคจากครอบครัว → สมหวัง ไม่ได้มีจุดหักมุมอะไรที่แปลกใหม่ คนที่ชอบละครพล็อตลึกอาจรู้สึกธรรมดาไปหน่อย

ตัวละครบางตัวถูกทิ้ง
ตัวละครสมทบบางคน เช่น เพื่อนของมุ่ย หรือตัวละครที่โผล่ในช่วงต้นเรื่อง มีบทบาทแค่ขับเคลื่อนพล็อต แต่ไม่ได้พัฒนาต่อในช่วงหลัง ทำให้รู้สึกเหมือนถูกทิ้งไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

ดราม่าบางจุดยืดเยื้อ
ฉากที่แม่เค็มขัดขวางความรักของอาตี้กับมุ่ยบางครั้งดูยาวเกินไป และวิธีการขัดขวางก็ซ้ำๆ เช่น สร้างความเข้าใจผิดหรือจับคู่ให้ลูกชายกับคนอื่น ซึ่งอาจทำให้คนดูรู้สึกเบื่อในบางช่วง

โปรดักชั่นยุคเก่า
เมื่อมองจากมุมมองปีปัจจุบัน งานภาพและการตัดต่ออาจดูเชยไปบ้าง เทคนิคการถ่ายทำและแสงสีแบบละครยุค 2008 อาจไม่ถูกใจคนที่เคยชินกับละครสมัยใหม่ที่มีภาพคมชัดและโปรดักชั่นอลังการกว่า

คะแนน 7.5/10 (จาก sence9.com)

เป็นละครที่ทำได้ดีในแง่ความสนุกและการแสดง แต่ไม่ได้โดดเด่นจนเป็นตำนาน เหมาะกับคนที่ชอบละครรักใสๆ สไตล์ยุค 2000s หรืออยากย้อนความทรงจำสมัยนั้น โดยเฉพาะแฟนละครช่อง 3 คนที่ชอบคู่พระนางมาร์ท-เจนี่, หรือคนที่อยากดูอะไรเบาๆ ไม่ต้องคิดเยอะ

ละครมีโทนเบาสบาย สีสันสดใสตามสไตล์ช่อง 3 ยุคนั้น การเล่าเรื่องเน้นความบันเทิงมากกว่าสาระหนักๆ เหมาะกับการดูเพื่อผ่อนคลาย ฉากลูกทุ่งที่มุ่ยอยู่นำเสนอวิถีชีวิตแบบบ้านๆ ได้น่ารัก ส่วนฉากเมืองก็สะท้อนความหรูหราของครอบครัวอาตี้ได้ดี

“ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551” จึงเป็นละครที่ครบรสตามสไตล์ช่อง 3 ในยุคทองของละครหลังข่าว มีทั้งความสนุก ความรัก และดราม่าน้ำตาซึม แม้จะไม่ได้แปลกใหม่หรือลึกซึ้งมาก แต่การแสดงของนักแสดงนำและสมทบ รวมถึงมุกตลกที่ลงตัว ทำให้มันเป็นละครที่ดูเพลินและยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ ถ้าคุณชอบละครรักที่มีกลิ่นอายลูกทุ่งผสมเมือง และไม่ซีเรียสกับความสมจริงมากเกินไป เรื่องนี้ยังคงน่าหยิบมาดูซ้ำในวันว่าง

ตั้งแต่เปิดเรื่อง การปะทะกันระหว่าง อาตี้ (มาร์ท) และ มุ่ย (เจนี่) ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและขำขันไปกับมุกตลกเบาๆ มันเป็นละครที่ดูแล้วหัวเราะได้ง่าย โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่เถียงกัน หรือตอนที่ แม่เค็ม (สุนิสา เจทท์) ออกโรงมาสร้างวีรกรรมขัดขวางลูกชาย

บรรยากาศลูกทุ่งผสมเมืองให้ความรู้สึกสดใส เหมือนได้หลุดไปอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา

เมื่อความสัมพันธ์ของอาตี้และมุ่ยเริ่มพัฒนา ฉากหวานๆ ที่พระนางค่อยๆ เปิดใจให้กันทำให้รู้สึกฟินและลุ้นตาม เช่น ตอนที่อาตี้พยายามพิสูจน์ตัวเอง หรือมุ่ยแสดงความจริงใจแบบไม่เสแสร้ง ความรักที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจากครอบครัวและความต่างทางฐานะให้ความรู้สึกคลาสสิกแบบละครไทยยุคนั้น ซึ่งถึงจะเดาได้ว่าต้องจบดี แต่ก็ยังอดยิ้มตามไม่ได้ตอนจบสมหวัง

สำหรับคนที่ดูตอนออกอากาศในปี 2551 ความรู้สึกย้อนวัยอาจชัดเจนมาก เพราะละครเรื่องนี้พาให้คิดถึงยุคที่ละครหลังข่าวช่อง 3 เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การได้ยินเพลง “รักแรกพบ” หรือเห็นสไตล์การแต่งตัวของตัวละครอาจทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยนั้น

แม้แต่คนที่ย้อนดูในปัจจุบัน (เช่น ปี 2025) ก็อาจรู้สึกถึงกลิ่นอายยุค 2000s ที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เหมือนได้พักจากความวุ่นวายของโลกสมัยใหม่

บางช่วงอาจรู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำของ แม่เค็ม ที่ขัดขวางความรักของลูกชายแบบไม่ยอมหยุด หรือฉากที่เกิดความเข้าใจผิดระหว่างพระนาง ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของละครไทยที่ทำให้คนดูทั้งโมโหทั้งลุ้นว่าทั้งคู่จะเคลียร์กันได้เมื่อไหร่ แต่ความรู้สึกนี้ก็ถูกทดแทนด้วยความสะใจเมื่อตัวละครเริ่มปรับความเข้าใจกัน และแม่เค็มยอมรับมุ่ยในที่สุด

ละครไม่ได้มีเนื้อเรื่องซับซ้อนหรือดราม่าหนักหน่วงจนน้ำตาไหล ทำให้ดูแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับการนั่งดูกับครอบครัวหรือเปิดไว้เป็นเพื่อนในวันสบายๆ ไม่ต้องใช้สมองวิเคราะห์อะไรมาก แค่ปล่อยใจไปกับเรื่องราวก็พอ

ถ้าดูในปี 2025 อาจรู้สึกว่าโปรดักชั่นและการเล่าเรื่องดูเชยไปบ้าง เช่น ภาพที่ไม่คมชัดเท่าละครสมัยใหม่ หรือมุกตลกที่อาจไม่เข้ากับรสนิยมคนรุ่นใหม่ แต่ถ้ามองข้ามจุดนี้ไปได้ ก็ยังสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของความเรียบง่ายและความจริงใจในตัวละคร

“ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551” ความรู้สึกเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปสัมผัสบรรยากาศละครไทยยุคเก่า ที่เน้นความบันเทิงครบรสทั้งขำ ฟิน และซึ้งเบาๆ มันอาจไม่ใช่ละครที่สมบูรณ์แบบหรือลึกซึ้งที่สุด แต่เป็นเรื่องที่ดูแล้วยิ้มได้ และทิ้งความรู้สึกอบอุ่นไว้ในใจ เหมือนได้เห็นความรักที่เติบโตท่ามกลางความต่าง และการยอมรับกันในท้ายที่สุด ถ้าคุณชอบอะไรที่เบาสมองและมีกลิ่นอายลูกทุ่ง ความรู้สึกหลังดูน่าจะเป็นความสุขแบบเรียบง่ายที่หาได้ยากในละครยุคใหม่



ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551

ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551

ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551 EP.1-22 ENDCH3+​​​​

ที่คิดถึง…เพราะรักเธอใช่ไหม (Ost. สะใภ้ลูกทุ่ง) – โบว์ลิ่ง มานิดา【OFFICIAL MV


ละคร สะใภ้ลูกทุ่ง 2551

ความรักระหว่างสถาปนิกหนุ่มชาวกรุงกับนักเรียนแพทย์ชาวลูกทุ่ง จะลงเอยอย่างไร เมื่ออุปสรรคมากมายรอพวกเขาอยู่ 

อาติยะ ( อาร์ตี้ ) สถาปนิกหนุ่มรูปหล่อ ลูกชายคนเล็กของ ท่านอธิบดีอธิป ได้รับปากกับ จิตอนงค์ ผู้เป็นแม่ว่าจะยอมเดินทางไปอุบลราชธานี เพื่อดูตัวหญิงสาวที่ตอนแรกแม่หมายมั่นอยากให้แต่งงานกับ อาสนะ ( อ้าด ) ผู้เป็นพี่ชาย แต่อ้าดไม่ยอมที่จะแต่งงานเพราะแท้จริงแล้วอ้าดเป็นเกย์ แต่ไม่มีใครทราบนอกจากอาร์ตี้ สาเหตุที่จิตอนงค์ยกลูกชายให้แต่งกับสาวบ้านนอกที่ชื่อ ช่อประยงค์ ( เค็ม ) เพราะว่าคุณนายบัวศรี ( ย่าใหญ่ ) เศรษฐีแห่งเมืองอุบลฯ ผู้มีศักดิ์เป็นป้าของอธิปและย่าของอ้าดและอาร์ตี้ จะยกสมบัติให้หลานเขย จิตอนงค์จึงไม่ยอมพลาดโอกาส เพราะได้ชื่อว่าเป็นคนขี้เหนียว ขี้งก และจอมประหยัด อ้าดได้เขียนจดหมายไปต่อว่าเค็มแต่กลับลงชื่อว่าเป็นอาติยะผู้น้อง ทำให้คุณนายบัวศรีและเค็มเป็นลมและช็อคไปชั่วขณะ จิตอนงค์บังคับให้อาร์ตี้ไปอุบลฯ กับตน แต่อาร์ตี้ไม่ยอมไปคนเดียวจะต้องเอาอ้าดไปด้วย เมื่อถึงเวลาไปอาร์ตี้ป่วยเป็นไข้ ทำให้เดินทางไปกับจิตอนงค์และอ้าดไม่ได้ จึงขอตามไปทีหลัง ที่อุบลฯ อ้าดและเค็มแทบจะไม่มองหน้ากัน แต่เค็มนั้นได้แอบชอบอ้าดอยู่ สมวิญญา ( มุ่ย ) นักศึกษาแพทย์ที่เจริญรอยตาม พ่อจิระ ที่เป็นแพทย์ผู้ยึดมั่นในอุดมคติอยู่ชนบท มุ่ยเป็นน้องสาวเค็มที่ต่างกันลิบลับ มุ่ยมาที่บ้านคุณนายบัวศรีจนมีปากเสียงกับอ้าด คุณนายบัวศรีได้ไล่ตะเพิดมุ่ยออกไปให้พ้นหน้า หลังออกมาจากบ้านคุณนายบัวศรี มุ่ยได้ขี่มอเตอร์ไซต์เฉี่ยวอาร์ตี้จนตกลงไปนอนอยู่ในแอ่งควาย มุ่ยได้พาอาร์ตี้ไปทำแผลที่บ้าน อาร์ตี้จึงได้นอนค้างที่บ้านมุ่ย วันหนึ่งอาร์ตี้เดินทางไปหาหมอจิระพบว่ามุ่ยกำลังจะออกไปเที่ยวแก่ง ทั้งสองจึงไปเที่ยวด้วยกัน มุ่ยเดินลื่นตกน้ำอาร์ตี้ได้ลงไปช่วย ทั้งสองจึงไปขอเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชาวบ้านแถวนั้น และต้องนอนค้างที่นั้น อาร์ตี้ก็เริ่มสนใจในตัวมุ่ยซึ่งไม่เหมือนกับสาวๆ ของเขาที่กรุงเทพฯ อย่าง สุชาวดี และภิรมยา หมอสหโชค คู่ขาของอ้าด และเป็นแฟนกับมุ่ย ได้ขอยืมเงินจากอ้าดหนึ่งแสนบาท

อ้าดจึงมายืมเงินจากคุณนายบัวศรี แต่มีข้อแม้ว่าอ้าดต้องยอมแต่งงานกับเค็ม ซึ่งอ้าดก็ยอม ด้านสหโชคได้มาขอคืนดีกับมุ่ย หลังจากหายหน้าไปพักใหญ่ มุ่ยก็ยอมกลับมาคบเขาต่อ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเพราะรู้ว่าสหโชคนั้นอยู่กับอ้าด งานแต่งงานของอ้าดกับเค็มถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ในวันส่งตัวเข้าหอเค็มต้องอยู่คนเดียว เพราะอ้าดนั้นขอตัวไปหาเพื่อน อ้าดกับเค็มแทบจะไม่มองหน้าเลยเลย เค็มเสียใจมากแต่ก็ได้อาร์ตี้ที่ให้กำลังเค็ม และก็เป็นคนเดียวในบ้านที่เค็มสามารถพูดคุยด้วยได้ อาร์ตี้สนใจในตัวมุ่ยจึงคอยไปหาที่โรงพยาบาล แต่มุ่ยชอบแกล้งกลับไปอยู่เรื่อย จนวันหนึ่งทั้งสองได้พบกันอาร์ตี้มาบอกว่า พ่อของมุ่ยไม่สบายแต่ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง หลังจากที่ไปอยู่บ้านในฐานะสะใภ้ได้ไม่นาน อ้าดก็เริ่มวางแผนให้สหโชคเข้ามาพัวพันกับเค็ม เพื่อจะกล่าวหาว่าเค็มมีชู้ แต่สหโชคไม่เต็มใจแต่ต้องยอม เพราะกลัวอ้าดจะเอาคนเลวๆ มาเล่นงานเค็มหนักกว่าเดิม อ้าดเอารูปของสหโชคที่เขียนข้อความชู้สาวมาไว้ใต้หมอนเค็ม แล้วเอะอะโวยวายว่าเค็มมีชู้ ในที่สุดเค็มก็หย่ากับอ้าดแล้วกลับไปอยู่บ้าน สหโชคขอเลิกกับอ้าดแล้วเอาเงินมาคืน เพราะว่าละอายใจที่ทำให้เค็มต้องเสียใจ อาร์ตี้ได้รับโทรศัพท์จากเค็มว่าหมอจิระได้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ อาร์ตี้ไปช่วนงานศพที่อุบลฯ และนำเงินที่อธิปผู้เป็นพ่อฝากมาให้มุ่ย แต่มุ่ยไม่รับจึงนำไปให้เค็มเก็บไว้แทน เค็มอยู่ในสภาพตายทั้งเป็นมุ่ยกล่าวโทษอ้าดกับพวกที่บ้านอาร์ตี้ว่า เป็นตัวการทำให้พ่อต้องเสียชีวิต จิตอนงค์ได้หาทางกำจัดมุ่ยออกจากชีวิตของอาร์ตี้ โดยอาศัยสองสาวภิรมยาและสุชาวดี มุ่ยได้รับจดหมายทวงเงินจากจิตอนงค์ มุ่ยเลยนำเงินไปคืนด้วยตัวเองที่บ้าน วันหนึ่งอาร์ตี้ได้บอกรักมุ่ย แต่มุ่ยไม่ตอบรับรักเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเครือญาติของคุณนายบัวศรี อาร์ตี้เลยบอกให้มุ่ยเอาชนะพวกนั้นโดยการแต่งงานกับเขา มุ่ยของเวลาคิดเรื่องนี้ ในที่สุดมุ่ยก็ตกลง โดยจะขอไปจดทะเบียนสมรสที่อำเภออย่างเดียว

มุ่ยมีข้อแม้ว่าห้ามอาร์ตี้ล่วงเกินตนจนกว่าจิตอนงค์จะยอมรับตนเองเป็นลูกสะใภ้ อาร์ตี้ได้พามุ่ยมาฮันนีมูนที่บ้านพักชายทะเล ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้ทั้งคู่มีความสุขมาก เมื่อเดินทางกลับมาบ้านอาร์ตี้ก็เห็นสุชาวดีนั่งรออยู่ สุชาวดีได้บอกอาร์ตี้ว่ามีนัดคุยกับแม่เธอเรื่องเขียนแบบ คืนนั้นสหโชคได้โทรบอกมุ่ยว่าเห็นอาร์ตี้อยู่กับสุชาวดีที่คลับ อาร์ตี้เอาแต่ทำงานจนมุ่ยต้องกลับบ้านคนเดียว พอดีสหโชคผ่านมาเลยไปส่งมุ่ยที่บ้าน อาร์ตี้ได้รับโทรศัพท์จากจิตอนงค์ว่าสหโชคมาส่งมุ่ยทุกวันจึงโกรธ สุชาวดีเข้ามาหาอาร์ตี้เขาเลยเคลิ้มไปกับเธอ มุ่ยเข้ามาเห็น ทั้งคู่กำลังนัวเนียกันอยู่จึงวิ่งออกไป ทั้งสองมีปากเสียงกัน อาร์ตี้โกรธมากเลยใช้กำลังขืนใจมุ่ย จิตอนงค์คิดแผนที่จะกำจัดมุ่ยจึงโทรไปบอกอาร์ตี้ว่า สหโชคมาเยี่ยมมุ่ยถึงในห้องนอน ทั้งคู่เลยทะเลาะกันหนัก ด้านจิตอนงค์ก็ใส่ไฟว่าอาร์ตี้ยังรักสุชาวดีอยู่ เมื่ออาร์ตี้กลับมาเขาได้เห็นจดหมายและใบหย่าที่มุ่ยได้เซ็นทิ้งไว้ให้เขา มุ่ยเดินทางกลับอุบลฯ มาเป็นหมอดูแลคนที่ชนบท ความผูกพันของสหโชคกับเค็มเริ่มพัฒนาขึ้นเลยๆ จนในที่สุดสหโชคกับเค็มก็ตกลงที่จะแต่งงานกัน คุณนายบัวศรีกับมุ่ยก็กลายเป็นป้าหลานที่รักกัน วันหนึ่งอาร์ตี้ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ มุ่ยทราบข่าวก็ทำเป็นไม่สนใจ คุณนายบัวศรีได้เขียนจดหมายมาถึงอธิปเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง อาร์ตี้เดินทางไปง้อมุ่ยที่อุบลฯ ในวันแต่งงานของสหโชคกับเค็ม อ้าดถือปืนไปยิงสหโชคแต่พลาดไปโดนอาร์ตี้ ทำให้อ้าดช็อตกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ้าดได้แอบเข้ามาเพื่อดูว่าอาร์ตี้ปลอดภัยดี จึงฝากมุ่ยให้ดูแลอาร์ตี้ด้วย แล้วฝากจดหมายขอโทษถึงพ่อกับแม่ หลังจากเหตุการณ์ร้ายๆ ทั้งหมดผ่านไป อาร์ตี้ก็ลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ มาอยู่ที่อุบลฯ กับมุ่ยและได้ออกแบบสถานีอนามัยแห่งใหม่แทนที่เดิม สถานีอนามัยแห่งนี้จึงมีคุณหมอที่ชื่อว่าคุณหมอสหโชคและคุณหมอมุ่ย และมีผู้ช่วยมือใหม่ที่ชื่อคุณหมออาร์ตี้

บทประพันธ์ กรุง ญ. ฉัตร
บทโทรทัศน์ ปณิธี ศุภศํกดิ์สุทัศน์, อภิวัฒน์ เล่าสกุล
กำกับการแสดง กฤษณ์ ศุกระมงคล

นักแสดง
กฤษฎา พรเวโรจน์ รับบท อาติยะ ( อาร์ตี้ )
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ รับบท สมวิญญา ( มุ่ย )
วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย รับบท สหโชค
สุนิสา เจทท์ รับบท ช่อประยงค์ ( เค็ม )
นิธิ สมุทรโคจร รับบท อาสนะ ( อ้าด )
ดวงตา ตุงคะมณี รับบท จิตอนงค์
พรรณชนิดา ศรีสำราญ รับบท ภิรมยา
ปณิตา พัฒนาหิรัญ รับบท สุชาวดี